13 ก.พ. 2559

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 12

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 12

:Fanfiction Attack on titan


:Pairing : Levi x Eren


:Drama,Action-Sci-Fi


:NC-17


คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ







     "เข้าไม่ได้นะครับ! คุณเอลวินมีแขก!"   เสียงเอะอะข้างนอกทำให้สองคนที่อยู่ในห้องมองหน้ากันครู่หนึ่ง เอลวินยกมุมปากขึ้นแล้วพูด

     "ผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อย"   คู่สนทนาของเขาคือผู้บัญชาการหน่วยหนึ่ง พวกเขามีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของชาติ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ...
         เอลวินลุกขึ้นไปส่งแขก และทันทีที่เปิดประตูให้ทั้งแขกของเขาและคนที่พยายามจะบุกเข้าไปดูจะผงะไปทั้งสองฝ่าย ใช่...หน่วยงานความมั่นคงคือสังกัดเดิมของมิคาสะ แอ็คเคอร์แมน เธอรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีต่างจากผู้บัญชาการหน่วยหนึ่งที่หางคิ้วกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ เขาหันมามองเอลวินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ต่อให้เป็นคนปัญญาอ่อนยังดูออกมาอีกฝ่ายกำลังโกรธจนเนื้อเต้น ที่เขาดันไปคว้าอดีตมือหนึ่งของหน่วยงานความมั่นคงมาอยู่ใต้บังคับบัญชา เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วขณะ มิคาสะจ้องเอลวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและตำหนิอยู่กลายๆ

     "ฉันคิดว่าหน่วย3เป็นหน่วยลับซะอีก?"   เธอยิงคำถามอย่างตรงไปตรงมา เอลวินเลิกคิ้วสูง แล้วยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเบี่ยงตัวผายมือให้ฝ่ายตรงข้ามแทนคำเชื้อเชิญ
     "ฉันขอเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน..."  มิคาสะสูดหายใจลึกก่อนจะวางแฟ้มเอกสารที่ถือติดมือมาด้วยไว้บนโต๊ะทำงานของเอลวิน แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับฝ่ายนั้นที่ยังยืนกอดอกที่หน้าประตู
     "หน่วยค้นหาทางอากาศรายงานมาว่าพบเรือเล็กลอยลำอยู่ห่างจากฝั่ง50ไมล์ทะเล?"  ดวงตาสีดำขลับของเธอจ้องมองหัวหน้าหน่วยตัวเองเขม็ง  "อืม...ผมอ่านรายงานแล้ว"  เอลวินตอบ แล้วเดินกลับมานั่งหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง

     "แถมยังพบแบล็คฮอว์กพร้อมศพที่คาดว่าน่าจะเป็นคนขับบนภูเขาเมื่อเช้า ห่างออกไปก็พบศพชายอีกคนที่แต่งตัวแบบเดียวกัน...ฉันต้องการคำอธิบายเรื่องนี้ค่ะ!...ทำไมคุณไม่สั่งให้หน่วยค้นหาทางอากาศออกค้นหาทันที? ระยะทางแค่50ไมล์ทะเลถ้าเราออกค้นหาก่อนเรือใหญ่เข้าเทียบท่าต้องเจอแน่นอน!"

     "ผมชอบการคาดเดาของคุณนะ...ใช่ ผมสั่งให้หน่วยค้นหาออกค้นหาก่อนเรือใหญ่เข้าเทียบท่าแต่เครื่องเกิดขัดข้องทำให้ช้ากว่าที่กำหนดเกือบครึ่งชั่วโมง..."  เอลวินตีสีหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดต่อ  "ศพที่พบบนภูเขาคาดว่าน่าจะเป็นคนของCIAแถมแบล็คฮอว์กลำนั้นคุณคงเดาออกว่าเป็นรุ่นพิเศษที่ใช้เทคโนโลยี'สเตลธ์' หรือก็คือแบล็คฮอว์กล่องหนที่พวกเขาใช้ถล่มโอซามา บินลาดิน...ผมสันนิษฐานว่าพวกเขาคงเป็นผู้ว่าจ้างR252แต่คงจะขัดแย้งผลประโยชน์อะไรกันสักอย่าง...ที่สำคัญ..."  เอลวินหลับตาลงแล้วถอนหายใจเหมือนคนกำลังคิดไม่ตก

     "คุณไม่คิดว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าเราจะรับมือได้หรือไง?...แค่CIAอย่างเดียวก็ตึงมือมากพอแล้วแต่นี่พวกเขาถึงกับมียุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐฯมาครอบครองเชียวนะ"

     มิคาสะหางตากระตุกแล้วเค้นถามเสียงเย็น  "หมายความว่าคุณจะยอมปล่อยมืองั้นหรือ!?"  คราวนี้เอลวินยิ้ม  "ไม่แน่นอน...แต่คงต้องยืมมือหน่วยอื่นเล็กน้อย"

     "หน่วยหนึ่ง?"  เอลวินไม่ตอบ แต่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกลับทอประกายวาววับแปลกประหลาด เธอจึงได้แต่เก็บงำความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึงหัวหน้าหน่วย ต่อให้เขามีท่าทีไม่อินังขังขอบ แต่เธอเชื่อว่าคนฉลาดอย่างเอลวิน  คงกำลังมีแผนอยู่ในใจ...หน่วยหนึ่ง...

        พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็อดที่จะปวดแปล๊บในอกอย่างห้ามไม่อยู่ บนโลกที่เพิ่งผ่านพ้นสงครามไปได้ไม่กี่ปี ย่อมระส่ำระสายไปทั่วทุกหัวระแหง ประเทศมหาอำนาจมองหาพันธมิตร และพัฒนาอาวุธใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่ายุทโธปกรณ์จะล้ำหน้าไปไกลขนาดไหน สุดท้ายกลับย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ด้วยการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์
        มองผิวเผินอาจจะเป็นการลดการสูญเสียของชีวิตที่ต้องตายไปจากการสู้รบ แต่ความเป็นจริงพวกเขาก็แค่ต้องการกองกำลังเหนือมนุษย์ ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อปกป้องอำนาจของตัวเองก็เท่านั้น

        ถึงจะถูกคัดค้านจากทั่วทุกมุมโลก แต่ก็ยังมีการส่งท่อน้ำเลี้ยงให้ทำการทดลองอย่างลับๆ ถึงจะมีการคาดเดาอยู่แล้วแต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะก้าวหน้าไปไกลขนาดนี้ มนุษย์ที่โหดเหี้ยม เลือดเย็น เคลื่อนไหวเร็วกว่ากระสุน ทำเอาปืนทุกรุ่นที่มีอยู่บนโลกนี้กลายเป็นของเล่นไปเลย...แต่ที่ไม่อยากจะเชื่อมากกว่าก็คือคนใกล้ตัวของเธอ...กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหนือมนุษย์เหล่านั้น...

        หมอนั่นเคยเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด...แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจยอมรับกับการกระทำของอีกฝ่ายไม่ได้...แต่ตอนนี้เธอแค่อยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร?...เกิดอะไรขึ้นกับรีไวล์ในปฏิบัติการลับที่จีน?

        หลังจากสงบจิตสงบใจได้แล้ว มิคาสะขับรถออกจากศูนย์บัญชาการทันที ทั้งที่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนหลัง มือข้างหนึ่งล้วงมือถือออกมาโทรหาลูกน้องคนสนิท สัญญาณดังไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากปลายสายอย่างแข็งขัน

     "ครับหัวหน้า!"

     "ว่างอยู่หรือ?"

     "แน่นอนครับ!...ตอนนี้ผมย้ายมาประจำป้อมแล้วล่ะฮ่าๆ...ว่างจนนั่งนับมดเล่นได้เลย!"

     "เยี่ยม!...อยากทำงานกับฉันไหม?"

     "อยากทำครับ!"

     "ดี...งั้นเอาภารกิจแรกไปเลย!"

     "รับทราบ!...ว่าแต่ภารกิจที่ว่าคืออะไรครับ?"

     "แฮกกล้องวงจรปิด"

     "โอ๊ส!!...ตัวไหนวันที่เท่าไหร่บอกมาได้เลยครับ!"

     "ทุกตัว..."

     "เอ๋!?...ทุกตัว?"

     "ใช่!...ทุกตัวที่คาดว่าR252จะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี เริ่มต้นจากท่าเรือในอากิตะ ทางด่วน สนามบิน สถานีรถไฟหรือแม้แต่ซอกเล็กตรอกน้อยที่คาดว่าเขาน่าจะไป...จะทำอยู่ไหม?"

     "ทะ...ทะ...ทำครับ...ตะ...แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร..."  มิคาสะยกมุมปากเล็กน้อย แล้วตอบกลับไป

     "ขอบใจมาก...ไม่ยากหรอก ใช้สัญชาตญาณของนายให้เป็นประโยชน์ซะ...ฉันเชื่อในตัวนายนะ ฉันสัญญาว่าจะดึงพวกนายกลับมาให้ได้!"

     "หัวหน้าา~...ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!"  น้ำเสียงจากปลายสายสั่นเครือเหมือนกับจะร้องไห้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขมในลำคอชอบกล เอาเข้าจริง เธอยังไม่รู้เลยว่าจะดึงทุกคนกลับมาได้ยังไง? ถ้าไม่เริ่มจากสร้างผลงานก่อนคงใช้เป็นข้อเรียกร้องจากเอลวิน สมิทธคนนั้นไม่ได้

     "อีกอย่างหนึ่ง...พอจะรู้จักนักค้าข่าวบ้างไหม?...ขอคนที่ไว้ใจได้หน่อย"

     "หัวหน้ารู้จักมาดามXไหมครับ?...เธอหาข่าวเก่งมาก มีฉายาว่า'เทพผู้หยั่งรู้'แต่ค่าจ้างค่อนข้างเอ่อ..."

     "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"

     "โรงแรมเล็กๆฝั่งตะวันตกใกล้กับหอดูดาวครับ!"  จบประโยคนั้นมือข้างหนึ่งก็หมุนพวงมาลัยกลับทันที เส้นทางที่รถเก๋งคันงามมุ่งหน้าไปคือฝั่งตะวันตกอย่างไม่ต้องสงสัย


          อีกฟาก....


        เอเลนกำลังนั่งตัวเกร็งพร้อมหัวใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาตามกรอบใบหน้าราวกับดอกเห็ด ตื่นเต้นเสียจนมือไม้ชื้นแฉะไปหมด
        เมื่อราวๆหนึ่งชั่วโมงก่อนเขายังรู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังจะได้ออกผจญภัยอีกครั้งอยู่เลย แต่ใครจะคาดคิดมาก่อนว่าความตื่นเต้นของเขาจะพุ่งพรวดเป็นสองเท่าในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง! ใช่!...ตื่นเต้นจนสั่นไปหมดที่จู่ๆก็ต้องมากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด! กลายเป็นโจรขโมยรถพ่วงมาติดๆ!
        ในตอนที่ผู้ชายหน้าตายด้านข้างๆบอกให้คุณลุงใจดีที่พี่สาวเจ้าของบ้านวานให้ขับรถมาส่งที่สถานีจอดรถ เขาดันแอบคิดไปต่างๆนาๆว่าข้างหน้าอาจจะมีด่าน ยังคิดอยู่เลยว่าคุณรีไวล์อาจจะกลัวคุณลุงโดนลูกหลงพ่วงไปด้วย อุตส่าห์หลงชื่นชมว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนดีศรีสังคมกับเค้าด้วยเหมือนกัน?

        แต่พอเห็นสถานที่ ที่คุณรีไวล์บอกให้จอดรถแล้ว ความรู้สึกที่คิดว่าเขาช่างเป็นคนดีก็ลดฮวบลงไปสองส่วน นั่นก็เพราะมันคือเต๊นรถมือสองที่น่าจะปิดร้านไปนานแล้ว เขายังไม่ได้บอกสินะว่าตอนที่พวกเขาออกจากบ้านพี่สาวใจดีมามันเที่ยงคืนพอดิบพอดี และหลังจากยืนส่งคุณลุงใจดีเลี้ยวรถกลับไปจนลับตา ผู้ชายหน้าตายข้างๆเขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามรั้วเข้าไปอย่างเงียบเชียบ 
        ในขณะที่เขาทำท่าจะปีนตามเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังพลั่กทีหนึ่ง พอตั้งใจมองดีๆฝ่ายนั้นก็กำลังเปิดประตูรถคันหนึ่งราวกับตัวเองเป็นเจ้าของก็ไม่ปาน เสียงติดเครื่องยนต์ดังขึ้นทำลายความเงียบในวินาทีถัดมา เขายังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม แต่ไม่นานรถยนต์คันดังกล่าวก็แล่นมาจอดตรงหน้า ดวงตากลมโตเหลือบมองที่ประตูฝั่งคนขับโดยอัตโนมัติ เห็นรอยยุบที่บานประตูชัดเจนเต็มสองตาแล้ว ความรู้สึกที่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีก็ดับวูบติดลบลงไปในชั่วพริบตา

     "ขึ้นมาได้แล้ว!"  เขาเม้มริมฝีปากแน่น หันกลับไปมองลานจอดรถอยู่นานแต่ไม่ยอมขยับตัว  "จะยืนรอให้ตำรวจมาลากคอก่อนหรือไง?"  เจอคำพูดนี้เข้าไปเอเลนก็ได้แต่ขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยังวิ่งอ้อมไปนั่งฝั่งข้างคนขับ

     "ทำไมต้องขโมยรถ!?"  น้ำเสียงของเขามีแววตำหนิชัดเจน คุณรีไวล์ปรายหางตามองเขาเล็กน้อย แล้วถอนหายใจ

     "ติดว่าป่านนี้เราทั้งคู่คงถูกขึ้นหน้าหนึ่งตามหมายจับเรียบร้อยแล้ว..."  ชายหนุ่มนิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อให้จบ  "ป่านนี้คงตั้งด่านรอแล้วล่ะ...คงไปสถานีไม่ได้"

     "แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด...พวกเขาไม่จับผมหรอก"

     "....."  รีไวล์หัวเราะในลำคอขำๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ

     "คุณหาว่าผมโกหกเหรอ?"

     "ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ...อย่าพาลสิ"  ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้าที่งอง้ำลงของใครบางคน แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา คงเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เด็กนี่อารมณ์ไม่ดี จริงอยู่ว่าสาเหตุหลักๆก็มาจากเขาทั้งนั้น เพราะงั้น...จะยอมให้วีนให้เหวี่ยงจนพอใจสักวันก็แล้วกัน
        เอเลนเหลือบมองชายหนุ่มอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหงุดหงิด จึงยอมเงียบลงแต่โดยดี ถนนหนทางในเวลากลางดึกสงัดนั้น มองไม่เห็นทิวทัศน์ข้างทางเลยแม้แต่น้อย นานๆครั้งถึงจะวิ่งผ่านแสงไฟสีส้มข้างถนนสักที
        แต่ถึงแม้จะมองไม่เห็นอะไร เขาก็รู้ดีว่าท้องฟ้าสีดำทมึนนั่น พร้อมจะกลั่นเม็ดฝนลงมาได้ทุกเมื่อ พอมรสุมสงบ ก็ดูเหมือนใจของเขาจะค่อยๆสงบตามไปด้วย เหลือบมองเวลาที่คอนโซลหน้าหนึ่งที เป็นเวลาตีสองเข้าไปแล้ว แต่เขายังไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะสองสามวันมานี้เอาแต่นั่งๆนอนๆหรือเปล่านะ?

        ไม่สิ...ไม่ใช่แค่นั้น...ยังมีกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่เรียกว่าออกกำลังกาย แต่ก็ทำให้เขาเสียเหงื่อไปไม่น้อย...แถมยังเอวยอก...อีกต่างหาก...
        คิดได้แบบนั้นใบหน้าก็ชักจะร้อนวูบวาบขึ้นมาจนชักจะกระสับกระส่าย เอเลนเอียงข้างเล็กน้อยก่อนจะพิงหัวไว้กับกระจก ใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าในวินาทีถัดมากลับต้องตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงแตรจากรถคันหลังดังขึ้นลากยาวจนแก้วหูแทบแตก!

        ปรี๊นนนน!!!

        พอรถเจ้าของแตรแซงขวาขึ้นมาอยู่ด้านหน้าพวกเขา ถึงรู้ว่าเป็นรถเทเลอร์คันใหญ่มากๆคันหนึ่ง รถที่พวกเขานั่งอยู่ถึงกับส่ายไปมาขณะที่เทเลอร์คันนี้วิ่งแซง อะไรบางอย่างที่ชักจะดูไม่ชอบมาพากล ทำให้เขาหันไปมองคุณรีไวล์ อีกฝ่ายมองเขาเล็กน้อยพร้อมกับสบถในลำคออย่างขัดใจ
       จังหวะที่เตรียมจะหมุนพวงมาลัยเบี่ยงออกไปกลับมีรถเก๋งสีดำวิ่งมาขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา เอเลนตกใจหันควับกลับไปมองที่ด้านหลัง พลันแสงไฟก็สว่างวาบขึ้นจนตาพร่า มองอะไรไม่เห็น ต้องใช้เวลาอยู่นานถึงได้รู้ว่ารถเจ้าของแสงไฟอันเจิดจ้าก็เป็นรถเทเลอร์ขนาดใหญ่อีกคัน! บ้าจริง!...ถนนทั้งสี่เลนส์ถูกยึดครองไว้หมดแล้ว 
        โดยที่พวกเขากลายเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง เอเลนมือไม้เย็นเฉียบด้วยความตื่นตระหนกอย่างจนถึงขีดสุด ได้ยินคุณรีไวล์สบถว่า'จมูกดีเกินไปแล้ว'ยิ่งทำให้เขามือไม้สั่นหนักเข้าไปอีก เทเลอร์ด้านหลังเปิดไฟสูงกะพริบสองครั้งคล้ายให้สัญญาณ
        ไม่นานประตูตู้คอนเทนเนอร์ของคันด้านหน้าก็เปิดออก เผยให้เห็นชายชุดดำสามคนกำลังเล็งปืนมาที่พวกเขาทั้งคู่   "พวกมันจะฆ่าเราหรือ!?"  เอเลนกลืนน้ำลายแห้งผากของตัวเองลงในลำคำ  "คิดว่าไม่..."  ชายหนุ่มเงียบลงเล็กๆน้อยแล้วพูดต่อ  "เอาปืนที่ชั้นเคยให้ไว้ออกมา...ถ้าชั้นให้สัญญาณ...ยิงใส่เทเลอร์คันหลังไม่ต้องยั้งมือ!"
     
     "แต่ผมยิงปืนไม่เป็น!?"

     "ไม่เป็นไร...แค่เหนี่ยวไกออกไปก็พอ!...เล็งไปที่คนขับไว้"  น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูคล้ายจะใจเย็น หากแต่สายตากลับจ้องเขม็งไปที่เทเลอร์ตรงหน้าตาไม่กะพริบ นาทีถัดมาแผ่นเหล็กแนวลาดที่อยู่ท้ายรถก็โหลดต่ำลงมาเกือบจะชิดพื้นถนน รถคันหลังเปิดไฟกะพริบอีกสองครั้งแทนคำสั่งบอกให้เขาขับรถขึ้นไป ให้ตายสิ!...แบบนี้เขาเรียกว่าลักพาตัวแบบโจ่งครึ้มเกินไปรึเปล่า? รถที่วิ่งสวนไปมาก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ถ้าพวกมันคิดจะฆ่ากันจริงๆคงไม่มีใครเป็นพยานได้!

        จะมาตายเปล่าอยู่ที่นี่งั้นเหรอ??...

        ปลายเท้าของคุณรีไวล์เหยียบคันเร่งกับเบรคสลับกันสองที  "จับให้แน่นๆ!"  จบประโยคคันเร่งก็ถูกเหยียบจนมิด! รถเก๋งคันน้อยพุ่งทยานขึ้นไปบนเทเลอร์ตรงหน้าด้วยความเร็วทั้งหมดของมัน! เสียงชนโครมดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับเจ้ารถคันใหญ่ส่ายไปมาอย่างตั้งตัวไม่ทัน ใครจะไปคาดคิดว่าคุณรีไวล์จะขับรถพุ่งชนมาทั้งอย่างนี้!?

     "ยิง!"  เสียงตะโกนสั่งเรียกสติที่เตลิดไปไกลของเขาให้กลับเข้าร่าง แล้วเหนี่ยวไกปืนออกไปแบบนอนสต๊อป! แน่นอนว่าเทเลอร์คันข้างหลังหักพวกมาลัยหลบเป็นพัลวัลจนไปเฉี่ยวเข้ากับเก๋งสีดำทั้งซ้ายขวาทันที!
        ใบหน้ามนหลับหูหลับตาเหนี่ยวไกออกไปจนได้ยินเสียงแชะๆ ไม่มีเสียงเปรี้ยงปร้างอะไรอีกแล้ว ท้ายทอยรู้สึกเหมือนถูกมือหนากดเอาไว้ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานที่ข้างประตูฝั่งของเขา! เสียงโครมครามดังสะเทือนเลื่อนลั่นที่ด้านหลัง         เทเลอร์คันใหญ่ยังส่ายไปมาเป็นงูกินหางเหมือนคนตั้งสติยังไม่ได้ คุณรีไวล์เหยียบคันเร่งรถที่พวกเขานั่งดังกระหึ่มแข่งกับเสียงหัวใจที่เต้นถี่ยิบเป็นรัวกลอง ไม่นานก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังเคลื่อนตัวถอยหลัง...ด้วยความเร็วสูงงง!!

        บ้าระห่ำเกินไปแล้วววว!!!...เขาได้แต่กรีดร้องในใจแบบไม่มีเสียงลอดออกมาแม้สักแอะ! ในใจเฝ้าภาวนาให้พระเจ้าองค์ไหนก็ได้ช่วยลูกหมาตัวเล็กๆอย่างเขาด้วย!! ซ้ำๆ! หัวใจที่ว่าเต้นกระหน่ำแล้วเหมือนกับจะกระดอนออกมาทางปากเสียให้ได้!!...
     "เกาะแน่นๆ!!"  เอเลนหลับหูหลับตากอดเบาะเอาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี! วินาทีถัดมาเจ้ารถเก๋งเก๋งคันน้อยที่หน้าสงสารก็ลอยวืดถอยหลัง แล้วกระแทกลงบนพื้นถนน ก่อนจะหมุนติ้วๆ อยู่หลายต่อหลายรอบ! หมุนพวงมาลัยอยู่นาน คุณรีไวล์ก็บังคับรถให้นิ่งสนิท เอเลนที่ยังเรียกขวัญตัวเองกลับเข้าร่างไม่ได้ กอดเบาะเอาไว้แน่น เสียงปืนดังที่ข้างหูสี่นัด ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังกระฮึ่มติดต่อกันหลายครั้ง แสงสว่างวาบพร้อมกับเปลวเพลิงลุกโชนส่งกลิ่นเหม็นไหม้ทั้งจากซากเทเลอร์คันข้างหน้า และรถทั้งสามคันที่ประสานงากันอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงหอบหายใจจากคนข้างๆ เอเลนค่อยๆเงยหน้าขึ้นชมผลงานอันยอดเยี่ยมของอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้หลุดเข้ามาอยู่ในหนังแอคชั่นเรื่องไหนสักเรื่อง แถมฝีมือการขับรถของคนข้างๆยังเล่นเอาพระเอกฟาสแอนด์ฟีเรียสยังอาย!

        ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่เขากลับรู้สึกว่าอายุของตัวเองสั้นลงอีกเป็นสิบปี  "ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม?"  เอเลนค่อยๆแงะตัวเองออกจากเบาะรถ ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาในท่าปรกติอีกครั้ง เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แต่มือที่เพิ่งจะลั่นไกไปเมื่อครู่ยังคงสั่นไม่ยอมหยุด เหลือบมองใบหน้าที่ยกมุมปากขึ้นยิ้ม แล้วหันกลับไปมองกองเพลิงข้างหลังอีกที ดูเหมือนจะไม่มีใครรอดชีวิต 

        รถเก๋งคันน้อยเคลื่อนตัวอีกครั้ง แรงกระตุกขณะเคลื่อนตัว ทำให้เขาคิดว่ามันคงวิ่งไปได้อีกไม่ไกลแล้วล่ะ วิ่งมาได้ไม่ถึงสิบวินาทีรถก็จอด ขณะที่เขาคิดว่ามันคงไปต่อไม่ไหวแล้วแน่ๆ จึงเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อย ขยับปากจะพูดอะไรออกไป แต่เห็นสายตาของอีกฝ่ายมองไปที่ประตูฝั่งทางเขาเขม็ง อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง เห็นชายชุดดำคนหนึ่งกำลังตะเกียดตะกาย ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล วินาทีถัดมาเขาคนนั้นก็พุ่งตัวตรงเข้ามาหาร่างบางจนเจ้าตัวผงะถอยหลัง แต่ยังช้ากว่าคุณรีไวล์มาก ฝ่ายนั้นคว้าตัวเขาเข้าไปกอดไว้ พร้อมกับลั่นไกออกไปนัดหนึ่ง

        เสียงตุ๊บที่ด้านนอกทำให้รู้ว่าชายชุดดำคนนั้นคงสิ้นใจไปแล้ว คุณรีไวล์ประคองเขาให้นั่งตัวตรงอีกครั้ง ใช้สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อวางใจแล้วว่าเขาไม่มีแผล ถึงยอมออกรถอีกครั้ง  ใบหน้ามนรู้สึกคอแข็งขึ้นมาทันที ไม่กล้าแม้แต่จะชายตามองร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน

    
     "เราจะเอายังไงต่อครับ?"   นานทีเดียวกว่าเขาจะคิดหาคำพูดออกมาได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายคนนี้ฆ่าคนได้ซึ่งหน้าแบบนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ชินซะที   "คงต้องหาที่กบดานสักพัก..."  น้ำเสียงเรียบเรื่อยไร้ความกังวล แต่หัวคิ้วกลับขมวดจนผูกกันเป็นเงื่อนตาย
        เอเลนหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย'ฉันจะรอ' อยู่ๆคำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว โตเกียว อิเคะบุคุโระ ดูเหมือนจะไกลเหลือเกินในเวลานี้ ใครเป็นคนพูดนะ? ว่าญี่ปุ่นเป็นแค่หมู่เกาะเล็กๆ เล็กกว่ารัสเซียเป็นสิบๆเท่า?

     "ไม่นานหรอก..."  รีไวล์สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของคนข้างๆ เขาพยายามคิดหาคำปลอบดีๆสักประโยคแค่คิดไม่ออก เลยได้แต่ยอมรับความจริง  "พวกนั้นใช้สัญญาณดาวเทียมติดตามเรา...บอกตรงๆว่าชั้นก็ไม่คิดว่าจะถูกเจอเร็วขนาดนี้  คงต้องเก็บตัวตั้งหลักใหม่สักพัก..."  จะให้เขาดันทุรังไปเหมือนพวกพระเอกหนังเขาทำกันก็คงไม่ได้ 
        เดาว่าเด็กนี่คงรู้แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างพระเอกหนังพวกนั้น ที่เอาแต่มุทะลุเข้าไปในรังผู้ร้ายแล้วต่อให้พลาดท่า ก็มีหักมุมจนได้ ในชีวิตจริงถ้าทำแบบนั้นก็มีแต่ตายกับตายกับตาย

     "ผมรู้"  เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันนั่นแหละว่าจะถูกเจอเร็วปานจรวดแบบนี้ รู้ว่าคนอย่างคุณรีไวล์ไม่ใช่พระเอก แต่เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังเข้ามาปั่นป่วนในใจของเขา จนสับสนไปหมดแล้ว...

        มือหนาเอื้อมไปบีบมือของคนที่ยังหน้าซีดเป็นไก่ต้ม กำลังใจที่กระเจิดกระเจิงกลับรัสเซียไปแล้วค่อยๆกลับเข้าร่างทีละน้อย เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจ้าเด็กเหลือขอดีขึ้นมาก เขาถึงยอมปล่อยมืออย่างเสียมิได้
        รีไวล์เบี่ยงรถออกจากถนนสายหลัก พร้อมกับเปลี่ยนเป้าหมายในการเดินทางทันที ถึงจะรู้สึกเสียดายแต่ก็ใช้รถคันนี้เดินทางต่อไม่ได้แล้ว
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue! .....

          กลับมาแล้วค่ะกับตอนสั้นๆ...ตอนหน้านู๋เลนจะได้เจออัลแล้วน้าา~~

     ใจไม่อยากให้เจอเลยค่ะแต่คงเลี้ยวต่อไม่ได้แล้วเดี๋ยวมันไม่จบ555+

เจอกันตอนหน้าค่ะ!..ขออภัยที่หายไปยาวๆเลยแต่ต่อจากนี้คงได้อัพถี่ขึ้นอย่างน้อยก็น่าจะอาทิตย์ละตอนแหละถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด^^

ขอบคุณที่ยังรอกันอยู่นะคะ>_<

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์มากๆๆๆๆเลยค่ะ!! _/|\_


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น