10 มี.ค. 2559

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 13

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 13

:Fanfiction Attack on titan


:Pairing : Levi x Eren


:Genre : Drama,Action-Sci-Fi


:Rate : NC-17


คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ






          กว่าจะหาสถานีที่ผู้คนเบาบางได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีห้าแล้ว ตลอดเส้นทางที่ขับผ่านมาเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ถนนทุกสายมีด่านตรวจเข้มงวด โชคดีในโชคร้ายที่แถวนี้มันบ้านนอก จึงพอจะหลบเลี่ยงไปตามถนนรอบนอกได้บ้าง

          ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สามสิ้นสุดลง ชาวต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในญี่ปุ่นมากขึ้น พวกเขาเลยพลอยได้รับอานิสงค์ไม่กลายเป็นจุดสนใจ คนรอบข้างเพียงน้อยนิดไม่ได้มองเหมือนพวกเขาเป็นตัวประหลาด 
          แต่จะหันมาบ้างเป็นบางคราวด้วยความสนอกสนใจเสียมากกว่า ไม่ได้สนใจเขาหรอก ออร่าความไม่เป็นมิตรที่เขาแผ่ออกรอบตัวมันมากพอที่จะทำให้คนที่เข้าใกล้ขาดอากาศหายใจตายได้ในไม่กี่วินาทีเลยทีเดียว

          แต่คนข้างๆเขานี้สิ ไม่รู้จะเป็นจุดเด่นไปถึงเมื่อไหร่?...ว่าแล้วก็ดึงผ้าพันคอของเจ้าตัวให้สูงขึ้นอีกนิด ใบหน้ามนหันกลับมาทำหน้าใสซื่อให้เขาเสียอย่างงั้น?

          "ไปกันเถอะ"  รถไฟเข้าเทียบชานชลาในตอนนั้น รีไวล์คว้าข้อมืออีกฝ่ายลุกขึ้นไม่ยอมให้ห่างกาย ต่อให้สถานที่แห่งนี้ไม่มีจิตสังหารพุ่งตรงมา แต่บนขบวนรถก็ใช่ว่าจะวางใจได้

          หาห้องตามหมายเลขในตั๋วได้แล้ว ก็จัดแจงปิดม่านลง ตอนนี้เองที่เจ้าเด็กเหลือขอเปิดปากพูด  "เราจะไปไหนกันครับ?"  รีไวล์นิ่งคิดครู่หนึ่งถึงตอบ  "อากิบะระ...อย่างน้อยๆเราต้องไปให้ถึงภูมิภาคคันโตให้ได้..."  เขาลอบมองคนข้างๆเล็กน้อย เห็นเจ้าตัวยังทำหน้างงจึงอธิบายต่อ  "ต้องเก็บตัวก่อนสักพัก"  เอเลนพยักหน้ารับ เขาไม่รู้หรอกว่า'อากิบะระ'คือที่ไหน'ภูมิภาคคันโต'มันอยู่ส่วนใดของญี่ปุ่น

          จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤติ จะทำตัวเป็นเด็กงี่เง่าดันทุรังจะไปโตเกียวได้อย่างไร? 

          "ชั้นจะพานายไปโตเกียวให้ได้"  พอเห็นเจ้าตัวสีหน้าเจื่อนไป รีไวล์ก็ขยี้หัวสีน้ำตาลเบาๆ เขาปลอบคนไม่เก่ง จะให้หาคำปลอบดีๆสักประโยคมันยากกว่าฆ่าคนเป็นร้อยเท่า ที่ทำได้ก็แค่พูดไปตรงๆเท่านั้น 

          เอเลนยิ้ม แล้วสบตาอีกฝ่าย  "ผมเชื่อคุณ"  รีไวล์ถึงกับอึ้งไป แล้วรีบชักมือกลับมา  "งีบสักหน่อย เก็บแรงไว้"  พูดจบก็หลับตาลง เอเลนจึงกระชับผ้าพันคอเล็กน้อยแล้วหลับตาลงบ้าง 

          เมื่อฟ้าสางรีไวล์ก็สะกิดคนข้างๆ   "ชั้นจะไปหาอะไรมาให้กินถ้าเสียงเคาะประตูไม่ครบตามที่บอกไว้ห้ามเปิดเด็ดขาด...เข้าใจไหม?"  ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเลี้ยงลูกชายจอมรั้นไม่มีผิดเพี้ยน ถึงเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะทำตัวว่าง่ายแต่ไม่มีอะไรรับประกันได้เลย ว่าถ้าปล่อยให้อยู่เพียงลำพังจะไม่เกิดเรื่องขึ้น

          "ผมรู้น่า คุณย้ำเป็นรอบที่สิบแล้ว"   รีไวล์เหล่มองเจ้าตัวด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจ ยัดปืนกระบอกหนึ่งใส่มือบาง   "ถ้าจำเป็นก็ใช้ซะ"  เขาย้ำอีกครั้ง เจ้าตัวอมยิ้ม กระชับกระบอกปืนเอาไว้มั่น ก่อนจะพยักหน้ารับ  ไม่รู้หรอกว่าตลอดทั้งตัวของคุณรีไวล์มีปืนหรือมีดซ่อนอยู่อีกกี่กระบอก แต่พอถึงเวลาก็จะล้วงออกมาง่ายดายราวกับเล่นกล?  อย่างกับคลังแสงเคลื่อนที่เลย...เขาคิดในใจ...


          รีไวล์สำรวจซ้ายขวา พลางเอียงหูฟังเสียงสนทนาจากห้องข้างๆ เพราะโบกี้ที่เขาอยู่คือชั้นพิเศษกลางขบวน ผู้โดยสารแต่ละคนจะอยู่ในห้องโดยสารของตัวเอง ไม่ต้องไปนั่งเบียดยืนบิดกับผู้โดยสารคนอื่นๆในโบกี้ชั้นธรรมดาที่อยู่หัวท้าย ตรงทางเดินแคบๆจึงร้างไร้ผู้คน

          เขาเดินผ่านมาสามโบกี้แล้ว จำได้ว่าห้องอาหารอยู่อีกสองโบกี้ถัดไป จังหวะนั้นเอง มีชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินสวนมาตรงหน้า ส่วนสูงราวๆร้อยเก้าสิบเซ็นทำให้ฝ่ายนั้นต้องเดินค้อมศรีษะเล็กน้อย บวกกับช่วงลำตัวหนาๆนั่นทำเอาทางเดินที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบขึ้นไปอีก
          เขาเอียงตัวหลบไปทางซ้ายให้อีกฝ่ายเดินผ่านไป ทว่าฝ่ายนั้นก็เอียงมาทางซ้ายตาม พอขยับไปทางขวาร่างใหญ่ยักษ์ก็ขยับไปทางขวาด้วย? รีไวล์อดจะเงยหน้ามองคนที่ใจตรงกับตนถึงสองครั้งไม่ได้ ฝ่ายนั้นยิ้มน้อยๆแล้วยกมือขึ้น

          "Sorry"   เอ่ยขอโทษเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซีย?

          "Don't mind"   เขาตอบกลับไปด้วยสำเนียงเดียวกัน พูดจบก็ทำท่าจะหันหลังกลับ ในจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังเขาก็เงื้อเท้าถีบฝ่ายตรงข้ามโดยแรง! ร่างใหญ่ยักษ์ลอยวืดเข้าไปกระแทกประตูอีกด้านหนึ่งเสียงดัง'โครม!' รีไวล์ปามีดสั้นอาวุธคู่กายเข้าใส่อีกฝ่ายรัวๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ตอบโต้กลับมาด้วยอาวุธชนิดเดียวกัน 

          เขาเอี้ยวตัวหลบได้อย่างไม่ยากลำบากนัก ฝ่ายนั้นเองก็เคลื่อนไหวได้คล่องแคล้วไม่สมกับร่างกายเทอะทะนั่น  เสียงคมมีดปักกับผนังดังติดๆกันหลายทอด เป็นคนธรรมดาร่างกายคงพรุนไม่มีชิ้นดีไปนานแล้ว!

          แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ใช่!

          ชายชาวต่างชาติคนนั้นดึงผนังห้องโดยสารออกมาเป็นโล่ให้ตัวเอง พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้โดยสารเจ้าของห้อง! รีไวล์ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะโหนตัวออกไปทางหน้าต่างขึ้นไปบนหลังคาขบวนรถ แล้ววิ่งกลับไปยังโบกี้ที่เจ้าเด็กเหลือขออยู่ ทว่าออกตัววิ่งได้ไม่ทันไร ด้านหน้าก็มีชายชาวต่างชาติสองคนโหนตัวขึ้นมาขวางทางเอาไว้ พอหันกลับไปด้านหลังเจ้าคนเมื่อครู่ก็ตามขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

          "ไปกับเรา! ถ้าไม่อยากให้เด็กนั่นตาย"   หางตาของเขากระตุกถี่ยิบเมื่อได้ยินประโยคนี้  "พวกแกทำอะไรเขา?"  เขาตวัดสายตากราดมองคนพูด อีกฝ่ายยักไหล่แล้วพูดลอยๆเหมือนไม่ได้พูดกับรีไวล์  "ตอนนี้ไม่...แต่ถ้านายขัดขืนก็เตรียมรับศพไปได้เลย"



          พอชายหนุ่มออกจากห้องไปได้สักพัก เอเลนก็ถูกความอยากรู้อยากเห็นโจมตีจนอดจะแง้มม่านหน้าต่างมองวิวด้านนอกไม่ได้ ทิวทัศน์ที่ปรากฏสู่สายตาทำให้ใบหน้ามนได้แต่เบิกตากว้าง 
          กวาดสายตาเก็บรายละเอียดอย่างพยายามจดจำให้ได้มากที่สุด ทว่า ทันใดนั้นเองบานประตูห้องก็ถูกกระแทกโดยแรง! เอเลนสะดุ้งเฮือก รีบหันกลับไปมองผู้บุกรุก เป็นชายชาวต่างชาติตัวยักษ์สองคน เขารีบถอยกรูดไปจนชิดกับผนังขอบหน้าต่าง เหลือบมองบานประตูที่ห้อยต่องแต่งน่าสงสารครู่หนึ่ง ก่อนจะยกปืนในมือหันไปทางผู้บุกรุกทั้งสองคน

          "พวกคุณเป็นใคร!?"   เอเลนกระชากเสียงตวาดกร้าว แต่ฝ่ายนั้นเพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาด้วยความเร็วที่มองตามแทบไม่ทัน! ทันใดนั้นร่างบางก็รู้สึกปวดหนึบที่ท้ายทอยคล้ายกับโดนของแข็งฟาด ครู่ต่อมาทุกอย่างก็ดับวูบลง 'รีไวล์...รีไวล์'  ริมฝีปากอิ่มทำได้เพียงแค่ขยับขึ้นลงโดยไร้เสียง รู้สึกเกลียดตัวเองที่อ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงเรียกของเขา...


          รีไวล์ถูกพาตัวมายังห้องอาหารของขบวนรถไฟ บนโต๊ะตัวหนึ่งมีชายวัยกลางคนสวมชุดทหารรัสเซียเต็มยศ กำลังนั่งกินมื้อเช้าด้วยท่าทางสบายๆ พอเห็นรีไวล์ฝ่ายนั้นก็ยกยิ้ม ผายมือเชื้อเชิญให้นั่งฝั่งตรงข้าม เขาจึงจำใจต้องทำตามอย่างเสียมิได้ รีไวล์จำได้อย่างแม่นยำว่าคนตรงหน้าคือ'นายพลอดอล์ฟ' หัวหน้าทหารที่ถูกเขาฆ่าตายที่ท่าเรือวลาดิวอสตอร์ก

          "มื้อเช้าญี่ปุ่นไม่เลวเลยทีเดียว ลองหน่อยไหม?"  

          ชายหนุ่มยังคงสีหน้าเรียบเฉย เหลือบมองอาหารบนโต๊ะแล้วย้ายสายตาไปที่ฝั่งตรงข้าม   "เข้าเรื่องของคุณมาเลยดีกว่า ท่านนายพล"   จะทำศึกแล้วไยจะมาห่วงเรื่องกิน!
          นายพลอดอล์ฟวางมีดกับส้อมลง ยกมือขึ้นประสานกันตรงหน้าพลางมองชายหนุ่มยิ้มๆ   "นายฆ่าคนของฉันกว่าครึ่งร้อย..."  เขาหรี่ตาลงข้างหนึ่ง  "แต่ฉันจะไม่ถือสา ถ้านายยอมกำจัดไอ้เด็กจอมอวดดีนั่นซะ!"

          รีไวล์หรี่ตาลงข้างหนึ่ง มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ถ้าเดาไม่ผิดตาแก่ตรงหน้าเขาคงจะหมายถึงเจ้าเด็กอัลฟานั่น? เขาหยิบมีดกับส้อมขึ้นมาถือเอาไว้ หั่นเบค่อนเข้าปากคำหนึ่งแล้ววางส้อมลงที่เดิม เคี้ยวเบค่อนไปพลาง ควงมีดในมือเล่นไปพลาง ก่อนจะพูดขึ้น   "กองทัพรัสเซียไร้กำลังขนาดเด็กคนเดียวก็จัดการไม่ได้เชียวหรือ?"  เค้นเสียงหัวเราะเหยียดกลายๆ 

          นัยน์ตาคู่คมลอบมองมือที่สั่นเทาด้วยความโกรธของฝ่ายตรงข้าม แล้วเบนสายตากราดมองไปรอบๆ โดยที่มือยังควงมีดเล่นอย่างคล่องแคล่ว เห็นชายร่างยักษ์ที่ยืนคุมอยู่ด้านหลังเล็งกระบอกปืนเก็บเสียงมาที่เขา   "แล้วชั้นจะได้อะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน...นอกจากชีวิตของเจ้าเด็กเหลือขอนั่น"

          "หนึ่งร้อยล้านเหรียญ!...ดอลลาร์สหรัฐ"   รีไวล์พยักหน้าช้าๆคล้ายกำลังช่างใจในข้อเสนออีกฝ่าย เขาหยิบส้อมที่เพิ่งวางลงไปขึ้นมา คราวนี้มือทั้งสองข้างควงมีดกับส้อมอย่างชำนิชำนาญเล่นพร้อมกัน นายพลอดอล์ฟเห็นท่าทีคล้ายจะสนใจข้อเสนอของรีไวล์ ในใจก็กระหยิ่มยิ้มย่องยิ่งนัก   "ว่าไงล่ะ?"   เขาวางมือลงบนโต๊ะ ยื่นหน้าเข้ามาหาชายหนุ่มเพื่อยื่นข้อเสนออีกครั้ง

          จังหวะนั้นเองที่มีดและส้อมในมือชายหนุ่มพุ่งไปด้านหลังด้วยความเร็ว  การ์ดร่างยักษ์ทั้งสองคนล้มตึงลงกับพื้นในวินาทีถัดมา นายพลเฒ่าเห็นท่าไม่ดีรีบชักปืนที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะลั่นไกใส่รีไวล์ทันที

          ทว่ายังช้ากว่ารีไวล์มาก ชายหนุ่มหมุนตัวหลบกระสุนปืน ก่อนจะตวัดขาเตะเข้าก้านคอนายพลเฒ่าโดยแรง อีกฝ่ายจึงล้มตึงสลบเหมือดทันที เสียงเอะอะที่เกิดขึ้นทำให้การ์ดร่างยักษ์อีกสองคนที่แยกกันไปยืนเฝ้าประตูไว้พุ่งตัวเข้ามา ไม่รอช้า เขาใช้ปลายเท้าเตะด้ามปืนที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมารัวกระสุนใส่คนทั้งคู่จนลูกกระสุนหมดแมกกาซีน แล้วโยนทิ้งไปเมื่อทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง

          ยกข้อมือขึ้นมาแตะปลายนิ้วลงไปที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือเบาๆ ไม่นานจอภาพเสมือนจริงก็ปรากฏจุดสีเขียวจุดหนึ่งขึ้นมา เมื่อล็อคเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ดวงตาคู่คมวาวโรจน์โชนแสงแปลกประหลาดอย่างที่น้อยครั้งนักที่จะมีใครได้เห็น
          เสียงประกาศจากพนักงานบอกอีกห้านาทีจะถึงสถานีถัดไป ศัตรูทุกกลุ่มรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพวกเขา ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ก็เป็นได้

          "ถึงเวลานายโผล่หัวออกมาได้แล้ว...ไอ้เด็กเหลือขอ"   มาสิ...มารับคนของนายไป!...ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ ทว่าแววตากลับแข็งกร้าวสวนทางกับคำพูดประโยคนั้นชัดเจน



          เอเลนขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาพยายามปรือเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงตบเบาๆที่แก้ม เหมือนใครบางคนกำลังปลุกเขาอยู่?   "อื้อ..."   ความเจ็บหนึบที่ท้ายทอยทำให้ต้องส่งเสียงครางออกมา แต่สุดท้ายก็ฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมาจนได้ ภาพตรงหน้าพร่ามัวจนต้องกะพริบตาอยู่หลายครั้งกว่าทุกอย่างจะแจ่มชัดขึ้น

          เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนปลุกตัวเองอยู่ดวงตากลมโตก็ได้แต่เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง   "อะ...อาร์มิน!?"   ฝ่ายตรงข้ามส่งสายตาเย็นชากว่าครั้งไหนๆมาให้ แต่อารามตกใจระคนดีใจที่ได้เจอเพื่อนสนิทอีกครั้ง ทำให้เอเลนโผเข้ากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น   "นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง!? แล้วแจนล่ะ!?...แจนมาด้วยรึเปล่า!?"

          "ตายแล้ว..."   ทั้งที่เขาถามด้วยความร้อนรน แต่อีกฝ่ายกลับตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เอเลนเบิกตากว้างอีกครั้ง ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่วินาทีถัดมาภาพบางอย่างกลับฉายเข้ามาในหัวสมองกระตุ้นเตือนความทรงจำที่หลงลืมไป  ร่างโปร่งบางผละอ้อมแขนออก แล้วกระทดถอยไปจนแผ่นหลังชนกับหน้าต่างขบวนรถไฟ

          "...นาย...ฆ่าแจน..."   ในความจำทรงของเขาไม่มีเรื่องนี้บรรจุอยู่ เอเลนส่ายหน้าไปมาอย่างเลื่อนลอยและไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

          "นายฆ่าแจน!!?"   เขาแผดเสียงลั่นใส่คนตรงหน้า ฝ่ายนั้นเองก็ตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

          "ใช่!!"   สิ้นเสียงของคนตรงหน้าเอเลนก็สะบัดฝ่ามือฟาดลงไปบนแก้มของอาร์มินโดยแรง ทว่าวินาทีถัดมาลำคอของเจ้าตัวก็ถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้ แรงบีบหนักหน่วงทำให้เอเลนจำต้องนิ่วหน้าด้วยหายใจลำบาก

          "ใครเป็นคนสั่งให้นายทำ!?...ตัวนายเองหรือว่า...อัล!?..."   ใบหน้ามนพยายามเค้นเสียงตวาดออกไป ปรือตามองใบหน้ายิ้มเยาะของฝ่ายนั้นแล้วหัวใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บเหมือนโดนขยี้ด้วยเท้า
          เขาไม่อยากรับรู้ความจริงข้อนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ทำใจปล่อยให้มันผ่านไปไม่ได้!   "ไม่มีใครสั่งทั้งนั้น!  ฉันฆ่าเขาด้วยมือของฉันเอง!"   คำตอบที่ได้รับ ทำให้เอเลนได้แต่กล้ำกลืนก้อนขมปร่าลงในลำคอ...ไม่ใช่อัลฟา...แต่เป็น...

          "อึก!...แจน...แจนเป็น...คนรักนายนะอาร์มิน!!"   มือบางพยายามแงะมือที่แข็งราวกับคีบเหล็กออก พอได้ยินประโยคอาร์มินก็เพิ่มแรงบีบขึ้น ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนบิ้วเบี้ยวราวกับถูกปีศาจร้ายเข้าสิง  "ตายซะ!"  จบประโยคมือเล็กทั้งสองข้างก็บีบแน่นจนใบหน้ามนเริ่มเขียวคล้ำ
          
          ขณะที่คิดว่าต้องตายด้วยน้ำมืออาร์มินแน่แล้ว  เสียงระเบิดก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ขบวนรถโคลงเคลงไปมาอย่างรุนแรงจนพวกเขาทรงตัวไม่อยู่ ลำคอถูกปล่อยให้เป็นอิสระในที่สุด แต่ร่างกายกลับถูกเหวี่ยงกระแทกผนังโบกี้อย่างแรง ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้น


          รีไวล์วิ่งมาเกือบจะถึงท้ายขบวนอยู่แล้ว จู่ๆรถไฟที่กำลังชะลอความเร็วลงเพื่อเข้าเทียบสถานีก็มีอันต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงระเบิด ชายหนุ่มเกือบจะพลัดตกจากหลังคาโบกี้ โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาดีเยี่ยมจึงคว้าขอบหน้าต่างเอาไว้ได้ทันเวลา
          เสียงระเบิดดังติดต่อกันอีกหลายลูกระคนกับเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของผู้คนที่อยู่หัวขบวน ผู้โดยสารที่อยู่โบดี้ท้ายๆต่างก็แตกตื่นด้วยความตกใจ เสียงร่ำไห้ บ้างโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ แต่รีไวล์ไม่คิดจะหันกลับไปมองภาพเบื้องหลัง พอตั้งสติได้เขาก็ออกตัววิ่งไปที่ท้ายขบวนทันที

          "รอชั้นก่อน เจ้าเด็กเหลือขอ"   ต่อให้เบื้องหลังจะกลายเป็นทะเลเพลิง เต็มไปด้วยผู้คนที่ล้มตายและโหยไห้เขาก็ไม่สะทกสะท้อนใจแม้แต่น้อย เขาไม่ใช่พระเอกหรือซูเปอร์ฮีโร่ ที่จะเห็นแก่มนุษยชาติมาก่อนหัวใจตัวเอง เพราะฉะนั้นเป้าหมายของเขาจึงมีเพียงหนึ่งเดียว หากแต่ในใจก็ยังคิดประณามความเหี้ยมโหดของผู้ที่ลงมือ คิดการใหญ่! พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้อย่างเลือดเย็น ต่ำช้านัก!...


          อาร์มินชักมีดพกรูปร่างแปลกๆออกมา หลังจากทรงตัวได้แล้วก็ตรงปรี่เข้าไปคร่อมร่างของเอเลนที่นอนงอก่องอขิงอยู่ที่พื้นทันที เสียงตะโกนจากวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วที่ข้างหูสั่งให้จัดการเป้าหมายเสีย นั่นหมายถึงการเจรจาของท่านนายพลล้มเหลว
          "ถ้าฆ่าฉัน...อัลต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่อาร์มิน!"

          "ขู่ฉันหรือ!?"

          "ไม่ใช่!...ฉันแค่เป็นห่วงนาย!...ถึงนายจะทำร้ายไรเนอร์ เบลทรูธ โคนี่!...ถึงนายจะฆ่าแจน! แต่นายก็ยังเป็นเพื่อนฉัน!!"   สาบานได้ว่าเขาพูดความจริง!....ต่อให้คนตรงหน้าลงมือทำร้ายใครต่อใครเขาไปทั่ว แต่ความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันก็ไม่มีวันเปลี่ยน!!...เขาไม่อยากให้อาร์มินตาย!...ไม่อยาก!!...

          ทว่าความปรารถนาดีของเขากลับสื่อไปไม่ถึง อาร์มินงื้อมีดสั้นในมือขึ้นจนสุดแขนก่อนจะแทงลงมาที่หน้าท้องของเขาโดยแรง   "อึก!!"   อาการเจ็บชาทีหน้าท้องทำเอาเอเลนถึงกับร้องไม่ออก  มือสั่นๆยกขึ้นไปกุมหน้าท้องตัวเองเอาไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ สัมผัสเหนียวหนืดบนฝ่ามือทำให้เอเลนฝืนยิ้มหยันให้ตัวเอง 

          "ฉัน...ขอโทษ...อาร์มิน..."   ต้นเหตุทุกอย่างก็คือเขา   "ขอโทษ..."  เอเลนเอ่ยประโยคเดิมซ้ำๆด้วยความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา  เมื่อเห็นอาร์มินเงื้อมีดสั้นในมืออีกครั้ง ใบหน้ามนก็ยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหลับตาลงอย่างคนยอมรับชะตากรรม  

          ความรู้สึกแบบนี้ คงเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ไรเนอร์ เบลทรูธ โคนี่ หรือแม้แต่แจนสัมผัสมันมาแล้ว เจ็บปวด สิ้นหวัง เสียใจ...ใช่ที่เขากำลังรู้สึกในตอนนี้หรือเปล่านะ?...

          โครมม!!!!

          เสียงแรงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับน้ำหนักที่กดทับร่างกายเอาไว้หายไปอย่างรวดเร็ว  แสงอาทิตย์ที่จู่ๆก็สว่างจ้าอยู่เหนือศรีษะทำให้รู้ว่าผนังฝั่งหน้าต่างหลุดออกไปทั้งแถบ เอเลนรีบลืมตาขึ้นมองพบว่าร่างของอาร์มินหายไปแล้ว 
 เหลือเพียงร่างของชายหนุ่มที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังยืนมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  

          "รี....ไวล์..."   อยู่ๆน้ำตาก็ไหลทะลักลงมาทางหางตาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะเจ็บแผลที่เพิ่งถูกแทงจึงทำได้แค่นอนหอบหายใจแผ่วๆจมกองเลือดอยู่กับพื้น มองดูชายหนุ่มที่ค่อยๆย่อตัวลงช้อนร่างของเขาขึ้นไปกอดเอาไว้

          "อึดใช้ได้เลยนี่..."   ทั้งที่อยากจะหยอกล้อเจ้าตัวเล่น แต่น้ำเสียงกลับสั่นจนแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเอง  สองแขนกระชับกอดคนเจ็บเอาไว้แน่นโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บแผลหรือไม่
          "ผม...เข้มแข็งใช่รึเปล่า?"   เอเลนยกแขนขึ้นโอบแผ่นหลังกว้างเอาไว้แน่น น่าแปลกที่พอได้อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแล้ว ความเจ็บปวดก็ราวกับจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
          "อา...นายเก่งมาก"   รีไวล์ฝังจมูกลงไปในกลุ่มเส้นผมสีน้ำตาล กดจูบซ้ำๆอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ ถึงจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาแต่ขออยู่อย่างนี้อีกสักวินาทีก็ยังดี


          โดยไม่รู้เลยว่าบนดาดฟ้าของตึกฝั่งตรงข้าม มีใครอีกคนที่อารมณ์ผิดแผกจากเขาโดยสิ้นเชิง  นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่หนึ่งที่มองผ่านเลนส์ของกล้องส่องทางไกลฉายแววเกรี้ยวโกรธจนภาพตรงหน้ากลายเป็นสีแดงฉาน 
          ชายหนุ่มลดกล้องส่องทางไกลลง ก่อนจะบดขยี้มันด้วยฝ่ามือจนแหลกละเอียด ร่างสูงโปร่งปล่อยจิตสังหารเข้มข้นแผ่ออกมาขนาดมองด้วยตาเปล่ายังเห็นเป็นไอสีดำทมิฬลอยอยู่รอบตัว ทำเอาชายชุดดำอีกนับสิบคนที่ด้านหลังได้แต่กลั้นหายใจ

          "ฆ่ามัน!"   เอ่ยออกไปประโยคสั้นๆ ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง ชายชุดดำสิบกว่าคนถลาลงจากยอดตึกอย่างไร้ซึ่งความลังเล ราวกับฝูงอีกากำลังออกล่าเหยื่อ เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว!.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.... Tobecontinue! !!.....


          ฮะ....เฮือกกกกก...ถอนหายใจยาวๆๆๆๆค่ะ5555+
จะบอกว่าพยายามปั่นตอนนี้อย่างสุดชีวิตเลยค่ะ! เนื่องจากเมื่อไม่กี่วันก่อนโดนแท็กภาพที่ไม่อาจทำให้ไรท์ข่มตาหลับลงได้!!!! คนผู้นั้นช่างใจร้ายยย~~~

ฮึก!...เดือนนี้วันเกิดน้องนะคะเตรียมของขวัญกันยังเอ่ย?
ไรท์กะลังเตรียมมค่ะ ได้อาทิตย์ละตอนจริมๆ แต่เป็นเรื่องใหม่นะ555+  เลยตัดสินใจยังไม่อัพดีกว่าเดี๋ยวดองกันยาวๆอีกTT ^ TT

เจอกันอีกทีเมื่อชาติต้องการค่ะ

บ๊ายย>/////<
 


          

1 ความคิดเห็น:

  1. มาต่อไวๆนะค่ะ ฆ่าใครใครจะฆ่าใคร!!! อ้ากกกก~!!

    ตอบลบ