:Fanfiction Attack on titan
:Pairing : Levi x Eren
:Genres : E+Ro+Man+tic
:Rate : PG-15
คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ
เสียงเพลงจากสวนหน้าบ้านพักตากอากาศสุดหรูฟังดูน่ารำคาญพอๆกับเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากมือถือที่ยกออกห่างจากหูเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ใบหน้าคมคายจนจัดว่าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจบดบังจุดบกพร่องเรื่องส่วนสูงที่ขาดมาตรฐานเล็กน้อยไปถนัดตานั่นนิ่งเฉยจนถึงขั้นเย็นชาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเสียงโอดครวณของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าคนรักเลยสักนิด
ถ้าคบกับเขาแล้วมันลำบากนักล่ะก็...
"ต้องการเท่าไหร่?"
คำพูดตัดบทสั้นๆและไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดแบบนี้ออกไป ปลายสายดูจะอึ้งไปนิดๆก่อนที่เจ้าหล่อนจะแผดเสียงลั่นใส่เขา
"ฉันจะฟ้องคุณ!!!"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับไปว่า"ตามสบาย"ปลายสายก็ตัดไปซะแล้วเรื่องงี่เง่าซ้ำซากน่าเบื่อพวกนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยห่างหายจากผู้ชายที่ชื่อ"รีไวล์"ได้สักทีเพราะฐานะทางสังคมและรูปลักษณ์อันดึงดูดเพศตรงข้ามนี่ด้วยล่ะมั้งข้างๆกายถึงได้มีแต่สาวสวยโปรไฟล์สูงอยู่ไม่ขาด
แต่รายใหนก็รายนั้นมักจะจบแบบเดิมซ้ำๆทั้งๆที่ก่อนคบกันเขาก็บอกออกไปชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช้เวลาทุ่มเทกับความรักอย่าคาดหวังสิ่งเหล่านั้นจากเขาก็ไม่เห็นปฏิเสธสักรายพอแบบนี้แล้วจะมาร้องไห้ฟูมฟายเรียกร้องอะไรจากเขาอีก?
"คุณรีไวล์ครับ...ท่านรัฐมนตรีมาถึงแล้วครับ!"
มือคว้าสูทที่พาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาสวมก่อนจะเดินนำออกจากห้องพักส่วนตัวไปทั้งๆที่อุตส่าห์ปลีกตัวมาหามุมสงบๆแต่กลับต้องเจอเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นแทนซะได้
"ยิ้มด้วยนะครับ"
เลขาส่วนตัวแอบกระซิบที่ข้างหูเมื่อดูเหมือนเจ้านายตัวเองจะยังไม่ออกจากโหมดหน้าปลาตาย
"รู้แล้วน่า...เออนี่!"
"ครับ?"
"เตรียมทนายเอาไว้ด้วยนะ"
"อีกแล้วเหรอครับ?"
"อืม..."
เลขาหนุ่มได้แต่มองตามเจ้านายของตัวเองไปอย่างระเหี่ยใจ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกก็จริงแต่ความยุ่งยากมันไม่ได้จบตามความสัมพันธ์เสียเมื่อไหร่...ก็อย่างที่บอกว่าคู่ควงของเจ้านายเขาเป็นพวกโปรไฟล์สูง ไม่นางแบบนักแสดงก็เหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น ทุกครั้งจะจบด้วยการฟ้องร้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลแต่ทนายของพวกเขาก็เก่งกาจสมกับเป็นคนของผู้ชายที่ชื่อรีไวล์ถึงจะไม่ต้องจ่ายเงินมากขนาดนั้นแต่ก็เหนื่อยเอาการถ้าจะสลัดทิ้งกันเดือนเว้นเดือนแบบนี้
เป็นคนที่ใช้ผู้หญิงเปลืองที่สุดแล้วในทุกๆคนที่เขารู้จักและร่วมงานมาถึงจะมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เรื่อยแต่เพราะฝีมือการทำงานที่จัดว่าร้ายกาจนั่นล่ะมั้งเขาถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ธุรกิจที่ต้องเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาลจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่ทั่วทุกมุมโลกอย่างเจ้านายของเขาจะลังเลไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...ถ้าพลาดก็หมายถึงทุกอย่างจบลงโดยไม่มีโอกาสให้แก้ตัว
เข้าแทรกแซงบริษัทที่กำลังจะล้มละลายหรือที่เรียกกันติดปากว่าเทคโอเวอร์แล้ววางแผนบริหารใหม่ทั้งหมดก่อนจะขายทอดตลาดออกไปในราคาที่สูงลิบเป็นเท่าตัว
แน่นอนว่าบริษัทภายใต้การบริหารของรีไวล์โดยมีหัวหอกคู่ใจเจ้ากลยุทธอย่างเอลวิน สมิทธแล้วไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศก็มีนักลงทุนกระเป๋าหนักจ่อคิวรอซื้อต่ออยู่แล้วสมกับฉายาที่ใครๆต่างก็เรียกคนทั้งสองว่า"คิงเมคเกอร์"เพราะฉะนั้นต่อให้มีข่าวฉาวมากแค่ใหนแต่ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือนักธุรกิจก็พร้อมจะยกลูกสาวตัวเองใส่พานถวายให้เผื่อว่าลูกสาวของตนจะสามารถมัดหัวใจอันเย็นชาดวงนั้นเอาไว้ได้
ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครทำได้สักราย...
ปลายนิ้วคลายปมเนคไทเอาไว้หลวมๆ กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดลงมาอีกสองเม็ดเพื่อจะได้หายใจหายคอให้สะดวกขึ้น ใบหน้าที่ปั้นยิ้มอยู่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมากลับมีเย็นชาเป็นพวกไร้อารมณ์อีกครั้งหลังจากส่งแขกคนสุดท้ายเสร็จ ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามน่ามองน่าหลงใหลแต่ไม่ได้มากเกินไปจนดูเทอะทะเดินไปเปิดประตูด้านระเบียงให้สายลมเย็นๆหอบเอากลิ่นทะเลมาปะทะใบหน้า ถึงจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนักแต่อะไรบางอย่างทำให้รู้ว่าเจ้าของทรงผมรองทรงสูงไถเกรียนที่ด้านหลังกำลังรู้สึกผ่อนคลาย เพราะไม่งั้นคงไม่มายืนพิงกรอบประตูรับลมอยู่แบบนี้
"เหนื่อยหน่อยนะ"
แก้วบรั่นดีถูกยื่นมาตรงหน้า มือหนาจึงรับมาถือเอาไว้หมุนวนให้ก้อนน้ำแข็งกระทบแก้วทำลายความเงียบสงบ ผู้มาใหม่เดินออกไปหันหลังพิงราวระเบียงด้วยท่าทางสบายๆอย่างที่ยามปรกติจะไม่ค่อยได้เห็น
...
ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าและชอบวางมาดน่าเกรงขามแทบจะตลอดเวลา"เอลวิน สมิทธ"เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่เขามี บอกตรงๆว่าตอนที่รู้จักกันครั้งแรกเขาหมั่นไส้ท่าทางขี้เก๊กคุณชายจ๋าของหมอนี่เอามากๆแต่จำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงยังคบกันมาได้ยืนยาวขนาดนี้แต่สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันก็คงจะเป็นอุดมการณ์ล่ะมั้ง?
ถึงอุดมการณ์ของเขาจะไม่แรงกล้าเท่าของหมอนี่ก็เถอะ...
"พรุ่งนี้มีประชุมตอนสิบโมงจากนั้นก็ฟรีนายอยากจะไปใหนเป็นพิเศษรึเปล่า?"
"งั้นเหรอ...งั้นเอากุณแจรถนายมาที"
"จะไปใหน...นี่มันจะตีสองแล้วนะพรุ่งนี้เรา..."
"มีประชุมตอนสิบโมง...ชั้นกลับมาทันน่า"
".....ตามใจ" มือยอมล้วงกุณแจรถให้แต่โดยดี เดาว่าอากาศดีๆแบบนี้รีไวล์คงอยากขับรถกินลมบ้าง นัยน์ตาสีฟ้าครามมองตามเพื่อนสนิทเดินถือสูทพาดบ่าออกไปโดยที่เขาเองก็ลืมบางอย่างไป
"คุณรีไวล์ล่ะครับ?"
เลขาส่วนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่คงจะเป็นเนื้อหาการประชุมของพรุ่งนี้ เอลวินทำเพียงยักไหล่น้อยๆบอกว่าไม่ต้องใส่ใจแต่อีกฝ่ายกลับถอนหายใจลากยาวออกมาแทน
"ถ้าไม่ไปชนใครเข้าก็คงดีนะครับ"
"แย่ล่ะสิ!..." เขาลืมไปเสียสนิทว่าหมอนั่นขับรถได้ห่วยแตกขนาดใหนแถมยังเป็นจอมหลงทางอันดับหนึ่งอีกต่างหาก!...ต่อให้รถของเขามีระบบนำทางที่ทันสมัยขนาดใหนก็ตามแต่อย่าหวังว่าคนอย่างรีไวล์มันจะใช้ในเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยอื่นๆนอกจากมือถือกับคอมพิวเตอร์แล้วหมอนั่นติดลบจนน่ากลัวพอๆกับการขับรถเลยทีเดียว!
เก๋งสปอร์ตราคาหลายล้านวิ่งไปกระตุกไปไม่สมกับเป็นรถที่มีประสิทธิภาพสูงเลยแม้แต่น้อย ทั้งเบรคทั้งคลัชและคันเร่งถูกเหยียบสลับกันมั่วไปหมด รถหรูคันงามถึงได้เดี๋ยวพุ่งเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวกระตุกจนคนที่อยู่หลังพวงมาลัยได้แต่สบถออกมาตลอดทาง
เห็นทีคงต้องหาเวลาไปเรียนขับรถอย่างจริงๆจังๆซะแล้ว?...
และแทนที่จะขับชิวๆกินลมอยู่นอกเมืองแล้วไหงถึงได้หลงเข้ามาในย่านท่องราตรีแบบนี้ได้ก็ไม่รู้?...จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะมีทั้งเสียงเบรคและคำอวยพรตามหลังมาติดๆเพราะต่อให้ดึกมากขนาดใหนแถวนี้ผู้คนก็ยังพลุกพล่านแถมยังมีแอลกอฮอล์เป็นชนวนให้อารมณ์พุ่งพล่านอีกต่างหาก
อยากจะลงไปต่อยปากไอ้คนที่มันแหกปากโวยวายอยู่ด้านหลังแต่เพราะฝีมือขับรถเขามันห่วยแตกจริงๆ มือจึงยอมหักพวงมาลัยเข้าข้างทางเสียงครืดๆๆที่ดังจนแสบแก้วหูทางฝั่งประตูคนขับไม่ต้องเดาให้ยากว่าเขากำลังเอาสีข้างลูกชายสุดรักของเจ้าเอลวินครูดมากับราวกั้นถนนก่อนจะมาจอดแน่นิ่งอยู่ที่หน้าคลับแห่งหนึ่ง
แสงไฟที่แปลกตาไปจากคลับอื่นๆที่อยู่ข้างกันทำให้ใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดเงยขึ้นไปมองพรางหาตัวช่วยไปในตัวแล้วชื่อของคลับแห่งนี้ก็ทำให้นัยน์ตารีขวางหรี่ลงน้อยๆ
"Bruno. ..เหรอ?"
เขาเคยมาที่นี่สองหรือสามครั้งก็ไม่แน่ใจแต่กว่าจะรู้ว่ามันเป็นคลับเฉพาะก็ครั้งสุดท้ายโน่นแหละ..สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปเขาก็รู้แต่ไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะมีสถานที่สำหรับคนที่มีรสนิยมต่างออกไปแบบนี้ด้วย...มันทำให้เขารู้สึกทึ่งนิดหน่อยแถมที่นี่ยังเป็นคลับแบบปิดให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นและที่สำคัญแขกของที่นี่กว่า90%เป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมที่เห็นได้บ่อยๆตามทีวีหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น
มือล้วงเอาบุหรี่ออกมาคาบเอาไว้ทั้งๆที่สายตากำลังมองหาใครสักคนที่พอจะช่วยเขาได้...ที่เดินออกมาจากคลับนั้นคนเดียวไม่ใช่มาเป็นคู่...
มือบางขยี้หัวตัวเองเบาๆให้ผมที่จัดแต่งทรงด้วยเจลตกลงมาปรกหน้าผากเหมือนกับตอนที่เข้ามาในคลับ ก่อนจะหันมาดึงเนคไทลงปลดกระดุมเสื้อกั๊กเข้ารูปที่สวมทับเสื้อเชื้ตคอตั้งสีขาวเอาไว้ออก ร่างกายท่อนล่างสวมกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำเข้ารูปกับรองเท้าหนังขัดเงามันวาวของแบรนดังอย่างที่ลำพังตัวเองคงไม่มีปัญญาซื้อถ้าไม่ใช่ทางร้านเป็นคนจัดเตรียมให้...นี่ถ้าสวมสูทปีกค้างคาวด้วยคงหลงคิดว่า ตัวเองเป็นพ่อบ้านหนุ่มน้อยที่หลุดมาจากศตวรรษที่19อย่างในอนิเมะเรื่องโปรดซะอีก
"คนหลงตัวเอง"
น้ำเสียงเย้าแหย่มาจากเพื่อนร่างเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาให้ใบหน้ามนที่กำลังมองตัวเองในกระจกถึงกับหลุดยิ้มออกมา...
ก็หล่อจริงๆนี่นา...ไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย...
"วันนี้ไม่ได้ไปต่อที่ใหนใช่มั้ยเอเลน?"
มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองถึงกับหยุดชะงักเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเอาเปรียบเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวยังไงก็ไม่รู้แถมนี่ก็เกือบจะสิ้นเดือนแล้วใหนจะค่าเช่าใหนจะต้องจ่ายให้คนพวกนั้นอีก...
"อื้อ!...โทษทีนะอาร์มิน...พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ"
"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย...แค่ฝากซื้อแซนวิสกับนมไปเผื่อผมด้วยละกันใช้พลังงานเยอะแล้วมันหิวนะรู้มั้ย"
"โอเค...งั้นวันนี้ชั้นเลี้ยงพอดีไปทิปมานิดหน่อย"
"หื๋มม์...พ่อคนใจป้ำ" จริงๆแล้วแค่เรื่องกินมันไม่ได้สำคัญว่าใครจะเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายแต่ถ้าคนใดคนหนึ่งกลับห้องก่อนก็มักจะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปอยู่แล้วแต่ที่พูดแบบนั้นก็แค่รู้สึกผิดเท่านั้น สองแขนผอมบางสวมกอดเพื่อนร่างเล็กจากด้านหลังเกยคางเอาไว้กับไหล่เล็กๆแต่กลับเข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าน่ารักยิ้มให้เขาผ่านกระจกเพราะคงรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไร
"รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะแล้วไปส่งผมที่หน้าคลับด้วยยืนคนเดียวมันเหงา"
"ตามนั้น"
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีจากชุดพนักงานเรียบหรูก็เหลือเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์ราคาตามท้องตลาดทั่วไปกับรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้มสูงถึงเข่าคู่โปรด อาร์มินยังอยู่ในชุดที่ดูดีมีราคาขึ้นไปอีกนิดเพราะอย่างที่บอกไปว่าต้องไปต่อกับลูกค้า ทั้งสองร่างเดินออกมาจากประตูด้านข้างที่ใช้สำหรับพนักงานของคลับก่อนที่ร่างโปร่งบางจะมายืนเป็นเพื่อนอาร์มินเยื้องจากหน้าคลับมาเล็กน้อย
"เอเลนดูนั่นสิ"
อาร์มินสะกิดต้นแขนให้เขามองตามสายตาตัวเองไปที่รถสปอร์ตที่จอดแน่นิ่งถัดจากที่พวกเขายืนอยู่เล็กน้อย...จริงๆแล้วเขาก็สะดุดตาตั้งแต่เดินออกมาแล้วแต่วันนี้เขาไม่อยากออกไปกับใครต่อเลยทำเป็นไม่สนใจตั้งแต่แรก
"ดูเหมือนเค้าจะต้องการความช่วยเหลือนะดูสภาพรถสิยับมาซะขนาดนั้น"
ควันสีขาวที่พ่นออกมาจากคนที่นั่งเท้าแขนกับประตูรถทำให้เห็นไม่ชัดว่าหน้าตาคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับมีสีหน้าแบบใหน...เมาหนักหรือว่าแค่อึนๆ?
"เอาน่าเอเลนช่วยเขาหน่อยแค่พาไปทิ้งไว้โรงแรมใหนก็ได้"
"เอาจริงดิ?"
"เออสิ...นี่ถ้าฉันไม่ไปต่อไม่เกี่ยงนายหรอกน่าอย่างน้อยๆก็น่าจะไม่ต่ำกว่า20ปอนด์แน่ๆ" ใบหน้ามนมีสีหน้าครุ่นคิดตามคำพูดของเพื่อนร่างเล็กก็จริงที่บ่อยครั้งพวกเขามักจะเจอกับลูกค้าที่หมดสภาพและต้องการคนนำทางแต่ก๊บ่อยครั้งที่เจอ...พวกที่อยากจะทำอย่างอื่นนอกจากคนนำทางด้วยนี่สิ?...ก็บอกแล้วว่าวันนี้เขาไม่อยากรับแขกเพราะรู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวเหมือนจะมีไข้...
"งั้น...สภาพชั้นโอเคยัง?" แต่ถ้าแค่เป็นไกด์ก็พอไหว...
มือไม้จัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองโดยมาเพื่อนร่างเล็กช่วยจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้ด้วยใบหน้าที่อมยิ้มทั้งคู่
"เพอร์เฟค!...ไปได้!"
แผ่นหลังโปร่งบางถูผลักด้วยฝ่ามือเล็กของเพื่อนสนิท มือบางยกขึ้นมาป้องปากตัวเองพ่นลมหายใจออกมาพิสูจน์ว่าไม่มีกลิ่นปากก่อนจะกระแอมไอเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองแล้วตรงไปยังเป้าหมายทันที
มือที่กำลังคีบบุหรี่เอาไว้ลดระดับลงน้อยๆเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของใครอีกคน...ที่จริงเขาเองก็กำลังมองทั้งคู่ผ่านกระจกมองข้างมาไปสักพักแล้วเช่นกันจึงทันได้เห็นท่าทางตลกๆของทั้งคู่และมันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
จะว่าตลกมันก็ตลกแต่จะบอกว่าน่ามองมันก็ใช่แต่อะไรบางอย่างทำให้เขาจ้องมองร่างโปร่งบางที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆผ่านกระจกมองข้างอย่างไม่อาจละสายตา
รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร?...
"เฮ้คุณตรงนั้น!...มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?"
ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มบางๆที่มุมปาก และนัยน์ตาคู่คมก็มองตรงไปที่ใบหน้ามนที่โน้มลงมาใกล้อย่างไม่คิดจะปิดบังเมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นเองก็มองหน้าเขาตรงๆเช่นเดียวกัน ใบหน้าได้รูปแต่ออกจะดูแปลกตาไปเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวใช้คำพูดแทนตัวเองว่า"ครับ"ถ้าใช้ค่ะมันจะเข้ากับใบหน้าสวยๆนี่กว่ารึเปล่านะ?
"...ชั้นกำลังหาทางไปซาวอยน่ะ...รู้จักรึเปล่า?" เป็นชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาเคยมาพักที่โซโหถึงจะไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำเทมส์แต่ก็สามารถมองเห็นได้เหมือนกัน...ไม่ได้อยากจะไป...แค่อยากจะลองภูมิเด็กนี่ดูก็เท่านั้น...
"20ปอนด์" รู้จักอย่างนั้นสินะ...
"แพงไปมั้ง?"
"สำหรับคนหลงทางน่ะนะครับ"
"หึ...." ก็ถือว่าฉลาดพอตัว...มือล้วงเอากระเป๋าตังส์ขึ้นมาเปิดดูแต่แบงค์ที่ดึงขึ้นมากลับไม่ใช่แบงค์20ปอนด์อย่างที่อีกคนเรียกราคา...
"ชั้นมาแต่แบงค์50..."
"งั้นก็ไปส่งถึงที่เลยละกัน"
มือบางคว้าเอาแบงค์50ปอนด์ในมือเขาไปก่อนจะวิ่งข้ามมานั่งที่เบาะข้างคนขับให้เขาได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างทึ่งนิดๆ...
เด็กสมัยนี้ไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยรึไง?...
"เลี้ยวซ้ายที่แยกหน้าฮะ"
ร่างโปร่งบางผายมือให้กับเขาที่หลุดหัวเราะในลำคอออกมาอีกครั้งแล้วรถที่จอดนิ่งมากว่าครึ่งชั่วโมงก็พุ่งทยานออกไปอีกครั้ง แน่นอนว่ามันกระตุกได้เลวร้ายเหมือนในตอนแรกแต่เจ้าคนข้างๆกลับหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจแทนที่จะตกใจกลัว
"ฮะฮะ...ผมสงสารรถคุณจังแผลนั่นก็เพิ่งได้มางั้นเหรอ?" หมายถึงไอ้รอยลากยาวทางฝั่งเขาสินะ...
"สดๆร้อนๆ...แต่ไม่ใช่รถชั้นหรอกนะ...ยืมเค้ามาอีกที"
"ผมก็ว่างั้น"
"หมายความว่าไง?" หรือคิดว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อไอ้รถกระป๋องนี่?...
"ท่าทางคุณเหมือนพวกที่นั่งเปิดแฟ้มเล่นที่เบาะหลังมากกว่าโอ๊ว!!?.."
เท้าเผลอไปเหยียบเบรคเข้าอย่างจังจนใบหน้ามนแทบจะชนเข้ากับคอนโซลหน้าดีที่เจ้าตัวยกมือมายันเอาไว้ทัน ตัวบางๆสั่นหงึกๆจากการกลั้นขำให้กับการขับรถของเขาจนอยากจะเอื้อมมือไปดึงแก้มใสๆให้ย้วยคามือจริงๆ
"ให้ผมขับมั้ย?" ข้อเสนอที่ทำให้เขาได้แต่เลิกคิ้วสูง
"นายขับเป็น?" แต่ใบหน้ามนนั่นกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี?
"น่าจะดีกว่าคุณแน่ๆ"
เขายักไหล่น้อยๆแล้วปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่งก่อนจะชำเรืองมองใบหน้ามนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก...เขาคิดว่าเด็กนี่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?...ไม่ได้มีบ่อยนักหรอกที่คนอย่างเขาจะแกล้งใครเล่นแบบนี้...ไม่สิ...
เขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยต่างหาก...
แต่ด้วยท่าทางสบายๆไม่กลัวตายแถมยังหัวเราะซะยกใหญ่ทุกครั้งที่รถกระตุกนั่นแหละที่รู้สึกว่ายอมให้ไม่ได้...เป็นคนอื่นคงร้องไห้น่ารำคาญไม่ก็คงตัวสั่นงกๆสวดขอพรจากพระเจ้าไปแล้วแท้ๆ...
ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะค่อยๆย้ายตัวเองมานั่งที่ตักเขา รถส่ายไปมาตามทัศนวิสัยที่ถูกบดบังแต่ร่างโปร่งบางกลับยังหัวเราะชอบใจก่อนจะช่วยหมุนพวงมาลัยด้วยอีกแรง ถึงจะทุลักทุเลไปบ้างแต่ตอนนี้ร่างบางๆของเด็กนี่ก็ย้ายมานั่งบนตักเขาได้ในที่สุด
"โอเค...คุณยกเท้าออกจากเบรคได้แล้ว"
ร่างโปร่งบางขยับตัวเล็กน้อยให้ตัวเองนั่งได้ถนัดขึ้นทั้งพวงมาลัยทั้งเบรค คลัช และคันเร่งถูกคนที่นั่งบนหน้าตักของเขาครอบครองไปโดยสมบูรณ์รถที่เคยวิ่งไปกระตุกไปออกวิ่งสมกับเป็นรถจนได้ สองมือที่ไม่ต้องจับอะไรแล้วโอบรอบเอวที่บางกว่าเขาเกือบครึ่งเอาไว้หลวมๆแต่เจ้าตัวกลับไม่มีท่าทีรังเกียจเลยสักนิด
"นายทำงานที่คลับนั่น?"
"ฮะ..."
นัยน์ตาคู่คมหรี่ลงข้างหนึ่งริมฝีปากทำท่าว่าจะขยับพูดอะไรออกไปแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้แล้วเอาแต่จ้องมองลาดไหล่ที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างจนแทบจะหลุดจากหัวไหล่แทน
"อยากจะถามว่าผมทำเรื่องอย่างว่าด้วยรึเปล่างั้นเหรอฮะ?"
ดูเหมือนเขาจะถูกรู้ทันสินะ...
"หึ...แล้วคืนหนึ่งหาเงินได้เท่าไหร่?"
"ก็ราวๆสามถึงสี่ร้อยปอนด์...ถ้าเจอคนใจป้ำหน่อยก็พันอ๊ะ!...ฮ่าๆๆเดี๋ยว!!...ทำอะไรคุณ!!?.."
มือตรงเข้าจี้เอวบางๆนั่นด้วยข้อหาหมั่นไส้ที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาโดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยสักนิดเจ้าตัวถึงได้หัวเราะร่าส่ายเอวไปมาหลบมือของเขาพอๆกับรถที่หลบคันซ้ายทีคันขวาทีพร้อมกับเสียงแตรไล่หลังมาจนแสบแก้วหูแต่...นั่นมันก็ทำให้เขายิ้มแบบไม่ต้องฝืนออกมาได้เป็นครั้งแรก...ใบหน้ามนหันมาค้อนควับให้เขาผ่านกระจกมองหลังก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ
สองแขนรั้งร่างโปร่งบางตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น ใบหน้าคมหล่อเกยลงไปบนลาดไหล่เปลือยเปล่าเอาไว้ กลิ่นกายอ่อนๆที่ลอยมาแตะจมูกทำให้เขารู้แล้วว่าอะไรที่ดึงดูดสายตาของเขา นัยน์ตาคู่คมสีขี้เถ้ามองตรงไปที่กระจกมองหลังสบกับดวงตากลมโตที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ามันสีอะไรมองเขาผ่านกระจกนั่น ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆราวกับที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายสองคนนั่งซ้อนกันที่ตำแหน่งคนขับแถมอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมแบบนี้อีกต่างหากมันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาตรงใหน?
"คุณอายงั้นเหรอฮะที่ต้องนั่งอยู่แบบนี้?"
"อะไรที่ทำให้นายคิดแบบนั้น?" บอกตรงๆว่าเขาไม่ได้รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อยกลับกัน...คนที่ควรจะอายน่ะ...
"อ๊ะ!...ผมหมายถึงคุณดูมีหน้ามีตาในสังคมไม่กลัวคนรู้จักเห็นเหรอฮะว่าคุณมากับผม?"
"ก็แค่สังคมจอมปลอม"
เพราะตัวเขาก็ทำอะไรไม่สนข่าวลืออยู่แล้ว...แค่มีเงินซะอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดได้หมดนั่นแหละอาจจะฟังดูเกินจริงแต่สังคมที่เขาอยู่มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้ว...
"นายอายุเท่าไหร่"
"ลองทายสิฮะ"
"20.....4"
"หื๋มม์~~..." ไอ้เสียงยานคางนั่นมันอะไรหรือว่าเขาทายผิด?
"จริงๆแล้ว23ปี6เดือนกับอีก9วันแต่จะอนุโลมให้คุณเป็นกรณีพิเศษละกัน"
"หึ..." อะไรกัน?...แค่คุยเรื่องไร้สาระกับเด็กนี่ทำไมเขาถึงได้หลุดหัวเราะออกมาได้ง่ายๆแบบนี้?...กะอิแค่เรื่องอายุไม่ใช่เรื่องงานที่ทำเงินให้ทำไมเขาถึงยิ้มออกมาได้กัน?...
"แล้วคุณล่ะ?"
"ลองทายดูสิ" แค่อยากจะแหย่อีกฝ่ายเล่น...
"40อัพอย่างไม่ต้องสงสัย!" แต่น้ำเสียงสดใสนั่นกลับตอบออกมาเสียงดังฟังชัดซะจนเขาได้แต่ขมวดคิ้วจนเป็นปม...
"ชั้นดูแก่ขนาดนั้นเลย?"
"ฮะฮะ...ผมล้อเล่นหรอกน่า...30นิดๆใช่รึเปล่า?"
"ก็พอรับได้" ใบหน้าคมหล่อหยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะเหลือบมองแก้มใสๆที่อยู่ห่างจากปลายจมูกของเขาไม่กี่เซ็นต์ ไวเท่าความคิดจมูกโด่งเป็นสันฝังลงไปบนแก้มใสตรงหน้าให้คนที่กำลังถูกเขาลวนลามเอียงคอหลบไปเล็กน้อย...ไม่มีคำด่าหรือห้ามปรามหลุดออกมา...มีเพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น...เพราะงาน?...หรือเพราะเงินที่เขาจ่ายไป?...
50ปอนด์นี่ทำได้ขนาดใหนกัน?...
"นายเป็นเกย์?"
"ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกฮะ...แต่พอลองจินตนาการว่ากำลังทำกับผู้หญิงมันรู้สึกแปลกๆ...แล้วคุณล่ะ?"
"ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์...ไม่รู้สิชั้นไม่เคยนอนกับผู้ชาย" ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน...ไม่แม้แต่จะมีเศษเสี้ยวแว๊บเข้ามาในหัวเลยด้วยซ้ำ
"ฮะฮะ...อยากลองรึเปล่าล่ะฮะผมลดให้เป็นกรณีพิเศษ"
"ถ้าเหลือครึ่งนึงชั้นอาจจะสน" ก็แค่อยากจะแกล้งเด็กนี่เล่น...
"อืมม~...งั้นหกร้อยล่ะกัน" แต่ดูเหมือนเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายถูกแกล้ง...
"นั่นเรียกว่าลดแล้วรึไง?"
"อ๊ะถึงแล้วฮะ!"
บทสนทนาถูกตัดไปซะดื้อๆ ร่างโปร่งบางเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าโรงแรมจนกระทั่งพนักงานโรงแรมมายืนที่ข้างรถแล้วแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้ร่างที่นั่งอยู่บนตักเป็นอิสระ ทั้งๆที่เห็นท่าทางตกใจของพนักงานที่มารอเอารถไปจอดแต่เขากลับไม่คิดจะสนใจ...ทำไมกันนะ?...
"เฮ้!...คุณหลับเหรอฮะ?"
"เปล่า..." เขาจำใจต้องปล่อยเมื่อถูกอีกฝ่ายทักท้วง ร่างโปร่งบางโบกมือให้เขาก่อนจะเดินออกไป แผ่นหลังบางนั่งอยู่บนราวกั้นถนนตรงป้ายรถเมล์ทำให้เขาต้องยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู...จะกลับรถเมล์อย่างงั้นเหรอ?...ป่านนี้แล้วเนี้ยนะ?...
หรือจะกลับแท็กซี่?...
ร่างสันทัดยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานโดยไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาต้องการแบบใหน คีการ์ดถูกยื่นมาตรงหน้าและเขาก็คว้าเอามาถือไว้ ใบหน้าคมหล่อหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนราวถนนอีกครั้งแท็กซี่วิ่งผ่านใบหน้ามนนั่นไปแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะขยับกายโบกแต่อย่างใด?
ขาที่ควรจะเดินตามพนักงานโรงแรมขึ้นห้องพักไปกลับหันปลายเท้าออกไปด้านนอกแทนและคงจะรับรู้ได้หรือการมาของเขาใบหน้ามนถึงได้หันกลับมามองเขาแล้วยิ้ม
"นายพักอยู่ที่ใหน?"
"แถวๆมหาวิหารเซ้นต์พอลฮะ"
"จะกลับยังไง?"
"แท็กซี่"
"แต่มันเพิ่งวิ่งผ่านหน้านายไปแล้วสามคัน?"
"ฮะฮะ...ดูอยู่หรอกเหรอเนี้ย?...จริงๆแล้วเพื่อนผมกำลังจะมารับน่ะฮะ"
เจ้าเด็กตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้วยกันงั้นสินะ?...เด็กคนนั้นออกไปกับแขกไม่ใช่รึไงแถมยังไปคนละทางกับพวกเขาอีกเขารู้...
"ถ้าชั้นจะ..."
"ขอโทษฮะ...ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลย..."
"แค่ไปค้างคืนเท่านั้น...ชั้นจะไม่แตะต้องนาย...คิดเท่าไหร่?"
"ห๊ะ!?..." ใบหน้ามนตวัดกลับมามองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันกลับไปก้มมองพื้นตรงหน้า...อย่าว่าแต่เด็กนั่นเลย...เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไร...
"หนึ่งพัน..." ร่างโปร่งบางพูดออกมาทั้งๆที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา...เขารู้ว่าเด็กนี่แค่พูดออกมาส่งๆ...ไม่มีใครยอมจ่ายหนึ่งพันปอนด์โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย...คงจะกำลังคิดแบบนั้น...
"ห้าร้อย"
ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาเบาๆจากริมฝีปากอิ่มนั่น...คงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไรเพราะเด็กนี่ฉลาดกว่าที่เขาคิด...
"แปดร้อยขาดตัว"
"เก้าร้อย"
"เฮ้!...คุณข้ามไปขั้นหนึ่งหนิต้องสามร้อยสิ!" จริงๆแล้วมันต้องลดลงไปเป็นเลขคี่ต่างหาก...ไม่มีการต่อรองอะไรที่ต้องเพิ่มให้ฝ่ายตรงข้ามแบบนี้หรอกเพราะนั่นมันคือกฏเหล็กของธุรกิจ...แต่สำหรับเด็กนี่...เขาจะยอมขาดทุนดูสักครั้งก็แล้วกัน...
"ชั้นชนะ?...นักธุรกิจพูดแล้วกลับคำไม่ได้นะรู้ใช่มั้ย"
"คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"
"เพิ่งรู้รึไง?" ใบหน้ามนถอนหายใจลากยาวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อดี...มันไม่ถูกต้องเขารู้และมั่นใจว่าคนๆนี้ก็รู้ด้วยเหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะอ้อมแขนอันอบอุ่นและทรงพลังถึงแม้ว่าจะไม่ได้กอดรัดแน่นหนาอะไรนี่ล่ะมั้ง?
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue....
เอาเรื่องนี้มาลงให้อ่านไปพลางๆก่อนนะคะแหะๆ...จริงๆเรื่องนี้แต่งลงที่เว็บเด็กดีค่ะได้7ตอนแระเห็นบล็อคว่างๆไม่ใช่ขี้เกียจน้า~
อ่านเรื่องนี้ไปก่อนนะคะเดือนนี้ต้องเข้าไปทำงานเลยยุ่งๆนิดหน่อยไว้ว่างเมื่อไหร่จะรีบมาทลายไหค่ะ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น