10 พ.ย. 2558

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren]  Lolita : 01

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren]  Lolita : 01

:Fanfiction Attack on titan


:Pairing : Levi x Eren


:Genres : E+Ro+Man+tic


:Rate : PG-15


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ









     เสียงเพลงจากสวนหน้าบ้านพักตากอากาศสุดหรูฟังดูน่ารำคาญพอๆกับเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากมือถือที่ยกออกห่างจากหูเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ใบหน้าคมคายจนจัดว่าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจบดบังจุดบกพร่องเรื่องส่วนสูงที่ขาดมาตรฐานเล็กน้อยไปถนัดตานั่นนิ่งเฉยจนถึงขั้นเย็นชาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเสียงโอดครวณของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าคนรักเลยสักนิด


ถ้าคบกับเขาแล้วมันลำบากนักล่ะก็...


"ต้องการเท่าไหร่?"


คำพูดตัดบทสั้นๆและไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดแบบนี้ออกไป ปลายสายดูจะอึ้งไปนิดๆก่อนที่เจ้าหล่อนจะแผดเสียงลั่นใส่เขา


"ฉันจะฟ้องคุณ!!!"


ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับไปว่า"ตามสบาย"ปลายสายก็ตัดไปซะแล้วเรื่องงี่เง่าซ้ำซากน่าเบื่อพวกนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยห่างหายจากผู้ชายที่ชื่อ"รีไวล์"ได้สักทีเพราะฐานะทางสังคมและรูปลักษณ์อันดึงดูดเพศตรงข้ามนี่ด้วยล่ะมั้งข้างๆกายถึงได้มีแต่สาวสวยโปรไฟล์สูงอยู่ไม่ขาด


แต่รายใหนก็รายนั้นมักจะจบแบบเดิมซ้ำๆทั้งๆที่ก่อนคบกันเขาก็บอกออกไปชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช้เวลาทุ่มเทกับความรักอย่าคาดหวังสิ่งเหล่านั้นจากเขาก็ไม่เห็นปฏิเสธสักรายพอแบบนี้แล้วจะมาร้องไห้ฟูมฟายเรียกร้องอะไรจากเขาอีก?


"คุณรีไวล์ครับ...ท่านรัฐมนตรีมาถึงแล้วครับ!"


มือคว้าสูทที่พาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาสวมก่อนจะเดินนำออกจากห้องพักส่วนตัวไปทั้งๆที่อุตส่าห์ปลีกตัวมาหามุมสงบๆแต่กลับต้องเจอเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นแทนซะได้


"ยิ้มด้วยนะครับ"


เลขาส่วนตัวแอบกระซิบที่ข้างหูเมื่อดูเหมือนเจ้านายตัวเองจะยังไม่ออกจากโหมดหน้าปลาตาย


"รู้แล้วน่า...เออนี่!"


"ครับ?"


"เตรียมทนายเอาไว้ด้วยนะ"


"อีกแล้วเหรอครับ?"


"อืม..."  


เลขาหนุ่มได้แต่มองตามเจ้านายของตัวเองไปอย่างระเหี่ยใจ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกก็จริงแต่ความยุ่งยากมันไม่ได้จบตามความสัมพันธ์เสียเมื่อไหร่...ก็อย่างที่บอกว่าคู่ควงของเจ้านายเขาเป็นพวกโปรไฟล์สูง ไม่นางแบบนักแสดงก็เหล่าลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น ทุกครั้งจะจบด้วยการฟ้องร้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลแต่ทนายของพวกเขาก็เก่งกาจสมกับเป็นคนของผู้ชายที่ชื่อรีไวล์ถึงจะไม่ต้องจ่ายเงินมากขนาดนั้นแต่ก็เหนื่อยเอาการถ้าจะสลัดทิ้งกันเดือนเว้นเดือนแบบนี้


เป็นคนที่ใช้ผู้หญิงเปลืองที่สุดแล้วในทุกๆคนที่เขารู้จักและร่วมงานมาถึงจะมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เรื่อยแต่เพราะฝีมือการทำงานที่จัดว่าร้ายกาจนั่นล่ะมั้งเขาถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ธุรกิจที่ต้องเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาลจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่ทั่วทุกมุมโลกอย่างเจ้านายของเขาจะลังเลไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...ถ้าพลาดก็หมายถึงทุกอย่างจบลงโดยไม่มีโอกาสให้แก้ตัว


เข้าแทรกแซงบริษัทที่กำลังจะล้มละลายหรือที่เรียกกันติดปากว่าเทคโอเวอร์แล้ววางแผนบริหารใหม่ทั้งหมดก่อนจะขายทอดตลาดออกไปในราคาที่สูงลิบเป็นเท่าตัว


แน่นอนว่าบริษัทภายใต้การบริหารของรีไวล์โดยมีหัวหอกคู่ใจเจ้ากลยุทธอย่างเอลวิน สมิทธแล้วไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศก็มีนักลงทุนกระเป๋าหนักจ่อคิวรอซื้อต่ออยู่แล้วสมกับฉายาที่ใครๆต่างก็เรียกคนทั้งสองว่า"คิงเมคเกอร์"เพราะฉะนั้นต่อให้มีข่าวฉาวมากแค่ใหนแต่ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือนักธุรกิจก็พร้อมจะยกลูกสาวตัวเองใส่พานถวายให้เผื่อว่าลูกสาวของตนจะสามารถมัดหัวใจอันเย็นชาดวงนั้นเอาไว้ได้


ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครทำได้สักราย...



ปลายนิ้วคลายปมเนคไทเอาไว้หลวมๆ กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดลงมาอีกสองเม็ดเพื่อจะได้หายใจหายคอให้สะดวกขึ้น ใบหน้าที่ปั้นยิ้มอยู่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมากลับมีเย็นชาเป็นพวกไร้อารมณ์อีกครั้งหลังจากส่งแขกคนสุดท้ายเสร็จ ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามน่ามองน่าหลงใหลแต่ไม่ได้มากเกินไปจนดูเทอะทะเดินไปเปิดประตูด้านระเบียงให้สายลมเย็นๆหอบเอากลิ่นทะเลมาปะทะใบหน้า ถึงจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนักแต่อะไรบางอย่างทำให้รู้ว่าเจ้าของทรงผมรองทรงสูงไถเกรียนที่ด้านหลังกำลังรู้สึกผ่อนคลาย เพราะไม่งั้นคงไม่มายืนพิงกรอบประตูรับลมอยู่แบบนี้


"เหนื่อยหน่อยนะ"


แก้วบรั่นดีถูกยื่นมาตรงหน้า มือหนาจึงรับมาถือเอาไว้หมุนวนให้ก้อนน้ำแข็งกระทบแก้วทำลายความเงียบสงบ ผู้มาใหม่เดินออกไปหันหลังพิงราวระเบียงด้วยท่าทางสบายๆอย่างที่ยามปรกติจะไม่ค่อยได้เห็น

...

ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าและชอบวางมาดน่าเกรงขามแทบจะตลอดเวลา"เอลวิน สมิทธ"เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่เขามี บอกตรงๆว่าตอนที่รู้จักกันครั้งแรกเขาหมั่นไส้ท่าทางขี้เก๊กคุณชายจ๋าของหมอนี่เอามากๆแต่จำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงยังคบกันมาได้ยืนยาวขนาดนี้แต่สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันก็คงจะเป็นอุดมการณ์ล่ะมั้ง?


ถึงอุดมการณ์ของเขาจะไม่แรงกล้าเท่าของหมอนี่ก็เถอะ...


"พรุ่งนี้มีประชุมตอนสิบโมงจากนั้นก็ฟรีนายอยากจะไปใหนเป็นพิเศษรึเปล่า?"


"งั้นเหรอ...งั้นเอากุณแจรถนายมาที"


"จะไปใหน...นี่มันจะตีสองแล้วนะพรุ่งนี้เรา..."


"มีประชุมตอนสิบโมง...ชั้นกลับมาทันน่า"


".....ตามใจ"     มือยอมล้วงกุณแจรถให้แต่โดยดี เดาว่าอากาศดีๆแบบนี้รีไวล์คงอยากขับรถกินลมบ้าง นัยน์ตาสีฟ้าครามมองตามเพื่อนสนิทเดินถือสูทพาดบ่าออกไปโดยที่เขาเองก็ลืมบางอย่างไป


"คุณรีไวล์ล่ะครับ?"


เลขาส่วนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่คงจะเป็นเนื้อหาการประชุมของพรุ่งนี้ เอลวินทำเพียงยักไหล่น้อยๆบอกว่าไม่ต้องใส่ใจแต่อีกฝ่ายกลับถอนหายใจลากยาวออกมาแทน


"ถ้าไม่ไปชนใครเข้าก็คงดีนะครับ"


"แย่ล่ะสิ!..."     เขาลืมไปเสียสนิทว่าหมอนั่นขับรถได้ห่วยแตกขนาดใหนแถมยังเป็นจอมหลงทางอันดับหนึ่งอีกต่างหาก!...ต่อให้รถของเขามีระบบนำทางที่ทันสมัยขนาดใหนก็ตามแต่อย่าหวังว่าคนอย่างรีไวล์มันจะใช้ในเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยอื่นๆนอกจากมือถือกับคอมพิวเตอร์แล้วหมอนั่นติดลบจนน่ากลัวพอๆกับการขับรถเลยทีเดียว!





     เก๋งสปอร์ตราคาหลายล้านวิ่งไปกระตุกไปไม่สมกับเป็นรถที่มีประสิทธิภาพสูงเลยแม้แต่น้อย ทั้งเบรคทั้งคลัชและคันเร่งถูกเหยียบสลับกันมั่วไปหมด รถหรูคันงามถึงได้เดี๋ยวพุ่งเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวกระตุกจนคนที่อยู่หลังพวงมาลัยได้แต่สบถออกมาตลอดทาง


เห็นทีคงต้องหาเวลาไปเรียนขับรถอย่างจริงๆจังๆซะแล้ว?...


และแทนที่จะขับชิวๆกินลมอยู่นอกเมืองแล้วไหงถึงได้หลงเข้ามาในย่านท่องราตรีแบบนี้ได้ก็ไม่รู้?...จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะมีทั้งเสียงเบรคและคำอวยพรตามหลังมาติดๆเพราะต่อให้ดึกมากขนาดใหนแถวนี้ผู้คนก็ยังพลุกพล่านแถมยังมีแอลกอฮอล์เป็นชนวนให้อารมณ์พุ่งพล่านอีกต่างหาก


อยากจะลงไปต่อยปากไอ้คนที่มันแหกปากโวยวายอยู่ด้านหลังแต่เพราะฝีมือขับรถเขามันห่วยแตกจริงๆ มือจึงยอมหักพวงมาลัยเข้าข้างทางเสียงครืดๆๆที่ดังจนแสบแก้วหูทางฝั่งประตูคนขับไม่ต้องเดาให้ยากว่าเขากำลังเอาสีข้างลูกชายสุดรักของเจ้าเอลวินครูดมากับราวกั้นถนนก่อนจะมาจอดแน่นิ่งอยู่ที่หน้าคลับแห่งหนึ่ง


แสงไฟที่แปลกตาไปจากคลับอื่นๆที่อยู่ข้างกันทำให้ใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดเงยขึ้นไปมองพรางหาตัวช่วยไปในตัวแล้วชื่อของคลับแห่งนี้ก็ทำให้นัยน์ตารีขวางหรี่ลงน้อยๆ


"Bruno. ..เหรอ?"


เขาเคยมาที่นี่สองหรือสามครั้งก็ไม่แน่ใจแต่กว่าจะรู้ว่ามันเป็นคลับเฉพาะก็ครั้งสุดท้ายโน่นแหละ..สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปเขาก็รู้แต่ไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะมีสถานที่สำหรับคนที่มีรสนิยมต่างออกไปแบบนี้ด้วย...มันทำให้เขารู้สึกทึ่งนิดหน่อยแถมที่นี่ยังเป็นคลับแบบปิดให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นและที่สำคัญแขกของที่นี่กว่า90%เป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมที่เห็นได้บ่อยๆตามทีวีหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น


มือล้วงเอาบุหรี่ออกมาคาบเอาไว้ทั้งๆที่สายตากำลังมองหาใครสักคนที่พอจะช่วยเขาได้...ที่เดินออกมาจากคลับนั้นคนเดียวไม่ใช่มาเป็นคู่...








    มือบางขยี้หัวตัวเองเบาๆให้ผมที่จัดแต่งทรงด้วยเจลตกลงมาปรกหน้าผากเหมือนกับตอนที่เข้ามาในคลับ ก่อนจะหันมาดึงเนคไทลงปลดกระดุมเสื้อกั๊กเข้ารูปที่สวมทับเสื้อเชื้ตคอตั้งสีขาวเอาไว้ออก ร่างกายท่อนล่างสวมกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำเข้ารูปกับรองเท้าหนังขัดเงามันวาวของแบรนดังอย่างที่ลำพังตัวเองคงไม่มีปัญญาซื้อถ้าไม่ใช่ทางร้านเป็นคนจัดเตรียมให้...นี่ถ้าสวมสูทปีกค้างคาวด้วยคงหลงคิดว่า ตัวเองเป็นพ่อบ้านหนุ่มน้อยที่หลุดมาจากศตวรรษที่19อย่างในอนิเมะเรื่องโปรดซะอีก


"คนหลงตัวเอง"


น้ำเสียงเย้าแหย่มาจากเพื่อนร่างเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาให้ใบหน้ามนที่กำลังมองตัวเองในกระจกถึงกับหลุดยิ้มออกมา...


ก็หล่อจริงๆนี่นา...ไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย...


"วันนี้ไม่ได้ไปต่อที่ใหนใช่มั้ยเอเลน?"


มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองถึงกับหยุดชะงักเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเอาเปรียบเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวยังไงก็ไม่รู้แถมนี่ก็เกือบจะสิ้นเดือนแล้วใหนจะค่าเช่าใหนจะต้องจ่ายให้คนพวกนั้นอีก...


"อื้อ!...โทษทีนะอาร์มิน...พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ"


"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย...แค่ฝากซื้อแซนวิสกับนมไปเผื่อผมด้วยละกันใช้พลังงานเยอะแล้วมันหิวนะรู้มั้ย"


"โอเค...งั้นวันนี้ชั้นเลี้ยงพอดีไปทิปมานิดหน่อย"


"หื๋มม์...พ่อคนใจป้ำ"   จริงๆแล้วแค่เรื่องกินมันไม่ได้สำคัญว่าใครจะเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายแต่ถ้าคนใดคนหนึ่งกลับห้องก่อนก็มักจะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปอยู่แล้วแต่ที่พูดแบบนั้นก็แค่รู้สึกผิดเท่านั้น  สองแขนผอมบางสวมกอดเพื่อนร่างเล็กจากด้านหลังเกยคางเอาไว้กับไหล่เล็กๆแต่กลับเข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าน่ารักยิ้มให้เขาผ่านกระจกเพราะคงรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไร


"รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะแล้วไปส่งผมที่หน้าคลับด้วยยืนคนเดียวมันเหงา"


"ตามนั้น"


ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีจากชุดพนักงานเรียบหรูก็เหลือเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์ราคาตามท้องตลาดทั่วไปกับรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้มสูงถึงเข่าคู่โปรด อาร์มินยังอยู่ในชุดที่ดูดีมีราคาขึ้นไปอีกนิดเพราะอย่างที่บอกไปว่าต้องไปต่อกับลูกค้า ทั้งสองร่างเดินออกมาจากประตูด้านข้างที่ใช้สำหรับพนักงานของคลับก่อนที่ร่างโปร่งบางจะมายืนเป็นเพื่อนอาร์มินเยื้องจากหน้าคลับมาเล็กน้อย


"เอเลนดูนั่นสิ"


อาร์มินสะกิดต้นแขนให้เขามองตามสายตาตัวเองไปที่รถสปอร์ตที่จอดแน่นิ่งถัดจากที่พวกเขายืนอยู่เล็กน้อย...จริงๆแล้วเขาก็สะดุดตาตั้งแต่เดินออกมาแล้วแต่วันนี้เขาไม่อยากออกไปกับใครต่อเลยทำเป็นไม่สนใจตั้งแต่แรก


"ดูเหมือนเค้าจะต้องการความช่วยเหลือนะดูสภาพรถสิยับมาซะขนาดนั้น"


ควันสีขาวที่พ่นออกมาจากคนที่นั่งเท้าแขนกับประตูรถทำให้เห็นไม่ชัดว่าหน้าตาคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับมีสีหน้าแบบใหน...เมาหนักหรือว่าแค่อึนๆ?


"เอาน่าเอเลนช่วยเขาหน่อยแค่พาไปทิ้งไว้โรงแรมใหนก็ได้"


"เอาจริงดิ?"


"เออสิ...นี่ถ้าฉันไม่ไปต่อไม่เกี่ยงนายหรอกน่าอย่างน้อยๆก็น่าจะไม่ต่ำกว่า20ปอนด์แน่ๆ"   ใบหน้ามนมีสีหน้าครุ่นคิดตามคำพูดของเพื่อนร่างเล็กก็จริงที่บ่อยครั้งพวกเขามักจะเจอกับลูกค้าที่หมดสภาพและต้องการคนนำทางแต่ก๊บ่อยครั้งที่เจอ...พวกที่อยากจะทำอย่างอื่นนอกจากคนนำทางด้วยนี่สิ?...ก็บอกแล้วว่าวันนี้เขาไม่อยากรับแขกเพราะรู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวเหมือนจะมีไข้...


"งั้น...สภาพชั้นโอเคยัง?"   แต่ถ้าแค่เป็นไกด์ก็พอไหว...


มือไม้จัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองโดยมาเพื่อนร่างเล็กช่วยจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้ด้วยใบหน้าที่อมยิ้มทั้งคู่


"เพอร์เฟค!...ไปได้!"


แผ่นหลังโปร่งบางถูผลักด้วยฝ่ามือเล็กของเพื่อนสนิท มือบางยกขึ้นมาป้องปากตัวเองพ่นลมหายใจออกมาพิสูจน์ว่าไม่มีกลิ่นปากก่อนจะกระแอมไอเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองแล้วตรงไปยังเป้าหมายทันที



มือที่กำลังคีบบุหรี่เอาไว้ลดระดับลงน้อยๆเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของใครอีกคน...ที่จริงเขาเองก็กำลังมองทั้งคู่ผ่านกระจกมองข้างมาไปสักพักแล้วเช่นกันจึงทันได้เห็นท่าทางตลกๆของทั้งคู่และมันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย


จะว่าตลกมันก็ตลกแต่จะบอกว่าน่ามองมันก็ใช่แต่อะไรบางอย่างทำให้เขาจ้องมองร่างโปร่งบางที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆผ่านกระจกมองข้างอย่างไม่อาจละสายตา


รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร?...


"เฮ้คุณตรงนั้น!...มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?"


ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มบางๆที่มุมปาก และนัยน์ตาคู่คมก็มองตรงไปที่ใบหน้ามนที่โน้มลงมาใกล้อย่างไม่คิดจะปิดบังเมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นเองก็มองหน้าเขาตรงๆเช่นเดียวกัน ใบหน้าได้รูปแต่ออกจะดูแปลกตาไปเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวใช้คำพูดแทนตัวเองว่า"ครับ"ถ้าใช้ค่ะมันจะเข้ากับใบหน้าสวยๆนี่กว่ารึเปล่านะ?


"...ชั้นกำลังหาทางไปซาวอยน่ะ...รู้จักรึเปล่า?"   เป็นชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาเคยมาพักที่โซโหถึงจะไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำเทมส์แต่ก็สามารถมองเห็นได้เหมือนกัน...ไม่ได้อยากจะไป...แค่อยากจะลองภูมิเด็กนี่ดูก็เท่านั้น...


"20ปอนด์"   รู้จักอย่างนั้นสินะ...


"แพงไปมั้ง?"


"สำหรับคนหลงทางน่ะนะครับ"


"หึ...."   ก็ถือว่าฉลาดพอตัว...มือล้วงเอากระเป๋าตังส์ขึ้นมาเปิดดูแต่แบงค์ที่ดึงขึ้นมากลับไม่ใช่แบงค์20ปอนด์อย่างที่อีกคนเรียกราคา...


"ชั้นมาแต่แบงค์50..."


"งั้นก็ไปส่งถึงที่เลยละกัน"


มือบางคว้าเอาแบงค์50ปอนด์ในมือเขาไปก่อนจะวิ่งข้ามมานั่งที่เบาะข้างคนขับให้เขาได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างทึ่งนิดๆ...


เด็กสมัยนี้ไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยรึไง?...


"เลี้ยวซ้ายที่แยกหน้าฮะ"


ร่างโปร่งบางผายมือให้กับเขาที่หลุดหัวเราะในลำคอออกมาอีกครั้งแล้วรถที่จอดนิ่งมากว่าครึ่งชั่วโมงก็พุ่งทยานออกไปอีกครั้ง แน่นอนว่ามันกระตุกได้เลวร้ายเหมือนในตอนแรกแต่เจ้าคนข้างๆกลับหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจแทนที่จะตกใจกลัว


"ฮะฮะ...ผมสงสารรถคุณจังแผลนั่นก็เพิ่งได้มางั้นเหรอ?"   หมายถึงไอ้รอยลากยาวทางฝั่งเขาสินะ...


"สดๆร้อนๆ...แต่ไม่ใช่รถชั้นหรอกนะ...ยืมเค้ามาอีกที"


"ผมก็ว่างั้น"


"หมายความว่าไง?"   หรือคิดว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อไอ้รถกระป๋องนี่?...


"ท่าทางคุณเหมือนพวกที่นั่งเปิดแฟ้มเล่นที่เบาะหลังมากกว่าโอ๊ว!!?.."


เท้าเผลอไปเหยียบเบรคเข้าอย่างจังจนใบหน้ามนแทบจะชนเข้ากับคอนโซลหน้าดีที่เจ้าตัวยกมือมายันเอาไว้ทัน ตัวบางๆสั่นหงึกๆจากการกลั้นขำให้กับการขับรถของเขาจนอยากจะเอื้อมมือไปดึงแก้มใสๆให้ย้วยคามือจริงๆ


"ให้ผมขับมั้ย?"   ข้อเสนอที่ทำให้เขาได้แต่เลิกคิ้วสูง


"นายขับเป็น?"   แต่ใบหน้ามนนั่นกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี?


"น่าจะดีกว่าคุณแน่ๆ"


เขายักไหล่น้อยๆแล้วปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่งก่อนจะชำเรืองมองใบหน้ามนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก...เขาคิดว่าเด็กนี่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?...ไม่ได้มีบ่อยนักหรอกที่คนอย่างเขาจะแกล้งใครเล่นแบบนี้...ไม่สิ...


เขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยต่างหาก...


แต่ด้วยท่าทางสบายๆไม่กลัวตายแถมยังหัวเราะซะยกใหญ่ทุกครั้งที่รถกระตุกนั่นแหละที่รู้สึกว่ายอมให้ไม่ได้...เป็นคนอื่นคงร้องไห้น่ารำคาญไม่ก็คงตัวสั่นงกๆสวดขอพรจากพระเจ้าไปแล้วแท้ๆ...


ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะค่อยๆย้ายตัวเองมานั่งที่ตักเขา รถส่ายไปมาตามทัศนวิสัยที่ถูกบดบังแต่ร่างโปร่งบางกลับยังหัวเราะชอบใจก่อนจะช่วยหมุนพวงมาลัยด้วยอีกแรง ถึงจะทุลักทุเลไปบ้างแต่ตอนนี้ร่างบางๆของเด็กนี่ก็ย้ายมานั่งบนตักเขาได้ในที่สุด


"โอเค...คุณยกเท้าออกจากเบรคได้แล้ว" 


ร่างโปร่งบางขยับตัวเล็กน้อยให้ตัวเองนั่งได้ถนัดขึ้นทั้งพวงมาลัยทั้งเบรค คลัช และคันเร่งถูกคนที่นั่งบนหน้าตักของเขาครอบครองไปโดยสมบูรณ์รถที่เคยวิ่งไปกระตุกไปออกวิ่งสมกับเป็นรถจนได้ สองมือที่ไม่ต้องจับอะไรแล้วโอบรอบเอวที่บางกว่าเขาเกือบครึ่งเอาไว้หลวมๆแต่เจ้าตัวกลับไม่มีท่าทีรังเกียจเลยสักนิด


"นายทำงานที่คลับนั่น?"


"ฮะ..."


นัยน์ตาคู่คมหรี่ลงข้างหนึ่งริมฝีปากทำท่าว่าจะขยับพูดอะไรออกไปแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้แล้วเอาแต่จ้องมองลาดไหล่ที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างจนแทบจะหลุดจากหัวไหล่แทน


"อยากจะถามว่าผมทำเรื่องอย่างว่าด้วยรึเปล่างั้นเหรอฮะ?"


ดูเหมือนเขาจะถูกรู้ทันสินะ...


"หึ...แล้วคืนหนึ่งหาเงินได้เท่าไหร่?"


"ก็ราวๆสามถึงสี่ร้อยปอนด์...ถ้าเจอคนใจป้ำหน่อยก็พันอ๊ะ!...ฮ่าๆๆเดี๋ยว!!...ทำอะไรคุณ!!?.."


มือตรงเข้าจี้เอวบางๆนั่นด้วยข้อหาหมั่นไส้ที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาโดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยสักนิดเจ้าตัวถึงได้หัวเราะร่าส่ายเอวไปมาหลบมือของเขาพอๆกับรถที่หลบคันซ้ายทีคันขวาทีพร้อมกับเสียงแตรไล่หลังมาจนแสบแก้วหูแต่...นั่นมันก็ทำให้เขายิ้มแบบไม่ต้องฝืนออกมาได้เป็นครั้งแรก...ใบหน้ามนหันมาค้อนควับให้เขาผ่านกระจกมองหลังก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ


สองแขนรั้งร่างโปร่งบางตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น ใบหน้าคมหล่อเกยลงไปบนลาดไหล่เปลือยเปล่าเอาไว้ กลิ่นกายอ่อนๆที่ลอยมาแตะจมูกทำให้เขารู้แล้วว่าอะไรที่ดึงดูดสายตาของเขา  นัยน์ตาคู่คมสีขี้เถ้ามองตรงไปที่กระจกมองหลังสบกับดวงตากลมโตที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ามันสีอะไรมองเขาผ่านกระจกนั่น ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆราวกับที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดา  ผู้ชายสองคนนั่งซ้อนกันที่ตำแหน่งคนขับแถมอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลมแบบนี้อีกต่างหากมันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาตรงใหน?


"คุณอายงั้นเหรอฮะที่ต้องนั่งอยู่แบบนี้?"


"อะไรที่ทำให้นายคิดแบบนั้น?"   บอกตรงๆว่าเขาไม่ได้รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อยกลับกัน...คนที่ควรจะอายน่ะ...


"อ๊ะ!...ผมหมายถึงคุณดูมีหน้ามีตาในสังคมไม่กลัวคนรู้จักเห็นเหรอฮะว่าคุณมากับผม?"


"ก็แค่สังคมจอมปลอม"


เพราะตัวเขาก็ทำอะไรไม่สนข่าวลืออยู่แล้ว...แค่มีเงินซะอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดได้หมดนั่นแหละอาจจะฟังดูเกินจริงแต่สังคมที่เขาอยู่มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ใหนแต่ไรแล้ว...


"นายอายุเท่าไหร่"


"ลองทายสิฮะ"


"20.....4"


"หื๋มม์~~..."   ไอ้เสียงยานคางนั่นมันอะไรหรือว่าเขาทายผิด?


"จริงๆแล้ว23ปี6เดือนกับอีก9วันแต่จะอนุโลมให้คุณเป็นกรณีพิเศษละกัน"


"หึ..."   อะไรกัน?...แค่คุยเรื่องไร้สาระกับเด็กนี่ทำไมเขาถึงได้หลุดหัวเราะออกมาได้ง่ายๆแบบนี้?...กะอิแค่เรื่องอายุไม่ใช่เรื่องงานที่ทำเงินให้ทำไมเขาถึงยิ้มออกมาได้กัน?...


"แล้วคุณล่ะ?"


"ลองทายดูสิ"  แค่อยากจะแหย่อีกฝ่ายเล่น...


"40อัพอย่างไม่ต้องสงสัย!"   แต่น้ำเสียงสดใสนั่นกลับตอบออกมาเสียงดังฟังชัดซะจนเขาได้แต่ขมวดคิ้วจนเป็นปม...


"ชั้นดูแก่ขนาดนั้นเลย?"


"ฮะฮะ...ผมล้อเล่นหรอกน่า...30นิดๆใช่รึเปล่า?"


"ก็พอรับได้"   ใบหน้าคมหล่อหยักยิ้มที่มุมปากก่อนจะเหลือบมองแก้มใสๆที่อยู่ห่างจากปลายจมูกของเขาไม่กี่เซ็นต์ ไวเท่าความคิดจมูกโด่งเป็นสันฝังลงไปบนแก้มใสตรงหน้าให้คนที่กำลังถูกเขาลวนลามเอียงคอหลบไปเล็กน้อย...ไม่มีคำด่าหรือห้ามปรามหลุดออกมา...มีเพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น...เพราะงาน?...หรือเพราะเงินที่เขาจ่ายไป?...


50ปอนด์นี่ทำได้ขนาดใหนกัน?...


"นายเป็นเกย์?"


"ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกฮะ...แต่พอลองจินตนาการว่ากำลังทำกับผู้หญิงมันรู้สึกแปลกๆ...แล้วคุณล่ะ?"


"ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์...ไม่รู้สิชั้นไม่เคยนอนกับผู้ชาย"   ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน...ไม่แม้แต่จะมีเศษเสี้ยวแว๊บเข้ามาในหัวเลยด้วยซ้ำ


"ฮะฮะ...อยากลองรึเปล่าล่ะฮะผมลดให้เป็นกรณีพิเศษ"


"ถ้าเหลือครึ่งนึงชั้นอาจจะสน"   ก็แค่อยากจะแกล้งเด็กนี่เล่น...


"อืมม~...งั้นหกร้อยล่ะกัน"   แต่ดูเหมือนเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายถูกแกล้ง...


"นั่นเรียกว่าลดแล้วรึไง?"


"อ๊ะถึงแล้วฮะ!"


บทสนทนาถูกตัดไปซะดื้อๆ ร่างโปร่งบางเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าโรงแรมจนกระทั่งพนักงานโรงแรมมายืนที่ข้างรถแล้วแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้ร่างที่นั่งอยู่บนตักเป็นอิสระ ทั้งๆที่เห็นท่าทางตกใจของพนักงานที่มารอเอารถไปจอดแต่เขากลับไม่คิดจะสนใจ...ทำไมกันนะ?...


"เฮ้!...คุณหลับเหรอฮะ?"


"เปล่า..."   เขาจำใจต้องปล่อยเมื่อถูกอีกฝ่ายทักท้วง ร่างโปร่งบางโบกมือให้เขาก่อนจะเดินออกไป แผ่นหลังบางนั่งอยู่บนราวกั้นถนนตรงป้ายรถเมล์ทำให้เขาต้องยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู...จะกลับรถเมล์อย่างงั้นเหรอ?...ป่านนี้แล้วเนี้ยนะ?...


หรือจะกลับแท็กซี่?...


ร่างสันทัดยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานโดยไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาต้องการแบบใหน คีการ์ดถูกยื่นมาตรงหน้าและเขาก็คว้าเอามาถือไว้ ใบหน้าคมหล่อหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนราวถนนอีกครั้งแท็กซี่วิ่งผ่านใบหน้ามนนั่นไปแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะขยับกายโบกแต่อย่างใด?


ขาที่ควรจะเดินตามพนักงานโรงแรมขึ้นห้องพักไปกลับหันปลายเท้าออกไปด้านนอกแทนและคงจะรับรู้ได้หรือการมาของเขาใบหน้ามนถึงได้หันกลับมามองเขาแล้วยิ้ม


"นายพักอยู่ที่ใหน?"


"แถวๆมหาวิหารเซ้นต์พอลฮะ"


"จะกลับยังไง?"


"แท็กซี่"


"แต่มันเพิ่งวิ่งผ่านหน้านายไปแล้วสามคัน?"


"ฮะฮะ...ดูอยู่หรอกเหรอเนี้ย?...จริงๆแล้วเพื่อนผมกำลังจะมารับน่ะฮะ"


เจ้าเด็กตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้วยกันงั้นสินะ?...เด็กคนนั้นออกไปกับแขกไม่ใช่รึไงแถมยังไปคนละทางกับพวกเขาอีกเขารู้...


"ถ้าชั้นจะ..."


"ขอโทษฮะ...ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลย..."


"แค่ไปค้างคืนเท่านั้น...ชั้นจะไม่แตะต้องนาย...คิดเท่าไหร่?"


"ห๊ะ!?..."   ใบหน้ามนตวัดกลับมามองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันกลับไปก้มมองพื้นตรงหน้า...อย่าว่าแต่เด็กนั่นเลย...เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไร...


"หนึ่งพัน..."   ร่างโปร่งบางพูดออกมาทั้งๆที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา...เขารู้ว่าเด็กนี่แค่พูดออกมาส่งๆ...ไม่มีใครยอมจ่ายหนึ่งพันปอนด์โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย...คงจะกำลังคิดแบบนั้น...


"ห้าร้อย"


ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาเบาๆจากริมฝีปากอิ่มนั่น...คงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไรเพราะเด็กนี่ฉลาดกว่าที่เขาคิด...


"แปดร้อยขาดตัว"


"เก้าร้อย"


"เฮ้!...คุณข้ามไปขั้นหนึ่งหนิต้องสามร้อยสิ!"   จริงๆแล้วมันต้องลดลงไปเป็นเลขคี่ต่างหาก...ไม่มีการต่อรองอะไรที่ต้องเพิ่มให้ฝ่ายตรงข้ามแบบนี้หรอกเพราะนั่นมันคือกฏเหล็กของธุรกิจ...แต่สำหรับเด็กนี่...เขาจะยอมขาดทุนดูสักครั้งก็แล้วกัน...


"ชั้นชนะ?...นักธุรกิจพูดแล้วกลับคำไม่ได้นะรู้ใช่มั้ย"


"คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"   


"เพิ่งรู้รึไง?"   ใบหน้ามนถอนหายใจลากยาวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อดี...มันไม่ถูกต้องเขารู้และมั่นใจว่าคนๆนี้ก็รู้ด้วยเหมือนกัน


ร่างโปร่งบางยอมลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีทางเลือก ถ้าปฏิเสธไปซะตั้งแต่แรกก็จบไปแล้วแท้ๆ แต่คงเพราะตัวเขาเองหวังอะไรบางอย่างจากผู้ชายตรงหน้าเหมือนกันถึงได้ทำแบบนี้ 

อาจจะเป็นเพราะอ้อมแขนอันอบอุ่นและทรงพลังถึงแม้ว่าจะไม่ได้กอดรัดแน่นหนาอะไรนี่ล่ะมั้ง?

.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue....


เอาเรื่องนี้มาลงให้อ่านไปพลางๆก่อนนะคะแหะๆ...จริงๆเรื่องนี้แต่งลงที่เว็บเด็กดีค่ะได้7ตอนแระเห็นบล็อคว่างๆไม่ใช่ขี้เกียจน้า~

อ่านเรื่องนี้ไปก่อนนะคะเดือนนี้ต้องเข้าไปทำงานเลยยุ่งๆนิดหน่อยไว้ว่างเมื่อไหร่จะรีบมาทลายไหค่ะ^^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น