:Fanfiction Attack on titan
:Drama,Action-Sci-Fi
:PG-15
คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ
ปืนคู่ใจถูกเหน็บใส่ซองเก็บที่ใต้รักแร้ส่วนอีกหนึ่งเหน็บเอาไว้ที่ซองเก็บที่ต้นขาพร้อมกับมีดพกและอาวุธสั้นครบมือ มือภายใต้ถุงมือสีดำขยับเสื้อเกราะกันกระสุนให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่สายตาที่เหลือบไปมองอีกสามคนที่ทำทุกอย่างแทบจะเหมือนกันจะแตกต่างก็ตรงที่อาวุธที่แต่ละคนใช้เท่านั้น
เส้นผมสีดำขลับยาวประบ่าถูกรวบตึงเอาไว้ด้วยยางมัดผมไม่ให้ปลิวมาเกะกะทัศนวิสัยการมองเห็นเพราะถ้าหากพลาดไปแม้แต่วินาทีมันหมายถึงชีวิต เสียงสั่งการจากหัวหน้าหน่วยดังมาจากเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋วที่หูทำให้คนทั้งสี่พยักหน้าให้กันก่อนจะแยกออกเป็นสองทีม ไรเนอร์กับชาช่าลัดเลาะซอกเล็กซอยน้อยของตู้คอนเทนเนอร์ไปทางขวา ส่วนเธอแยกไปทางฝั่งซ้ายกับคนที่อาสาตามมาอย่างแอนนี่ ถึงจะไม่ค่อยชอบใจกับการจับคู่เท่าไหร่แต่เธอจำเป็นต้องไว้ใจคู่หูของเธอเพราะภารกิจในวันนี้คือ...ตรวจค้นเรือขนส่งสินค้าที่ออกจากท่าเรือวลาดิวอสตอกเมื่อเกือบสองเดือนก่อนจะเข้าเทียบท่าที่อาคิตะห้าทุ่มของวันนี้ ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าคนที่พวกเขาต้องการตัวจะอยู่บนเรือลำนั้นจริงแต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ถึง90%ที่รีไวล์จะพาเด็กคนนั้นลงจากเรือที่อาคิตะ
ลูกชายฝาแฝดของศาสตราจารย์คริชา เยเกอร์ถึงจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเด็กคนนั้นคืออัลฟาหรือเอเลนแต่จากข้อมูลที่คุณฮันซี่พยายามเจาะเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้จนประสพความสำเร็จจนได้ถึงได้รู้ว่าศาสตราจารย์ถูกฆ่าตายในวันเดียวกันกับที่เรือลำนี้ออกจากท่า...เอลวิน สมิทธคนนั้นจึงสันนิษฐานว่ารีไวล์คงถูกจ้างวานให้คุ้มครองเด็กนั่นหรืออาจจะเป็นคนลงมือฆ่าซะเอง...มีความเป็นไปได้อีกหลายทางเช่นหมอนั่นถูกองค์กรอื่นจ้างวานแต่ทำไมถึงเป็นตัวลูกชายไม่ใช่ตัวศาสตราจารย์?...
เพราะต่อให้เจาะฐานข้อมูลสำเร็จแต่แค่ไม่กี่วินาทีก็ถูกตัดแถมไวรัสมาอีกอื้อเลยไม่มีความกระจ่างมาสนับสนุนข้อสันนิษฐานเลยสักอย่าง
"เธอดูลนๆนะ...มิคาสะ"
"....." นัยน์ตาสีรัตติกาลทำเพียงแค่เหลือบมองคนถามน้อยๆ...และคำตอบคือใช่...ร้อนรนจนอยากจะขึ้นไปค้นบนเรือเองเลยล่ะ! ต่อให้ภารกิจคือชิงตัวเด็กนั่นแต่ถ้าต้องเจอกับ...เธอก็พร้อมจะแลกด้วยชีวิตเพื่อจับตัวคนๆนั้นให้ได้!
"แฟนเหรอ?...หรือคนรัก?" แต่ดูเหมือนความเงียบจะสยบผู้หญิงที่ชื่อแอนนี่ไม่ได้
"ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละ!"
"หื๋มม์~...งั้นก็รักเขาข้างเดียว?...ฮะฮะ...น่าสงสารจัง"
"หุบปาก!!" Beretta92 จ่อกลางแสกหน้าอีกฝ่ายแทบจะทันทีที่พูดจบประโยค ถ้าหากพูดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวกระสุน18นัดในแมกกาซีนคงได้ทะลุสมองยัยคนปากดีนี่แน่ๆ!
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านหรือแสดงอาการหวาดกลัวใดๆออกมา ใบหน้านิ่งที่ราวกับปลาตายนั่นทำเพียงแค่ยิ้มเหยียดออกมาก่อนจะยักไหล่อย่างไม่แยแสอะไรพร้อมกับมองตรงมาที่เธอด้วยแววตาเย้ยหยันเป็นเธอเองที่จำใจต้องลดปืนลงก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น...รู้ตัวว่าไม่ควรเต้นไปกับคำยั่วยุของอีกฝ่ายแต่ร่างกายกลับตอบสนองไปเองเมื่อถูกจจี้ใจดำเข้าเต็มๆ
"หึ...แม่สิงห์ปืนไว"
ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากคนที่ยืนกอดอกพิงตู้คอนเทนเนอร์แต่หญิงสาวกลับล้วงกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กจากช่องลับที่ต้นขาออกมาส่องสำรวจตั้งแต่ท่าเรือไปตลอดแนวชายฝั่งที่ตอนนี้เต็มไปด้วยตำรวจเดินตรวจพร้อมกับสุนัขคู่ใจกันให้ควัก ไม่เว้นแม่แต่บริษัทชิพปิ้งหรือแม้แต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง...ทั้งๆที่เธอคิดว่าหน่วยสามมีแค่เจ็ดคนแต่ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดไป...
เรือลำเล็กสำหรับใช้อพยพลูกเรือลอยคว้างอยู่ท่ามกลางความมืดมิดจนร่างโปร่งบางได้แต่นั่งตัวเกร็งเกาะขอบเรือเอาไว้แน่นต่างจากอีกคนที่ยังคงพายมันไปด้วยท่าทางสบายๆทั้งๆที่คลื่นลมแรงซะจนเรือลำน้อยหวิดจะพลิกคว่ำอยู่หลายต่อหลายรอบ ถึงจะชอบทะเลขนาดใหนแต่ถ้าต้องมาลอยคว้างท่ามกลางคลื่นลมขนาดนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
รอบตัวที่ราวกับถูกโอบกอดด้วยอ้อมแขนพญามัจจุราชแบบนี้มันช่างให้ความรู้สึกน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสายลมที่พัดแรงทั้งไอน้ำที่กระเซ็นมาปะทะใบหน้าช่างเย็นยะเยือกจนร่างโปร่งบางถึงกับสั่นน้อยๆแต่ไม่กล้าปล่อยมือออกจากขอบเรือที่กำลังโครงเครงไปมานี่
เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่าถ้าตัวเองพลัดตกลงไปผู้ชายคนนี้จะยื่นมาเข้ามาช่วย...ตั้งแต่พวกเขาลงจากเรือใหญ่มาคุณรีไวล์ยังไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ มันยิ่งทำให้เขาสับสนจนทำตัวไม่ถูกเกือบๆสองเดือนที่อยู่ด้วยกันเขาเผลอคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันดีขึ้นมากกว่าตอนที่เจอกันแล้วแท้ๆแต่สองสามวันมาที่ผ่านมาจนถึงณ.ตอนนี้จู่ๆคุณรีไวล์ก็ทำเย็นชาใส่เขา ไม่พูดไม่เข้าใกล้ไม่แม้แต่ขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก...ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไป?
ทำไมถึงมีแค่เขาที่เป็นกังวลอยู่ฝ่ายเดียว...ในหัวมีแต่เรื่องให้คิดเต็มไปหมดทั้งเหตุผลว่าทำไมถึงมีแค่พวกเขาที่ลงเรือลำนี้มา?...คุณฟาลันกับคุณอิสเบลล่ะ?...แต่ทำไมเขาถึงไม่กล้าถามออกไป?...แบบนี้ไม่ใช่เขาเลยสักนิด!...
ถ้าอยากรู้ก็ถ้าสิเอเลน!...
"คุณรีไวล์!..."
"เงียบก่อน!" ทั้งๆที่เขาตั้งใจจะถามออกไปให้แน่ใจแต่อีกฝ่ายกลับตะคอกกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆจนใบหน้ามนได้แต่เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเก็บกักความน้อยใจเอาไว้ทว่า...
พอทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบลงเสียงเครื่องยนต์ของอะไรบางอย่างก็แว่วมาให้ได้ยิน!
ไม่ใช่จากผืนน้ำ!...
แต่เป็น...
จากบนฟ้า!...เฮลิคอปเตอร์!?
"คุณรีไวล์!?" แสงไฟที่กำลังสาดส่องลงมาบนผิวน้ำใกล้เข้ามาเรื่อยๆให้ใบหน้ามนได้แต่ร้อนรนทำอะไรไม่ถูกเพราะพวกเขาแทบจะกลายเป็นเป้านิ่งไม่มีที่ให้หลบซ่อนชายฝั่งอยู่ตรงใหนก็ยังมองหาไม่เห็นแล้วพวกที่กำลังมานั่นเป็นพวกใหนก็ไม่รู้!?...
"ชิร์!..." ถึงจะสบถออกมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญแต่มือหนากลับทิ้งไม้พายไปก่อนจะคว้าเอาร่างที่กำลังสั่นระริกเข้าไปกอดเอาไว้ ราวกับได้รับการปลอบโยนสองแขนผอมบางจึงผวากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ใบหน้ามนซุกลงไปบนแผงอกแกร่งอย่างไม่กลัวว่าจะถูกผลักไส
คลื่นทะเลที่ถาโถมเข้าใส่หนักหน่วงขึ้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นบินเข้ามาใกล้ แสงสว่างจ้าที่สาดส่องมากระทบทำแทบจะลืมตาไม่ขึ้นความหวาดกลัวแล่นเข้ามาโจมตีจนอยากจะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของอีกฝ่าย แรงกอดรัดที่ตอบรับกลับมาทำให้พอจะมั่นใจขึ้นมาได้บ้าง...ว่าตัวเองจะปลอดภัย...แต่แล้ว...
ความหวังอันน้อยนิดก็ราวกับถูกคลื่นทะเลซัดออกไป...
"รีไวล์!" น้ำเสียงที่ตะโกนเรียกคนที่กอดเขาเอาไว้ไม่ใช่น้ำเสียงที่คุ้นเคย?...ไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน!?...สำเนียงของคนต่างชาติ?...
ไม่ใช่ญี่ปุ่น...
ไม่ใช่รัสเซีย....
CIA...จู่ๆคำๆนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัวให้ร่างโปร่งบางถึงกับชาไปทั้งร่าง สองแขนที่โอบกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้ดูจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีทันใด ใบหน้ามนค่อยๆละออกมาจากแผงอกของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าผิดหวังและหมดหวังไปในคราวเดียวกัน...
ไม่ใช่จะปกป้อง...
แต่ที่มากันเพียงลำพังก็เพื่อจะเอาเขามาส่งให้คนพวกนั้นต่างหาก! ดวงตากลมโตที่สั่นระริกสบเข้าไปในดวงตามืดมนที่จ้องมองตัวเองอยู่ก่อนแล้วทั้งสีหน้าทั้งแววตาที่ไม่สะท้อนเงาของตัวเองทำให้ได้แต่กัดฟันแน่น ฝ่ามือที่พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เหวี่ยงเข้าใส่ใบหน้าเฉยชาอย่างเหลืออดแต่กลับถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่มันจะสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายเพียงไม่กี่เซ็นต์
"ขึ้นมา!" คนข้างบนตะโกนลงมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันก่อนจะโยนบันไดเชือกลงมาให้
"ขึ้นไป" ต่อให้คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำแต่ร่างโปร่งบางกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน
"ขึ้นไป" คนตรงหน้าเน้นย้ำอีกครั้งก่อนที่มือหนาจะคว้าบันไดเชือกนั้นเอาไว้ให้แต่ใบหน้ามนกลับเอาแต่จ้องใบหน้านิ่งๆนั่นตาไม่กระพริบ
"ถอยไป!" คราวนี้ชายหนุ่มกลับตะโกนบอกคนด้านบนเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะโยนบันไดเชือกในมือทิ้งไปแล้วคว้าเอาเอวบางๆเข้ามาโอบเอาไว้แทน
"อ๊ะ!!?..." ไม่นานร่างกายก็ถูกพาลอยวืดขึ้นไปบนอากาศสองแขนผอมบางจึงได้แต่ผวากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นด้วยความตกใจได้ยินเสียงร้องตกใจของคนบนเฮลิคอปเตอร์ด้วยเหมือนกันที่จู่ๆก็ส่ายไปมาจนแทบจะทรงตัวเอาไว้ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายใช้เจ้าอุปกรณ์เคลื่อนที่อะไรนั่นยิงใส่ที่ข้างตัวเครื่องแล้วพาเขาลอยขึ้นไปทั้งอย่างนั้นต่อให้ไม่เต็มใจก็ตาม
ร่างโปร่งบางถูกวางลงบนที่นั่งพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพทั้งข้อมือและข้อเท้าถูกชายอีกคนสวมกุณแจมือเอาไว้ราวกับเขาเป็นนักโทษเดนตายใบหน้ามนจึงได้แต่เสมองไปทางอื่นไม่อยากมองหน้าคนใจดำ เสียดายความรู้สึกดีๆที่มีให้อีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีให้ถูกบดขยี้จนแทบไม่มีชิ้นดี...จู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา...รู้สึกเกลียดตัวเองมากกว่าอีกฝ่ายซะอีกที่สลัดเรื่องนี้ออกจากหัวไปไม่ได้ทั้งๆที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดดวงตาจึงได้แต่กระพริบถี่ๆไล่น้ำใสๆที่คลอจนแทบจะเอ่อล้นออกไป
"ให้ตายสิ...อย่าเล่นอะไรเสียวๆแบบนี้อีกเชียวนะรีไวล์"
"ไม่หรอก...มันจะไม่มีครั้งที่สอง" ทั้งคู่ยังคุยกันด้วยภาษาอังกฤษราวกับไม่อยากให้เขารู้เรื่อง แต่ถึงเขาจะดูโง่เง่าเขาก็เรียนตั้งมหา'ลัยเชียวนะถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็พอรู้เรื่อง!
"เราจะส่งนายลงที่โองะตามที่ตกลงกันไว้...แล้วรับเงินส่วนที่เหลือที่นั่น"
"ก็ดี..." คำพูดนั้นเอ่ยออกมาพร้อมๆสายตาที่ปรายมามองคนที่ได้แต่เม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงราวกับกำลังเยาะเย้ยอยู่ในที ใจอยากจะกระโดดลงไปให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่ามีชายร่างยักษ์อีกคนนั่งประกบแจจนต้องเบือนหน้าหนี...เจ็บใจ...
จนพูดอะไรไม่ออก...
แต่ทั้งร่างกายและหัวใจที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันทั้งคืนก็ทำให้ไม่สามารถบังคับดวงตามันสว่างอยู่ต่อไปได้หัวสีน้ำตาลจึงได้แต่ไหลลงไปพิงหัวไหล่ของผู้ชายร่างยักษ์คนนั้น...ในใจได้แต่ภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝันพอลืมตาตื่นทุกอย่างก็จะหายไป...
ผู้ชายคนนั้น...
คุณรีไวล์...
จะปกป้องเขา...เหมือนที่ผ่านมา...
นัยน์ตาคู่คมจ้องมองคนที่ดูจะเหนื่อยจนหลับไปด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ริมฝีปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องถูกเกลียดหนักมากกว่าที่ผ่านมาอีกหลายเท่าตัว...แต่แบบนั้นแหละดีแล้ว...
มันจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ...
"เป็นเด็กที่น่ารักมากเลยนะ...นายไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างเลยเหรอ?"
"หึ...นายอยากจะพูดอะไรกันแน่?"
"นายมองเค้าตาไม่กระพริบ...แค่คิดว่านายคงไม่คิดจะหักหลังเราอยู่ใช่มั้ย?" นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่ลงข้างหนึ่งมองคนข้างๆอย่างเหยียดๆก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
"ไม่รู้สิ...แต่ตอนนี้ชั้นคิดถึงเงินชั้นมากกว่า"
"ฮ่าๆๆๆๆ...ดีใจที่นายคิดแบบนั้นชั้นแค่กังวลนิดหน่อยน่ะ...ว่าสักวันยมฑูตจะมีหัวใจขึ้นมา" มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเป็นฝ่ายถูกระแวงแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ไม่ชอบใจคำพูดนี้เอาซะเลย? มือหนายกขึ้นมากอดอกก่อนจะเอนหลังงีบเก็บแรงไว้สำหรับเช้าวันใหม่ที่กำลังจะมาถึงซักชั่วโมงก็ยังดีเพราะดูเหมือนว่าความยุ่งยากมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
"หมายความว่าไงว่าไม่พบ!" ใบหน้าสวยที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกมากนักถึงกับตวาดออกไปเมื่อได้ฟังรายงานการค้นเรือ สองขาที่กำลังวิ่งเลาะถนนริมท่าเรือไกลออกไปเรื่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนคนที่วิ่งตามหลังมาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ
"นั่นเธอกำลังจะไปใหน?"
"เพิ่มระยะการค้นหา!...คุณเอลวินสั่งให้ลูกน้องของคุณเพิ่มระยะการค้นหาทั้งทางบกและทางอากาศ!" น้ำเสียงที่เริ่มจะควบคุมความสงบนิ่งเอาไว้ไม่ได้ตวาดกลับไปตามวิทยุสื่อสารอย่างไม่สบอารมณ์
[เรากำลังทำเจ้าหน้าที่มิคาสะ]
"ไม่ใช่แค่ที่คุณกำลังคิดคุณหัวหน้าหน่วยเอลวิน!...แต่ไกลออกไปอีกเท่าตัว!"
[เรากำลังทำ...พวกเธอกลับมาที่ฐานซะ]
"ไม่ชั้นยัง!..."
"พอแค่นั้นแหละมิคาสะ!...ไม่งั้นชั้นระเบิดหัวเธอแน่!" แอนนี่ที่ทนรำคาญต่อไปไม่ไหวล็อคคออีกฝ่ายจากด้านหลังพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของเธอในระยะประชิดถึงจะดูตัวเล็กกว่ามากแต่เรี่ยวแรงที่กอดรัดเรียกได้ว่าไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย
"ชั้นไม่ได้ขู่...ทำตามคำสั่งหัวหน้าซะ!" ถึงจะรู้สึกขัดใจอย่างถึงที่สุดแต่มิคาสะก็จำใจต้องยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายแต่โดยดีได้แต่เก็บความสงสัยที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดเอาไว้ในใจ ทั้งการค้นหาที่หละหลวมทั้งภารกิจที่ราวกับจัดฉากนี่ทั้งๆที่พวกเขาน่าจะรู้ถึงความสามารถของหมอนั่นดีแต่กลับทำได้แค่นี้ไม่ว่าจะมองมุมใหนมันก็น่าสงสัยว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรกันแน่?
อีกฟาก....
ใบหน้ามนงัวเงียตื่นขึ้นเมื่อแสงรำไรโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้วความจริงที่ไม่อาจลบเลือนยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เขายังอยู่บนเฮลิคอปเตอร์...แต่ตอนนี้มันกำลังบินอยู่เหนือผืนป่าและภูเขา...ไม่ใช่ผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ใหนแต่เขาคงเป็นคนสุดท้ายที่ตื่นขึ้นมาและสายตาไม่รักดีก็ดันเหลือบไปมองผู้ชายใจร้ายคนนั้นจนได้ ยิ่งมีแสงสว่างมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเห็นสายตาเย็นชามากขึ้นเท่านั้นทว่า...
ร่างสันทัดนั่นกลับลุกขึ้นยืนท่ามกลางความสงสัยของทุกคนบนเครื่องแล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆปลายกระบอกปืนก็จ่อไปบนหัวคนขับเฮลิคอปเตอร์!?
"เอาเครื่องลง" น้ำเสียงกดต่ำสั่งคนขับโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองคนข้างหลังแม้แต่ร่างโปร่งบางเองยังแทบหยุดหายใจ! ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นชายร่างยักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆทำท่าจะล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจึงได้แต่เบิกตากว้าง! ริมฝีปากทำท่าจะขยับพูดแต่ผู้ชายอีกคนกลับตะโกนออกมาซะก่อน!
ปังๆ!!
ผู้ชายคนนั้นยังไม่ทันจะพูดจบประโยคแต่กลับถูกยิงกระเด็นจนร่วงลงไปจากเครื่องพร้อมๆกันกับชายร่างยักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆให้ใบหน้ามนได้แต่อ้าปากค้างตัวแข็งทื่อไปกับการกระทำของอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร!?...การฆ่าใครสักคนสำหรับผู้ชายคนนี้มันง่ายดายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ!?...
หรือเพื่อช่วยเขา!?...
ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองให้ต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สองแต่ก็มองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่คุณรีไวล์ต้องทำถึงขนาดนี้?
"นายคิดดีแล้วเหรอรีไวล์ที่ทำแบบนี้!?...นายต้องรับศึกหลายด้านรู้ตัวรึเปล่า?" ผู้ชายคนที่ขับเครื่องยังพยายามกล่อมแม้ว่าตัวเองจะตกเป็นรองแต่ปืนกระบอกนั้นก็ยังไม่ลดระดับลง
"ถ้าไม่อยากให้ชั้นฆ่านายก็เอาเครื่องลงซะ!" เฮลิคอปเตอร์ถูกนำลงไปจอดสนิทในหุบเขาที่ไม่ว่าจะมองไปทางใหนก็มีแต่ป่าไม้สีเขียวนักขับถูกนำตัวหายเข้าไปอีกฟากหนึ่งของป่าและไม่นานเสียงปืนก็ดังก้องไปทั่วผืนป่าจนร่างโปร่งบางถึงกับสะดุ้งโหยง. ทั้งๆที่บอกว่าจะไว้ชีวิตเค้าไม่ใช่รึไง?...แล้วทำไมถึง?...
แล้วตัวเขาล่ะ?...
หรือว่าจะถูกฆ่าตายตรงนี้ไปอีกคน!?
ความกลัวแล่นเข้ามาโจมตีจนเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาตามกรอบใบหน้ายิ่งมองเห็นอีกฝ่ายเดินกลับออกมาเพียงลำพังร่างกายจึงได้แต่ขยับถอยหนีเท่าที่จะทำได้ มือที่ถูกตรึงด้วยกุณแจมือพยายามปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อคนๆนั้นกระโดดขึ้นมาบนฮอล์อีกครั้ง มือหนาจับมือที่กำลังพยายามปลดล็อคเอาไว้ให้ใบหน้ามนได้แต่หน้าถอดสีเมื่อเดาการกระทำของอีกฝ่ายไม่ออก
"คุณจะทำอะไร!?" แต่ชายหนุ่มกลับทำเพียงแค่ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับไขกุณแจข้อมือข้อเท้าออกให้โดยไม่ถูดอะไรออกมาสักคำใบหน้ามนจึงได้แค่มองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยความสับสนระคนไม่เข้าใจ...ไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรจากเขา?...
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทำเย็นชาใส่เขาแท้ๆแต่ตอนนี้กลับมองตรงมาที่เขาด้วยแววตาที่อ่อนลง?...
"เจ็บตรงใหนรึเปล่า?" ถึงจะไม่เข้าใจความหมายนั้นแต่ใบหน้ามนกลับส่ายไปมารัวๆด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ พอถูกคำพูดที่เหมือนกับเป็นห่วงเป็นใยหัวใจไม่รักดีกลับเต็มตื้นขึ้นมาจนน่าโมโหตัวเอง ร่างกายโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย
"ผมเกลียดคุณ!...เกลียดคุณ!...ฮืออ~..." กำปั้นเล็กๆระดมทุบลงมาที่แผ่นหลังของเขาทั้งๆที่เป็นฝ่ายโผเข้ามากอดเขาเองแท้ๆทำให้ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มน้อยๆกับความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเองแบบนี้...ไม่ใช่แค่เด็กนี่หรอก...แต่ตัวเขาก็ด้วยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป? รู้เพียงแค่ว่าไม่ชอบใจเอาซะเลยที่เห็นเด็กนี่ทำสีหน้าผิดหวังในตัวเขาแบบนั้นความรู้สึกที่ตีกันมั่วอยู่ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าจะหาทางออกได้ในไม่ช้า
"เราต้องรีบไปจากที่นี่...เดินไหวมั้ย?" มือหนาดันหัวไหล่ของคนที่ยังร้องไห้เป็นเด็กออกมาก่อนจะช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังไหลลงมาไม่หยุดออกให้อย่างเบามือ บอกตรงๆว่าเขาค่อนข้างแปลกใจที่ดันรู้สึกดีที่ทำให้เด็กนี่ร้องไห้ขี้มูกโป่งได้แบบนี้ แปลกใจที่เขามีแก่ใจมานั่งปลอบแทนที่จะรำคาญแล้วเชือดทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
"เลิกร้องได้แล้วน่า...ทำเป็นเด็กไปได้"
"เพราะใครล่ะ!?" เพราะเด็กนี่ยังมีเรี่ยวแรงมาทำหน้างอใส่และเพราะเสียงหัวเราะในลำคอของเขาดูเหมือนจะสลายม่านหมอกที่ปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ไปจนแทบหมดสิ้นมือหนาประคองใบหน้ามนเอาไว้ก่อนจะประทับจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มเบาๆที่เจ้าของของมันทำเพียงแค่เอียงหลบไปเล็กน้อยเท่านั้น ถ้ามีเวลามากกว่านี้เขาคงบดเบียดริมฝีปากอิ่มนั่นอย่างไม่เกรงใจไปแล้วแต่ตอนนี้คงต้องหาทางออกไปจากป่านี้ให้เร็วที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue....
แว๊บมาต่อแล้วก็หนีไปด้วยความเร็วแสงค่ะ55+
บายค่ะ!
อร๊ายยยยยยยยยยย รอตอนต่อค่ะ //////////
ตอบลบหูยอบอุ่นมากเราอ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ*หัวเราะ* ตอนแรกก็ตกใจเฮียแกจะทำร้ายเอเลนหรอ หูยแต่ช่วยไขกุญแจแถมถามด้วยน่ารักมากกกกก //////////////// ละลายเลยอบอุ่นมากๆเลยค่ะ 5555
กรี๊ดดด!!!!!
ตอบลบไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นคนเตี้ยมีโมเม้นเน้!!!//เว่อร์เกิ๊นน//
แต่น่ารักๆๆๆ...ปรกติกัดกันเป็นหมาหยอกไก่ตลอดๆเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันน???