19 พ.ย. 2558

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 10

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 10

:Fanfiction Attack on titan


:Drama,Action-Sci-Fi


:PG-15


คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ








"เราจะไปใหนกันเหรอครับ?"   ใบหน้ามนหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆหลังจากเดินลัดเลาะตามแนวเขามาเกือบๆชั่วโมงแต่ยังไม่มีวี่แววหรือจุดหมายปลายทางอะไรให้เห็นเลยสักอย่างแต่ถึงอย่างนั้นสองขาก็ยังพยายามทั้งเดินทั้งวิ่งให้ทันคนตรงหน้าต่อไป ผืนดินชื้นแฉะจนรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตมและไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบบนั้นหรืออย่างไรขาของเจ้าตัวถึงได้ดูหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

"ชั้นคิดว่าถ้าข้ามเขาลูกนี้ไปน่าจะมีถนน"  ดวงตากลมโตแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาลูกที่ว่าแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ไอ้ยอดเขาที่เห็นอยู่ลิบๆนั่นมันไม่ใช่เตี้ยๆเลยนะ?...ใช้เวลาทั้งวันก็ไม่รู้จะขึ้นไปถึงยอดได้รึเปล่า?  แล้วที่บอกว่าน่าจะมีถนนนั่น...คงไม่ใช่การคาดเดาใช่มั้ย?...แถมท้องฟ้าด้านบนยังเริ่มมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก?

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังดูโล่งๆอยู่เลย?...

"แล้ว...ถ้าไม่มีถนนล่ะครับจะทำยังไง?...ผมไม่ได้ยินเสียงรถเลย"

"ไม่รู้สิ...ยังไม่ทันได้คิดน่ะ"

"เอ๊ะ!?..."   จะบอกว่าไม่ได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นรึเปล่านะ!?...งั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเขาตั้งแต่แรก?...

แล้วทำไมถึงช่วยล่ะ?

"เลิกทำหน้าแบบนั้นซะที"    มือหนายกขึ้นมาขยี้หัวสีน้ำตาลเบาๆก่อนจะคว้าข้อมือบางๆนั่นลากติดมือมา ดูเหมือนเด็กนี่จะไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตัวเองร้องไห้ออกมา?...ก่อนหน้านี้ก็ด้วย สำหรับคนที่ไม่สมประกอบอย่างพวกเขาไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือดีใจความรู้สึกพวกนั้นมันอยู่ได้ไม่นานก็หายไปถึงไม่เคยร้องไห้ออกมาสักครั้ง

แต่ไม่เคยมีใครบอกมาก่อนเลยว่าถ้าอยู่กับมันนานๆจะทำให้เกิดความรู้สึก...ผูกพัน...ถ้าเทียบกันระหว่างเด็กนี่กับฟาลันหรือยัยเด็กหัวแดงแล้วมันคนละแบบกันโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยเสียเวลาอยู่กับเหยื่อหรือเป้าหมายของตัวเองนานขนาดนี้ไม่ว่าจะกี่รายต่อกี่รายก็แค่ฆ่าทิ้งซะเลยไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แต่สำหรับเด็กนี่จะเรียกว่าเป็นความผิดพลาดได้รึเปล่านะ?

เขาไม่น่ารับงานนี้มาตั้งแต่แรก...

"คุณรีไวล์...ขอพักหน่อยได้มั้ยครับ?...ผมเหนื่อย"   ไม่ว่าเขาจะกำลังคิดอะไรก็มักจะถูกเด็กนี่ขัดขึ้นมาเสมอ ทั้งคำพูดและการกระทำ...

"งั้นก็ช่วยไม่ได้"   รีไวล์ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นก่อนที่ใบหน้านิ่งๆนั่นจะหันไปสั่งเจ้าคนที่ยืนทำหน้างงด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญว่า...

"ขึ้นมา"

"เอ๋!?...คือผม!...ขอแค่นั่งพักแป๊บเดียวก็ได้ไม่จำเป็นต้อง!..."

"พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีมรสุมเข้าเราต้องรีบลงจากเขาก่อนบ่าย...เพราะฉะนั้นก็ขึ้นมาซะ"   เหตุผลของอีกฝ่ายทำให้ร่างบางยอมทำตามแต่โดยดีและทันทีที่สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ก็ลอยวืดขึ้นไปบนอากาศราวกับกำลังบิน ความตกใจมีแค่ในคราวแรกแต่หลังจากนั้นก็เริ่มจะคุ้นชินกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนไปคงเป็นเพราะถูกคุณรีไวล์หิ้วไปหิ้วมาแบบไม่ทันตั้งตัวหลายต่อหลายครั้งแถมยังรวดเร็วจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นล่ะมั้ง? พอความเร็วที่ลดลงมาเกือบเท่าตัวแบบนี้ถึงทำให้ใบหน้ามนยิ้มออกมาได้

"ฮะฮะ...อย่างกับทาร์ซานเลย!"   เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังอยู่ข้างๆหูทำเอาหางตาของเขาถึงกับกระตุกถี่ยิบ...เจ้าเด็กเหลือขอบ้าหนัง!...ก่อนหน้านี้ก็หาว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมน! นี่ถ้าไม่ติดว่ารีบจะปล่อยให้เดินเองให้ขาลากเลย!

"หนักรึเปล่าครับ?"

"หนัก"  เขาก็แค่แกล้งแหย่ไปอย่างนั้นความจริงแล้วเด็กนี่ตัวเบาอย่างกับนุ่นแต่ได้เห็นใบหน้างอง้ำของเจ้าตัวผ่านทางหางตาแล้วก็พอจะทำให้ยิ้มได้ บรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้มันช่างไม่เข้ากับสถานการณ์ตึงเครียดตอนนี้เอาซะเลย

ป่านนี้พวกนั้นคงรู้แล้วว่าถูกเขาหักหลังและคงกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะลงจากเขาให้ได้ก่อนมรสุมเข้าแต่ก็ภาวนาให้สภาพอากาศเป็นอุปสรรคของพวกมันเหมือนกัน

"ต้นสนที่นี่สูงมากเลยนะครับแถมต้นใหญ่ด้วย...แต่ผมชักจะคอแห้งแล้วสิ"   เจ้าเด็กบ้านี่ตั้งใจหนีจริงๆรึเปล่าเนี้ย!?...หรือกำลังคิดว่าเขาพามาปิคนิคอะไรเทือกนั้น?

"ให้ตายสิ!...เราไม่ได้มาเที่ยวเล่นนะหัดรู้จักสถานะตัวเองบ้าง"

"ผมรู้หรอกน่า...แต่เพราะคุณอยู่ด้วยต่างหากล่ะผมถึงอุ่นใจ"  ทั้งๆที่เขาอยากจะขู่ให้รู้จักกลัวบ้างแท้ๆแต่เด็กบ้านี่กลับพูดจากวนประสาทออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย? มันกำลังทำให้เขาถึงกับคิดหาคำพูดตอบโต้ไม่ออก

"ชั้นน่าจะปล่อยให้พวกนั้นเอาตัวนายไปซะ"

"แต่คุณก็ไม่ทำหนิ"

"ยอกย้อนนักนะ"   ใบหน้ามนที่ลอบมองสีหน้าของชายหนุ่มอยู่ยิ้มแฉ่งออกมาก่อนจะซุกหน้าลงกับหัวไหล่กว้าง

"ขอบคุณฮะ"  ริมฝีปากอิ่มพึมพำออกมาถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการมันก็ตามที แต่ที่เขาบอกว่าอุ่นใจที่มีคุณรีไวล์อยู่ข้างๆเป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งเขา? พอมันเกิดขึ้นจริงหัวใจก็ราวกับได้รับการเยียวยาอย่างน่าประหลาดจนบางครั้งหลงลืมไปว่าตัวเองก็แค่เหยื่อ...

แล้วต่อจากนี้ล่ะ...เขาจะอยู่ในฐานะอะไร?

ถึงจะปากร้ายและไม่มีทีท่าว่าเป็นห่วงแต่สุดท้ายคุณรีไวล์ก็พาเขามาหยุดพักเอาแรงที่ลำธารเล็กๆ สายน้ำเย็นฉ่ำตื้นแค่ข้อเท้าแต่ก็มากพอให้ดับกระหายได้ถึงแม้ว่าท้องไส้จะเริ่มประท้วงแต่ก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้คุณรีไวล์มากไปกว่านี้ พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เขาเปรียบเสมือนตัวภาระของอีก...

"อ๊ะ!?.."   ความคิดถูกหยุดเอาไว้เพียงแค่นั้นเมื่อลูกกลมๆสีส้มสองสามลูกยื่นมาตรงหน้า ใบหน้ามนตวัดกลับมามองคนที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

"ส้มป่า...รองท้องไปก่อนก็แล้วกัน"

"ไปเอามาจากใหนครับ?"   ใบหน้าหล่อเหลาปรายตามองไปที่ต้นน้ำให้ร่างบางมองตามไป ใบหน้ามนยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่ามีต้นของส้มป่าอยู่ตรงนั้นจริงๆ มือบางรับส้มมาปอกกินเงียบๆด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่รู้จักมันเอ่อล้นในใจจนเจ็บไปทั้งอกไม่รู้เลยว่าถ้าถูกหักหลังเขาจะเจ็บปวดมากขนาดใหน?

"...!?!..."   เจ็บปวดงั้นเหรอ?...นี่เขากำลังคิดอะไร?...

"เราต้องไปกันแล้ว"   มือหนายื่นออกมารับเม็ดฝนที่เริ่มจะร่วงหล่นลงมาถึงจะแค่เปาะแปะยังไม่หนาเม็ดอะไรแต่ก็ทำให้แน่ใจแล้วว่าคงลงจากเขาไม่ทันก่อนมรสุมแน่ๆ...ชัดจะปวดหัวขึ้นมาแล้วสิ?...

"ขอโทษนะครับ...เป็นเพราะผม..."   พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของรีไวล์แล้วใบหน้ามนจึงได้แต่พึมพำออกมาเสียงอ่อยตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาอีกฝ่ายไม่เคยแสดงสีหน้าแบบนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง เขารู้ดีว่ากำลังทำให้ผู้ชายที่ทั้งเก่งและเฉลียวฉลาดคนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกถึงจะดีใจแต่ก็รู้สึกผิดแต่ก็เป็นกังวลมากพอๆกัน...

"ป่านนี้แล้วจะพูดให้มันได้อะไร?...อีกอย่างคนที่เลือกจะให้เป็นแบบนี้คือชั้นเลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว"   ใบหน้ามนพยักรับรัวๆก่อนจะยอมขึ้นมาขี่หลังเขาแต่โดยดี อุปกรณ์เคลื่อนย้ายคู่ใจเริ่มทำงานแข่งกับสายฝนที่เริ่มจะหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ ทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นชินอยู่แล้วกำลังถูกบดบังด้วยละอองฝนให้ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นถึงจะช้าลงมากแต่ก็ยังดีกว่าเดิน  ใช้เวลาอยู่พักใหญ่แต่ในที่สุดความพยายามของเขาก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อตรงหน้าคือถนนขนาดสองเลนส์ที่ตัดผ่านหุบเขาลูกนี้

แต่ทว่า...

กลับไม่มีวี่แววของยานพาหนะที่เรียกว่ารถยนต์เลยแม้แต่น้อยมีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำลงมาจนเปียกปอนไปทั้งตัว ร่างโปร่งบางถูกดึงเข้าไปที่โคนต้นไม้ใหญ่รอบตัวเป็นเกราะกันสายน้ำถึงจะไม่มากมายอะไรแต่ก็พอบรรเทาความหนาวเหน็บลงไปได้บ้าง

"เรา...จะไม่ไปต่อเหรอครับ?"   เอเลนนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายก่อนจะกอดตัวเองเอาไว้แน่น ถึงจะไม่ใช่ฤดูหนาวแต่พอเปียกฝนนานๆแบบนี้ร่างกายก็เหมือนจะสั่นนิดๆแต่คงเพราะเห็นอาการแบบนั้นของเขาคุณรีไวล์ถึงได้ถอดแจ๊คเก็ตตัวเองมาคลุมหัวให้?

"ชั้นก็อยากทำแบบนั้นแต่คงไปได้ไม่ถึงใหนสู้รออยู่ตรงนี้แล้วภาวนาให้มีใครผ่านมาดีกว่า...ถ้าโชคดีล่ะนะ"   สาบานได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาโชคชะตาหรือนั่งรอความตายแบบนี้แต่นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

"เหนื่อยเหรอครับ?"

"นิดหน่อย"   แบกเขาข้ามเขามาทั้งลูกแท้ๆยังจะบอกว่านิดหน่อยอีก?
ใบหน้ามนลอบมองคนข้างๆเล็กน้อยก่อนจะสอดแขนเข้าไปคล้องต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมากอดเอาไว้เพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องหนาวเหมือนที่เขาเป็นแน่ๆแถมยังถอดแจ็คเก็ตตัวเองมาให้เขาอีก

"ทำอะไรของนาย?"   แต่น้ำเสียงติดจะรำคาญนั่นกลับกวนประสาทเขาแทนซะได้! คนเค้าอุตส่าห์หวังดี! แต่จะให้ปล่อยตอนนี้ก็กลัวจะหน้าแตกแทน...

"ผมหนาว"   เล่นแก้ตัวไปทั้งแบบนี้แหละที่จริงก็หนาวแต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ถึงความหวังดีของตัวเองก็เท่านั้น!...

"หึ..."   หัวเราะแบบนี้มันอะไรกัน? โรคกวนประสาทกำเริบอีกรึไง?
ใบหน้ามนได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เงียบๆ ทุกทีเขาต้องสวนกลับให้อีกฝ่ายเจ็บๆคันๆบ้างแต่คราวนี้จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ก็แล้วกัน

"จากนี้ไป...จะเอายังไงต่อครับ?"

"ยังไม่ได้คิด...อยากไปโตเกียวไม่ใช่เหรอ?"

"จะพาไปเหรอครับ?"

"ก็นะ...แต่ถ้าเจอพี่ชายนายก่อนก็คงดี"

"หมายความว่าไงครับ!?...ถ้าเจออัลแล้วจะทำไม!?"   ร่างโปร่งบางผละออกไปจากต้นแขนที่กอดเอาไว้ก่อนจะจ้องนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เหลือบมองตัวเองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร?

"ทำไม?...ทำหน้าแบบนั้นอยากอยู่กับชั้นรึไง?"

"ไม่มีทาง!"

"ก็ดี..."   ถึงจะพูดแบบนั้นออกไปแต่ความรู้สึกหนักหน่วงกลับกำลังก่อตัวขึ้นมาในใจของทั้งคู่อย่างมิอาจห้าม ต่างคนต่างเงียบไปปล่อยให้เสียงซ่าของเม็ดฝนช่วยทำให้จิตใจสงบลงทว่า...

"อ๊ะ!?..."   มือหนาข้างหนึ่งกลับยกขึ้นมาแนบที่แก้มใสให้ดวงตากลมโตได้แต่จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างไม่เข้าใจแต่ใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ทำให้แผ่นหลังบางผงะถอยไปเล็กน้อยถึงจะไม่มากพอที่จะหลบริมฝีปากของอีกฝ่ายพ้นแต่มือไม้กลับไม่ยอมขยับผลักใส ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงเมื่อลมหายใจอุ่นๆเป่ารดลงมาราวกับกำลังเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายกระทำกับตัวเองแต่ชายหนุ่มกลับหยุดเอาไว้เพียงแค่นั้น?...ไม่อยากจูบเขา?...

หรือว่ารังเกียจที่เขาเป็นผู้ชาย?...สรุปจะเอายังไงกับเขากันแน่!...

"เสียงเครื่องยนต์!"   แล้วร่างสันทัดก็ลุกพรวดพราดขึ้นให้คนที่กำลังจมลงสู่ห้วงแห่งความน้อยใจได้แต่ทำหน้างง? เครื่องยนต์?...

"รออยู่ตรงนี้นะ!...ห้ามออกไปจนกว่าชั้นจะเรียกเข้าใจมั้ย?"

"ครับ!"   ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ใบหน้ามนก็พยักรับคำสั่งอย่างขันแข็งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบโผล่หน้าครึ่งหนึ่งออกไปมองคนที่กำลังยืนขวางอยู่กลางถนน?...อย่าบอกนะว่าจะปล้นกันซึ่งๆหน้าแบบนั้น!? แล้วถ้าเผื่อรถที่กำลังมาเป็นพวกนั้นล่ะ!?...

นั่นมันเป้านิ่งชัดๆ!!

ทว่า...

ปิคอัพที่วิ่งมากลับกำลังจอดอย่างนุ่มนวลกระจกรถไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงทำให้คนที่แอบมองอย่างลุ้นระทึกเห็นว่าคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเป็นผู้หญิงและตรงเบาะข้างคนขับมีหัวสีดำเล็กๆกำลังขยับไปมา?...เด็กเหรอ?...แม่ลูก?...

"คุณรีไวล์!!"   ทั้งๆที่น่าจะเห็นชัดเจนกว่าเขาแต่ผู้ชายคนนั้นกลับกำลังจะล้วงอะไรบางอย่างออกมา! ถ้าไม่ใช่ปืนก็มีดสั้นแน่ๆ!! นี่กะจะปล้นแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็กเลยรึไงตาลุงบ้านั่น!!

"จะทำอะไรน่ะครับ!?"   ร่างโปร่งบางกระโดดออกไปคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับกระซิบกระซาบถามออกไป

"แค่จะขู่เท่านั้นเองล่ะน่า"   แต่ใบหน้าปลาตายนั่นกลับตอบออกมาโดยไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว!?

"แน่ใจนะครับว่าแค่ขู่!?"

"แน่ใจสิ"   แต่ที่แสดงออกมาทางสีหน้าไม่เห็นจะเหมือนกับที่ปากพูดเลยสักนิด! ยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก!...

"ขอโทษนะคะ...มีอะไรให้ช่วยมั้ย?"   เธอคนนั้นคงทนแปลกใจไม่ไหวถึงได้ลดกระจกลงแล้วถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

"อ๊ะ!?...คะ...คือ...คือว่า..."   แต่มันดันเป็นภาษาญี่ปุ่นนี่สิ! เขารู้สึกเหมือนตัวเองเข้าใจคำถามนั้นแต่เขาคิดคำตอบกลับไม่ออก!

"เราขอติดรถไปลงสถานีรถไฟได้มั้ยครับ?"   ร่างโปร่งบางที่มัวแต่เรียบเรียงคำพูดของตัวเองเพราะไม่ถนัดใช้ภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ถึงกับอ้าปากค้างที่คนข้างๆพูดมันได้คล่องแคล่วแถมสำเนียงยังให้อีกต่างหาก? สรุปว่าผู้ชายคนนี้พูดได้ทุกภาษาเลยรึไงนะ?...น่าหมั่นใส้จริง!...

"รถไฟหยุดวิ่งไปแล้วล่ะค่ะรู้สึกว่าจะมีดินถล่มปิดอุโมงค์...ถ้าไม่รังเกียจจะแวะพักที่บ้านฉันก่อนมั้ย?...ไว้พายุสงบลงเมื่อไหร่ฉันจะไปส่งอีกที"    รีไวล์หันไปมองใบหน้ามนแว๊บหนึ่งราวกับกำลังช่างใจยิ่งเห็นร่างผอมๆที่เริ่มจะสั่นงกๆแล้วก็ให้ได้แต่ถอนหายใจลากยาว

"ลงเขาลูกนี้ไปอีกหน่อยก็ถึงบ้านฉันแล้วล่ะค่ะ...ที่นั่นมีห้องใต้ดินเอาไว้สำหรับหมักสาเกด้วยนะถ้าพวกคุณกลัวว่าใครจะตามมาล่ะก็..."

ดูเหมือนเธอจะเป็นคนฉลาดไม่น้อยถึงได้คาดเดาสถานการณ์ได้แม่นยำขนาดนี้ 

"งั้นรบกวนด้วยนะครับ"

"ขึ้นมาเลยค่ะ"

"ขอบคุณครับ!"   ใบหน้ามนก้มหัวขอบคุณอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะพูดออกไปซะอีก?...เด็กนี่ฟังรู้เรื่องด้วยสินะ?...ทั้งๆที่หมกตัวอยู่รัสเซียไม่เคยออกไปใหนแท้ๆ รีไวล์ยกร่างบางๆนั่นขึ้นไปบนกระบะหลังก่อนแล้วค่อยกระโดดตามขึ้นไปและเมื่อเห็นว่าพวกเขาอยู่บนท้ายรถเรียบร้อยแล้วเธอคนนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปอย่างระมัดระวัง


ถึงจะบอกว่าลงจากเขาลูกนี้ไปก็ถึงบ้านของเธอแต่ก็ไกลไม่ใช่น้อยเหมือนกัน บ้านเรือนแถวนี้อยู่ห่างกันพอสมควรตามแบบฉบับชนบทไม่มีผิดเพี้ยน จากที่สอบถามพูดคุยกันได้ความว่าเธอไปส่งสามีของเธอเพื่อไปงานศพญาติที่โตเกียวจากนั้นก็แวะซื้อของแต่ดันเพลินจนลืมว่ามรสุมจะเข้าถึงต้องขับฝ่ามาแบบนี้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปฝนก็ยิ่งเทลงมาอย่างกับฟ้าขาดจากรายงานข่าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแม้แต่เครื่องบินยังหยุดบินและไม่มีกำหนดที่แน่นอนคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกอย่างน้อยๆก็สามถึงสี่วัน มือหนายกถ้วยสาเกขึ้นดื่มอึกใหญ่อย่างคนไม่มีอะไรทำ แผ่นหลังเอนพิงเสาที่ระเบียงมองเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาโดยไม่คิดจะขยับกายไปใหน เด็กนั่นกำลังเล่นอยู่กับลูกสาวของเจ้าของบ้านอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ถึงจะดูเป็นคนหัวรั้นเอาแต่ใจแต่กลับปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายกว่าที่คิดและทั้งๆที่เขาควรจะคิดหาทางว่าต่อจากนี้จะทำยังไงแต่มันกลับคิดอะไรไม่ออก...

หัวสมองมันว่างเปล่าไปหมด....

สายตาเรียบเฉยเหลือบมองซองบุหรี่กับไลท์เตอร์ในถาดเล็กๆข้างขวดสาเกที่เจ้าของบ้านเตรียมมาให้ก่อนจะหยิบขึ้นมาคาบเอาไว้ เขาไม่ใช่คนชอบดื่มหรือชอบสูบบุหรี่แต่พอไม่มีอะไรทำมันก็พอจะฆ่าเวลาไปได้

ครืดด~

ริมฝีปากได้รูปยังคงพ่นควันสีขาวออกไปบนอากาศโดยไม่คิดจะหันไปมองผู้มาใหม่ต่อให้เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนร่างนั้นหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ใบหน้ามนเอียงคอมองหน้าเขาจนต้องเหลือบสายตามองตอบกลับไป ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่สนใจแล้วแต่สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามนั่นก็ทำเอาเมินไม่ลง...

"มีอะไร?"
   
"เปล่า...แค่สงสัยว่าคุณไม่หนาวเหรอ?"   ใบหน้าของคนพูดเบือนหนีไปจากสายตาของเขาทั้งๆที่ริมฝีปากอิ่มนั่นพึมพำออกมาเหมือนไม่ใส่ใจรอคอยคำตอบ มือบางยกถ้วยสาเกที่เขาเพิ่งรินไว้จนเต็มขึ้นไปดมฟุดฟิดอย่างสนอกสนใจแล้ววางลงที่เดิมหน้าตาเฉย? และเพราะท่าทางแบบนั้นมันทำให้เขาอดที่จะแหย่กลับไปไม่ได้

"ทำไม...ไม่กล้าเหรอ?"

"เรื่องสิ!...ผมแค่ไม่ชอบรสชาติของมัน"   พูดพลางยกมือทั้งสองข้างลูบต้นแขนของตัวเองไล่อากาศเย็นๆรอบตัว

"หึ...แต่มันจะทำให้นายอุ่นขึ้น"

"เพราะแบบนั้นคุณเลยมานั่งดื่มมองฝนฟ้าอากาศงั้นสิ?"  นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหล่มองคนข้างๆเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเหม่อมองสายฝนต่อ

"ถ้าหนาวก็เข้าห้องไปซะ"   เพราะอีกฝ่ายยังนั่งห่อไหล่กอดอกเอาไว้แน่นไม่ยอมกระดุกกระดิกไปใหนแถมยังเขยิบเข้ามาใกล้เขาอย่างกับกำลังหาไออุ่น

"แต่ผมยังไม่ง่วง"

"อยากให้ชั้นร้องเพลงกล่อมมั้ย?"

"ไม่มีทางซะล่ะ!...ผมไม่ใช่เด็กอมมือซะหน่อย อีกอย่างคุณร้องเพลงกล่อมเป็นด้วยรึไง?"

"ไม่รู้สิ..."      บทสนทนากระท่อนกระแท่นดูไม่ลื่นไหลหยุดลงเพียงแค่นั้น เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะชวนผู้ชายหน้าตายกวนประสาทข้างๆคุยอะไรดี อากาศรอบตัวยังคงเย็นเฉียบให้ขนลุกไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้ามนเหลือบมองถ้วยสาเกที่เพิ่งวางลงไป ก่อนจะตัดสินใจยกมันมาดื่มพรวดลงไปรวดเดียวจนหมด เขาไม่ชอบกลิ่นของมันเอาซะเลยแต่ทว่ารสชาติของมันกลับแย่ยิ่งกว่า สัมผัสที่ปลายลิ้น ลำคอ ไล่ไปจนถึงกระเพาะทุกพื้นที่ในร่างกายที่มันไหลผ่านร้อนวูบวาบอย่างกับร่างกายถูกเผามาจากด้านในกับรสเฝื่อนขมหาความอร่อยไม่ได้ทำให้ใบหน้ามนพะอืดพะอมหยีหน้าหยีตาราวกับกินบอระเพดลงไปเป็นตันๆ จนคนที่ลอบมองทุกอากับกิริยาหลุดหัวเราะพรืดออกมา

"อ๊า~~...กระเพาะผมกำลังถูกเผาล่ะ~..."

"หึหึ...อุ่นขึ้นบ้างรึยัง?"

"อุ่นขึ้นเยอะเลย..."

"งั้นเหรอ...นึกว่าอยากให้ชั้นกอดซะอีก?"

"ห๋าา!!?...พูดอะไรของคุณ!?...ใครเค้าอยากทำอย่าง..."   คำพูดประโยคถัดไปถูกหยุดเอาไว้เพียงแค่นั้นเมื่อเจ้าตัวเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเขยิบเข้าหาอีกฝ่ายจนแทบจะชิดไหล่กัน ที่บอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายขยับเข้าหานั่นก็เพราะระยะห่างที่เขาเคยเว้นช่องว่างเอาไว้หนึ่งช่วงตัวมันหายวับไปเหลือเพียงแค่ถาดสาเกคั้นผิดกับคนข้างๆที่ยังนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมแทบจะไม่เขยื้อนไปแม้แต่มิลเดียว อาการแสบร้อนในกระเพาะดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

แต่อาการลนลานทำตัวไม่ถูกกลับเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว ใบหน้ามนก้มงุดลงมองปลายเท้าตัวเอง แกว่งไปมาแก้เขินแต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา

แย่ล่ะ!...หรือเขาควรกลับเข้าห้องไปดี??

ระ...หรือว่าควรกลับไปเล่นเป็นเพื่อนยูกิจังอีกครั้ง?...แต่เธอคงหลับไปแล้ว...
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue! !....


ตะ...ตะ...ตอนหน้าเป็นฉากNCแหละแต่ยังไม่ไปใหนมาใหนเลยค่ะ555+

ที่จริงก็ตัดออกจากตอนนี้ค่ะตอนแรกกะจะให้จบฉากในตอน10เลยแต่คิดไปคิดมามันยาวย๊าวยาวมากเลยตัดออกซะ!!...ความหวังที่จะเขียนให้จบภายใน12ตอนมันช่างริบหรี่เต็มทน~...ดูท่าว่าคงต้องไปกันอีกยาวๆๆเลยค่ะ...


ขออภัยที่ให้รอนานๆแต่เอาไว้เสร็จงานเมื่อไหร่จะนีบกลับมาปั่นทุกเรื่องเลยค่ะ ตอนนี้พยายามอย่างมากที่จะไม่สร้างไหใหม่555+

แล้วเจอกันค่ะ! 

3 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊สสสสสสสสสสสสสส มาต่อแล้ววววววววววว เพิ่งมีเวลามาดูวววฮืออออออออออ โอ๊ยเฮียกอดเลยค่ะกอดที่เตีย---- แค่กๆๆๆ โอ้ยดีใจที่ได้อ่านต่อจังค่ะะะะะะะะะะ//////////////// q /////////////// เเอร๊ยรอตอนต่อนะคะแฮร่กๆ หูยอ่านไปยิ้มไปยยยยยยยย อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก //จิกหมอน

    ตอบลบ
  2. เราชอบแบบนี้จังค่ะอรั่กกกกกกกกกกก

    ตอบลบ
  3. อ๊ากกก!!....ฟินแลนนนนมาเยือนแล้นนนนน!!!!
    น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวจิมๆๆๆๆ!!!
    น้องน่าร๊ากกก...อ้อนให้กอดสินะๆๆๆ

    ตอบลบ