15 ก.ย. 2558

[KHR] Au.S.Fic.[8059,6927,D18] 9尾の狐 : 02

[KHR] Au.S.Fic.[8059,6927,D18] 9尾の狐 : 02

:Fanfiction [KHR] : Yamamoto x Hayato, Mukuro x Tsunayoshi, Dino x Kyoya


:Romance


:NC-18+


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ









          คนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเป็นคนสุดท้ายคือคนที่อยู่ไกลจากฝรั่งเศสมากที่สุดเพราะอีกห้าคนที่รออยู่แล้วกระจายตัวกันอยู่ทั่วอิตาลีไม่เหมือนคนที่ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากญี่ปุ่นอย่างเขา


"ฮะฮะ...หวัดดีพวก"


"อย่ามาทำหน้าระรื่นสิฟ๊ะเจ้าบ้า!!...ดูซะมั่งว่ามันเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้รึเปล่า!!"


คนที่โวยวายขึ้นมาคือร่างโปร่งบางเส้นผมสีเงินยาวจนถึงเอวบางๆนั่นรับกับรูปหน้าสวยๆได้อย่างลงตัว สวย...แทบจะพอๆกับฮายาโตะของเขาแต่ถ้าบวกนิสัยขี้โวยวายนั่นเข้าไปยังไงเจ้าเด็กผมเงินของเขาก็กินขาดล่ะ


"ชิชิชิ...ท่านรองเลิกโวยวายได้แล้วน่า...นี่ก็ไม่ใช่เวลามาแหกปากเหมือนกันนะ"


"รุ่นพี่เบลก็ด้วย...อาจารย์กำลังใช้สมองอยู่น้า"    เจ้าสองหน่อที่มาจากค่ายเดียวกันกับคนสวยจอมอารมณ์ร้อนก็ยังมีแก่ใจมาต่อปากต่อคำกันได้อีก


"หุบปากเจ้ากบ!...ไม่งั้นชั้นกร่อนหัวแกแน่!"


ร่างสูงเดินผ่านทั้งสามคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทะเลาะกันได้ตลอดเวลาเข้าไปหาอีกสองคนที่โบกมือทักทายกลับมา


"ไง...สึนะเป็นไงบ้าง?"    คนแรกที่เขาทักคือคนที่ไม่รู้ไปทำอิท่าใหนถึงได้กลายมาเป็นคนรักของเพื่อนสนิทร่างเล็กของเขาได้?...


"สบายดีครับ...ตอนนี้กำลังเข้าครอสจัดดอกไม้ไม่สิ...ผมจ้างครูมาสอนให้ที่บ้านน่ะ"


"หื๋มม์...สึนะอยากเปิดร้านดอกไม้นี่นะแต่ว่านะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยไปรับแรมโบ้กลับทีเหอะ...โรงแรมชั้นย่อยยับหมดแล้ว"    คนที่พูดแทรกขึ้นมาคือดีโน่ที่ถือว่าเป็นพี่ชายของสึนะด้วยก็ว่าได้...แต่ไม่รู้ทำไมทั้งเขาและดีโน่ต่างก็รู้ดีว่ามุคุโร่มันเจ้าเล่ห์ขนาดใหนแต่พวกเขาทั้งคู่กลับไม่มีใครเอ่ยปากคัดค้านออกมาตอนที่รู้ว่าทั้งคู่คบกันในฐานะคนรัก...แต่กลับคุ้นเคยสนิทสนมจนดึงหมอนี่มาร่วมกลุ่มจนได้


"ฝากไว้ที่นั่นแหละครับดีที่สุดแล้ว...ถ้ากลับไปหาสึนะโยชิล่ะก็ผมได้เผลอฆ่าทิ้งแน่ๆ"


"ฮะฮะ...โหดร้ายไม่ถูกกันเข้าเส้นจริงๆสินะ...เจ้าหมอนั่นก็เอาแต่แหกปากว่าเกลียดไอ้หัวสับปะรดทั้งวัน"


ใบหน้าคมคายส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอากับบทสนทนาตรงหน้า ที่มุคุโร่เอาแรมโบ้ที่มัวแต่วิ่งตามของกินไปจนตกเครื่องไม่ได้ไปเที่ยวรอบโลกกับพวกคุณแม่ของสึนะไปฝากไว้กับดีโน่แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่รู้เหตุผลแต่ดูเหมือนจะป่วนไม่ใช่เล่นๆเลยสินะ...


"แล้วฮายาโตะ?"


"อ่า~...ป่านนี้คงกำลังโกรธเป็นฝืนเป็นไฟอยู่แน่ๆ...แต่โชคดีที่คุยเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว...คงไม่ถึงขั้นเลิกแต่ก็งานหนักเอาการล่ะต่อจากนี้น่ะ"


สองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าจะให้พูดกันตามเนื้อผ้าแล้วคนของเขานี่แหละที่ใจแข็งที่สุด ไม่นับรวมกับคนของดีโน่เพราะรายนั้นเค้าเกลียดความพ่ายแพ้จนขนาดที่ผ่านมาแล้วตั้งสามปียังไม่ยอมใจอ่อน ส่วนคนที่โชคดีที่สุดคงไม่พ้นเจ้าเพื่อนนัยน์ตาต่างสีของพวกเขาเพราะสึนะทั้งหัวอ่อนว่าง่ายโกรธอะไรได้ไม่นานแต่ปัญหาก็คงเป็นเพราะที่บ้านของสึนะมีแต่เด็กๆเต็มบ้านอย่างกับเนิสเซอรี่ขนาดพาหนีมาอยู่อิตาลีแล้วก็ยังมิวายมีตัวก่อกวนตามมา


"งั้นคุณสินะดีโน่...ที่ไม่มีห่วงเหมือนคนอื่นเค้า?"


"มันก็...นะ..."   ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยักไหล่แต่นัยน์ตาสีอำพันกลับเหลือบไปสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้อย่างรู้กัน...เพราะพวกเขารู้จักกับมุคุโร่หลังจากที่เขากับ...เลิกกันจึงไม่แปลกที่มุคุโร่จะไม่รู้ว่าเขาเคยมีใคร...ไม่สิ...


ต้องบอกว่ามีคนที่อยู่ในใจมาตลอดนั่นแหละ...แต่มันมีเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับที่ให้ใครรู้ไม่ได้...นอกจากยามาโมโตะที่รู้เข้าโดยบังเอิญ


"เฮ้ย!...พวกแกสามคนตรงนั้นมันใช่เวลาคุยเรื่องผู้หญิงของพวกแกรึไงฟ๊ะ!!"


ดูเหมือนคนสวยจอมโวยวายจะเลิกทะเลาะกับเจ้าเด็กสองคนนั่นแล้วหันมาแขวะพวกเขาอีกรอบ


"โอเคมาเข้าเรื่องกัน!"


ดีโน่ใช้น้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าในยามปรกติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เวลาเอาจริงแล้วจะมีความเป็นผู้นำที่สุดในกลุ่มพวกเขา


"เดี๋ยว!...ก่อนจะเข้าเรื่องผมอยากรู้อะไรนิดหน่อย!"   มุคุโร่ผู้มีความสามารถด้านการวางแผนที่ไม่ว่าจะซับซ้อนมากขนาดใหนก็ลงตัวได้อย่างเหลือเชื่อแย้งขึ้นมา...เป็นผู้ชายที่ฉลาดซะจนน่ากลัวเลยทีเดียว เพราะแบบนั้นถ้าหมอนี่พูดขึ้นทุกคนจึงจำเป็นต้องหยุดฟัง...


"ผมอยากรู้ว่าหมอนั่นรู้ได้ยังไง?"   หมายถึงแซนซัสงั้นสินะ...


นัยน์ตาต่างสีจ้องไปที่ลูกศิษย์ของตัวเองราวกับกำลังมองอะไรทะลุปรุโปร่งและเจ้าคนที่อายุน้อยที่สุดก็ถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่ออก


"มะ...ไม่ใช่ฝีมือผมนะอาจารย์...ระ...รุ่นพี่ต่างหากที่แหกปากไม่ดูตาม้าตาเรือ!...บอสนั่งหัวดำอยู่ตรงหน้าแท้ๆ"


"แล้วใครใช้ให้แกทวงเงินส่วนของแกตอนนั้นล่ะฟ๊ะเจ้ากบ!!"


"แล้วใครใช้ให้รุ่นพี่ริบส่วนของผมล่ะ!!"


"เอ้าๆ...พอแค่นั้นแหละทั้งคู่เลย!"   ดีโน่ปรามขึ้นมาทั้งคู่ถึงยอมสงบศึกแต่โดยดี แล้วทุกสายตาในห้องก็หันไปมองร่างโปร่งบางผมสีเงินเป็นตาเดียวเพราะเป็นคนที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ที่สุดนั่นก็เพราะ...


"นายเป็นคนรักของหมอนั่นไม่ใช่รึไงสควอโล่?"


"ก็เพราะแบบนั้นแหละชั้นถึงต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า!!"


".....!?"   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะแต่คนที่ถูกจ้องกลับสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น


"ชิชิชิ...ก็ในฐานะคนรักแล้ว...ท่านรองทำไม่ถูกนี่นา...เน้อะเจ้ากบ"   


"นั่นสิครับ...ถ้าคนของผมทำแบบนั้นผมจะเอาให้ตายไปข้างหนึ่งเลย"


"ฮะฮะ...ถ้าฮายาโตะหักหลังกันแบบนี้ล่ะก็...คงต้องทำโทษให้หนักเลยล่ะ"


"เออ!...ชั้นมันไม่ดีเหมือนไอ้เด็กสองคนนั่นพอใจรึยัง!?...แต่ใครกันล่ะที่ขอให้ชั้นช่วย!"


ใบหน้าสวยได้รูปสะบัดกลับไปจ้องดีโน่เขม็ง ก็รู้อยู่หรอกว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆแต่บางครั้งสายตาที่จ้องมองกันมันก็ชวนให้คิดลึกเหมือนกัน บางทีที่แซนซัสทำแบบนี้คงเพราะเหตุผลนี้ด้วยล่ะมั้งเพราะความสัมพันธ์อันซับซ้อนจนยากจะเชื่อได้ว่าเป็นแค่เพื่อนมาตั้งแต่สมัยเด็กดีโน่ถึงได้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแซนซัสมาตลอดพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคงจะรู้สึกเหมือนโดนหักหน้านั่นแหละ...


"โอเค...ชั้นเป็นคนผิดเอง"   ดีโน่ไม่เคยต่อปากต่อคำกับสควอโล่ให้ยืดยาวแต่จะเป็นฝ่ายยอมลงให้อีกฝ่ายทุกครั้งอย่างเช่นครั้งนี้...


"ตกลงเรากันอีกคนละเท่าไหร่?"    ทุกคนในห้องเหลือบมองกันครู่ใหญ่ก่อนจะเป็นเจ้าเด็กที่เป็นถึงเจ้าชายตกกระป๋องที่ตอบออกมาก่อนใครเพื่อน


"เจ้าชายกับเจ้ากบขาดอีกสิบสี่"


"ชั้นขาดอีกสิบ...สร้างบ้านไปหลังนึงน่ะ"    จริงๆแล้วจะเรียกว่าขาดมันก็ไม่ถูกนักแต่จะให้รวบรวมเงินเยอะขนาดนั้นภายในสองอาทิตย์มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น  อย่างเขาที่เอาเงินส่วนใหญ่ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะเก็บเป็นเงินสดติดบัญชีธนาคารเป็นส่วนน้อย...และทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ก็เหมือนๆกัน


"ผมขาดอีกห้า"   เพราะมุคุโร่มีทุนเดิมเยอะอยู่แล้วบางทีอาจจะยังไม่ได้แตะเงินนั่นด้วยซ้ำแต่เพราะทิ้งเพื่อนไปไม่ได้ถึงต้องมาช่วยกัน


"ส่วนชั้นขาดยี่สิบห้า"   ทุกสายตาหันกลับไปมองดีโน่เป็นตาเดียวเพราะนั่นคือยอดเงินทั้งหมดบวกดอกเบี้ยอีกสามปีไม่ขาดไม่เกินเลยสักแดงเดียว นอกจากสควอโล่ที่ต้องหาเพิ่มห้าสิบล้านยูโรแล้วพวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครใช้เงินยี่สิบห้าล้านหมดภายในสามปีต่อให้เป็นคนมือเติบขนาดใหนก็ตามแต่เจ้าตัวกลับยักไหล่ตอบออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ


"ธุรกิจโรงแรมน่ะ"


"สรุปต้องหาเพิ่มทั้งหมดร้อยสี่ล้านสินะครับ"


"แล้วเราต้องทำไงต่อล่ะครับอาจารย์...ในประเทศแค่กระดิกตัวเราก็คงได้เข้าไปนอนเล่นๆในคุกเรียบร้อยแล้วล่ะ"


"งั้นก็ไปต่างประเทศ"   คำพูดที่เหมือนกับพูดลอยๆออกมาของคนที่เปรียบเสมือนหัวสมองของทีมทำให้ทุกคนต่างก็ครุ่นคิดกันอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ทว่า...


"เรามีเที่ยวห้าโมงเย็น...จีน...หรือไม่ก็ฮ่องกง...หมอนั่นน่าจะหางานให้เราได้"    ดีโน่เป็นคนพูดประโยคนี้ออกมาและนั่นทำให้ทุกสายตาเบนไปจ้องใบหน้าหล่อเหลาตาไม่กระพริบ


"หมอนั่นที่ว่านี่ใคร?...เจ้าชายไม่รู้จักใช่มั้ย?"


"ฮะฮะ...ชั้นด้วย"   ใบหน้าคมคายหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีถึงจะดูไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้แต่ก็พอจะทำให้ทุกคนยิ้มได้บ้าง


"ชามาลครับ...หมอนั่นรับหาของให้พวกคนมีเงิน...กระเป๋าหนักๆ"


"ใช่...อย่างที่มุคุโร่พูด...บางทีอาจจะพอมีงานให้เราบ้าง"


"งั้นจะรออะไร?"    คนสวยที่สุดในกลุ่มลุกเดินนำลูกน้องอีกสองคนออกจากห้องไปก่อนใครเพื่อน


"ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ"    ตามออกไปด้วยเจ้าเพื่อนผมทรงประหลาดของพวกเขาเพราะแบบนั้นตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เขากับดีโน่เพียงสองคน นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหล่มองเพื่อนร่างสูงที่ยังมีรอยยิ้มสบายๆประดับบนใบหน้าหล่อๆนั่น


"ชั้นรู้สึกว่ามันจะบังเอิญเกินไป"    ใช่...เขาอาจจะไม่รู้จักเจ้าคนที่ชื่อชามาลอะไรนั่นแต่สำหรับคนที่มีงานสัมมนาบรรยายพิเศษที่ฮ่องกงแล้วไม่ใช่"ฮิบาริ เคียวยะ"คือคนที่เขาพูดถึง...


"อย่าบอกมุคุโร่...ขอร้องล่ะ"   มือใหญ่ย้ายมาบีบไหล่ของเขามันทำให้เขาปฏิเสธคำขอนั้นไม่ได้ ต่อให้เลิกรากันไปนานแล้วแต่ดูเหมือนดีโน่จะเคยตัดใจ รู้ทั้งรู้ว่าเคียวยะเกลียดพวกหัวขโมยอย่างพวกเขาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่จบความสัมพันธ์ลง  เคียวยะเลือกที่จะไปเป็นตำรวจแถมยังทำได้ดีจนน่าตกใจซะด้วยส่วนหนึ่งคงเพราะมีดีโน่เป็นแรงผลักดัน...


คนที่รักความถูกต้องและความยุติธรรมมากกว่าอะไรทั้งหมดอย่างเคียวยะถึงได้บอกเลิกทันทีที่รู้ว่าดีโน่เป็นพวกหัวขโมย ถ้าเทียบกับเจ้าเด็กหัวเงินของเขาแล้วถือว่าหนักหนาเอาการ...หนักจนถึงขั้นที่ต่อไม่ติด...


"...ชั้นคงต้องโทรไปง้อโกคุเดระเหมือนกัน"


ยามาโมโตะล้วงมือถือออกมาชูให้ดูก่อนจะออกจากห้องไปอีกคนเหลือเพียงแค่เขาที่เดินตามออกไปเป็นคนสุดท้ายแน่นอนว่าคนที่ต้องไปเช็คเอาท์คือเขา...







"เหนื่อยหน่อยนะครับคุณเคียว"   แฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่งถูกยื่นให้คนที่ยืนรออยู่ที่รถรับเอาไว้ก่อนมือข้างที่ว่างจะเปิดประตูรถให้กับเจ้าของร่างบางในชุดสูทสีดำ ใบหน้าที่ไม่ว่าจะมองมุมใหนก็ดึงดูดสายตาได้ไม่ยากยิ่งรับกับกรอบเส้นผมดำขลับดูเรียบลื่นนั่นแล้วช่างไม่เข้ากับสีหน้าเรียบเฉยจนติดจะบึ้งตึงนั่นเลยสักนิด


ถ้าอีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มแย้มให้สมกับวัยย่าง25คงเป็นอะไรที่เหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย...แต่ก่อนเจ้านายตัวน้อยของเขาไม่ได้มืดมนขนาดนี้ มีบ้างที่รู้จักยิ้มรู้จักหัวเราะแสดงความรู้สึกเวลาเจอของที่ชื่นชอบเป็น ถึงจะไม่ได้มากมายอย่างวัยวุ่นทั่วไปก็ตามที


ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้านายของเขาเปลี่ยนไป?...


หรือตั้งแต่รู้จักกับคนๆนั้น?


ไม่สิ!...ต้องบอกว่าหลังจากเลิกรากันไปแล้วถึงจะถูกและนั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณเคียวถึงอยากเป็นตำรวจ...เพราะรักความถูกต้องมากกว่าสิ่งใดต่อให้สิ่งนั้นเปรียบเสมือนดวงใจของตัวเองก็ตาม


"พรุ่งนี้ต้องบรรยายร่วมกับพวกยุโรปสินะครับ?"


"อือ..."  ใบหน้าสวยๆนั่นทำเพียงแค่ขานรับในลำคอเบาๆแต่สายตายังคงเหม่อลอยทอดยาวออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้จับจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษถึงแม้ว่าวิวทิวทัศจะแปลกตาออกไปก็ตาม


จะบอกว่าคุณเคียวเป็นตำรวจมันก็ไม่เชิงซะทีเดียวเพราะเพิ่งถูกโยกย้ายไปอยู่หน่วยข่าวกรองพิเศษควบตำแหน่งสืบราชการลับไปด้วยในตัวจะเรียกว่านักสืบ สายลับ หรือหน่วยสืบราชการลับอะไรก็ได้ทั้งนั้นบ่อยครั้งที่ถูกส่งตัวไปทำงานต่างประเทศและก็บ่อยครั้งอีกเหมือนกันที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมหรือฟังบรรยายพิเศษคล้ายๆกับการประชุมลับสุดยอดจากหน่วยข่าวกรองระดับประเทศในแถบยูเรเซียที่จะมาแลกเปลี่ยนประสพการณ์และหาแนวทางร่วมกันโดยมีประเทศเป็นกลางและมหาอำนาจของโลกอย่างอเมริกามาเป็นสักขีพยาน


นั่นก็เพราะ...กลุ่มหัวขโมยชื่อดังที่ใช้ชื่อว่า"จิ้งจอกเก้าหาง"กับกล้วยไม้สีขาว"ที่อาละวาดทั้งแถบยุโรปและเอเชียยังคงลอยนวลอยู่นั่นเอง ถ้าแค่ลักเล็กขโมยน้อยธรรมดาๆคงเป็นแค่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้นแต่กลุ่มคนพวกนี้เรียกได้ว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งความรอบคอบไม่ทิ้งร่องรอยให้ตามได้ง่ายๆไร้ตัวตนเพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าพวกเขาเลยสักคนยกเว้นก็แต่...


นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานลอบมองคนที่ยังนั่งเหม่อลอยอยู่ด้านหลังเล็กน้อย จะบอกว่ารู้จักดีก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำในเมื่อไม่มีหลักฐานใดเชื่อมโยงไปถึงผู้ชายคนนั้นได้เลยและที่สำคัญ...ของที่พวกนั้นขโมยเกือบจะ99%เป็นวัตถุโบราณทั้งด้านวัฒนธรรมและสมบัติของชาติ สันนิษฐานได้ว่าอาจจะทำตามใบสั่งของใครสักคนและพื้นที่ที่พวกนั้นเลือกลงมือส่วนใหญ่ก็จะเป็นพื้นที่แถบยุโรปลามมาจนถึงเอเชียในอเมริกาก็มีบ้างแต่นั่นถูกมองว่าเป็นแค่การเลียนแบบมากกว่าพวกอเมริกาถึงได้ทำตัวเป็นกลางแค่เป็นสักขีพยานแต่ไม่ว่าใครก็ดูออกทั้งนั้นมาพวกเขาก็ต้องการข้อมูลจากหลายๆฝ่ายโดยยืมมือยุโรปกับเอเชีย


ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...

.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue....

มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ55+

ไม่รู้จะพูดอะไร?...เอาเป็นว่าด๋อยมิคาสึกิหรือท่านปู่รีรันแล้วนะคะใครสนใจรีบไปจองก่อนสิ้นเดือนเน้อ!

บาย~~~...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น