27 มิ.ย. 2558

Fic.Au.[KHR] 6927,8059 ปลายกิ่งฝัน : 22

Fic.Au.[KHR] 6927,8059 ปลายกิ่งฝัน : 22

:Fanfiction [KHR] 6927,8059

:Romantic 

:NC-17

คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ









         

          ร่างเล็กออกมายืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่หน้าบ้านเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง วันนี้ฟ้าเบิกอย่างที่หมอนั่นบอกไว้จริงๆแถมดวงอาทิตย์ยังสว่างจ้าจนต้องยกมือมาป้องใบหน้าเอาไว้ แสงอบอุ่นที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานานพอจะทำให้ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาได้บ้างถึงแม้ว่าทุกอย่างจะถูกหิมะที่ทับถมจนมองไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากสีขาวระยิบระยับของแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงมาก็ตามแต่มันไม่ได้เป็นอุปสักสำหรับคนที่เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเลยแม้แต่น้อย

ควันสีขาวที่ลอยออกจากปล่องไฟที่มองเห็นอยู่ไกลๆทำเอาดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้างไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนอื่นอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยและไม่ใช่แค่หลังเดียว

"มีคนอยู่แถวนี้ด้วยงั้นเหรอเนี้ย!?"

"ค่ะ...ตรงเชิงเขาตรงนั้นมีหมู่บ้านอยู่แต่ไม่กี่หลังคาส่วนที่เห็นเป็นลานกว้างตรงนั้นเป็นทะเลสาบคนที่นี่ส่วนใหญ่จะไปตกปลากันที่นั่น"

ได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้ดวงตากลมโตระยิบระยับไปด้วยความสนอกสนใจสองขากว้าฉับๆลังไปอย่างไม่มีลังเลใจเลยแม้แต่น้อย...อยากเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่...อยากเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้...

"คุณสึนะ?"

"ไปกัน!..ไปตกปลากันเถอะโคลม!"

เด็กสาวได้แต่วิ่งตามร่างเล็กไปด้วยรอยยิ้มอย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้นั่งซึมนอนซึมอยู่ในบ้านคนเดียว

โคลมพาเจ้านายของเธอไปขออุปกรณ์จากคุณลุงใจดีที่อาสาพาพวกเธอไปตกปลาด้วยอีกคนเพราะการตกปลาในทะเลสาบที่กลายเป็นลานน้ำแข็งกว้างไม่ใช่อะไรที่เด็กตัวเล็กๆทั้งสองคนจะทำได้อุปกรณ์จำเป็นหลายอย่างเช่นเครื่องมือเจาะน้ำแข็งกระป๋องใส่เหยื่อและคันเบ็ดครบมือถูกจัดเตรียมออกมาครบครันก่อนทั้งสองคนจะช่วยกันขนมันเท่าที่เรี่ยวแรงของตัวเองจะขนได้อย่างกระตือรือล้น

ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงทะเลสาบและดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พวกเขาที่มาที่นี่ มีอีกหลายคนมาจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้วแถมยังมีเด็กตัวเล็กๆอีกหลายคนที่ตามพ่อของตัวเองมากำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างไม่กลัวหนาวทำเอาคนที่ไม่เคยเห็นถึงกับหุบยิ้มไม่ลง แผ่นน้ำแข็งถูกเจาะเป็นรูขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กก่อนที่คุณลุงจะเป็นคนจัดการใส่เหยื่อและหย่อนเบ็ดลงไปให้ร่างเล็กจึงลากม้านั่งตัวเล็กๆที่แบกมาด้วยนั่งจับคันเบ็ดเพียงอย่างเดียว"คุณหนูไม่ต้องจับหรอกถ้าเบ็ดเกี่ยวเป็นแผลขึ้นมาคุณมุคุโร่ฆ่าลุงตายแน่"คำพูดที่ทำเอาแก้มใสถึงกับมีเลือดฝาดน่ามองอยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าเขาไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น

ไม่งั้นคงไม่เอามาทิ้งมาขว้างไว้แบบนี้...

อีกอย่างแค่ตกปลาน่ะเขาก็ทำเป็นนะถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะ...ตอนอยู่ม.ต้นก็ไปแบบนี้บ่อยๆกับยามาโมโตะจะเริ่มห่างหายไปก็ช่วงม.ปลายปีสองเพราะช่วงนั้นพวกเขาเริ่มก้าวเข้าวงการแทบจะเต็มตัวแล้ว แค่ครอสฝึกอย่างเดียวก็แทบจะไม่มีเวลาให้หายใจหายคอแต่ก็สนุกไปอีกแบบ...

ว่าแล้วก็คิดถึงเหมือนกันแฮะ...อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแต่ไม่อยากจากหมอนั่นไปเลย...ถ้าทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันได้ก็คงดี...

และแล้วหนึ่งวันแห่งความสุขก็กำลังจะจบลง ดวงอาทิตย์จากที่เคยทำมุมสี่สิบห้าองศาทางทิศตะวันออกตอนนี้หายลงไปที่ขอบฟ้าอีกฝั่งจนเกือบจะมิดดวงอยู่รอมร่อ 

มื้อเย็นที่ภรรยาคุณลุงเป็นคนทำให้อร่อยอย่าบอกใครเลยทีเดียวแถมยังเป็นปลาสดๆที่หามาเองแบบนี้รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนกลับยังได้ช่วยทำชีสด้วยอีกต่างหากจึงไม่ต้องแปลกใจที่ร่างเล็กของทั้งเจ้านายและลูกน้องจะมีแต่กลิ่นนมแพะลอยหึ่งออกมา ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้าถึงขนาดที่พอหัวถึงหมอนปุ๊บคงหลับเป็นตายได้ทันที





[ค่ะ...ตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ...คงจะเหนื่อยน่าดู]   ริมฝีปากเรียวหยักยิ้มบางๆหลังจากที่ฟังรายงานจากเด็กสาวพรางถอนหายใจอย่างระอา ไม่อยากจะเชื่อว่านางแบบชื่อดังคนนั้นจะซนเป็นลิงได้ขนาดนี้ ถ้างานไม่ยุ่งเขาคงได้เห็นความแก่นแก้วนั่น...รู้สึกเสียดายนิดๆแหะ...

"เตรียมอะไรไว้ให้เค้าทานตอนดึกด้วยนะครับโคลม...ตื่นมาคงหิวแล้วก็เตรียมยาลดไข้ไว้ด้วยก็ดีตากแดดทั้งวันขนาดนั้น...ลองวัดอุณหภูมิดูถ้าตัวร้อนก็ปลุกให้กินยาก่อนค่อยนอนให้นอนต่อ"

[ค่ะ....แต่วันนี้คุณสึนะดูสนุกมากจริงๆนะคะ...เหมือนเด็กๆเลย]

"งั้นเหรอ...แต่ถ้าไม่สบายขึ้นมาคงต้องทำโทษกันหน่อยล่ะมั้งครับ...ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง"


[เอ๊ะ!?...]   ได้ยินเสียงอุทานออกมาจากปลายสายแต่เขาก็หมายความแบบนั้นจริงๆ ตัวเองไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแท้ๆแต่กลับออกไปใช้กำลังมากมายขนาดนั้นตูมเดียวร่างกายคงรับไหวหรอก...จะบอกว่าไม่ได้เป็นห่วงก็ดูเหมือนหลอกตัวเอง...เพราะที่ทำอยู่นี่ก็เพราะเป็นห่วงมากเกินไปนั่นแหละ...





"อือ~..."    ถึงจะผ่านมาสามวันแล้วแต่ดูเหมือนว่าอาการของร่างเล็กจะยังทรงตัวอยู่เหมือนเดิม ไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ถึงขั้นทรุดหนัก ถึงจะพอขยับร่างกายไปใหนมาใหนได้แต่ก็ไม่สะดวกสบายเพราะตัวยังมีไข้รุมๆอยู่ตลอดเวลา อาการปวดเมื่อยก็ยังตกค้างอยู่บ้างยิ่งทำให้แทบจะไม่อยากขยับตัว

"แย่แล้ว...ร่างกายฉัน"

แต่ดูจะไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียวที่รู้สึกแย่ ที่เขาว่ากันว่าเมื่อใจแข็งแรงร่ายกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วยท่าจะจริง ร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่หน้าเตาผิงค่อยๆไหลลงไปนอนกับพื้นทั้งๆที่ใส่เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียว เสื้อของหมอนั่น...

สองสามวันมานี้เขาแทบจะหลับเป็นตายเพราะฤทธิ์ยาวันนี้เลยรู้สึกเหมือนตื่นขึ้นมาเต็มตาเป็นวันแรก ถึงแม้ว่าเข็มนาฬิกาจะเลยผ่านเที่ยงคืนไปแล้วก็กลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดไม่ว่าจะพยายามข่มตาหลับยังไงก็ไม่เป็นผลยิ่งทำให้หัวสมองมันคิดฟุ้งซ่านไปไกล

"ถ้าจะหนีไปตอนนี้...จะยังทันอยู่มั้ยนะ?"

ถ้าจะทิ้งเขาไว้แบบนี้ก็สู้หนีไปให้พ้นๆไม่ดีกว่ารึไง?...เกือบอาทิตย์แล้วนะที่หมอนั่นไปต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าทำงานหนักมากแท้ๆแต่นี่มันยุ่งเกินไปรึเปล่า? ปรกติก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันอยู่แล้วแต่ตอนนี้แม้แต่โทรหาเขายังไม่ทำ...เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่โคลมบอกว่าหมอนั่นโทรหาเขาแทบจะสามเวลาตอนที่เขายังนอนซมเพราะพิษไข้มันเป็นเรื่องโกหก

บางที...

บางที...เขาน่าจะหายไปจากที่นี่ซะ....




แขนแข็งแรงช้อนเอาร่างที่นอนขดตัวอยู่หน้าเตาผิงขึ้นมาอย่างแผ่วเบา กลัวอีกคนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาซะก่อน ความร้อนที่สัมผัสได้จากร่างที่ยังหลับใหลเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะพิษไข้หรือเป็นความร้อนจากเตาผิงกันแน่แต่ยังไงก็คงต้องทำให้เย็นลง

"เพิ่งผล็อยหลับไปเมื่อครู่เองค่ะ"

นัยน์ตาสองสีเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก่อนจะถอนหายใจออกมากเฮือกใหญ่อีกไม่มีชั่วโมงจะเช้าอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?




     ใบหน้าที่กำลังงัวเงียตื่นขึ้นมาจำตัวขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อร่างกายที่ควรจะนอนอยู่บนพรมนิ่มๆหน้าเตาผิงกลับอยู่บนอะไรบางอย่างแข็งๆแต่กลับให้ความอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด เสียงเปิดหนังสือที่ดังแคร่กๆอยู่บนหัวทำให้ร่างกายถึงกับนิ่งงันไปถนัดตา ใบหน้าที่แนบอยู่บนเนื้อผ้าสีขาวรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจของใครบางคนเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้ดวงตาได้แต่เบิกกว้าง

เขากำลังนอนอยู่บน...

"ทั้งหมดมีแค่นี้แล้วล่ะครับ"

"ขอบคุณ...นายไปพักเถอะ"

น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้มือบางเผลอขยุ้มผ้าเนื้อดีที่อีกฝ่ายสวมอยู่อย่างลืมตัวสายตาเหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารสองสามเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเขากำลังนอนอยู่บนแผงอกของคนที่เอนหลังพิงกองหมอนที่หัวเตียงเอาไว้ ใบหน้าเผลอซุกลงไปและอีกฝ่ายคงคิดว่าเขากำลังหนาวหรืออย่างไรมือเรียวยาวนั่นถึงได้ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้จนแทบจะมิดหัวอยู่แล้ว ฝ่ามืออุ่นๆแนบลงมาที่หน้าผากมนจนคนที่เพิ่งตื่นเผลอยิ้มออกมา

"หิวรึเปล่าครับ?"

คำถามที่เอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าที่กำลังยิ้มน้อยๆถึงกับบึ้งตึงขึ้นมาทันที...รู้ด้วยเหรอว่าเขาตื่นแล้ว?...คิดว่าจะสนใจแต่งานจนไม่รับรู้อะไรซะอีก?...

"...ไม่...ฉันไม่หิว..."

"แต่ยังไงก็ต้องกินนะครับ...คุณยังมีไข้อยู่เลย"

"ถ้าจะบังคับก็ไม่เห็นต้องถามกันตั้งแต่แรกเลยหนิ"

ร่างเล็กยันตัวเองลุกขึ้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นยิ่งทำให้คนที่กำลังมองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา มือเรียวยาวเอื้อมไปรั้งเอวบางๆนั่นไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกหนีไปทำให้ใบหน้าน่ารักหันมาแยกเขี้ยวใส่เขาแทบจะทันที

"ปล่อยสิ!"

"จะไปใหนครับ?"

"เรื่องของฉัน!"

"งั้นก็อยู่แบบนี้แหละ"

จบประโยคหัวสีน้ำตาลก็ถูกกดให้ลงไปซบกับแผงอกแข็งๆนั่นอีกครั้ง ถึงจะออกแรงขัดขืนแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหวเมื่ออีกคนทั้งกดทั้งกอดเอาไว้กำปั้นเล็กๆจึงทุบลงไปบนแผงอกหนึ่งทีในข้อหาหมั่นไส้...ถ้าเป็นเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวแต่คราวนี้อะไรหลายๆอย่างทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาแค่ถูกแกล้งเล่นสนุกเท่านั้น

"...งานของนาย...ไม่รีบไปทำซะล่ะ?"

"ตอนนี้ไม่มีเร่งด่วนแล้วล่ะครับ...มีเวลาอยู่กับคุณทั้งวัน...ทั้งคืนเลยล่ะ"   ท้ายประโยคจงใจใช้น้ำเสียงเจ้าเล่ห์จนร่างเล็กถึงกับสะดุ้งโหยง

"คะ...ใครเค้าอยากจะอยู่กับนายกัน!...ปล่อยได้แล้ว!"

ร่างกายถูกพลิกให้กลับลงไปอยู่ด้านล่างแทนที่จะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ถึงจะมีแรงต่อต้านเล็กๆแต่ไม่นานก็ยอมสงบลง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกือบหหนึ่งาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดเรื่องของอีกฝ่ายจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะแบบนั้นเปลือกตาจึงค่อยๆปรือปิดลงเมื่อใบหน้าเรียวหล่อเหลาเคลื่อนลงมาใกล้

สัมผัสบางเบาจากริมฝีปากที่กดจูบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับสัมผัสอุ่นๆจากฝ่ามือที่สอดเข้าไปลูบไล้บริเวณหน้าท้องไปจนถึงเอวบางทำให้ใบหน้าน่ารักถึงกับหลุดหัวเราะคิกคักออกมา รู้สึกจั้กจี้ไม่น้อยแต่ไม่นานเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงครางหวานหูเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มน้ำหนักจุมพิตให้หนักหน่วงขึ้นเรียวลิ้นที่เพิ่งจะสอดแทรกเข้าไปหยอกล้อเรียวลิ้นเล็กค่อยๆไล่ต้อนหนักหน่วงจนอีกคนแทบจะตามไม่ทัน แรงบีบเคล้นหนักสลับเบาบวกกับรสจุมพิตอันเร่าร้อนยิ่งเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายให้ร้อนระอุขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวและนั่นทำให้ร่างสูงโปร่งถึงกับหยุดชะงัก...

ร้อนเกินไป?...

"สึนะโยชิ?"

"...รู้สึกเหมือนไข้จะกลับมาเลย..."

"คงงั้นมั้งครับ..."   จะคิดเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้แล้ว...ริมฝีปากเรียวได้รูปหยักยิ้มบางๆก่อนจะประคองอีกคนลุกขึ้น นี่เขาเกือบจะรังแกคนป่วยไปแล้วรึไง?...ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนดีเด่นอะไรทั้งๆที่ทำเรื่องไม่ดีมาตั้งเยอะแยะแต่ทำไมเขาถึง...

ไม่กล้าทำให้ร่างเล็กที่สุดแสนจะอ่อนแอนี่เจ็บปวดกัน?...ขนาดคนที่เขาคิดว่าเขารักมากที่สุดเขายังทำเรื่องโหดร้ายให้เสียน้ำตาไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...

"มุคุโร่?"

"ครับ"

"ฉันไม่เป็นไรแค่กินยาที่มีอยู่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ"   เพราะอ้อมแขนของอีกคนกอดเขาแน่นซะจนแทบจะหายใจไม่ออกแต่ที่บอกไม่ได้อยากให้ปล่อยเขา แค่ไม่อยากให้อีกคนเป็นกังวลมากไปก็เท่านั้น

"คึหึหึ...ยังไงก็ต้องไปให้หมอตรวจครับ...ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาซะแล้ว"



เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดว่านี่ไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดา มือเรียวยาวยกขึ้นนวดขมับของตัวเองอย่างระอาใจไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่อายุเลยวัยเบญจเพศแล้วจะไม่รู้จักดูแลตัวเองจนปอดบวมได้แบบนี้  แต่จะโทษเจ้าตัวทั้งหมดเลยก็คงไม่ได้ในเมื่อเขาเองก็ชะล่าใจเกินไปเหมือนกัน

"จะเอายังไงต่อดีครับ?"

"คงให้อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ"

"จะพากลับโรมงั้นเหรอครับ?"

"....."   ก็มันไม่มีทางเลือกแล้วนี่ขืนปล่อยไว้ที่นี่ต้องแอบหนีออกไปที่หมู่บ้านอีกแน่

"คุณมุคุโร่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่ครับ...เด็กนั่นจะเป็นจะตายไม่เห็นต้องสนใจเลยแท้ๆ"

"เคน!"   เป็นจิคุสะที่ยืนอยู่ข้างกันปรามขึ้นมาและตัวเขาก็ทำเพียงแค่มองร่างที่กำลังหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ภายใต้หน้ากากออกซิเจนด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก...

ไม่เป็นไรอย่างนั้นเหรอ?

ถ้าร่างเล็กนี่ตายไป...

เขาจะไม่เป็นไรอย่างนั้นเหรอ?...เขาจะทำเป็นไม่สนใจได้อย่างนั้นเหรอ?
คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วเพียงแต่...

"หรือจะปล่อยเขากลับไปดีล่ะ"

"ผมว่านั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดนะครับท่านมุคุโร่..ถ้าหากว่า..."

"คึหึหึ...ให้ตายสิผมนี่ชักจะ...เลอะเลือนขึ้นทุกวัน...นั่นสินะแค่ปล่อยไปก็พอ"

ดวงตาที่สั่นไหวค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อทุกสรรพเสียงทุกอย่างรอบตัวเงียบลง บทสนทนาเมื่อครู่ก้องอยู่ในหัวจนคิ้วสีน้ำตาลได้แต่ขมวดจนเป็นปม หมอนั่นกำลังจะปล่อยมือจากเขาแล้วสินะ ถึงจะเตรียมใจเอาไว้ตลอดมาแต่พอเอาเข้าจริง...

ก็ดี...เขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตปรกติสักที...

จะได้กลับไปเจอครอบครัว เพื่อนๆและกลับไปทำงานที่เขารัก!...จะทำให้หมอนั่นรู้ว่าเขาไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็นและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไปให้หมด!




อากาศที่อุ่นขึ้นของเมืองหลวงอิตาลีทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ปรกติ จากที่เคยหมกตัวอยู่ในห้องตอนนี้ร่างเล็กกลับเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องออกกำลังกายตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย จากที่เคยฝึกซ้อมตามครอสที่ผู้จัดการส่วนตัวส่งมาให้ตอนนี้กลับฝึกหนักเป็นสองเท่าจนไม่ทันเห็นว่าใครกำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองอยู่

มือล้วงเข้าไปในช่องลับด้านในของสูทเนื้อดีหยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปโดยใช้ชื่ของใครอีกคนและมันก็ทำให้คนที่กำลัง่วนอยู่กับอุปกรณ์ออกกำลังกายพวกนั้นยอมหยุดจนได้ มือบางหยิบมือถือที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมาอ่านและยิ้มออกมาน้อยๆแต่กลับไม่พิมพ์อะไรตอบกลับมาถึงจะเปิดอ่านแต่ก็ไม่เคยตอบอะไรกลับมาเลยสักครั้งและยังไม่สังเกตุเห็นเขา

ใบหน้าน่ารักที่มีเม็ดเหงื่อเกาะพราวถอนหายใจออกมาไม่นานมือบางๆนั่นก็ยกมือถือขึ้นแนบหู คงกำลังโทรหาใครสักคนซึ่งไม่ใช่เขา

"ยามาโมโตะ~...อื้อสบายดีมากๆเลยล่ะ...ฮะฮะ"

ยามาโมโตะ ทาเคชิ งั้นเหรอ?...ใบหน้าที่เคยแต่ถอนหายใจเมื่อครู่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีที่ได้คุยกับเพื่อนรัก  ทั้งเสียงหัวเราะและสีหน้าแบบนั้นเขายังไม่เคยได้เห็นมันเลยสักครั้งมันทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"วะ...วะ...ว่าไงนะ!!...จะไปเอ้ย!...จะมาสวิตซ์งั้นเหรอ!!?"

"ได้ไง!?...อ๊ะฉันหมายถึงเมื่อไหร่งั้นเหรอแหะๆ..."

"อาทิตย์หน้า!!?.."

มือถือร่วงลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นเมื่อเจ้าของ ของมันลุกขึ้นเดินวนไปเวียนมาเหมือนคนบ้าทำอะไรไม่ถูก

"ทำไงดีสึนะ?...ทำไงดี?"

มือบางกุมกันเอาไว้แน่นที่หน้าอกจนขึ้นเหงื่อเมื่อคิดหาทางออกไม่ได้ทว่า...

"ก็ไปสิครับ"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ใบหน้าน่ารักถึงกับตวัดกลับไปมองด้วยความตกใจระคนสงสัยเมื่อไม่ทันได้ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกคนพูดเมื่อครู่หรือตัวเองแค่หูฟาดไปหรือเปล่า

แต่ร่างสูงโปร่งกลับเดินเข้ามาหยิบมือถือของเขาขึ้นไปราวกับเป็นเครื่องยืนยันว่าเมื่อครู่หมอนั่นพูดจริงแต่ยิ่งไปกว่านั้น!

มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecon....


ไม่มีอะไรจะพูดค่ะพอดีไปเจอแท็กเหี้_ๆบนไทม์ไลน์ของเพจที่เราติดตามอยู่มาเลยอารมณ์เสียมาทั้งอาทิตย์เลยเขียนฟิคไม่ได้เลยเกือบเดือนอย่างที่เห็น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น