[KHR] Au.Fic.[ D18,Dino x Hibari ] รักล้นใจ!! The Series : 02
:Fanfiction [KHR]
:Pairing : D18
:Dark Romance
:NC-17
คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ
วันหยุดช่วงโกลเด้นวีคโชคดีที่มันเป็นวันหยุดติดต่อกับเสาร์-อาทิตย์เขาถึงไม่ได้ออกไปใหนเลยทั้งสามวันที่ผ่านมา ใจรู้สึกเต้นแปลกๆเมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปโรงเรียนเรื่องเมื่อวันนั้นยังฝังแน่นอยู่ในใจทั้งความสุขที่ได้รับแล้วความเลวร้ายตอนที่กลับถึงบ้าน...
เขาถูกท่านพ่อเรียกไปตักเตือนหลายชั่วโมงนั่นยังไม่ทำให้รู้สึกแย่เท่าคำตำหนิที่มีต่อท่านแม่เขาทำให้เธอต้องถูกดูหมิ่นไปจนได้ทั้งๆที่พยายามอดทนมาตลอด กักกุรันสีดำถูกสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างอ้อยอิ่งสัมผัสแปลกๆที่ข้อมือทำให้เผลอกุมมันเอาไว้แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อข้อมือมันโล่งผิดปรกติ
กำไลข้อมือของเขาหายไป!
ถึงจะเป็นแค่กำไลที่ทำจากเงินไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่มันเป็นของสำคัญที่ต้องรักษาเท่าชีวิต!
"คุณเคียวเป็นอะไรไปครับ?" คนรับใช้คนสนิทถามขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของเขาแปลกไปใบหน้าสวยจึงได้แต่หันมาบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
"กำไลผมหายไป"
"อาจจะหล่นหายตอนที่ถูกจับตัวไปก็ได้นะครับเดี๋ยวผมจะไปแจ้งตำรวจให้..."
"ไม่!...ไม่เป็นไร"
"แต่เป็นของสำคัญนะครับถ้าท่านพ่อรู้เข้า"
"ไม่เป็นไร...ผมชินแล้วล่ะ" ถูกต่อว่าอีกสักครั้งจะเป็นไรไปแต่ถ้าแจ้งความล่ะก็คนๆนั้นต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ...แต่ถ้ามีใครไปเจอเข้าคงจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเพราะมันมีชื่อของเขาสลักเอาไว้!...
"หลังเลิกเรียนพาผมไปนอกเมืองทีเตรียมไฟฉายไปด้วยนะ"
"รู้เหรอครับว่าทำหายที่ใหน?"
"คิดว่านะ...ถ้าไม่มีใครเจอซะก่อนก็ดีหรอก"
"โชคดีนะครับที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่"
"นั่นสินะ..." ทั้งๆที่งานยุ่งมากขนาดนั้นแต่ยังอุตส่าห์ยอมเปลี่ยนไฟท์บินเพื่ออยู่รออบรมเขา...ไม่แม้แต่จะถามเขาสักคำว่าต้องเจออะไรมาบ้าง
ร่างบางก้าวฉับๆออกจากห้องไปทันทีที่หมดคาบสุดท้ายเพราะรู้ว่าต้องทำเวลาไม่งั้นจะไปถึงที่เชิงเขาตรงนั้นดึกดื่นกันพอดี...มือเตรียมจะเปิดประตูรถที่คนสนิทติดเครื่องรออยู่แล้วทว่า.....
"นายน้อยฮิบาริใช่มั้ยครับ?"
น้ำเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นมาให้ใบหน้าสวยตวัดกลับไปมองแต่วัตถุสีเงินที่ปลายนิ้วเรียวแกว่งมันไปมาอยู่นั่นทำเอาถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ...เพราะเจ้าสิ่งนั้นมันคือกำไลข้อมือของเขา!...
"ขอเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ?"
"ผมไม่ว่าง"
"งั้นคงต้องใช้กฏหมายบังคับเพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและคนขับแท็กซี่คันนั้นยืนยันชัดเจนว่าเมื่อวันที่5พฤษภาคมเวลา10 : 18 น.ที่ผ่านมาคุณถูกคนร้ายที่ร่วมกันปล้นเพชรของบริษัทมาซาว่าจิลเวอรี่จับเป็นตัวประกันบวกกับวัตถุพยานชิ้นนี้ผมจึงต้องเชิญตัวคุณไปให้ปากคำที่โรงพักอ้อไม่สิ...ต้องบอกว่าเชิญตัวไปเป็นพยานถึงจะถูก"
ดวงตาสีรัตติกาลคู่สวยถึงกับเบิกกว้างกับคำว่าเป็นพยาน...ไม่ใช่ว่าหมอนั่นถูกจับได้แล้วหรอกนะ?...คุณลุงคนขับแท็กซี่จำหมอนั่นได้งั้นเหรอ?...
"ผมไม่..."
"ถ้าไม่ไปคุณจะถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดนะครับนายน้อยฮิบาริ"
ร่างบางดูจะอึ้งไปชั่วขณะแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงท่าทีสงบอยู่ได้
"คุณเคียวครับ?"
"เท็ตสึกลับบ้านไปก่อน...ผมจะไปกับคุณคนนี้"
"ให้ผมไปด้วยนะครับ!"
"ไม่เป็นไร...ผมจะไปคนเดียว"
นายน้อยตระกูลฮิบาริยอมเดินตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดีทั้งๆที่ในใจยังเต็มไปด้วยความกังวลในใจนึกห่วงคนที่ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างหรือจะถูกจับไปแล้ว?...
"จับคนร้ายได้แล้วเหรอครับ?" เมื่อทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวอย่างน้อยก็ขอรู้ความเป็นไปเผื่อจะได้หาแนวทางต่อไป
"แค่ผู้ต้องสงสัยน่ะ...คงเป็นโชคร้ายของเราที่กล้องวงจรปิดมันเห็นภาพไม่ชัดเลยสักตัวแต่จากรูปพรรณแล้วน่าจะเป็นชาวต่างชาติคงมีแค่นายน้อยคนเดียวเท่านั้นที่จะให้ความกระจ่างกับเราได้...คุณจะช่วยเราใช่มั้ย?"
"...ครับ...แล้วคุณลุงคนขับแท็กซี่ล่ะครับแกเห็นหน้าคนร้ายรึเปล่า?"
"แกสายตาสั้นน่ะครับตอนที่ถูกพลักแว่นตาของแกกระเด็นลงไปบนถนนแล้วถูกล้อรถบดละเอียดไปเลย"
ร่างบางเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนอีกคนได้แต่มองตามการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ
นายน้อยตระกูลฮิบาริถูกพาเข้าไปในห้องหน้าตาแปลกๆที่มีเพียงโต๊ะยาวตั้งอยู่แค่ตัวเดียวที่ผนังกระจกบานใหญ่มีใครบางคนให้ชุดสูทสีดำยืนกอดอกมองเข้าไปในกระจกจนเขาต้องมองตามแต่ภายในห้องอีกด้านของผนังกระจกกลับมีเพียงความว่างเปล่า?...
หรือว่านั่นคือห้องสำหรับให้พยานชี้ตัวผู้ต้องหา?
"ผู้กองครับ?"
ใบหน้าเฉยชาหันกลับมามองเขาอย่างกับกำลังจับพิรุธอะไรบางอย่างก่อนจะเดินตรงมาที่โต๊ะ มือโบกน้อยๆส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้กับคนที่พาเขามาและคนๆนั้นก็ทำเพียงแค่วางกำไลของเขาเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะก้มโค้งให้แล้วเดินออกจากห้องไป
"เชิญนั่ง...ชั้นมีอะไรจะถามเธอนิดหน่อย"
ร่างบางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจนักกับกริยากระด้างกระเดื่องแบบนั้น
"เข้าเรื่องเลยละกัน...ชั้นสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่แจ้งความ?...เพราะชื่อเสียงของตระกูลอย่างนั้นรึเปล่า?"
"มันเรื่องของผม...ผมมีสิทธิ์ที่จะแจ้งหรือไม่แจ้งก็ได้"
"หื๋มม์~...ไม่ใช่ว่าหลงรักมันหรอกนะ?"
".....!?"
ดวงตาเบิกกว้างชั่วขณะก่อนจะรีบปรับให้เป็นปรกติแน่นอนว่าอีกฝ่ายสังเกตุเห็นปฏิกิริยาไม่กี่วินาทีนั่น ใบหน้าคมคายหยักยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทันยังไงซะเด็กนี่ก็เป็นแค่เด็กต้องหลุดอะไรออกมาบ้างอยู่แล้วที่เหลือก็แค่ทำให้พูดออกมาเท่านั้น
"กล้องตัวอื่นถูกแฮกแต่น่าแปลกที่ตัวที่อยู่สวนสาธารณะแถบชานเมืองไม่ยักกะโดน...เธอคิดว่าไง?"
"ไม่รู้สิ"
"ปากแข็งจังนะ...หมอนั่นใช่มั้ยที่เป็นคนจับตัวเธอไป?"
"เค้าแค่พาผมไปส่งที่บ้าน"
"หมอนั่นเจอเธอได้ยังไง?"
"พอพวกนั้นทิ้งผมเอาไว้...ผมก็วิ่งลงมาจนถึงถนนใหญ่และเค้าก็ผ่านมาพอดี"
"อย่างกับนิยายแน่ะ...หมอนั่นชื่อดีโน่ คาบัคโลเน่เป็นคนอิตาลีประวัติเป็นสีขุ่นเธอเข้าใจใช่มั้ย?"
ใบหน้าสวยยังคงเรียบเฉยถึงแม้อีกฝ่ายพยายามต้อนให้จนมุมยังไงก็ตามถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่ถ้าเขาเลี่ยงคำถามกวนประสาทของคนๆนี้ได้หมอนั่นคงไม่เป็นไร
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะง่ายกว่านี้ถ้าให้ทนายของท่านพ่อจัดการ...แต่ความยุ่งยากทั้งหมดคงมาจากท่านพ่อแทน...
"สรุปว่าเธอจะไม่บอกใช่มั้ย?"
"ลูกน้องของคุณบอกผมแค่ว่าอยากให้มาชี้ตัวพยานและเรื่องที่ผมรู้ผมก็บอกคุณไปหมดแล้วถ้าคุณจะซักไซ้ไม่เลิกผมจะให้ทนายที่บ้านจัดการแทน"
"คำขู่แบบนั้นมันใช้กับชั้นไม่ได้ผลหรอก...พูดความจริงมาซะ"
"ผมเอาจริง...ถ้าคุณไม่เชื่อมันก็เรื่องของคุณ"
"เธอแน่ใจนะ?"
"ผมแน่ใจ!"
"โอเค...งั้นก็เชิญทางนี้...คุณหนู!"
ถึงจะไม่ชอบใจสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเองนักแต่ร่างบางกลับทำเป็นไม่สนใจเดินตามไปหยุดที่หน้าผนังกระจกขนาดใหญ่ไม่นานเจ้าหน้าสองสามคนก็พาผู้ต้องสงสัยหลายคนเดินเข้ามาในห้องดวงตาสั่นไหวน้อยๆเมื่อหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เพิ่งจะพูดถึงไปหยกแต่ที่แตกต่างออกไปจากความคิดของเขาคือใบหน้าหล่อเหลาภายใต้เรือนผมสีทองนั้นดูเย็นชาราวกับเป็นคนละคนกับที่เจอกับเขาเมื่อสามวันก่อนแต่ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่าคือคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายนั่น!
หมอนั่น!...เดม่อน!...เป็นถึงบอสของพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงถูกจับมาได้ล่ะ?
"มีใครคุ้นหน้าบ้างมั้ย?"
".....ไม่มีครับ"
"แน่ใจนะ...ดูดีๆอีกทีสิ"
ใบหน้าสวยส่ายไปมาแทนคำตอบอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้ถึงสายตาจับผิดของคนข้างๆก็ตามทีแต่แบบนี้มันคงจะดีกับพวกเขาทั้งคู่ ดวงตาทำเป็นมองเลยไปทางอื่นทั้งๆที่สีหน้าเย็นชาของใครบางคนกลับเด่นชัดอยู่ในห้วงความคิด หมอนั่นที่ทำหน้าแบบนั้นเหมือนเป็นคนละคนกับที่เขารู้จักเหมือนไม่ใช่คนที่อวยพรวันเกิดให้เขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนคนนั้น...
"เธอแน่ใจแล้วงั้นเหรอที่ปกป้องพวกมันคุณหนู?" คำพูดของผู้กองหนุ่มคนนั้นยังก้องอยู่ในหัวแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อทางเลือกของเขามีแค่เพียงหนึ่งตัวเลือกสองขาพาตัวเองเดินเลียบไปตามฟุตบาททั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไงจะโบกแท็กซี่ไปก็กลัวประวัติสาศตร์จะซ้ำรอยจะโทรตามคนที่บ้านใหัมารับมือถือก็ดันอยู่ในกระเป๋านักเรียนที่โยนไว้ที่เบาะหลังโน่น...ที่ติดตัวมามีเพียงแค่การ์ดกับเศษสตางค์อีกนิดหน่อยเท่านั้น
ทางเลือกที่เหลือคือรถเมล์หรือไม่ก็รถไฟ...
สองขาหยุดเดินไปโดยอัตโนมัติเมื่อเส้นทางที่ไปสถานีมันอยู่อีกฝั่งแต่ถ้าย้อนกลับไปทางนั้นเขาก็เดินมาไกลพอสมควรแล้ว
"ทำไงดี?" เพราะไม่ค่อยได้ออกไปใหนมาใหนคนเดียวทำให้ร่างบางเกิดความลังเลใจขึ้นมาถึงจะเห็นป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลนักที่ด้านหน้าแต่ไม่รู้ว่าสายใหนที่มันวิ่งผ่านบ้านตัวเองถึงจะมีแผนที่ให้ดูก็เถอะ
แต่สุดท้ายเขาก็มายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์จนได้ในเมื่อความรู้สึกที่ไม่อยากยอมแพ้แค่การนั่งรถเมล์มันเอาชนะความกลัวทุกอย่าง ถึงจะรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีที่ไม่มีใครเลยสักคนแต่ปลายนิ้วไล่ไปตามเส้นทางในแผนที่เพื่อหาจุดหมายปลายทางทว่า!.....
"อื้อ!?!..."
มือหนาของใครบางคนล็อกคอของเขาจากด้านหลังส่วนอีกข้างปิดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงร่างกายจึงได้แต่ดิ้นรนอย่างสุดกำลังมือบางพยายามงัดแขนแข็งๆออกจากคอตัวเองแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อยเมื่อใช้แรงทุบตีไม่ได้ผลมือบางจึงคว้าหมับเอาไว้ที่ขอบประตูรถไม่ยอมถูกจับโยนเข้าไปด้านในในใจภาวนาให้ใครก็ได้ผ่านมาแค่เห็นก็ยังดีช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้ไม่น่าจะร้างไร้ผู้คนแต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครเลย!?
"ฤทธิ์มากนักนะ!"
"อุก!..."
หมัดหนักๆชัดเข้ามาเต็มๆที่ท้องน้อยจนมือไม้ที่พยายามยึดประตูรถเอาไว้อ่อนแรงลงใบหน้าสวยนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจนไม่มีแรงแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายถูกจับโยนเข้าไปที่เบาะหลังราวกับเป็นแค่ตุ๊กตาไร้ชีวิต ริมฝีปากอิ่มขยับขึ้นลงเหมือนกำลังจะพูดอะไรแต่ความจุกกลับแล่นริ้วเข้าโจมตีจนคำพูดมันจุกอยู่แค่ลำคอใบหน้าเปื้อนยิ้มของใครบางคนลอยเข้ามาในหัวแต่ไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็นเป็นเย็นชาจนน่ากลัว
"...ดิ...ดี...โน่..."
หมอนั่นต้องโกรธเขาอยู่แน่ๆถึงได้ทำหน้าแบบนั้น...
ต้องคิดว่าเขาเป็นคนแจ้งความแน่เลย....
เพล้งง!!
เสียงอะไรบางอย่างแตกอยู่ใกล้ๆตามมาด้วยเสียงตุ๊บตั๊บเหมือนคนกำลังต่อสู้กันแต่เขาขยับตัวลุกขึ้นไม่ไหว...
ใครกัน?
มาช่วยเขาอย่างนั้นเหรอ?
เสียงทุกอย่างเงียบลงในเวลาไม่นานเงาร่างของเขาคนนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆต้นแขนถูกประคองให้ลุกขึ้นก่อนที่ร่างกายจะถูกช้อนขึ้นไปอยู่ในอ้อมแข็งแรง และเมื่อเห็นว่าเจ้าของอ้อมแขนเป็นใครน้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว...
"ดี...โน่~"
ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับมองกลับมาที่เขาด้วยแววตามืดมนจนหัวใจที่เพิ่งจะถูกเติมเต็มหล่นวูบดำดิ่งลงไปในเหวลึก...
หรือที่มาช่วยเขาเพราะต้องการฆ่าเขาด้วยตัวเอง?
ร่างสูงวางเขาไว้ที่เบาะหลังมอเตอร์ไซค์มือหนาหหยิบหัวกันน๊อคแบบครึ่งใบมาสวมให้ทั้งๆที่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ...ถ้าจะฆ่าจะแกงกันก็ไม่เห็นต้องทำดีกับเขาแบบนี้เลย!
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงจนกระทั่งมือหนาเอื้อมมดึงมือทั้งสองข้างไปโอบที่เอวของตัวเองร่างบางถึงได้สติกลับมา
"กอดเอาไว้แน่นๆ...ต้องไปอีกไกล"
หัวใจเหมือนกับค่อยๆถูกฉุดขึ้นมาจากก้นเหวเมื่อน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามันช่างอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งใหนๆ...น้ำตาแห่งความดีใจไหลลงมาอีกครั้งต่อให้มันซึมผ่านเสื้อของอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปาดมันออกไปในเมื่อมือของเขากำลังกอดกระชับแผ่นหลังกว้างเอาไว้แน่นยิ่งกว่าครั้งใหนๆ
ร่างสูงพามอเตอร์ไซค์คู่ใจเลี้ยวเข้าไปจอดข้างร้านราเมงเล็กๆหลังจากออกมาไกลจากตัวเมืองพอสมควรอย่างน้อยที่นี่อาจจะปลอยภัยสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะร่างบางนี่ในระดับหนึ่งเพราะที่นี่เป็นเขตปกครองของคนที่เดม่อนไม่อยากสุงสิงด้วยที่สุด
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่ข่าวที่ว่าหมอนั่นหักหลังแฟมิลี่ตัวเองถ้าจะจริงเท่าที่รู้เดม่อนไม่เคยมาเหยียบแถวนี้เป็นปีแล้วแต่อย่างน้อยก็ควรถามความสมัครใจของเจ้าตัวก่อน
"คืนนี้ค้างที่นี่ได้มั้ย?...จริงๆก็คงสักสองสามวัน"
มือหนาช่วยถอดหมวกกันน๊อคออกให้ก่อนจะช่วยอุ้มลงมายืนข้างๆ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองเขาด้วยแววตาสำนึกผิดจนเขาอดที่จะยิ้มไม่ได้...
"ผมไม่ได้ทำ!...ผมไม่ได้แจ้งความแต่พวกนั้นเก็บกำไลข้อมือของผมได้!...ผมไม่ได้ทำจริงๆนะ!"
"ชั้นรู้...เพราะแบบนั้นไงถึงได้ตามไปช่วย"
"เอ๊ะ?...แล้วทำไมถึง?..."
"หื๋มม์?"
"ก็คุณทำหน้าเย็นชาใส่ผม!...ผมคิดว่าคุณอยากจะฆ่าผมด้วยตัวเองซะอีก!"
"...เพราะแบบนี้สินะนายถึงร้องไห้...ขอโทษนะจริงๆแล้วชั้นก็นึกโมโหนิดหน่อยที่นายไม่รู้จักระวังตัว...แต่โกรธพวกนั้นมากกว่าที่บังอาจแตะต้องนาย" มือหนาแนบลงมาที่แก้มใส ใช้หัวแม่มือเกลี่ยไปมาเบาๆเหมือนกำลังเช็ดคราบน้ำตาให้ทั้งๆที่มันเหือดแห้งไปนานแล้ว
"คุณนี่มัน!..." หลอกให้เขาหลงเข้าใจผิดคิดไปต่างๆนาๆแท้ๆยังจะมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอยู่ได้แต่เพราะรอยยิ้มที่สว่างไสวแบบนั้นใบหน้าสวยถึงได้ยอมเก็บคำด่าเอาไว้ในใจ
"ฮะฮะ...เข้าไปข้างในกันเถอะมีคนจะแนะนำให้รู้จัก"
ดีโน่พาร่างบางเข้าไปที่ด้านในซึ่งมีลูกค้าอยู่เพียงไม่กี่คนกลิ่นหอมๆของน้ำซุปที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วร้านทำให้เผลอกลืนน้ำลายลงคอแต่ชายสูงวัยที่ยืนสับๆหั่นๆอะไรอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์กลับทำให้ใบหน้าสวยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยในเมื่อดูยังไงก็ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นสักกระเบียดนิ้ว?
"นี่ลุงชั้นเองซื่อโรมาริโอ้ถึงจะเป็นคนอิตาลีแต่ฝีมือทำราเมงก็ไม่น้อยหน้าคนญี่ปุ่นหรอกนะจะบอกให้อร่อยเหาะไปเลยล่ะ"
"ใครเป็นญาติแก!...หายหัวไปเป็นชาติถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะโผล่มาหรอกแกน่ะ!"
"ฮะฮะ...รู้ทันตลอดเลยนะลุงเนี้ย"
"มันเขียนอยู่บนหน้าแกอยู่แล้วเจ้าโง่!"
ร่างบางก้มหัวให้น้อยๆแทนคำทักทายและอีกฝ่ายก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนต่างจากเวลาคุยกับหมอนี่ลิบลับและมันทำให้เขาเผลอยิ้มตามได้อย่างง่ายดาย
"นั่งสิเดี๋ยวจะทำราเมงสูตรพิเศษให้กิน!"
ว่าแล้วร่างสูงก็เนรเทศตัวเองไปอยู่หลังเคาน์เตอร์เป็นเพื่อนคุณลุงท่าทางทะมัดทะแมงบวกกับรอยยิ้มที่บานแฉ่งแบบนั้นทำให้เขามองตามทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่สามารถละสายตาไปใหนได้ ความรู้สึกไม่สบายใจทั้งๆค่อยๆหายไปเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่ราวกับดวงตะวันนั่น
"เคียวยะ...ชอบกินอะไรที่สุด?"
"อืม~...เต้าหู้ทอดกับลูกชิ้นปลาแล้วก็ปลาหมึก"
"โอเค...ตามบัญชาขอรับเจ้าหญิง"
"เฮ้ย!...เยอะไปแล้วเจ้าบ้าของมันแพงนะเฟ้ย!"
"โธ่ลุง~...ไม่ใช่ผมกินเองซะหน่อยนี่ของเคียวยะนะ"
"ฮะฮะ..." ภาพของคนทั้งคู่ที่กำลังยื้อแย่งชามราเมงกันอย่างกับเด็กๆทำให้ร่างบางหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมไปแล้วว่าต้องเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ ดวงตาคู่สวยจ้องคนที่ถือชามราเมงมาวางให้ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณที่คนที่เป็นใครมาจากใหนก็ไม่รู้แต่สามารถทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้ขนาดนี้
"อร่อยใช่มั้ย?"
"อื้อ!...อร่อยมากๆเลย" แค่ราเมงชามละไม่กี่เยนแต่กลับทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้หากเทียบกับอาหารชั้นดีที่บ้านราคาอาจจะต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่ของแพงๆพวกนั้นกลับเทียบไม่ติดกับแค่เต้าหู้ทอดด้วยซ้ำ
หมอนี่เป็นใครกัน?...ผู้ชายที่มาพร้อมกับเรื่องราวและชีวิตที่เขาไม่เคยรู้จัก...
มือบางกวักน้ำอุ่นๆใส่หน้าตัวเองก่อนจะเอนศรีษะไปพิงขอบถังไม้โอ๊คเอาไว้ เปลือกตาปิดลงด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนแช่น้ำอุ่นๆหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันอีกแล้ว มือบางลูบท้องของตัวเองปอยๆเมื่อเขาจัดการราเมงไปถึงสองชามมันเป็นการกินที่ดุเดือดที่สุดในชีวิตและเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน บางทีถ้าเขาได้อยู่กับหมอนั่นนานกว่านี้หรือต่อจากนี้อาจจะมีมื้อที่ทำให้เขาไม่มัวันลืมแบบนี้อีกก็เป็นได้...
แต่ดูเหมือนช่วงเวลาแห่งความสุขของเขาจะหมดลงซะแล้วเมื่อเสียงน้ำที่ล้นออกจากถังไม้โอ๊คจำนวนมากเหมือนมีอะไรหนักๆตกลงมาในถังทำให้เขาต้องลืมตาขึ้น!
"นี่!...ทำอะไรของคุณเนี้ย!?"
เพราะไอ้ของหนักๆที่ว่าคือผู้ชายตัวโตหัวสีทองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่นเองถึงแม้ว่าถังไม้มันจะใหญ่มากสำหรับเขาแต่ถ้ามีม้าตัวโตๆลงมาด้วยมันถึงกับแคบไปในพริบตา!
"ออกไปเลยนะ!...น้ำผมล้นออกหมดแล้ว!"
"ฮะฮะ...ออกไปก็โง่แล้ว...ไม่ต้องห่วงหรอกน่าชั้นล้างตัวเรียบร้อยแล้ว"
"ใครห่วงเรื่องนั้นกันเล่า...ออกไปเลยนะ!"
มือบางกวักน้ำไล่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นๆแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ...มันต้องคิดอะไรลามกอยู่แน่ๆ!...
"ถ้ากลัวจะขยับตัวไม่ได้ก็มานี่สิ"
"อ๊ะ!?...ทะ...ทำอะไรของคุณ!?"
ไม่ว่าเปล่ามือหนาคว้าลำตัวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะจับให้นั่งลงตรงกลางหว่างขาของตัวเอง ถังไม้ที่ดูจะคับแคบเมื่อครู่จึงดูกว้างขึ้นอีกนิดแต่ไอ้สิ่งที่สัมผัสที่ด้านหลังกลับทำให้ร่างบางถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข
"อยู่นิ่งๆสิ...เคียวยะ"
เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาไหล่บางถึงกับสะดุ้งโหยง ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายถูกรั้งเข้าไปกอดเอาไว้แน่น แผ่นหลังแนบชิดกับแผงอกเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนแทบไม่เหลือช่องว่าง
"ชั้นไม่ทำอะไรหรอก...ถ้านายไม่ต้องการ"
โกหกกันชัดๆ!...บอกไม่ทำอะไรแต่หมอนั่นกลับขยับร่างกายตัวเองแบบนี้หมายความว่าไง?...แล้วไอ้ที่สัมผัสที่สะโพกของเขามันคืออะไร!?...
"คนโกหก...ปล่อยผมนะ!"
"ชั้นพูดจริง!...แต่ช่วยอยู่แบบนี้อีกสักเดี๋ยวนะ...มันทรมานอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้...เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ถ้าไม่ใช่นายมันก็ไม่มีความหมาย"
เสียงแหบพร่าของอีกฝ่ายสะกดร่างกายเอาไว้ได้อย่างง่ายดายใบหน้าแดงเทือกเอียงคอหลบลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดซอกคอกลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกดริมฝีปากลงมาได้ถนัดยิ่งขึ้น
"นี่!...ผมบอกให้หยุดไง!"
"โทษที...แต่ช่วยทนอีกนิดนึงนะ...เคียวยะ"
"มะ..ไม่!...อ๊ะ!...จับตรงใหนของคุณน่ะ!"
มือบางรีบตะครุบมือไม้ปลาหมึกที่เลื้อยต่ำลงไปบริเวณท้องน้อยอย่างเอาเป็นเอาตายแต่เรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดมีหรือจะสู้แรงมหาศาลของอีกคนได้ มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวของร่างกายเอาไว้ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกันกับแรงเสียดสีที่ด้านหลังกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยให้แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
"ยะ...อย่าจับนะ!...ดี...โน่...อ่ะ..."
แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจกลับทำให้ร่างบางพยายามต่อต้านการกระทำอันจาบจ้วงล่วงล้ำเท่าที่เรี่ยวแรงยังมีเหลือ...ความรู้สึกสับสนในใจแสดงออกมาทางสีหน้าจนคนที่ลอบมองอยู่แล้วหยักยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ
"แต่นายก็กำลังตื่นตัวไม่ใช่รึไง?...เคยทำมาก่อนรึเปล่าแบบนี้น่ะ?"
"มะ...มันไม่ถูกต้อง!...ผมไม่...ฮ้า..."
"แล้วอะไรล่ะ...ที่มันถูกต้องสำหรับนาย?"
ดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกกว้างกับคำพูดของร่างสูงอะไรที่มันคือความถูกต้องของเขา?
แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้คำตอบนั้น ร่างบางปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายชักนำในเมื่อคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้วในใจของเขา
เขาเพียงแค่กลัวที่จะแสดงออกมาก็เท่านั้น.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.....Tobecontinue......
คึหึหึ...จบได้น่าตรบมากกร้ากกกกก~~~~~
ยะ...อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรมานะเจ้าคะ!!!
จะบอกว่ามันจะคลุมเครือแบบนี้ไปแทบจะทั้งเรื่องเลยนะเออ...ฮะฮะฮะ...
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะถึงจะมาช้าบ้างอะไรบ้างแต่พอรู้ว่ามีคนรออ่านแบบนี้อิสยาลอยไปถึงดาวอังคารแล้นน~~
ขอบคุณสำหรับเม้นน่ารักๆและดีใจนะคะที่มีคนชอบอ่ะ...แต่ว่า คาเร็กเตอร์ของทั้งสองคนในเรื่องนี้มันแทบจะไม่เหลือคาเร็กเตอร์เดิมเลยอิสยาก็เลยกลัวว่าคนที่รักคู่นี้จะเขม่นเอาก็เลยดร็อปเอาไว้ก่อนทั้งๆที่เพิ่งเขียนได้ตอนเดียวไม่กล้าลงตอนวันเกิดเลยปล่อยให้มันผ่านมาหลายวันอย่างที่เห็นนั่นแล555 ถึงจะเป็นคนประเภทไม่แคร์สื่อชอบทำตามใจตัวเองแต่พอมันหลุดออกมาเยอะหลายๆเรื่องเข้าก็ชักจะลังเลค่ะฮะฮะ....
ถึงจะบอกว่าดร็อปก็เถอะแต่ส่วนหนึ่งก็ช่วงนี้งานหนักมากค่ะเปิดไตรมาสแรกของญี่ปุ่นเนี้ยงานบัญชีหนักมากแต่พอพ้นเดือนนี้ไปได้ก็สบายแระแต่งานหนักอีกงานก็คือเดือนหน้าวันเกิดคุณมุคุคุเนี้ยสิ!
ดันมาเกิดเดือนเดียวกันวันที่เดียวกันกะอิสยาเนี้ยงานหนักสองเท่าเลยนาาา
ลางานไว้แล้ววางแผนเที่ยวไว้แล้วแต่ฟิควันเกิดยังไม่ลงมือเขียนสักตัวเลย5555~~~~
รับรองว่ามันต้องเลทไปไกลเลยสำหรับของคุณมุคุคุแต่ก็จะทำให้ล่ะน้าไม่งั้นสามง่ามได้ลอยมาปักหน้าผากแน่!
ไปแระ...เจอกันตอนหน้าค่ะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น