22 พ.ค. 2558

[KHR] Au.Fic.[ D18, Dino x Hibari ] รักล้นใจ!! The Series : 02 

[KHR] Au.Fic.[ D18,Dino x Hibari ] รักล้นใจ!! The Series : 02 

  :Fanfiction [KHR]

:Pairing : D18

:Dark Romance

:NC-17

คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ








          วันหยุดช่วงโกลเด้นวีคโชคดีที่มันเป็นวันหยุดติดต่อกับเสาร์-อาทิตย์เขาถึงไม่ได้ออกไปใหนเลยทั้งสามวันที่ผ่านมา ใจรู้สึกเต้นแปลกๆเมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปโรงเรียนเรื่องเมื่อวันนั้นยังฝังแน่นอยู่ในใจทั้งความสุขที่ได้รับแล้วความเลวร้ายตอนที่กลับถึงบ้าน...

เขาถูกท่านพ่อเรียกไปตักเตือนหลายชั่วโมงนั่นยังไม่ทำให้รู้สึกแย่เท่าคำตำหนิที่มีต่อท่านแม่เขาทำให้เธอต้องถูกดูหมิ่นไปจนได้ทั้งๆที่พยายามอดทนมาตลอด  กักกุรันสีดำถูกสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างอ้อยอิ่งสัมผัสแปลกๆที่ข้อมือทำให้เผลอกุมมันเอาไว้แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อข้อมือมันโล่งผิดปรกติ

กำไลข้อมือของเขาหายไป!

ถึงจะเป็นแค่กำไลที่ทำจากเงินไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่มันเป็นของสำคัญที่ต้องรักษาเท่าชีวิต!

"คุณเคียวเป็นอะไรไปครับ?"  คนรับใช้คนสนิทถามขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของเขาแปลกไปใบหน้าสวยจึงได้แต่หันมาบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

"กำไลผมหายไป"

"อาจจะหล่นหายตอนที่ถูกจับตัวไปก็ได้นะครับเดี๋ยวผมจะไปแจ้งตำรวจให้..."

"ไม่!...ไม่เป็นไร"

"แต่เป็นของสำคัญนะครับถ้าท่านพ่อรู้เข้า"

"ไม่เป็นไร...ผมชินแล้วล่ะ"  ถูกต่อว่าอีกสักครั้งจะเป็นไรไปแต่ถ้าแจ้งความล่ะก็คนๆนั้นต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ...แต่ถ้ามีใครไปเจอเข้าคงจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเพราะมันมีชื่อของเขาสลักเอาไว้!...

"หลังเลิกเรียนพาผมไปนอกเมืองทีเตรียมไฟฉายไปด้วยนะ"

"รู้เหรอครับว่าทำหายที่ใหน?"

"คิดว่านะ...ถ้าไม่มีใครเจอซะก่อนก็ดีหรอก"

"โชคดีนะครับที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่"

"นั่นสินะ..."  ทั้งๆที่งานยุ่งมากขนาดนั้นแต่ยังอุตส่าห์ยอมเปลี่ยนไฟท์บินเพื่ออยู่รออบรมเขา...ไม่แม้แต่จะถามเขาสักคำว่าต้องเจออะไรมาบ้าง





ร่างบางก้าวฉับๆออกจากห้องไปทันทีที่หมดคาบสุดท้ายเพราะรู้ว่าต้องทำเวลาไม่งั้นจะไปถึงที่เชิงเขาตรงนั้นดึกดื่นกันพอดี...มือเตรียมจะเปิดประตูรถที่คนสนิทติดเครื่องรออยู่แล้วทว่า.....

"นายน้อยฮิบาริใช่มั้ยครับ?"

น้ำเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นมาให้ใบหน้าสวยตวัดกลับไปมองแต่วัตถุสีเงินที่ปลายนิ้วเรียวแกว่งมันไปมาอยู่นั่นทำเอาถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ...เพราะเจ้าสิ่งนั้นมันคือกำไลข้อมือของเขา!...

"ขอเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ?"

"ผมไม่ว่าง"

"งั้นคงต้องใช้กฏหมายบังคับเพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและคนขับแท็กซี่คันนั้นยืนยันชัดเจนว่าเมื่อวันที่5พฤษภาคมเวลา10 : 18 น.ที่ผ่านมาคุณถูกคนร้ายที่ร่วมกันปล้นเพชรของบริษัทมาซาว่าจิลเวอรี่จับเป็นตัวประกันบวกกับวัตถุพยานชิ้นนี้ผมจึงต้องเชิญตัวคุณไปให้ปากคำที่โรงพักอ้อไม่สิ...ต้องบอกว่าเชิญตัวไปเป็นพยานถึงจะถูก"

ดวงตาสีรัตติกาลคู่สวยถึงกับเบิกกว้างกับคำว่าเป็นพยาน...ไม่ใช่ว่าหมอนั่นถูกจับได้แล้วหรอกนะ?...คุณลุงคนขับแท็กซี่จำหมอนั่นได้งั้นเหรอ?...

"ผมไม่..."

"ถ้าไม่ไปคุณจะถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดนะครับนายน้อยฮิบาริ"

ร่างบางดูจะอึ้งไปชั่วขณะแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงท่าทีสงบอยู่ได้

"คุณเคียวครับ?"

"เท็ตสึกลับบ้านไปก่อน...ผมจะไปกับคุณคนนี้"

"ให้ผมไปด้วยนะครับ!"

"ไม่เป็นไร...ผมจะไปคนเดียว"

นายน้อยตระกูลฮิบาริยอมเดินตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดีทั้งๆที่ในใจยังเต็มไปด้วยความกังวลในใจนึกห่วงคนที่ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างหรือจะถูกจับไปแล้ว?...

"จับคนร้ายได้แล้วเหรอครับ?"  เมื่อทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวอย่างน้อยก็ขอรู้ความเป็นไปเผื่อจะได้หาแนวทางต่อไป

"แค่ผู้ต้องสงสัยน่ะ...คงเป็นโชคร้ายของเราที่กล้องวงจรปิดมันเห็นภาพไม่ชัดเลยสักตัวแต่จากรูปพรรณแล้วน่าจะเป็นชาวต่างชาติคงมีแค่นายน้อยคนเดียวเท่านั้นที่จะให้ความกระจ่างกับเราได้...คุณจะช่วยเราใช่มั้ย?"

"...ครับ...แล้วคุณลุงคนขับแท็กซี่ล่ะครับแกเห็นหน้าคนร้ายรึเปล่า?"

"แกสายตาสั้นน่ะครับตอนที่ถูกพลักแว่นตาของแกกระเด็นลงไปบนถนนแล้วถูกล้อรถบดละเอียดไปเลย"

ร่างบางเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนอีกคนได้แต่มองตามการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ




นายน้อยตระกูลฮิบาริถูกพาเข้าไปในห้องหน้าตาแปลกๆที่มีเพียงโต๊ะยาวตั้งอยู่แค่ตัวเดียวที่ผนังกระจกบานใหญ่มีใครบางคนให้ชุดสูทสีดำยืนกอดอกมองเข้าไปในกระจกจนเขาต้องมองตามแต่ภายในห้องอีกด้านของผนังกระจกกลับมีเพียงความว่างเปล่า?...

หรือว่านั่นคือห้องสำหรับให้พยานชี้ตัวผู้ต้องหา?

"ผู้กองครับ?"

ใบหน้าเฉยชาหันกลับมามองเขาอย่างกับกำลังจับพิรุธอะไรบางอย่างก่อนจะเดินตรงมาที่โต๊ะ มือโบกน้อยๆส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้กับคนที่พาเขามาและคนๆนั้นก็ทำเพียงแค่วางกำไลของเขาเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะก้มโค้งให้แล้วเดินออกจากห้องไป


"เชิญนั่ง...ชั้นมีอะไรจะถามเธอนิดหน่อย"

ร่างบางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจนักกับกริยากระด้างกระเดื่องแบบนั้น

"เข้าเรื่องเลยละกัน...ชั้นสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่แจ้งความ?...เพราะชื่อเสียงของตระกูลอย่างนั้นรึเปล่า?"

"มันเรื่องของผม...ผมมีสิทธิ์ที่จะแจ้งหรือไม่แจ้งก็ได้"

"หื๋มม์~...ไม่ใช่ว่าหลงรักมันหรอกนะ?"

".....!?"

ดวงตาเบิกกว้างชั่วขณะก่อนจะรีบปรับให้เป็นปรกติแน่นอนว่าอีกฝ่ายสังเกตุเห็นปฏิกิริยาไม่กี่วินาทีนั่น ใบหน้าคมคายหยักยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทันยังไงซะเด็กนี่ก็เป็นแค่เด็กต้องหลุดอะไรออกมาบ้างอยู่แล้วที่เหลือก็แค่ทำให้พูดออกมาเท่านั้น

"กล้องตัวอื่นถูกแฮกแต่น่าแปลกที่ตัวที่อยู่สวนสาธารณะแถบชานเมืองไม่ยักกะโดน...เธอคิดว่าไง?"

"ไม่รู้สิ"

"ปากแข็งจังนะ...หมอนั่นใช่มั้ยที่เป็นคนจับตัวเธอไป?"

"เค้าแค่พาผมไปส่งที่บ้าน"

"หมอนั่นเจอเธอได้ยังไง?"

"พอพวกนั้นทิ้งผมเอาไว้...ผมก็วิ่งลงมาจนถึงถนนใหญ่และเค้าก็ผ่านมาพอดี"

"อย่างกับนิยายแน่ะ...หมอนั่นชื่อดีโน่ คาบัคโลเน่เป็นคนอิตาลีประวัติเป็นสีขุ่นเธอเข้าใจใช่มั้ย?"

ใบหน้าสวยยังคงเรียบเฉยถึงแม้อีกฝ่ายพยายามต้อนให้จนมุมยังไงก็ตามถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่ถ้าเขาเลี่ยงคำถามกวนประสาทของคนๆนี้ได้หมอนั่นคงไม่เป็นไร

ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะง่ายกว่านี้ถ้าให้ทนายของท่านพ่อจัดการ...แต่ความยุ่งยากทั้งหมดคงมาจากท่านพ่อแทน...

"สรุปว่าเธอจะไม่บอกใช่มั้ย?"

"ลูกน้องของคุณบอกผมแค่ว่าอยากให้มาชี้ตัวพยานและเรื่องที่ผมรู้ผมก็บอกคุณไปหมดแล้วถ้าคุณจะซักไซ้ไม่เลิกผมจะให้ทนายที่บ้านจัดการแทน"

"คำขู่แบบนั้นมันใช้กับชั้นไม่ได้ผลหรอก...พูดความจริงมาซะ"

"ผมเอาจริง...ถ้าคุณไม่เชื่อมันก็เรื่องของคุณ"

"เธอแน่ใจนะ?"

"ผมแน่ใจ!"

"โอเค...งั้นก็เชิญทางนี้...คุณหนู!"

ถึงจะไม่ชอบใจสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเองนักแต่ร่างบางกลับทำเป็นไม่สนใจเดินตามไปหยุดที่หน้าผนังกระจกขนาดใหญ่ไม่นานเจ้าหน้าสองสามคนก็พาผู้ต้องสงสัยหลายคนเดินเข้ามาในห้องดวงตาสั่นไหวน้อยๆเมื่อหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เพิ่งจะพูดถึงไปหยกแต่ที่แตกต่างออกไปจากความคิดของเขาคือใบหน้าหล่อเหลาภายใต้เรือนผมสีทองนั้นดูเย็นชาราวกับเป็นคนละคนกับที่เจอกับเขาเมื่อสามวันก่อนแต่ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่าคือคนที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายนั่น!

หมอนั่น!...เดม่อน!...เป็นถึงบอสของพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?

ทำไมถึงถูกจับมาได้ล่ะ?

"มีใครคุ้นหน้าบ้างมั้ย?"

".....ไม่มีครับ"

"แน่ใจนะ...ดูดีๆอีกทีสิ"

ใบหน้าสวยส่ายไปมาแทนคำตอบอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้ถึงสายตาจับผิดของคนข้างๆก็ตามทีแต่แบบนี้มันคงจะดีกับพวกเขาทั้งคู่ ดวงตาทำเป็นมองเลยไปทางอื่นทั้งๆที่สีหน้าเย็นชาของใครบางคนกลับเด่นชัดอยู่ในห้วงความคิด หมอนั่นที่ทำหน้าแบบนั้นเหมือนเป็นคนละคนกับที่เขารู้จักเหมือนไม่ใช่คนที่อวยพรวันเกิดให้เขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนคนนั้น...






"เธอแน่ใจแล้วงั้นเหรอที่ปกป้องพวกมันคุณหนู?"  คำพูดของผู้กองหนุ่มคนนั้นยังก้องอยู่ในหัวแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อทางเลือกของเขามีแค่เพียงหนึ่งตัวเลือกสองขาพาตัวเองเดินเลียบไปตามฟุตบาททั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไงจะโบกแท็กซี่ไปก็กลัวประวัติสาศตร์จะซ้ำรอยจะโทรตามคนที่บ้านใหัมารับมือถือก็ดันอยู่ในกระเป๋านักเรียนที่โยนไว้ที่เบาะหลังโน่น...ที่ติดตัวมามีเพียงแค่การ์ดกับเศษสตางค์อีกนิดหน่อยเท่านั้น

ทางเลือกที่เหลือคือรถเมล์หรือไม่ก็รถไฟ...

สองขาหยุดเดินไปโดยอัตโนมัติเมื่อเส้นทางที่ไปสถานีมันอยู่อีกฝั่งแต่ถ้าย้อนกลับไปทางนั้นเขาก็เดินมาไกลพอสมควรแล้ว


"ทำไงดี?"  เพราะไม่ค่อยได้ออกไปใหนมาใหนคนเดียวทำให้ร่างบางเกิดความลังเลใจขึ้นมาถึงจะเห็นป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลนักที่ด้านหน้าแต่ไม่รู้ว่าสายใหนที่มันวิ่งผ่านบ้านตัวเองถึงจะมีแผนที่ให้ดูก็เถอะ

แต่สุดท้ายเขาก็มายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์จนได้ในเมื่อความรู้สึกที่ไม่อยากยอมแพ้แค่การนั่งรถเมล์มันเอาชนะความกลัวทุกอย่าง ถึงจะรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีที่ไม่มีใครเลยสักคนแต่ปลายนิ้วไล่ไปตามเส้นทางในแผนที่เพื่อหาจุดหมายปลายทางทว่า!.....

"อื้อ!?!..."

มือหนาของใครบางคนล็อกคอของเขาจากด้านหลังส่วนอีกข้างปิดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงร่างกายจึงได้แต่ดิ้นรนอย่างสุดกำลังมือบางพยายามงัดแขนแข็งๆออกจากคอตัวเองแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อยเมื่อใช้แรงทุบตีไม่ได้ผลมือบางจึงคว้าหมับเอาไว้ที่ขอบประตูรถไม่ยอมถูกจับโยนเข้าไปด้านในในใจภาวนาให้ใครก็ได้ผ่านมาแค่เห็นก็ยังดีช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้ไม่น่าจะร้างไร้ผู้คนแต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครเลย!?

"ฤทธิ์มากนักนะ!"

"อุก!..."

หมัดหนักๆชัดเข้ามาเต็มๆที่ท้องน้อยจนมือไม้ที่พยายามยึดประตูรถเอาไว้อ่อนแรงลงใบหน้าสวยนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจนไม่มีแรงแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายถูกจับโยนเข้าไปที่เบาะหลังราวกับเป็นแค่ตุ๊กตาไร้ชีวิต ริมฝีปากอิ่มขยับขึ้นลงเหมือนกำลังจะพูดอะไรแต่ความจุกกลับแล่นริ้วเข้าโจมตีจนคำพูดมันจุกอยู่แค่ลำคอใบหน้าเปื้อนยิ้มของใครบางคนลอยเข้ามาในหัวแต่ไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็นเป็นเย็นชาจนน่ากลัว

"...ดิ...ดี...โน่..."

หมอนั่นต้องโกรธเขาอยู่แน่ๆถึงได้ทำหน้าแบบนั้น...

ต้องคิดว่าเขาเป็นคนแจ้งความแน่เลย....

เพล้งง!!

เสียงอะไรบางอย่างแตกอยู่ใกล้ๆตามมาด้วยเสียงตุ๊บตั๊บเหมือนคนกำลังต่อสู้กันแต่เขาขยับตัวลุกขึ้นไม่ไหว...

ใครกัน?

มาช่วยเขาอย่างนั้นเหรอ?

เสียงทุกอย่างเงียบลงในเวลาไม่นานเงาร่างของเขาคนนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆต้นแขนถูกประคองให้ลุกขึ้นก่อนที่ร่างกายจะถูกช้อนขึ้นไปอยู่ในอ้อมแข็งแรง และเมื่อเห็นว่าเจ้าของอ้อมแขนเป็นใครน้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว...

"ดี...โน่~"

ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับมองกลับมาที่เขาด้วยแววตามืดมนจนหัวใจที่เพิ่งจะถูกเติมเต็มหล่นวูบดำดิ่งลงไปในเหวลึก...

หรือที่มาช่วยเขาเพราะต้องการฆ่าเขาด้วยตัวเอง?

ร่างสูงวางเขาไว้ที่เบาะหลังมอเตอร์ไซค์มือหนาหหยิบหัวกันน๊อคแบบครึ่งใบมาสวมให้ทั้งๆที่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ...ถ้าจะฆ่าจะแกงกันก็ไม่เห็นต้องทำดีกับเขาแบบนี้เลย!

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงจนกระทั่งมือหนาเอื้อมมดึงมือทั้งสองข้างไปโอบที่เอวของตัวเองร่างบางถึงได้สติกลับมา

"กอดเอาไว้แน่นๆ...ต้องไปอีกไกล"

หัวใจเหมือนกับค่อยๆถูกฉุดขึ้นมาจากก้นเหวเมื่อน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามันช่างอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งใหนๆ...น้ำตาแห่งความดีใจไหลลงมาอีกครั้งต่อให้มันซึมผ่านเสื้อของอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปาดมันออกไปในเมื่อมือของเขากำลังกอดกระชับแผ่นหลังกว้างเอาไว้แน่นยิ่งกว่าครั้งใหนๆ




ร่างสูงพามอเตอร์ไซค์คู่ใจเลี้ยวเข้าไปจอดข้างร้านราเมงเล็กๆหลังจากออกมาไกลจากตัวเมืองพอสมควรอย่างน้อยที่นี่อาจจะปลอยภัยสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะร่างบางนี่ในระดับหนึ่งเพราะที่นี่เป็นเขตปกครองของคนที่เดม่อนไม่อยากสุงสิงด้วยที่สุด
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่ข่าวที่ว่าหมอนั่นหักหลังแฟมิลี่ตัวเองถ้าจะจริงเท่าที่รู้เดม่อนไม่เคยมาเหยียบแถวนี้เป็นปีแล้วแต่อย่างน้อยก็ควรถามความสมัครใจของเจ้าตัวก่อน

"คืนนี้ค้างที่นี่ได้มั้ย?...จริงๆก็คงสักสองสามวัน"

มือหนาช่วยถอดหมวกกันน๊อคออกให้ก่อนจะช่วยอุ้มลงมายืนข้างๆ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองเขาด้วยแววตาสำนึกผิดจนเขาอดที่จะยิ้มไม่ได้...

"ผมไม่ได้ทำ!...ผมไม่ได้แจ้งความแต่พวกนั้นเก็บกำไลข้อมือของผมได้!...ผมไม่ได้ทำจริงๆนะ!"


"ชั้นรู้...เพราะแบบนั้นไงถึงได้ตามไปช่วย"

"เอ๊ะ?...แล้วทำไมถึง?..."

"หื๋มม์?"

"ก็คุณทำหน้าเย็นชาใส่ผม!...ผมคิดว่าคุณอยากจะฆ่าผมด้วยตัวเองซะอีก!"

"...เพราะแบบนี้สินะนายถึงร้องไห้...ขอโทษนะจริงๆแล้วชั้นก็นึกโมโหนิดหน่อยที่นายไม่รู้จักระวังตัว...แต่โกรธพวกนั้นมากกว่าที่บังอาจแตะต้องนาย"  มือหนาแนบลงมาที่แก้มใส ใช้หัวแม่มือเกลี่ยไปมาเบาๆเหมือนกำลังเช็ดคราบน้ำตาให้ทั้งๆที่มันเหือดแห้งไปนานแล้ว

"คุณนี่มัน!..."  หลอกให้เขาหลงเข้าใจผิดคิดไปต่างๆนาๆแท้ๆยังจะมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอยู่ได้แต่เพราะรอยยิ้มที่สว่างไสวแบบนั้นใบหน้าสวยถึงได้ยอมเก็บคำด่าเอาไว้ในใจ

"ฮะฮะ...เข้าไปข้างในกันเถอะมีคนจะแนะนำให้รู้จัก"

ดีโน่พาร่างบางเข้าไปที่ด้านในซึ่งมีลูกค้าอยู่เพียงไม่กี่คนกลิ่นหอมๆของน้ำซุปที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วร้านทำให้เผลอกลืนน้ำลายลงคอแต่ชายสูงวัยที่ยืนสับๆหั่นๆอะไรอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์กลับทำให้ใบหน้าสวยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยในเมื่อดูยังไงก็ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นสักกระเบียดนิ้ว?


"นี่ลุงชั้นเองซื่อโรมาริโอ้ถึงจะเป็นคนอิตาลีแต่ฝีมือทำราเมงก็ไม่น้อยหน้าคนญี่ปุ่นหรอกนะจะบอกให้อร่อยเหาะไปเลยล่ะ"

"ใครเป็นญาติแก!...หายหัวไปเป็นชาติถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะโผล่มาหรอกแกน่ะ!"

"ฮะฮะ...รู้ทันตลอดเลยนะลุงเนี้ย"

"มันเขียนอยู่บนหน้าแกอยู่แล้วเจ้าโง่!"

ร่างบางก้มหัวให้น้อยๆแทนคำทักทายและอีกฝ่ายก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนต่างจากเวลาคุยกับหมอนี่ลิบลับและมันทำให้เขาเผลอยิ้มตามได้อย่างง่ายดาย

"นั่งสิเดี๋ยวจะทำราเมงสูตรพิเศษให้กิน!"

ว่าแล้วร่างสูงก็เนรเทศตัวเองไปอยู่หลังเคาน์เตอร์เป็นเพื่อนคุณลุงท่าทางทะมัดทะแมงบวกกับรอยยิ้มที่บานแฉ่งแบบนั้นทำให้เขามองตามทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่สามารถละสายตาไปใหนได้ ความรู้สึกไม่สบายใจทั้งๆค่อยๆหายไปเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่ราวกับดวงตะวันนั่น

"เคียวยะ...ชอบกินอะไรที่สุด?"

"อืม~...เต้าหู้ทอดกับลูกชิ้นปลาแล้วก็ปลาหมึก"

"โอเค...ตามบัญชาขอรับเจ้าหญิง"

"เฮ้ย!...เยอะไปแล้วเจ้าบ้าของมันแพงนะเฟ้ย!"

"โธ่ลุง~...ไม่ใช่ผมกินเองซะหน่อยนี่ของเคียวยะนะ"

"ฮะฮะ..."  ภาพของคนทั้งคู่ที่กำลังยื้อแย่งชามราเมงกันอย่างกับเด็กๆทำให้ร่างบางหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมไปแล้วว่าต้องเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ ดวงตาคู่สวยจ้องคนที่ถือชามราเมงมาวางให้ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณที่คนที่เป็นใครมาจากใหนก็ไม่รู้แต่สามารถทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้ขนาดนี้

"อร่อยใช่มั้ย?"

"อื้อ!...อร่อยมากๆเลย"  แค่ราเมงชามละไม่กี่เยนแต่กลับทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้หากเทียบกับอาหารชั้นดีที่บ้านราคาอาจจะต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่ของแพงๆพวกนั้นกลับเทียบไม่ติดกับแค่เต้าหู้ทอดด้วยซ้ำ

หมอนี่เป็นใครกัน?...ผู้ชายที่มาพร้อมกับเรื่องราวและชีวิตที่เขาไม่เคยรู้จัก...




มือบางกวักน้ำอุ่นๆใส่หน้าตัวเองก่อนจะเอนศรีษะไปพิงขอบถังไม้โอ๊คเอาไว้ เปลือกตาปิดลงด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนแช่น้ำอุ่นๆหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันอีกแล้ว มือบางลูบท้องของตัวเองปอยๆเมื่อเขาจัดการราเมงไปถึงสองชามมันเป็นการกินที่ดุเดือดที่สุดในชีวิตและเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตด้วยเช่นกัน บางทีถ้าเขาได้อยู่กับหมอนั่นนานกว่านี้หรือต่อจากนี้อาจจะมีมื้อที่ทำให้เขาไม่มัวันลืมแบบนี้อีกก็เป็นได้...

แต่ดูเหมือนช่วงเวลาแห่งความสุขของเขาจะหมดลงซะแล้วเมื่อเสียงน้ำที่ล้นออกจากถังไม้โอ๊คจำนวนมากเหมือนมีอะไรหนักๆตกลงมาในถังทำให้เขาต้องลืมตาขึ้น!

"นี่!...ทำอะไรของคุณเนี้ย!?"

เพราะไอ้ของหนักๆที่ว่าคือผู้ชายตัวโตหัวสีทองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่นเองถึงแม้ว่าถังไม้มันจะใหญ่มากสำหรับเขาแต่ถ้ามีม้าตัวโตๆลงมาด้วยมันถึงกับแคบไปในพริบตา!

"ออกไปเลยนะ!...น้ำผมล้นออกหมดแล้ว!"

"ฮะฮะ...ออกไปก็โง่แล้ว...ไม่ต้องห่วงหรอกน่าชั้นล้างตัวเรียบร้อยแล้ว"

"ใครห่วงเรื่องนั้นกันเล่า...ออกไปเลยนะ!"

มือบางกวักน้ำไล่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นๆแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ...มันต้องคิดอะไรลามกอยู่แน่ๆ!...

"ถ้ากลัวจะขยับตัวไม่ได้ก็มานี่สิ"

"อ๊ะ!?...ทะ...ทำอะไรของคุณ!?"

ไม่ว่าเปล่ามือหนาคว้าลำตัวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะจับให้นั่งลงตรงกลางหว่างขาของตัวเอง ถังไม้ที่ดูจะคับแคบเมื่อครู่จึงดูกว้างขึ้นอีกนิดแต่ไอ้สิ่งที่สัมผัสที่ด้านหลังกลับทำให้ร่างบางถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข

"อยู่นิ่งๆสิ...เคียวยะ"

เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาไหล่บางถึงกับสะดุ้งโหยง ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายถูกรั้งเข้าไปกอดเอาไว้แน่น แผ่นหลังแนบชิดกับแผงอกเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนแทบไม่เหลือช่องว่าง

"ชั้นไม่ทำอะไรหรอก...ถ้านายไม่ต้องการ"

โกหกกันชัดๆ!...บอกไม่ทำอะไรแต่หมอนั่นกลับขยับร่างกายตัวเองแบบนี้หมายความว่าไง?...แล้วไอ้ที่สัมผัสที่สะโพกของเขามันคืออะไร!?...

"คนโกหก...ปล่อยผมนะ!"

"ชั้นพูดจริง!...แต่ช่วยอยู่แบบนี้อีกสักเดี๋ยวนะ...มันทรมานอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้...เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ถ้าไม่ใช่นายมันก็ไม่มีความหมาย"

เสียงแหบพร่าของอีกฝ่ายสะกดร่างกายเอาไว้ได้อย่างง่ายดายใบหน้าแดงเทือกเอียงคอหลบลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดซอกคอกลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกดริมฝีปากลงมาได้ถนัดยิ่งขึ้น

"นี่!...ผมบอกให้หยุดไง!" 

"โทษที...แต่ช่วยทนอีกนิดนึงนะ...เคียวยะ"

"มะ..ไม่!...อ๊ะ!...จับตรงใหนของคุณน่ะ!"

มือบางรีบตะครุบมือไม้ปลาหมึกที่เลื้อยต่ำลงไปบริเวณท้องน้อยอย่างเอาเป็นเอาตายแต่เรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดมีหรือจะสู้แรงมหาศาลของอีกคนได้ มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวของร่างกายเอาไว้ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกันกับแรงเสียดสีที่ด้านหลังกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยให้แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

"ยะ...อย่าจับนะ!...ดี...โน่...อ่ะ..."

แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจกลับทำให้ร่างบางพยายามต่อต้านการกระทำอันจาบจ้วงล่วงล้ำเท่าที่เรี่ยวแรงยังมีเหลือ...ความรู้สึกสับสนในใจแสดงออกมาทางสีหน้าจนคนที่ลอบมองอยู่แล้วหยักยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ

"แต่นายก็กำลังตื่นตัวไม่ใช่รึไง?...เคยทำมาก่อนรึเปล่าแบบนี้น่ะ?"

"มะ...มันไม่ถูกต้อง!...ผมไม่...ฮ้า..."

"แล้วอะไรล่ะ...ที่มันถูกต้องสำหรับนาย?"

ดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกกว้างกับคำพูดของร่างสูงอะไรที่มันคือความถูกต้องของเขา?

แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้คำตอบนั้น ร่างบางปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายชักนำในเมื่อคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้วในใจของเขา

เขาเพียงแค่กลัวที่จะแสดงออกมาก็เท่านั้น.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.....Tobecontinue......


คึหึหึ...จบได้น่าตรบมากกร้ากกกกก~~~~~

ยะ...อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรมานะเจ้าคะ!!!
จะบอกว่ามันจะคลุมเครือแบบนี้ไปแทบจะทั้งเรื่องเลยนะเออ...ฮะฮะฮะ...
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะถึงจะมาช้าบ้างอะไรบ้างแต่พอรู้ว่ามีคนรออ่านแบบนี้อิสยาลอยไปถึงดาวอังคารแล้นน~~

ขอบคุณสำหรับเม้นน่ารักๆและดีใจนะคะที่มีคนชอบอ่ะ...แต่ว่า คาเร็กเตอร์ของทั้งสองคนในเรื่องนี้มันแทบจะไม่เหลือคาเร็กเตอร์เดิมเลยอิสยาก็เลยกลัวว่าคนที่รักคู่นี้จะเขม่นเอาก็เลยดร็อปเอาไว้ก่อนทั้งๆที่เพิ่งเขียนได้ตอนเดียวไม่กล้าลงตอนวันเกิดเลยปล่อยให้มันผ่านมาหลายวันอย่างที่เห็นนั่นแล555 ถึงจะเป็นคนประเภทไม่แคร์สื่อชอบทำตามใจตัวเองแต่พอมันหลุดออกมาเยอะหลายๆเรื่องเข้าก็ชักจะลังเลค่ะฮะฮะ....

ถึงจะบอกว่าดร็อปก็เถอะแต่ส่วนหนึ่งก็ช่วงนี้งานหนักมากค่ะเปิดไตรมาสแรกของญี่ปุ่นเนี้ยงานบัญชีหนักมากแต่พอพ้นเดือนนี้ไปได้ก็สบายแระแต่งานหนักอีกงานก็คือเดือนหน้าวันเกิดคุณมุคุคุเนี้ยสิ!

ดันมาเกิดเดือนเดียวกันวันที่เดียวกันกะอิสยาเนี้ยงานหนักสองเท่าเลยนาาา
ลางานไว้แล้ววางแผนเที่ยวไว้แล้วแต่ฟิควันเกิดยังไม่ลงมือเขียนสักตัวเลย5555~~~~
รับรองว่ามันต้องเลทไปไกลเลยสำหรับของคุณมุคุคุแต่ก็จะทำให้ล่ะน้าไม่งั้นสามง่ามได้ลอยมาปักหน้าผากแน่!

ไปแระ...เจอกันตอนหน้าค่ะ!






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น