10 พ.ค. 2558

[KHR] Au.Fic.[ D18, Dino x Hibari ] รักล้นใจ!! The Series : 01 

[KHR] Au.Fic.[ D18, Dino x Hibari ] รักล้นใจ!! The Series : 01 

:Fanfiction [KHR]

:Pairing : D18

:Dark Romance

:NC-17


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ






      ซะโด หรือ ชะโด (ญี่ปุ่น: 茶道 sadō หรือ chadō ?) หรือ ชาโนะยุ (ญี่ปุ่น: 茶の湯 chanoyu ?) หรือพิธีชงชาญี่ปุ่น เป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยการใช้เวลาอย่างสุนทรีย์ ประกอบด้วยการปรนนิบัติระหว่างการดื่มและการดื่มชาผงสีเขียวหรือมัทชา (matcha) การจัดการพบปะกันในวงสังคมเพื่อดื่มมัทชาได้แพร่หลายในบรรดาชนชั้นสูงนับตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 14 ต้นฉบับของพิธีชงชา รูปแบบของซะโดซึ่งปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน เริ่มในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ในระหว่างยุคโมโมยามะ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านชาคือ เซ็น โนะ ริคิว เป็นคนคิดค้นขึ้นมา

จวบจนปัจจุบันเหล่าลูกหลานทั้งต้นและตระกูลสาขายังคงสืบทอดประเพณีชงชานี้เอาไว้อย่างเคร่งครัด ทุกปีจะมีการจัดพิธีชงชานี้ขึ้นมาเปรียบเสมือนเป็นการรวมญาติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา

ตระกูลฮิบาริก็เป็นหนึ่งในนั้น....

แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือปีนี้พวกเขาเป็นเจ้าภาพในวันที่คล้ายวันเกิดของทายาทตระกูลเพียงหนึ่งเดียวแต่กระนั้นวันนี้ยังเป็นวันเด็กผู้ชายหรือโคโดโมะโนฮิถึงปัจจุบันจะกลายเป็นวันเด็กแห่งชาติไปแล้วก็ตามแต่หน้าคฤหาสน์ญี่ปุ่นแบบโบราณหลังนี้ยังมีธงปลาคราฟสามตัวปักอยู่ บนแท่นบูชายังมีตุ๊กตานักรบ หรือ ดังโงะ โนะ เซะซึคุ ตั้งเอาไว้และจะอยู่อย่างนั้นไปอีกหนึ่งเดือน

ร่างบอบบางเจ้าของวันคล้ายวันเกิดในวันนี้ยังต้องปฏิบัติตามประเพณีออย่างเคร่งครัดทั้งการอาบน้ำที่แช่ด้วยใบโชบุที่เชื่อกันว่าจะขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป ทั้งการบูชาตุ๊กตานักรบและธงปลาคราฟนั่น

หรือแม้แต่พิธีชงชา...

"เรียบร้อยแล้วครับคุณเคียว"

โอบิสีดำถูกผูกอย่างพิถีพิถันให้กับนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่สวมยูกาตะสีดำปักลวดลายดอกไม้เล็กๆอย่างประณีตสวยงามสมกับฐานะ ดวงตาคู่สวยสีรัตติกาลกลืนไปกับเรือนผมเหลือบขึ้นไปมองธงปลาคราฟที่ลอยเล่นลมด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะเดินตามคนรับใช้คนสนิทออกไปยังเรือนชงชา



ใบหน้าได้สวยยังคงเรียบเฉยถึงแม้ว่าคุณคนในห้องจะเริ่มจับกลุ่มวิพากย์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมว่าการที่จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฮิบาริ ด้วยร่างกายที่ไม่สมกับเป็นชายถึงแม้วิชาการป้องกันตัวก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใครบวกกับหน้าตาที่ติดหวานเพราะได้มาจากแม่ราวกับพิมพ์เดียวกันไม่ว่าจะตีสีหน้าให้ดูน่าเกรงขามสักเพียงใดมันกลับยิ่งดูลึกลับมีเสน่ห์น่าค้นหามากกว่าจะหล่อเหลา

แต่เพราะตระกูลฮิบาริมีลูกชายเพียงคนเดียว...

ถึงภายนอกจะดูบอบบางน่าถนุถนอมแต่ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวกลับมีมากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดและต้องทำให้ออกมาดีเลิศทุกอย่างไม่ว่าการเรียนหรือเรื่องเล็กน้อยอย่างการเดินหรือนั่ง จึงไม่แปลกที่ร่างบอบบางที่กำลังชงชาถ้วยแล้วถ้วยเล่าอยู่ตรงหน้าทุกคนในตระกูลตอนนี้จะเพียบพร้อมทุกอย่าง อย่างหาที่ติไม่ได้

หากแต่ไร้หัวใจและความรู้สึก

ทุกๆอย่างที่ทำ เป็นเพราะความเคยชินที่ต้องทำอยู่ทุกวันซ้ำๆไม่ใช่เพราะสมัครใจแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เคยมีความฝันเหมือนอย่างเด็กคนอื่นๆ อยากท่องเที่ยว อยากตามหาความฝันของตัวเอง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความฝันเล่านั้นมันหายไป

รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแค่ตุ๊กตาที่คอยทำตามคำสั่งไปแล้ว

ความฝันเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้

คือ...อยากเป็นอิสระ

อยากไปให้พ้นจากที่นี่!...

"เคียวยะ ไปเปลี่ยนชุดซะแล้วตามไปที่ห้องรับรองคุณหนูจากตระกูลทาคาฮาชิจะมาอวยพรวันเกิดลูก"

"ครับ..."   อยากจะร้องออกไปอยากจะปฏิเสธเสียงดังๆแต่ทำไม่ได้ ถึงจะไม่อยากรักษาหน้าของใครแต่เพราะแม่ของเขา...จะปล่อยให้ใครดูถูกเธอไม่ได้เด็ดขาด!

แต่ดูเหมือนว่าความอดทนตอนนี้มันกำลังขาดสะบั้นลง...

"คุณเคียว!...จะไปใหนครับ!?"

ร่างบางเปลี่ยนทิศทางจากทางกลับห้องออกไปที่ด้านหลังแทนจากที่เคยก้าวช้าๆอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านนอกดึงดูดให้ก้าวขาเร็วขึ้นๆจนกลายเป็นวิ่ง

"คุณเคียวกลับมาเถอะครับ!"

เสียงพ่อบ้านคนสนิทไล่หลังมาติดๆแต่ไม่อาจรั้งเจ้านายตัวน้อยของเขาได้จึงได้แต่ยืนมองร่างในยูคาตะสีดำวิ่งหายออกไปจากสายตา

ร่างบางกระโดดขึ้นแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาก่อนจะขึ้นไปหอบแฮ่กๆอยู่บนนั้นรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของตัวเองอยู่ไม่น้อยที่กล้าทำอะไรห่ามๆแบบนี้

"ไปใหนครับ?"

"ขับไปเรื่อยๆ"  ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าอยากจะไปใหนจึงไม่แปลกที่คนขับจะทำหน้างงแต่ก็ยอมเคลื่อนตัวออกไปแต่โดยดี

"ลดกระจกลงให้ทีสิ"

"ครับ"

ลมเย็นๆที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกดีจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้คนในคฤหาสน์หลังนั้นคงกำลังวุ่นวายกันน่าดู ลืมไม่แล้วว่ากำลังทำให้ใครบางคนถูกดูหมิ่นดูแคลนจากคนที่จ้องจะดูถูกเหยียดหยาม

ขอแค่สักวันได้ทำตามใจตัวเองดูสักครั้ง

แล้วจะยอมกลับไปถูกจองจำอยู่ในกฏเกณฑ์พวกนั้น...

นัยน์ตาสีรัตติกาลมองออกไปที่ด้านนอกด้วยแววตาที่เรียบเฉยแต่ถ้าหากสังเกตุดีๆจะเห็นว่ามันสั่นไหวน้อยๆบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรแต่มันช่างเป็นความรู้สึกที่โหยหามานานแสนนาน

แท็กซี่พาเขาวิ่งเข้าไปในส่วนที่เป็นย่านการค้ากลิ่นหอมๆของอะไรบางอย่างลอยมายั่วน้ำลายของคนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าให้เผลอกลืนน้ำลาย

"อยากได้อะไรรึเปล่าครับเดี๋ยวผมลงไปซื้อให้?"

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเผลอกลืนน้ำลายดังไปหรือเพราะท่าทางคุณหนูจ๋าเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อกันแน่คนขับถึงได้อาสาไปซื้อให้ ใบหน้าพยักลงช้าๆจนคนขับหลุดยิ้มออกมา

รถเลี้ยวจอดที่ข้างทางไม่นานคนขับก็กลับมาพร้อมกับข้าวโพดปิ้งกลิ่นหอมๆของมันทำให้ใบหน้าสวยเผลอยิ้มออกมา มือบางยื่นออกไปรับมันมาถือไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย

"ขอบคุณคระ...!!?"

"ถอยไป!!"

คนขับแท็กซี่ถูกผลักกระเด็นไปอีกทางก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนจะมาประจำแทนที่ตำแหน่งคนขับในไม่กี่วินาทีต่อมาแท็กซี่ที่เคยคลานเป็นเต่าก็พุ่งตัวออกไปราวกับพายุทั้งเสียงไซเรนและเสียงโหวกเหวกตามหลังมาเดาได้ไม่ยากว่าคนที่เพิ่งมาใหม่นี่ต้องทำอะไรผิดมาแน่ๆ

ความรู้สึกถึงไออันตรายทำให้ร่างกายขยับตัวเข้าไปชิดบานประตูกลิ่นอายบางอย่างที่แผ่ออกมาทำให้มือไม้อ่อนจนข้าวโพดปิ้งในมือหล่นลงบนพื้นรถและนั่นทำให้ดวงตาสีอำพันตวัดกลับมามองเมื่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่อยู่บนรถคันนี้!

"บ้าจริง!"

ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอกตึกเล็กๆแต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูเสียงไซเรนก็ดังใกล้เข้ามาในระยะกระชั้นชิดถ้าเขาปล่อยให้คนข้างหลังลงไปตอนนี้ละก็ตัวเขาเองนี่แหละที่จะลำบาก!

"ข้ามมานั่งที่ตักชั้น!"

"อะไรนะ!?"

"เร็วเข้า!.."

ร่างบางจำต้องปีนข้ามเบาะมานั่งบนตักของอีกคนอย่างทุลักทุเลไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เพราะเสียงไซเรนที่ดังมาจากทุกทิศทุกทางนั่นต่างหาก

ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะช่วยคนๆนี้

"หันหน้ามา!...นั่งคร่อมตักชั้นเอาไว้!"

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ร่างสูงกลับเป็นฝ่ายจับเขาหันกลับไปขาเรียวถูกจับแยกออกจากกันจนยูคาตะแหวกออกเห็นไปถึงในต่อใหนให้ใบหน้าสวยมีแววตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

"อ๊ะ!...หยุดนะ!...คุณจะทำอะไร!?"

มือบางรีบตระครุบมือที่กำลังแหวกสาบยูคายะของเขาออกจนตกลงไปกองอยู่ที่ข้อศอก

"โทษที...แต่ช่วยแสดงเป็นคนรักชั้นซักแป๊บนึงนะแล้วชั้นจะปล่อยนายไป!"

"เห๊ะ!...อื้อ!!?!?"

เบาะถูกปรับให้นอนราบลงไปนั่นยังไม่ทำให้ตกใจเท่ากับริมฝีปากที่ถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปเร็วซะจนตั้งตัวไม่ทันถึงจะไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาแต่มือหนาข้างหนึ่งกลับกดท้ายทอยสีรัตติกาลเอาไว้ไม่ให้หนีไปใหนได้ส่วนอีกข้างลากเลื้อยเข้าไปตามรอยแยกของยูกาตะเนื้อดีไปตามต้นขาเรียวอย่างถือสิทธิ์ สัมผัสเรียบลื่นนุ่มนวลของผิวกายขาวละเอียดกับกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เผลอบีบเคล้นจนร่างบางสะดุ้งเฮือก 

เงาร่างของใครบางคนสะท้อนให้เห็นบนกระจกทั้งด้านหน้าและด้านข้างของรถแต่คงเป็นเพราะเสียงอืออาของร่างบางพวกนั้นถึงได้มีท่าทางตื่นๆก่อนส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้กันแล้วถอยออกไปริมฝีปากหยักได้รูปละออกมาเมื่อเงาที่เดินไปมารอบๆตัวรถและเสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อยๆไม่นานเสียงไซเรนที่ดังอยู่ทั่วทุกมุมของแถบนี้ก็ค่อยๆหายไปในอากาศจะบอกว่าเป็นเพราะโชคช่วยก็คงไม่ผิดนักที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในย่านโยชิวาระย่านที่เป็นแหล่งรื่นเริงยามราตรีแทบจะทุกตารางนิ้วของย่านนี้เต็มไปด้วยหอนางโลมทั้งหญิงและชายจนละลานตาใหนจะเสื้อผ้าเนื้อดีที่ร่างบางสวมใส่นี่อีก...พวกนั้นคงหลงคิดว่าเป็นเครื่องแบบของหอนางโลมชายสักแห่งแน่ๆถึงได้ไม่ทันสังเกตุแม้แต่ทะเบียนรถแบบนั้น และเพราะแบบนั้นมันถึงทำให้เขามีเวลาพิจารณาอีกคนมากขึ้น

"ทะ...ทำบ้าอะไรของคุณ!?"

ใบหน้าสวยๆนั่นถึงจะมีแววตื่นๆอยู่บ้างแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย่อหยิ่งทะนงตนขนาดถูกเขาล่วงล้ำยังพยายามตีหน้าเฉยพยายามรวบสาบเสื้อของตัวเองด้วยมือไม้ที่สั่นนิดๆจนเขาอดที่จะยิ้มให้กับท่าทางไร้เดียงสานั่นไม่ได้ มือค่อยๆปรับเบาะขึ้นมาจนใบหน้าของเขาห่างจากคนที่ยังนั่งคร่อมบนตักของเขาเพียงไม่กี่เซ็นต์ นัยน์ตาคู่สวยช้อนขึ้นมามองเขานิดนึงก่อนจะก้มหน้าก้มตาผูกโอบิของตัวเอง...ทั้งๆที่พยายามตีหน้านิ่ง...แต่ดวงตากลับสั่นระริก?

หรือแสดงสีหน้าอย่างอื่นไม่เป็น?

เขาเคยได้ยินมาว่าพวกชนชั้นสูงของญี่ปุ่นจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าท่าจะจริง...ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เป็นผ้าไหมชั้นดีแถมยังปักลวดลายได้อย่างประณีตขนาดนี้เด็กคนนี้คงไม่ใช่แค่มนุษย์เดินดินธรรมดาแน่ๆ

"เอาไว้ตะวันตกดินแล้วชั้นจะพาไปส่งบ้านตอนนี้ชั้นรีบช่วยติดรถไปกับชั้นก่อนก็แล้วกัน...ได้รึเปล่า?"

"....."

ร่างบางทำเพียงสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่พอใจนักแต่กลับไม่ยอมปฏิเสธออกไปรู้ตัวอีกทีรถก็วิ่งออกนอกตัวเมืองไปไกลซะแล้ว

เปลือกตาดูเหมือนจะหนักอึ้งไปถนัดตายามที่ลมเย็นๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าจนในที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานกับมันได้ทุกๆอย่างรอบตัวค่อยๆดำมืดลงที่ละนิดๆจนมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป

นัยน์ตาตาสีอำพันมองภาพที่ราวกับภาพวาดนั่นแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดูอ้อนแอ้นแบบนี้มาก่อนแถมเครื่องหน้ายังดูหมดจดไร้ที่ติแบบนั้นอีก...อยากรู้จังว่าเทพองค์ใหนที่สร้างสรรคนที่งดงามเช่นนี้...คงเพราะในประเทศของเขาส่วนใหญ่มีแต่พวกตัวหนาเทอะทะไม่ก็สูงโย่งกันทั้งนั้นแม้แต่ผู้หญิงบางคนยังล่ำกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ที่สวยๆก็มีแต่นี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นความงามจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้แบบนี้ มือหนายกขึ้นมาปิดจมูกก่อนจะสูดเอากลิ่นหอมๆที่ยังติกมือของตัวเองราวกับคนโรคจิตแต่ความเนียนเรียบของผิวกายขาวผ่องนี่มันช่างกระตุ้นสัญชาตญาณผู้ชายได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะมองมุมใหนก็ช่างตราตรึงใจยิ่งนัก

สวยจนคนอย่างเขาไม่กล้าแตะต้อง....

ร่างสูงหยุดรถที่ชายป่าห่างจากตัวเมืองมาไกลพอสมควรแต่คนที่ยังนอนขดตัวเป็นเด็กทารกข้างๆกลับยังไม่ยอมขยับตัว หลับตั้งแต่ตะวันยังไม่ตรงหัวจนตอนนี้โผล่พ้นที่ขอบฟ้าอีกฟากแค่ครึ่งเดียวแล้ว...จะขี้เซาไปใหนกันนะ?...

แต่คงจะดีแล้วก็เป็นได้ที่หลับตอนนี้ มือหนาปรับเบาะฝั่งข้างคนขับลงไปก่อนจะถอดเสื้อโค้ทสีเขียวขี้ม้าคลุมร่างบางไว้อีกที ขาเดินไปสำรวจรอบๆบริเวณเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้มาผิดที่...แต่เพราะไอ้พวกนั้นมันมาช้าเอง...

ทั้งๆที่เขาล่อตำรวจให้แล้วแท้ๆแต่ยังมาช้ากว่าเขาซะอีกมันน่าโมโหนัก...นี่ล่ะมั้งที่เขาว่ากันว่า"ไม่มีสัจจะในหมู่โจร"เบี้ยวได้กระทั่งพวกเดียวกัน!

เสียงรถยนต์ดังกระหื่มใกล้เข้ามาให้เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างรู้สึกเอือมระอา
กว่าจะโผล่หัวกันมาได้ นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองในรถชั่วขณะเพื่อให้มั่นใจว่าร่างบางที่ยังหลับอยู่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอันแสบแก้วหูพวกนั้น ไม่นานเก๋งสองคันที่คนในรถยังคงเฮฮาสนุกสนานก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าเขา ดวงตาเหลือบไปที่รถคันหลังด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า...แน่ใจนะว่าพวกนายกำลังหนีตำรวจ?...เพราะในรถคันนั้นมีคนที่จ้างเขามานั่งอยู่เบาะหลัง!


"เฮ้!...เจ๋งนี่หว่าแกมาอยู่ญี่ปุ่นได้ไม่ถึงอาทิตย์แต่เอาตัวรอดได้แบบนี้!"

ก็แหงล่ะ...เมื่อคืนเขาแทบไปได้หลับได้นอนเชียวนะกว่าจะหาทางหนีทีไล่ในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวได้

"เอาส่วนแบ่งของชั้นมาได้แล้ว"

"หึ...ใจร้อนจังน้าคนอิตาลีเนี้ย...บอสอยากคุยกับนายก่อนแน่ะ"

จริงๆแล้วเขาก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไรแบบนั้นหรอกนะเพียงแต่วันนี้มัน...

ขายาวๆยอมก้าวเข้าไปนั่งเบาะหลังแต่โดยดี...แน่นอนว่าบอสที่ไอ้พวกนั้นบอกรอเขาอยู่ในนั้น ชายหนุ่มชาวอิตาลีผู้มาเป็นใหญ่ในวงการมาเฟียญี่ปุ่น

เดม่อน สเปซ...ชื่อที่พวกปลายแถวทั้งหลายต่างหวาดผวาและทำทุกๆอย่างที่คนปรกติเขาเรียกว่า"ผิดกฏหมาย"....

"มีอะไรกับชั้นอีก?"

"เปล่า...แค่อยากจะถามว่าไม่เปลี่ยนใจจริงๆนะเหรอ?"

"ชั้นพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่...ชั้นจะทำในสิ่งที่อยากทำไม่ใช่เพราะถูกบังคับ"

"แหม่...พูดซะมีหลักการเชียวแต่ไอ้ที่นายอยากทำนั่นมันก็ผิดกฏหมายเหมือนกันนายรู้ใช่มั้ย?"

"ชั้นรู้...แต่ชั้นขอเลือกเองว่าจะทำอะไร"

"ชั้นให้นายเลือกเองก็ได้ตามใจนาย"

"ไม่ล่ะ...สักวันนายก็จะบังคับชั้นในสิ่งที่ชั้นไม่อยากทำ...เอาส่วนแบ่งมาได้แล้วชั้นรีบ"

"หื๋มม...ที่บอกว่ารีบน่ะเพราะนั่นรึเปล่า?"

ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่ายแล้วก็ถึงกับตะลึงเมื่อคนที่เขาคิดว่ากำลังหลับสนิทกำลังงัวเงียลุกขึ้นนั่ง!

และไม่ใช่แค่เขากับเดม่อนเท่านั้นที่เห็น!...

"เดม่อน!...บอกพวกนั้นว่าอย่าทำอะไรชั้นขอล่ะ!"

ดีโน่ทำท่าจะลงจากรถไปแต่หัวไหล่กลับถูกรั้งเอาไว้ซะก่อนลูกน้องของเดม่อนอีกสองคนเข้ามาล็อคตัวเขาไว้ก่อนจะพาเขาเดินไปที่ตรงนั้น!




ใบหน้าสวยที่เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาถึงกับเบิกตากว้างเมื่อประตูฝั่งที่ตัวเองนั่งถูกกระชากออกไปต้นแขนถูกมือหยาบกร้านของใครบางคนกระชากจนร่างกายเซถลาไปชนเข้ากับแผงอกแข็งๆของอีกฝ่าย

"ปล่อย!"

ร่างบางพยายามขัดขืนอย่างเต็มกำลัง วิชาป้องกันตัวที่เคยร่ำเรียนมาถูกงัดออกมาใช้แต่ดูเหมือนคนพวกนี้จะรู้ทันมือไม้ถึงได้ถูกจับไขว้ไปด้านหลังแล้วถูกเชือกอะไรบางอย่างมัดเอาไว้

"เดม่อน!....เค้ามากับชั้นเดี๋ยวชั้นจัดการเอง!...ปล่อยเค้าซะ!!"

"อุ๊ก!!..."

กำปั้นหนักๆซัดเข้ามาเต็มหน้าท้องจนเขาตัวงอแทบจะเป็นกุ้ง นัยน์ตาสีอำพันมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดยิ่งได้เห็นแววสั่นไหวในดวงตาคู่สวยด้วยแล้วถึงสีหน้าจะไม่ค่อยแสดงอะไรออกมาก็ตามที

"ฆ่าซะ..."

"ไม่เดม่อน!!...เค้าเป็นของชั้น!!...ปล่อยเค้าซะ!!!"

"เค้าเห็นหน้าเราทุกคน...ถ้าเค้าไปบอกตำรวจก็แย่สิ"

"เค้าจะไม่บอก!...แต่ถ้าเค้าทำชั้นจะเป็นคนฆ่าเค้าเองพอใจรึยัง!?"

ใบหน้าหล่อเหลามีแววจริงจังซะจนน่ากลัวร่างบางจึงได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่สั่นระริก...ไม่รู้ว่าต้องทำสีหน้าแบบใหนออกไปแต่ที่ทำได้ก็เพียงแค่แสดงออกทางแววตาเท่านั้น นัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นยังมองมาที่เขาอย่างแน่วแน่เหมือนกำลังให้คำสาบานบางอย่างไว้กับเขา

"ก็ได้ชั้นจะปล่อย...แต่ว่านะ...พอมองดูดีๆแล้วเด็กนี่น่าสนใจกว่าที่คิดแฮะ"

ร่างสูงโปร่งเรือนผมสีแปลกตาเดินเข้ามาใกล้ซะจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากหยักได้รูปหยักยิ้มพอใจก่อนจะถอดถุงมือสีดำออกข้างหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวยาวลากไล้ตั้งแต่โครงหน้าไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆทั้งๆที่ร่างบางพยายามขัดขืนฝืนตัวหนีจากปลายนิ้วนั่นแต่เพราะมือไม้ถูกมัดตรึงเอาไว้ที่ด้านหลังหนำซ้ำยังมีชายร่างยักษ์อีกสองคนล็อคต้นแขนผอมบางเอาไว้อีก ที่ทำได้ก็เพียงแค่สะบัดหน้าหนีไปอีกทางเท่านั้น

"หื๋มม์...ใช้ได้นี่เรียบเนียนดีกว่าผิวผู้หญิงซะอีก"

"อ๊ะ!!?..." มือเรียวสอดเข้าไปลูบไล้บริเวณหน้าท้องแบนเรียบจนร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกร่างกายพยายามดิ้นหลบสัมผัสอันจาบจ้วงนั้นสุดแรงแต่อีกฝ่ายกลับรวบเอวบางนั่นเข้ามาแนบชิดส่วนมืออีกข้างบีบปลายคางมนเอาไว้ไม่ให้สะบัดหน้าหนีไปใหนได้อีก ปลายโอบิค่อยๆถูกดึงออกไปช้าๆให้ดวงตาสีรัตติกาลคู่งามได้แต่สั่นระริกยิ่งทำให้อีกฝ่ายหยักยิ้มพอใจมากยิ่งขึ้นรอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าเรียวได้รูปก่อนจะเคลื่อนต่ำลงมาใกล้มากยิ่งขึ้นจนร่างสูงที่ถูกคุมตัวอยู่ใกล้ๆทนไม่ไหวอีกต่อไป

"อย่าเดม่อน!!.อย่าแตะต้องเค้าชั้นไม่เอาส่วนแบ่งแล้วก็ได้แต่ปล่อยเค้าซะ!" 

เหมือนคำขอของเขาจะได้ผลเมื่ออีกฝ่ายยอมละมือออกจากโอบิของร่างบางแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขาทว่า!....

เพี้ยย!!! 

เป็นหน้าเขาที่ถูกตบจนสะบัดไปอีกทางจนรับรู้ได้ถึงรสเลือดที่มุมปาก

"นายหัดเป็นคนใจอ่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!...ก็ได้ชั้นจะปล่อยนายสองคนไป...แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะคราวหน้าชั้นเอานายตายแน่!...ดีโน่!"

"อุก!.." หมัดหนักๆกระแทกเข้าที่หน้าท้องเขาอีกครั้งก่อนที่พวกมันจะปล่อยให้เขาลงไปนอนตัวงออยู่บนพื้นหญ้าร่างบางเองก็เช่นกัน ถึงจะไม่ถูกทำร้ายอะไรแต่เพราะมือถูกมัดไขว้เอาไว้ด้านหลังทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ร่างสูงตะเกียดตะกายไปช่วยประคองอีกคนให้ลุกนั่งทั้งๆที่ตัวเองก็แทบจะเดินไม่ไหวโดยมีสายตาของใครอีกคนมองทุกการกระทำนั้นด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มือภายใต้ถุงมือหนังสีดำล้วงเอาซองอะไรบางอย่างออกมาจากช่องลับด้านในของโค้ทก่อนจะปามันใส่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่คิดจะออมแรง

"ชั้นไม่เอาเปรียบนายหรอกนะ...แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นนายต้องชดใช้มันอย่างสาสมจำเอาไว้!"

จบประโยคเจ้าของร่างสูงโปร่งก็เดินไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่แล้วและไม่นานมันก็พุ่งตัวออกไปราวกับพายุรอบกายของพวกเขามืดสนิทลงไปทันที ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมาทั้งเขาและร่างบางตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปแก้มัดที่ด้านหลังให้ก่อนจะหยิบเอาซองสีขาวนั่นยัดใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังอย่างหัวเสียสองขาทำท่าจะลุกขึ้นแต่น้ำเสียงตัดพ้อที่เหมือนกำลังจะหมดแรงทำให้เขาถึงกับชะงัก

"...วันนี้วันเกิดผม...เป็นวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดมา"

ไม่รู้ทำไมแค่คำพูดลอยๆนั่นถึงทำให้ใจของเขากระตุกวูบไปดีโน่ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินหายไปในพุ่มไม้ใกล้และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมแกลลอนอะไรบางอย่างเทราดไปบนแท็กซี่ที่พวกเขานั่งมากลิ่นฉุดของมันเดาได้ไม่ยากว่ามันคืออะไรไม่นานเพลิงสีแดงก็โหมกระหน่ำสว่างวาบไปทั่วบริเวณ ร่างบางได้แต่มองการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่ว่างเปล่าเผลอคิดไปถึงคุณลุงใจดีเจ้าของรถที่ป่านนี้คงกำลังเดือดร้อนอยู่แน่ๆที่รถคู่ชีพถูกโขมยมาเผาเล่นแบบนี้

แต่คนกระทำกลับดูไม่รู้สึกรู้สาอะไร...

"ไปกันได้แล้ว" ต้นแขนถูกฉุดให้ลุกขึ้นแต่ร่างบางกลับสะบัดหนีอย่างไม่ใยดี

"ผมไม่ไปกับคุณ"

"แถวนี้ไม่มีรถ...ชั้นจะไปส่งที่บ้าน"

น้ำเสียงที่ดูอ่อนลงของอีกฝ่ายทำให้ร่างกายยอมลุกไปตามแรงฉุดของอีกคนอย่างว่าง่ายรู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอยู่บนเบาะหลังของมอร์ไซคันใหญ่ซะแล้ว สองแขนผวากอดรอบเอวหนาเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายกระชากตัวออกไปอีกทั้งเสียงระเบิดที่ดังตามมาติดๆนั่นด้วย แต่ไปยังไม่ทันจะถึงใหนชายหนุ่มก็หยุดรถเอาซะดื้อๆโค้ทสีเขียวขี้ม้าตัวที่เหมือนกับคลุมให้เขาตอนที่หลับอยู่ในรถถูกดึงออกมาจากช่องลับตรงใหนสักที่ยื่นมาให้เขา

"ใส่ซะ...ลมมันแรง"

"แล้วคุณล่ะ?" เพราะอีกฝ่ายเองก็มีแค่เสื้อยืดสีดำเข้ารูปเพียงตัวเดียวแต่เขามียูกาตะตั้งสามชั้น

"ชั้นไม่เป็นไร" ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะเป็นฝ่ายหยิบเสื้อโค้ทไปคลุมที่หัวไหล่ให้




สายฝนโปรยปรายลงมาและมีทีท่าว่าจะหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆแต่ร่างสูงกลับไม่ยอมหยุดพักเขาไม่รู้ว่าพวกเขาออกมาไกลแค่ใหนแต่กว่าชั่วโมงแล้วที่มอร์เตอร์ไซค์คันนี้วิ่งอยู่บนทางสายเปลี่ยวไร้เงาของผู้คนหรือแม้แต่รถสักคันวิ่งสวนมา

สองแขนผอมบางกอดกระชับลำตัวหนาเอาไว้แน่นเมื่อความเย็นฉ่ำของสายฝนเริ่มเข้าโจมตีให้รู้สึกหนาวสั่น ใบหน้าซบลงไปบนแผ่นหลังที่เป็นทั้งกำแพงต้านลมและให้ความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน...ไออุ่นที่แผ่ออกมาท่ามกลางความหนาวเย็นทำให้หลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปจนหมดสิ้น นัยน์ตาสีอำพันคู่นี้ช่างแฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนโยนเวลาที่มองตรงมาที่เขาแต่คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องทำแบบนี้

โดยเนื้อแท้แล้วคงไม่ใช่คนเลวร้ายเหมือนคนพวกนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่แม้แต่จะชายตาแลเขาแน่ๆ ถึงจะหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงช่วยเขาก็ตามที




ดีโน่เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ข้างร้านอะไรสักอย่างเมื่อเริ่มจะเข้าในเขตเมืองเนื้อตัวที่เคยเปียกปอนตอนนี้แทบจะแห้งสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างสูงลงจากรถไปก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เขาที่ได้แต่ทำหน้างง

"รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวชั้นมา"

ปังๆๆๆๆ!!!!

เสียงฝ่ามือฟาดลงไปบนประตูเหล็กม้วนทำให้ต้องหันกลับไปมองคนที่ปล่อยให้เขานั่งรออยู่บนรถ หมอนั่นทำอะไรน่ะ?

อย่าบอกนะว่าจะปล้นเค้า!!?...

"เฮ้!!...คุณทำอะไรน่ะ!?"

ใบหน้าหล่อเหลาทำเพียงแค่หันกลับมายิ้มให้เขาแต่ไม่คิดจะตอบคำถาม ไม่นานประตูเหล็กม้วนก็เปิดขึ้น ร่างของใครบางคนที่เห็นแค่ครึ่งตัวถูกหมอนั่นล็อคคอหายเข้าไปที่ด้านในยิ่งทำให้ใบหน้าสวยดูตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีก สองขากระโดดลงจากเบาะหลังก่อนจะวิ่งตามไปด้านในแต่ตัวยังไม่ทันจะลอดประตูเข้าไปหมอนั่นก็ลอดออกมาซะก่อนพร้อมกับกล่องอะไรบางอย่าง?

"บอกว่าให้รอบนรถไม่ใช่รึไง?"

"ก็ผมกลัวว่าคุณ..."

"ชั้นไม่ทำหรอกน่า...ไปกันเถอะ"

มือหนาโอบไหล่บางกลับไปที่มอร์เตอร์ไซค์และไม่นานมันก็เคลื่อนที่ออกไปอีกครั้งกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กถูกยื่นมาให้เขาถือเอาไว้แว่บหนึ่งเขาเห็นเจ้าของบ้านหลังนั้นโผล่หนัาออกมามองพวกเขา...มันพอที่จะทำให้เขาสบายใจได้ว่าร่างสูงคนนี้ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงลงไป


ร่างสูงเลี้ยวมอร์เตอร์ไซค์เข้าไปจอดในสนามเด็กเล่นก่อนจะอุ้มเขาที่ยังทำหน้างงลงไปยืนข้างๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ดี

"เร็วเข้าเดี๋ยวจะไปทัน"

แผ่นหลังบางถูกดันให้มาหยุดที่หน้าเจ้าเครื่องหน้าตาประหลาดรูปทรงเหมือนเห็ดยักษ์มีทางเข้าเล็กๆอยู่ตรงนั้น...หมอนี่บ้าไปแล้วแน่ๆใครจะอยากเล่นของแบบนี้กัน!!?

"ผมไม่เข้าไป!"

"เถอะน่า...ข้างนอกลมแรงเดี๋ยวเทียนจะดับซะก่อน"

"เทียน?"

"ฮะฮะ...เร็วสิ"

ร่างบางยอมมุดเข้าไปข้างในทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร...หรือฝนจะตกลงมาอีก?...หรือหมอนี่แค่พูดภาษาญี่ปุ่นเพี้ยนไป?

ก็เห็นเต็มตาอยู่แล้วว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น...หัวทองออกอย่างนั้นสำเนียงที่พูดก็เหน่อซะขนาดนั้น...ดวงตาเหลือบลงไปมองว่าร่างสูงกำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจแล้วดวงตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเจ้าก้อนขาวๆนั่นมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า"Happy Birthday...".....

"ขอโทษนะชั้นลืมถามชื่อนายไปเลยไม่ได้เขียนแต่ยังไงก็...สุขสันต์วันเกิด"

".....!!?"  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนอยากจะร้องให้...นี่เป็นเค้กวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของเขาทุกๆปีได้แต่ทำตามธรรมเนียมแบบญี่ปุ่นโบราณไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้ทำอย่างที่คนอื่นเค้าทำกัน...ดวงตารื่นน้ำตาขึ้นมาจนล้นลงมาอย่างไม่รู้ตัวมือจึงรีบยกปาดมันทิ้งลวกๆมองดูเปลวเทียนที่ค่อยๆสว่างขึ้นที่ละเล่มๆด้วยหัวใจที่เต็มตื้นทว่าแสงเทียนมันทำไมถึงได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ?...

เขาเคยได้ยินมาว่าต้องปักตามอายุของเจ้าของวันเกิดไม่ใช่รึไง?

หรือเพราะไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่?

"นี่!....คุณปักเทียนเยอะเกินไปรึเปล่า?"

"อ๋อ...ไม่เยอะะหรอกชั้นปักอายุของชั้นลงไปด้วยน่ะนายน่าจะสิบห้าส่วนชั้นยี่สิบสองต้องปักทั้งหมดสามสิบเจ็ดเล่มพอดีแป๊ะ...แบบว่าตอนวันเกิดชั้นยังไม่ได้ฉองน่ะ...ขอรวบยอดพร้อมนายเลยละกันฮะฮะ..."

ความโรแมนติกในตอนแรกดูจะมลายหายไปในทันทีแต่ใบหน้าสวยกลับหลุดยิ้มออกมาจนแทบจะหุบไม่ลง...หมอนี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ!.....

"งี่เง่า!!"

"ฮะฮะ....เป่าเทียนสิพร้อมกันนะ"

ใบหน้าสวยพยักรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม...เค้กก้อนสีขาวที่ไม่มีลวดลายอะไรกับคำอวยพรที่ถูกเทียนกว่าสามสิบเล่มปักจนอ่านไม่ออกแต่ความสุขที่ได้รีบจากชายแปลกหน้าคนนี้กลับมากมายจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้

แสงสีนวลดับวูบลงและถูกแทนที่ด้วยแสงสีส้มของไฟข้างถนนดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นไปสบกับนัยน์ตาสีอำพันอย่างนึกขอบคุณถึงมันจะไม่ได้เลิศหรูอะไรแต่เพียงเท่านี้หัวใจก็ราวกับถูกเติมเต็มดีโน่ยิ้มรับคำขอบคุณนั้นก่อนจะเก็บเทียนออกจากหน้าเค้กแต่ดูเหมือนปัญหาของพวกเขายังไม่หมดไป

"แล้วจะกินมันยังไง?"  ร่างบางถามขึ้นก่อนจะมองหน้าเขาด้วยแววตาระห้อยในเมื่อพวกเขาไม่มีทั้งมีดจานและส้อม...

มีเพียงเค้กปอนๆแค่ก้อนเดียว?...

แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มกว้างเมื่อคิดอะไรออกมาได้

"ก็กินแบบนี้ไง!"  ปลายนิ้วปาดเอาครีมสีขาวขึ้นมาก้อนโตจนคิ้วเรียวได้แต่ขมวดสงสัย 

"เอ๊ะ!!?..."

วินาทีที่คิดว่าอีกฝ่ายจะยัดเข้าปากตัวเองทั้งอย่างนั้นแต่มันกลับลอยวืดเข้ามาแตะที่แก้มของเขาแทนซะงั้น!?

"ฮะฮะฮะ~~"

มือบางค่อยๆแตะไปที่แก้มของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อแต่ไอ้ที่ติดเหนอะอยู่บนแก้มมันกลับเป็นของจริง!...ใบหน้าสวยจ้องคนที่กำลังหัวเราะจนตัวงออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อมือคว้าเค้กที่เหลือมาก่อนจะโป๊ะเข้าไปเต็มหน้าของคนที่ไม่ทันระวังตัวเสียงหัวเราะหยุดลงพร้อมกับแผ่นรองหล่นตุ๊บลงกับพื้นเหลือเอาไว้เพียงครีมสีขาวที่ติดอยู่เต็มใบหน้าของอีกฝ่าย ไหล่บางสั่นหงึกๆอย่างพยายามจะกลั้นหัวเราะมือบางยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

"จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย?...ได้~" น้ำเสียงเย็นๆของอีกฝ่ายเรียกสติของตัวเองให้กลับมา

"เอ๊ะ!...ไม่นะ!...พอแล้..."

มือหนาปาดเอาครีมบนหน้าตัวเองมาเต็มสองมือก่อนจะแป๊ะลงไปบนแก้มใสทั้งสองข้างจนเจ้าของของมันได้แต่อ้าปากค้าง

"ฮะฮะฮะ~~~"

เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงได้หัวเราะเสียงดังกว่าและในวินาทีนั้นเองที่สงครามละเลงเค้กได้เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ไม่เคยได้ยินที่ใหนมาก่อน

หนึ่งคนลืมกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติไปจนหมดสิ้น...

ส่วนอีกหนึ่ง...เพิ่งได้ค้นพบว่าเสียงหัวเราะที่แท้จริงของตัวเองเป็นยังไง....


"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก"

ร่างบางถึงกับหอบจนตัวโยนหลังจากละเลงอีกฝ่ายจนหนำใจแล้ว เพราะไม่เคยได้ออกกำลังกายอย่างจริงจังเลยสักครั้ง การต่อสู้ที่เคยฝึกมาเห็นได้ชัดว่ามันไร้ประโยชน์เมื่อต้องเจอกับเหตุการคับขันจริงไม่รู้ว่าที่ให้เขาฝึกมันมาเพื่ออะไร?

ร่างกายถูกรั้งให้ขึ้นไปนั่งคร่อมที่หน้าตักแข็งแกร่งซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดจะผลักใสปล่อยให้อีกฝ่ายจัดแจงร่างกายของเขาไปตามที่ต้องการถึงแม้มันจะอยู่ในท่านั่งที่ล่อแหลมก็ตามที

เสื้อยืดสีดำถูกถอดออกมาใช้ด้านที่ยังไม่เปื้อนค่อยๆเช็ดไปตามกรอบหน้าสวยทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลายังประดับรอยยิ้ม

"...เคียวยะ.."

"หื๋ออ์?..." เขาทำหน้าสงสัยเมื่อไม่ทันจะได้ยินสิ่งที่ร่างบางพึมพำออกมา

"ฮิบาริ เคียวยะ...ชื่อของผม..."

มือที่กำลังเช็ดครีมที่เลอะอยู่ตามใบหน้าสวยถึงกับหยุดชะงัก เสื้อที่ใช้เช็ดหลุดจากมือลงไปกองที่พื้นก่อนจะค่อยๆประคองใบหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้นไปสบตา...

"ชั้น...ดีโน่ คาบัคโลเน่ยินดีที่ได้รู้จัก"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลตอบออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ใครจะไปคิดว่าคนที่เพิ่งเจอกันใหนจะจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าจดจำแบบนั้นจะเป็นคนที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายมาทั้งชีวิตให้แบบนี้

ใบหน้าเคลื่อนเข้าหากันราวกับถูกสายตาของกันและกันสะกดเอาไว้ลมหายใจที่เป่ารดกันช่างเร่าร้อนราวกับน้ำมันราดลงมาบนกองไฟ ร่างกายเผลอผงะถอยหลังวินาทีที่ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงมาเพราะความกลัวต่อความรู้สึกของร่างกายที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันถึงได้รั้งแผ่นหลังบางเข้ามาแนบชิดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้สติปลายลิ้นแล่บเลียกลีบปากล่างก่อนจะค่อยๆสอดแทรกเข้าไปร่างบางเผลอกัดฟันเอาไว้แน่นจนเขาลอบยิ้มพอใจกับความไร้เดียงสานั่น

"อ้าปากให้ชั้นสิ เคียวยะ"

ใบหน้าสวยส่ายไปมาทั้งๆที่มันเริ่มจะแดงซ่านไปทั่วหน้ามือไม้ยกขึ้นมากำๆแบๆอยู่ที่แผงอกของเขาอย่างไม่รู้จะวางมันตรงใหนดีทำให้เขาถึงกับหลุดหัวเราออกมาเขาเพิ่งจะเคยเจอคนที่ไร้เดียงสามากขนาดนี้คนที่แม้แต่จูบยังทำไม่เป็น...

มือหนาจับแขนผอมบางไปโอบรอบคอของตัวเองไว้ก่อนจะก้มลงไปคลอเคลียอยู่แถวๆพวงแก้มใส

"ไม่ต้องกลัว...ชั้นจะไม่ทำอะไรถ้านายไม่พร้อมแต่เราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย?"

"มะ...ไม่รู้สิ...บางที..." อยากจะพูดออกไปว่าอยากเจอกันอีกครั้งแต่กลัวว่าจะกลายเป็นเชิญชวนอีกฝ่ายไปจึงได้แต่ก้มมุดหลบสันจมูกคมเป็นสันไปอีกทาง




ร่างบางรีบกระโดดลงจากท้ายรถทันทีที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่จอดที่หน้าบ้านญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่สองขาเตรียมตัวจะวิ่งเข้าไปด้านในแต่ต้นแขนกลับถูกรั้งเอาไว้ซะก่อนใบหน้าสวยจึงได้แต่หันกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

"อย่าออกไปใหนคนเดียว...เก็บตัวอยู่ในบ้านจนกว่าเรื่องจะเงียบลงเข้าใจมั้ย?"

"เข้าใจแล้ว"

นัยน์ตาสีอำพันได้แต่มองตามแผ่นหลังบางวิ่งหายเข้าไปด้านในด้วยแววตาที่ว่างเปล่า...เราจะได้เจอกันอีกมั้ยงั้นเหรอ?...เห็นได้ชัดว่าความหวังมันช่างเลือนลางเต็มที

บอกตัวเองให้เตรียมใจเผื่อไว้มันคงง่ายกว่า.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Tobecontinue!!.......



HA...HAPPY BIRTHDAY นาค๊ะคุณเคียว!!!!!

แหะๆ...ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วนแต่เก๊ายังจำได้อยู่น้าาาา~~~~
เพียงแค่หาเวลาไม่ได้เท่านั้นเองแง๊~~~~~

แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นเคะราชินีใจดวงใจของเก๊าอยู่นะเออ!!!
มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆ...ฟ้าจะถ่มแผ่นดินจะทลายแต่หนึ่งเดียวในดวงใจของคุณเคียวก็คือเฮียโน่~~~~~



3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 พ.ค. 2558 18:59:00

    เรื่องนี้หวานอ่าาาา~~~~ ♡♥ น่ารักจังค่ะ > < ชอบตอนเฮียไปซือเค้กให้จริงๆๆๆ ฟินฟุดๆ แถมมีการฉลองพร้อมๆกับหนูฮิด้วย 555555 ตอนป้ายเค้กก็น่าร๊ากกกกค่ะ ^ ^ ว่าแต่เดาไม่ออกเลยแหะว่าทั้งคู่จะเจอกันอีกได้ยังไง

    ตอบลบ
  2. กรี๊ดดด~~~~~
    พ่อม้ามันทำไมถึงได้ทำอะไรน่ารักกะนู๋เคียวขนาดเน้!!!!
    น่ารั้ากกก...โรแมนติกกกก....ซึ้งอ่ะค่าาาา
    อยากมีคนฉลองวันเกิดให้แบบนี้จางงงง~~~~

    เอาแบบนี้เลยนะไม่ต้องมีอะไรมีแค่พ่อม้ากะนู๋เคียวมาเป่าเป็นเพื่อนก็ตายสงบแล้วช้านนน~~
    คือตอนวันเกิดนู๋เคียวก็แวะเข้ามารอบนึงแระแต่ไรท์ไม่ลงฟิคให้ยังแอบเสียใจอยู่เลยนะคะแต่ลืมเม้นทวงวันนี้เลยเข้ามาดูอีกทีและไม่ผิดหวังจริงๆเลยค่ะเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยแต่งฟิค
    วันเกิดของคู่นี้กัน...หาอ่านยากมากติ่งอย่างเราละชีช้ำจริงๆ

    บล็อกนี้เหมือนเป็นโอเอซิสของติ่งเลยนะ555555.

    รีบๆมาต่อนะคะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ!!!

    ตอบลบ
  3. อดไม่ได้ครัชเลยขอเอากะเขาซะหน่อยแหะๆ
    ตอนแรกที่เข้ามาเนี้ยคิดว่าผิดบล็อคแน่ะฮะไรท์ธีมเปลี่ยนไปอีกแล้วจำได้ว่าก่นหน้านี้ก็เปลี่ยนใช่มั้ยเอ่ย?...แต่สวยนะฮะชอบรูปนี้จังอิเนียนดูอบอุ่นดี

    เข้าเรื่องฟิคดีกว่าฮะ.
    เมื่อวันที่5แอบแวะเข้ามาแต่ไม่เห็นไรท์อัพแอบตกใจเหมือนคห.ข้างบนนั่นแหละฮะ555
    ก่อนหน้านี้ก็แวะแต่คลาดกันไปแค่วันเดียวพอเขเามาอีกทีเฮ้ย!
    อีกแล้ว!...ดีใจมากๆแถถมเรื่องนี้มันโดนสุดๆทุกอย่างเลยฮะ
    ฟิวส์เค้กวันเกิดเนี้ยกรี้ดดดลั่นเลยโน่แม่งอบอุ่นชิบ!
    แถมยังเนียนแอบฉลองพร้อมคุณเคียวอีก!!!
    รู้สึกเหมือนตายได้อย่างสงบแล้วตรู.....ชอบตอนที่คุณเคียวกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นเนี้ยมองเห็นภาพเลยฮะลูกผู้ดีที่ต้องคอยเก็บอารมณ์มันนี่แหละนายเอกตัวจริงโอ้ย~~~
    น่ารักมากโรแมนติดม๊ากกก~~~
    บอกได้คำเดียวว่าชอบม๊ากกก~~
    รีบๆมาต่อนะฮะไรท์ผมอุตส่าห์ออกจากเงามาทวงเชียวนะ5555

    ตอบลบ