Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 07
:Fanfiction Attack on titan
:Drama,Action-Sci-Fi
:PG-15
คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ
ร่างโปร่งขยับตัวบิดขี้เกียจไปมาเมื่อเสียงตามสายดังมาว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าการเดินทางอันยาวไกลของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง...เพื่อเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้งที่ยาวนานกว่าเดิม...ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงเหมือนโกหกตัวเองในเมื่อในใจตอนนี้มีแต่ความกังวลเต็มไปหมดแต่ต่อให้พูดอะไรออกไปคงไม่มีใครรับฟัง...
"ผมขอตัวไปห้องน้ำนะครับ"
"เดี๋ยว!"
ต้นแขนถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวซะอีกใบหน้ามนจึงได้แต่หันมามองคนข้างๆอย่างงงๆ
"ครับ?"
"ชั้นจะพาไป"
"ห๊ะ?...ผมแค่!...ตามใจ!" เพราะสายตาที่จ้องมองเขามันทำให้ต้องยอมทำตามอีกฝ่ายแต่โดยดีจะว่าไปก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่มันไม่ชินสักที
ใครมันจะทำใจให้ชินได้...มีคนมายืนเฝ้าหน้าห้องน้ำตอนปลดทุกข์แบบนี้เป็นใครก็อายทั้งนั้นนั่นแหละ!...ร่างโปร่งได้แต่ทำหน้าย่นใส่อีกฝ่ายก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านในแต่เป็นอีกครั้งที่ถูกฉุดให้หันกลับไป
"เดี๋ยว!"
"อะไรของคุณเนี้ย!?" ไม่ว่าเขาจะมีท่าทางหงุดหงิดมากขนาดใหนแต่อีกฝ่ายยังคงทำหน้าปลาตายอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...ความอ่อนโยนกับน้ำเสียงหนักแน่นราวกับกำลังปลอบเขาตอนที่ตกอยู่ในอันตรายนั่นมันอะไร...
หลายครั้งที่เขาสับสนแต่ระหว่างพวกเขาเป็นแบบนี้คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด...
ไม่จำเป็นต้องเหลือเยื่อใยให้กัน...
ตอนจากกันจะได้ไม่เจ็บปวด...เพราะต่างคนต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง...
ทั้งเขาและคุณรีไวล์...
"เอานี่ติดตัวไว้ดัวย"
"ห๊ะ!?..." ใบหน้ามนก้มมองวัตถุสีดำในมือด้วยความตกใจก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
"ผะ...ผมไม่ต้องการ!...ผมจะไม่ฆ่าใครหรอกนะไอ้ของแบบนี้ผมไม่ต้องการหรอก!"
มือบางยัดวัตถุในมือคืนให้อีกฝ่ายแต่ชายหนุ่มกลับดันคืนมาให้เหมือนเดิม
"ชั้นก็ไม่ได้ให้นายไปฆ่าใครแค่เอาไว้ป้องกันตัว...จะยิงหรือจะปาใส่หัวใครก็แล้วแต่นาย...จะทำธุระอะไรก็รีบๆเข้า"
รีไวล์ตัดบทไปเสียดื้อๆพร้อมกับปิดประตูห้องน้ำให้เสร็จสรรพปล่อยให้อีกคนอ้าปากค้างกับคำพูดเหน็บแนมพวกนั้นอยู่หลายวินาทีและเมื่อตั้งสติได้เสียงบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งก็ดังออกมาเป็นระยะๆ...เด็กนี่คงไม่เคยรู้ตัวเลยว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าความยากลำบากกำลังรอพวกเขาอยู่...คงลืมไปแล้วว่าพวกเขานั่งรถไฟแบบโบราณไม่ใช่รถไฟฟ้าแต่พวกนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวป่านนี้คงนั่งรอนอนรออยู่แล้วก็ได้
"เรือจะเข้าเทียบท่าตอนห้าทุ่ม...จะเอาไงต่อดีพี่ใหญ่?" คุณอิสเบลที่เพิ่งตื่นขึ้นมาดีดๆเคาะแล็บท็อปของตัวเองพูดขึ้นมาลอยๆแต่อีกสองคนที่เหลือกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมาถนัดตาแต่เขาก็พอจะเดาสถานการณ์ออกเพราะนั่นหมายถึงพวกเขาต้องอยู่ที่นี่หกชั่วโมงเป็นอย่างน้อยหรือมากกว่านั้นกว่าเรือจะออกจากฝั่งขนาดตอนที่มาถึงที่นี่ยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆแต่คงเพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากพวกนั้นถึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงพวกเขาถึงได้หนีรอดมาได้
แต่การที่จะต้องไปขึ้นเรือมันไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครเดินทางไปต่างประเทศกันทางเรือแบบนี้จะมีก็แต่นักท่องเที่ยวที่อยากได้บรรยากาศซึ่งคงมีไม่กี่ราย
ที่ชอบเดินทางแรมเดือนแบบนี้
"คำนวณเวลาออกจากฝั่งให้ทีอิสเบล"
"สินค้าไม่เยอะ...ตีสองยังช้าไปด้วยซ้ำ"
"เราไปทางเครื่องบินไม่ได้เหรอครับ?"
แค่อยากจะช่วยคิดแต่สายตาของคนข้างๆที่ตวัดกลับมามองดันอ่านได้ว่า"พูดออกมาเหมือนไม่ผ่านสมองคิด"จนต้องเงียบเป็นผู้ฟังที่ดีต่อไป
"สนามบินมีระบบสแกนม่านตามันยุ่งยากมากกว่าที่คิดอีกอย่างป่านนี้พวกทหารคงเดินเพ่นพ่านเต็มสนามบินแล้ว"
คุณฟาลันคงจะเห็นท่าทางหงอยๆของเขาถึงได้อธิบายถึงความเสี่ยงให้ฟังจนเขาได้แต่นึกขอบคุณในใจผิดกับคนข้างๆที่มักจะแสดงออกมาชัดเจนว่าเขาเป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่งที่ต้องส่งให้ถึงมือลูกค้าจนอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนั้น...ที่ทำแบบนั้นกับเขาเพราะแค่หน้ามืดไปรึเปล่า?...
คำตอบคงไม่ต้องคิดมากมายว่าคือ"ใช่"เพราะเขาก็เห็นกับตามาแล้วว่าคุณรีไวล์สนใจสรีระของผู้หญิงมากกว่าร่างกายผอมแห้งไม่มีอะไรน่ามองแบบเขา
"เอ๊ะ!?..."
ใบหน้ามนถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนไม่เข้าใจในตัวเอง...เมื่อกี้เขาเผลอคิดอะไรออกไป?...มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องหาทางไปขึ้นเรือเลยสักนิด!
"เป็นอะไร?"
"ปะ...เปล๊า!...ผมง่วงแล้วขอตัว"
ร่างโปร่งลุกเขยิบออกไปทิ้งตัวลงหนุนกระเป๋าเป้ของตัวเองด้วยหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะแปลกไป รับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจากด้านหลังแต่นับว่าโชคยังดีที่คุณรีไวล์ไม่ซักไซร้ไล่เรียงอะไรอีก...คงยุ่งอยู่กับการหาทางหนีนั่นละมั้ง?
เอวบางถูกโอบเอาไว้หลวมๆด้วยมือของคุณรีไวล์และดูเหมือนพวกเขาจะเดินทางไปที่ท่าเรือง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะวิกผมสีเงินกับหมวกแก็ปสีดำนี่แต่ทำไมถึงมีแค่เขาที่ต้องสวมวิกแต่คุณรีไวล์กลับไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักอย่างทั้งเสื้อผ้าหน้าผม?
"ทำไมถึงมีแค่ผมที่สวมวิกล่ะ?"
"เพราะมีแค่นายที่คนพวกนั้นรู้ตัวตนที่แท้จริง"
"ทำไมล่ะพวกนั้นก็เห็นหน้าคุณแล้วนี่?"
"แต่พวกที่เห็นหน้าชั้นยังมาไม่ถึงที่นี่"
"ห๊ะ?...อะไรของคุณก็พวกเขามีเครื่องบินส่วนตัวไม่ใช่เอ๊ะ!...หรือว่าคุณ!..."
"เลิกเซ้าซี้ได้แล้วน่า...จะถูกจับได้ก็เพราะนายเนี้ยแหละ"
เขาไม่รู้หรอกว่าทำได้ยังไง...แต่คนพวกนี้คงทำอะไรสักอย่างแน่ๆสนามบินของที่นี่เองก็เหมือนกัน ดวงตากลมโตเหลือบมองเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เดินนำหน้าเขากับคุณรีไวล์ด้วยระยะห่างมากพอที่คนอื่นจะเชื่อได้ว่าพวกเขาไม่รู้จักกันอย่างค้นหาคำตอบแต่ถ้าถามออกไปก็คงไม่มีใครยอมตอบคำถามของเขาอยู่ดี
มีเพียงคุณฟาลันที่หายไป...
เมื่อหัวค่ำเขาดันเผลอหลับไปจริงๆเลยไม่รู้เลยว่าพวกคุณรีไวล์วางแผนอะไรเอาไว้จึงได้แต่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกเท่านั้นจนเริ่มจะนึกสมเพชตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆที่ไร้ประโยชน์มากขนาดนี้และแถวนี้ผู้คนก็บางตามากกว่าที่คิดแต่กลับมีพวกทหารยืนจับกลุ่มกันตลอดเส้นทางเห็นแบบนี้แล้วก็ชักจะมั่นใจขึ้นมาว่าไม่มีใครรู้จักคนข้างๆจริงๆ
ทุกอย่างมันช่างดูง่ายดายไม่สมกับที่คุณรีไวล์ทำหน้าเครียดคิดวางแผนต่างๆเมื่อตอนหัวค่ำ...หรือเพราะพวกเขาคิดมากเกินไป?...
"นี่พวกเธอสองคนตรงนั้นน่ะ!...หยุดก่อนซิ!"
มือหนายังคงดันร่างกายของเขาให้เดินต่อไปทั้งๆที่ไหล่บางถึงกับสะดุ้งนิดๆกับเสียงเรียกที่ด้านหลังทว่ามือใหญ่ๆของใครอีกคนกลับคว้าหมับเข้ามาที่ต้นแขนของเขา
"ชั้นบอกให้หยุดก่อนไง!"
นายทหารสองนายวิ่งมาดักหน้าของพวกเขาส่วนอีกสองคนกำลังใช้อะไรบางอย่างจี้ที่แผ่นหลังเอาไว้ๅไม่ให้ขยับเขยื้อน ใจดวงน้อยเริ่มจะเต้นไม่เป็นระส่ำแต่คุณรีไวล์กลับทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น!
"มีอะไรเหรอครับคุณเจ้าหน้าที่?...ฮะฮะ"
ใบหน้าปลาตายที่มักจะมองเขาตาขวางอยู่เสมอหรือไม่ก็ยิ้มเยาะเขาอยู่ตลอกเวลากลับฉีกยิ้มกว้างจนดวงตารีขวางคู่นั้นปิดสนิทกับท่าทางเป็นมิตรแบบที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนๆนี้จะทำแบบนี้ได้ทำเอาเขาถึงกับอ้าปากค้าง ใหนจะเสียงหัวเราะราวกับคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลานั่นอีก!
"เอาเอกสารของพวกนายมาดูซิ...ช่วงนี้มีพวกมิจฉาชีพแฝงกายเข้ามาเยอะกว่าปรกติน่ะ"
"ได้สิครับ...ด้วยความยินดี"
ก็ไอ้คนที่ยืนปั้นยิ้มอยู่ตรงหน้าพวกคุณนี่แหละครับมิจฉาชีพตัวพ่อเลย!...เขาล่ะอยากจะพูดแบบนี้ออกไปจริงๆแต่ก็นะ...ริมฝีปากอิ่มเม้นเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาใบหน้าเสมองไปทางอื่นเล็กน้อยเพื่อหลบแสงไฟที่ส่องมากระทบไม่งั้นพวกทหารคงจับพิรุธเขาได้กันพอดี...เพราะอีกคนน่ะแสดงออกมาได้แนบเนียนซะขนาดนั้น...จะถือว่าเป็นบุญตาได้รึเปล่านะ?...ที่ได้เห็นอะไรที่คิดว่าชาตินี้คงจะไม่ได้เห็นแบบนี้
แสงสลัวๆของไฟข้างถนนทำให้พอมองเห็นเรือลำใหญ่ที่จอดเทียบท่าอยู่ไกลๆแต่กว่าจะไปถึงที่นั่นได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักถ้าต้องถูกเรียกตรวจแบบนี้อีก
"เรียบร้อยดีไม่มีปัญหา...ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ"
"ไม่มีปัญหาครับ...ยินดีรับใช้"
ใบหน้าหล่อเหลายังคงฉีกยิ้มกว้างจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้และดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงได้อย่างง่ายดายด้วยรอยยิ้มนั่นทว่า...
"จับพวกมันเอาไว้!"
น้ำเสียงเข้มแต่แฝงเอาไว้ด้วยความเยือกเย็นที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาเขาแทบหยุดหายใจเมื่อมันคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น ปืนหลายกระบอกจ่อมาที่พวกเขาราวกับว่าถ้าหายใจออกมาเพียงนิดเดียวมันจะเป่าสมองของเขากระจุย
คุณรีไวล์ถึงกับขบกรามแน่นรอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าหล่อเหลาหายไปในพริบตาบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าทั้งๆที่ลมทะเลพัดจนเส้นผมปลิวสะบัด
"อ๊ะ!?..."
สองแขนถูกจับไขว้หลังก่อนจะถูกจับให้หันไปเผชิญหน้ากับคนที่ออกคำสั่งแล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเพื่อนรักร่างเล็กของตัวเอง
"อาร์...มิน~..."
"หื๋มม์...หมวกกับวิกผมนี่มันอะไรกันทำเอาเกือบจำไม่ได้แน่ะ...เอเลน"
อาร์มินกระชากหมวกแก็ปกับวิกผมทิ้งไปก่อนจะจับปลายคางมนให้เงยขึ้นมาสู้หน้า ใบหน้าน่ารักที่บัดนี้ไม่หลงเหลือแววของความอ่อนโยนเผยรอยยิ้มร้ายออกมาจนคนมองได้แต่ขนลุกเกรียวถึงจะรู้ว่าอาร์มินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแต่ความรู้สึกที่เพิ่งจะสลัดทิ้งไปมันวนกลับมาอีกครั้งให้ดวงตาได้แต่สั่นพร่าอย่างห้ามไม่อยู่
"ทำไมล่ะอาร์มิน!?"
"ทำไมน่ะเหรอ?...ไม่รู้สิแต่ในหัวของฉันเหมือนได้ยินเสียงกระซิบอยู่ซ้ำๆว่า...ฉันเกลียดนายไงล่ะ!"
"ห๊ะ?..."
"ในหัวของฉันมันบอกให้ฆ่านายซะๆ...อยู่ตลอดเวลาแม้แต่ตอนนี้!!...แต่คำสั่งเบื้องบนกลับบอกให้จับเป็นมันล่ะขัดแย้งกันดีชะมัด!!"
นัยน์ตาสีขึ้เถ้าเหลือบมองร่างโปร่งที่ดูจะช็อคไปในทันทีนิดหนึ่งก่อนจะตวัดหางตาไปบนดาดฟ้าของตึกข้างๆเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองมาและเป็นอย่างที่คิดถึงจะเห็นเป็นแค่เงาสีดำแต่เขาจำได้แม่นว่ากลิ่นอายแบบนี้ต้องเป็นเจ้าเด็กอวดดีนั่นไม่ผิดแน่!
กำลังทดสอบเขาอยู่งั้นสิไอ้เด็กนั่น!
ได้!...
ตูมมม!!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณความโกลาหลเกิดขึ้นในชั่วพริบตามือหนาตวัดมีดสั้นอาวุธที่ถนัดที่สุดปักลำคอทหารทั้งสี่คนทั้งๆที่อีกฝ่ายแทบจะไม่ทันได้ขยับตัวอีกเล่มพุ่งตรงไปที่อาร์มินที่ถอยไปตั้งหลักเล็กน้อยแต่ร่างเล็กนั่นกลับยังมีสติพอจึงเอี้ยวตัวหลบไปได้ทัน
"ลุกขึ้น!"
มือช่วยฉุดต้นแขนของร่างโปร่งให้ลุกขึ้นก่อนจะพาวิ่งฝ่ากลุ่มควันออกไปเสียงระเบิดยังดังติดต่อกันอีกหลายลูกแต่คนที่เขาลากติดมือมากลับยังดูเหมือนสติยังไม่เข้าร่างสองขาเรียวนั่นถึงได้ล้มลุกคลุกคลานแบบนี้
"บ้าเอ้ย!"
ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้มีหวังแผนที่วางเอาไว้ได้พังกันหมดพอดี!
"ฟาลัน!"
สิ้นเสียงเรียกของเขาร่างสูงของเพื่อนสนิทก็ลอยตัวออกมาจากมุมมืดก่อนจะคว้าเอาลำตัวบางให้ลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยกันปล่อยให้เขาหันกลับไปประจันหน้ากับพวกที่วิ่งตามหลังมาเพียงลำพัง
"อ๊ะ!!...คุณรีไวล์!!...คุณรีไวล์ล่ะครับ!?"
ใบหน้ามนที่สติเพิ่งกลับมาร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงหลงเมื่อทั้งเสียงปืนเสียงระเบิดยังดังตามหลังมาติดๆ
"หมอนั่นจะถ่วงเวลาเอาไว้นายรีบไปที่เรือก่อนมันกำลังออกจากฝั่งแล้วอิสเบลรออยู่ที่นั่นเดี๋ยวชั้นจะกลับไปช่วยรีไวล์เอง!"
ฟาลันพาร่างโปร่งหลบเข้าไปในซอกตึกก่อนจะกำชับให้รีบไปขึ้นเรือโดยเร็วที่สุดมือภายใต้ถุงมือสีดำยัดปืนให้ร่างบางก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิมใบหน้ามนจึงได้แต่มองตามไปด้วยหัวใจที่แทบจะกระเด็นออกมานอกอกดวงตากลมโตพยายามมองหาคุณรีไวล์คนนั้นด้วยความกังวลระคนเป็นห่วงจนแทบบ้าแต่แสงไฟจากประภาคารที่หมุนวนกลับมากลับทำเอาร่างกายถึงกับเซถอยหลังชิดผนังตึกอีกด้านอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายคนนั้นตวัดคมมีดเข้าใส่พวกทหารคนแล้วคนเล่าให้ร่วงกราวลงกับพื้นราวกับพวกเขาเป็นเพียงแค่ผักปลาทำเอาใบหน้ามนถึงกับถอดสีมือยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อทนมองภาพของความโหดเหี้ยมนั่นไม่ไหว
เขาเพิ่งเคยเห็นเต็มสองตาก็คราวนี้ ผู้ชายคนนั้นทำให้เขาประจักแล้วว่านรกบนดินมันเป็นยังไง ปืนในมือร่วงหล่นลงพื้นเมื่อร่างกายมันชาวาบเป็นอัมพาตไปชั่วขณะและเมื่อตั้งสติได้น้ำตามันก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
"ฮือ~...ฮึก..."
ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คน!...ความโหดเหี้ยมอำมหิตนี้มันอะไรกัน!?...การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายลมคลั่งของมัจจุราชที่ไม่ว่าจะพัดผ่านพาเอาความหายนะมาให้
ทั้งอาร์มิน!...ทั้งคุณรีไวล์!
"ฮึก...."
สองขาพาตัวเองวิ่งหนีไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเรือทั้งๆที่น้ำตายังนองเต็มใบหน้า ก่อนหน้านี้ที่เห็นอาร์มินทำกับพวกโคนี่ถึงจะโหดร้ายทารุณขากลับไม่เสียน้ำตาสักหยดแต่ทำไม?...
พอเป็นผู้ชายคนนั้นทำไมเขาถึงได้ร้องไห้ออกมาง่ายดายขนาดนี้!
"อั๊กก!..."
คอเสื้อถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ก่อนจะเหวี่ยงร่างโปร่งบางลงไปกับพื้น เรี่ยวแรงที่หายไปกับความรู้สึกมากมายที่สุมอยู่ในใจทำให้ได้แต่นอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ว่าจะต้องถูกฆ่าตายหรือถูกเอาตัวกลับไปเขาก็ไม่เหลือแรงท้านทานอะไรแล้ว แต่น้ำเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นมากลับทำให้ร่างโปร่งถึงกับขบกรามแน่น
"หึ!...อ่อนแออะไรขนาดนี้ล่ะเอเลน?...ฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีเลยสักนิดตัวนายน่ะทั้งอ่อนแองี่เง่า!...ทำตัวไร้เดียงสาไปวันๆ!...แต่ทำไมใครๆถึงอยากได้ตัวนายนักนะ?"
"อยาก...อยากจะทำอะไรก็เชิญ!...ถ้าฆ่าฉันแล้วเรื่องทุกอย่างมันจบก็เอาเลยเซ่!!"
เอเลนค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะตะโกนใส่หน้าอีกคนอย่างเหลืออดยิ่งได้เห็นรอยยิ้มเหยียดบนใบหน้าน่ารักนั่นยิ่งทำให้เขาไม่อยากมีชีวิตอยูบนโลกอันโหดร้ายนี่อีกต่อไป
"ถ้าโกรธแค้นฉันนัก!...ก็ฆ่าฉันซะอาร์มิน!!"
"นั่นสินะ"
แกร๊ก!
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตยังคงแข็งกร้าวยามเมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าครามถึงแม้จะได้ยินเสียงปลดล็อกไกปืน
ถ้าหาก...เขาตายไปสักคน...เรื่องทุกอย่างมันคงจบลง!
ปัง!!
ดวงตาเผลอปิดแน่นเพื่อรอรับความเจ็บปวดทว่าร่างกายกลับไม่รู้สึกเจ็บร้าวแต่อย่างใด ใบหน้ามนค่อยๆเปิดตาขึ้นยิ่งทำให้ตกใจมากกว่าเมื่อร่างสีดำที่ยืนกั้นระหว่างเขากับอาร์มินเอาไว้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่า!
ไม่ใช่คุณรีไวล์!?
แล้วใครกัน!?
หรือว่าจะเป็น!.....
"อะ....อัล...ฟา!?..."
ร่างสูงตรงหน้าค่อยๆหันกลับมาหาเขาช้าๆยิ่งทำให้หัวใจที่กำลังโหยหาเต็มตื้นขึ้นมาอีกครั้ง คนที่ไม่เจอหน้ากันมาเกือบทั้งอาทิตย์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาจนได้...คนที่เขาคิดถึง คนที่เปรียบเสมือนแรงผลักดันให้เขาอยากมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
"อัล~...ใช่นายจริงๆ...ใช่มั้ย?....ฮึก..."
"เอ....!"
ร่างสูงยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไปประกายคมกล้าของอะไรบางอย่างที่พุ่งตรงมาทำให้ต้องเบี่ยงตัวหลบมันซะก่อน!
"อ๊ะ!?...ปล่อยผมนะ!!!"
เอวบางถูกแขนแข็งแรงของใครอีกคนรวบจากด้านหลังก่อนจะพาลอยวืดขึ้นไปบนอากาศอีกครั้งแต่ความเร็วของมันกับเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าครั้งใหนๆจนไม่สามารถมองเห็นคนที่ยังมองตามพวกเขาไปด้วยแววตาที่สั่นนิดๆ
จะมีสักกี่คนกันที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้แต่ต่อให้คิดถึงมากขนาดใหนเขาก็ต้องอดทนข่มมันเอาไว้ถ้างานทางนี้ยังไม่เสร็จสิ้นแล้วล่ะก็...
"ให้ตามไปมั้ยครับ!?"
"ไม่ต้อง"
อัลฟาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะปรายหางตาไปมองร่างเล็กเรือนผมสีทองที่สะบัดตัวเดินหนีไปอีกทางด้วยสายตาคาดโทษ...
"ปล่อย!!...ผมบอกให้ปล่อยไงไอ้ฆาตกร!!"
ตุ๊บบ!!
"โอ๊ย!!?...คนมันเลือดเย็นโหดร้ายไม่มีหัวใจ!!"
ร่างโปร่งถูกโยนลงไปบนดาดฟ้าเรืออย่างไม่ปราณีนักใบหน้ามนจึงได้แต่ตวัดสายตากลับมาตะโกนใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าดังลั่นแต่ชายหนุ่มกลับหันหลังเดินจากไปเอาเสียดื้อๆโดยไม่คิดจะอธิบายอะไรสักคำ
"จะบอกว่าหมอนั่นเป็นฆาตกรก็ไม่ผิดหรอกนะกฏง่ายๆของพวกเราก็คือไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า...ถ้าไม่ทำแบบนั้นคนที่จะต้องนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นอาจจะเป็นหมอนั่นเองนั่นแหละ"
"ผะ...ผมไม่สนหรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง!...ผมจะกลับไปหาอัล!"
"แล้วทำไมพี่ชายของนายถึงไม่รั้งตัวนายเอาไว้ล่ะ?...อย่างหมอนั่นทำได้สบายๆอยู่แล้ว"
"นั่นมัน!...."
"เพราะพี่ชายของนายคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับรีไวล์นายจะปลอดภัยยังไงล่ะ...ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องตามมาเอาตัวนายกลับไปแน่นายเองก็เคยพูดไม่ใช่เหรอว่าจะหนีไปจากเรา...แต่ช่วยอดทนจนถึงญี่ปุ่นทีนะเอเลน"
"........"
ที่คุณฟาลันพูดมามันถูกต้องทุกอย่างทั้งเรื่องของคุณรีไวล์ทั้งเรื่องของอัลจะทำตัวเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้...หากคิดในมุมกลับกันอัลเองก็อาจจะไม่ต่างจากคุณรีไวล์ การที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดแบบนั้นได้หนทางคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แตกต่างกันตรงที่อัลยังไม่ได้แสดงให้เขาเห็นก็เท่านั้น เมื่อเริ่มจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ใบหน้ามนจึงมีแววรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาเพิ่งพูดทำร้ายจิตใจ...คุณรีไวล์ไปหยกๆ...
จะขอโทษยังไงดี?....
"เอาล่ะ...เข้าไปข้างในกันเถอะ"
ร่างโปร่งยอมเดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดีดวงตากลมโตหันกลับไปมองที่ท่าเรืออีกครั้งก่อนจะตัดใจเดินตามเข้าไปด้านใน ระยะห่างแค่นี้เขาสามารถว่ายน้ำเข้าฝั่งได้สบายอยู่แล้วแต่ถ้าอัลต้องการให้เขาไปญี่ปุ่นเขาก็จะไป
ห้องเล็กๆใต้ท้องเรือที่กว้างกว่าบนรถไฟไม่มากนักพร้อมกับเตียงนอนสำหรับหนึ่งคนอีกสองหลังก็ถือว่าพออยู่ได้สำหรับชีวิตต่อจากนี้ไปอีกเดือนครึ่ง
"โอ้ย!...พี่ใหญ่อย่าดันหัวฉันไว้สิ!...แบบนี้ใครจะมองเห็นเล่า!"
"ก็บอกว่าไม่ต้อง...เดี๋ยวชั้นจัดการเอง"
ภาพของคุณอิสเบลพยายามตะเกียดตะกายเข้าไปโดยมีมือของคุณรีไวล์ดันหัวของเธอเอาไว้เป็นภาพที่ดูผ่อนคลายไม่ใช่น้อยหากไม่ติดว่ามือของเธอถือคีมคีบสำลีเอาไว้...ส่วนคุณรีไวล์ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่ากลับมีสีแดงของเลือดเปรอะเปื้อนตั้งแต่หัวไหล่ลงมาส่วนมืออีกข้างกดเสื้อที่ถอดออกมาไว้ที่สีข้างของตัวเองและมันกำลังชุ่มไปด้วยเลือดเช่นกัน...ถูกยิงมางั้นสินะ...
"ให้ผมช่วยนะครับ!"
"พอดีเลยเอเลน!...มาช่วยจับพี่ใหญ่เอาไว้ที!"
น้ำเสียงของคุณอิสเบลยังดูร่าเริงออกจะตื่นเต้นซะด้วยซ้ำทั้งๆที่พี่ใหญ่ของเธอโชกเลือดซะขนาดนั้นหรือเพราะมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขาไปซะแล้ว
"ปล่อยให้เอเลนจัดการเถอะ...เราไปหาอะไรกินกัน"
"เอ๋?...แต่ฉันอยากทำแผลให้พี่ใหญ่นี่...หายากจะตายที่พี่ใหญ่จะเลือดท่วมตัวมาขนาดนี้น่ะฟาลัน"
"เถอะน่าๆ...ไปหาอะไรให้รีไวล์กินดีกว่าเสียเลือดเยอะแบบนี้คงหิวแย่...ฮะฮะ"
คุณฟาลันหิ้วคุณอิสเบลออกไปแล้วและจากที่ฟังทั้งคู่คุยกันนี่มันไม่ใช่เรื่องปรกติที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆอย่างที่เขาคิดแต่ทุกคนกลับดูสนุกสนานที่ผู้ชายคนนี้มีแผลกลับมา?...ริมฝีปากอิ่มเผลอยิ้มตามคนทั้งคู่ก่อนจะหันกลับไปสนใจคนที่กำลังคีบสำลีเช็ดคราบเลือดให้ตัวเองด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ...แต่กลับไม่คิดจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา
คงจะยังโกรธเขาอยู่ล่ะมั้ง...แต่ก็ดูสมเหตุสมผลดี...
"ผมช่วย"
มือบางแย่งเอาคีมคีบสำลีในมืออีกฝ่ายมาก่อนจะค่อยๆทำความสะอาดแผลให้โดยที่คุณรีไวล์ทำเพียงแค่มองทุกการกระทำของเขาอยู่เงียบๆ จะบอกว่าเขาตีมึนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ในเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมายังตะโกนด่าคนตรงหน้าปาวๆ
"ผมจะไปเปลี่ยนน้ำ...คุณห้ามขยับไปใหนนะใช้นี่กดปากแผลเอาไว้ด้วยแล้วก็ตรงนี้"
ร่างโปร่งใช้ผ้าสะอาดกดลงไปบนปากแผลก่อนจะยกมือหนาขึ้นมากดเอาไว้อีกทีเพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนี้คุณรีไวล์คงไม่ยกมือขึ้นมากดเองแน่ๆ
"ห้ามขยับนะไม่งั้น..."
"รู้แล้วน่า"
เป็นครั้งแรกที่คุณรีไวล์พูดออกมาแต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีใจขนาดนี้ก็ไม่รู้...คิดว่าคงถูกโกรธไปจนถึงญี่ปุ่นซะอีก
ร่างโปร่งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชามใส่น้ำใสแจ๋วต่างจากเมื่อครู่ที่แดงเถือกจนน่ากลัวแล้วริมฝีปากก็ต้องอมยิ้มอีกครั้งเมื่อคุณรีไวล์ยังนั่งอยู่ในท่าเดิมแทบจะไม่ต่างจากตอนที่เขาออกไปเลยสักนิด...ว่าง่ายกว่าที่คิดแฮะ...คิดว่าจะไม่ฟังอะไรใครซะอีก
"ขำอะไร?"
"เปล๊า!...ไม่ได้ขำอะไรซะหน่อย"
เอเลนตีหน้าตายก่อนจะลงมือทำแผลให้อีกครั้งแต่คราวนี้เป็นชายหนุ่มที่ลอบยิ้มออกมาชั่วขณะก่อนจะตีสีหน้านิ่งเหมือนเดิม
"ผมขอโทษ"
".....?"
"ที่ว่าคุณแบบนั้น"
"........"
"คุณเจ็บรึเปล่า?"
"...ยัยนั่นฉีดยาชาไปตั้งสามเข็ม...โดนแทงอีกแผลสองแผลยังไม่รู้สึกเลย"
"ฮะฮะ...จริงเหรอครับ?"
"อือ..."
ใบหน้ามนมองอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก...ถ้าไม่เจ็บอย่างปากว่าแล้วทำไมหน้าถึงซีดเหงื่อถึงซึมตามกรอบหน้าแบบนั้นล่ะ?...ไวเท่าความคิดปลายนิ้วจิ้มลงไปที่แผลบนหัวไหล่ทันทีและ...
"โอ๊ย!...ทำอะไรของนายห๊ะ!?"
"ใหนคุณบอกไม่เจ็บไง"
"ชั้นหมายถึงที่ท้องนี่ต่างหาก...เด็กบ้า!"
ใบหน้ามนยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาพันแผลให้อีกคนต่อไปโดยที่ไม่รู้เลยว่านัยน์ตาสีขี้เถ้าคู่นั้นลอบมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน แอบรู้สึกสะใจนิดๆที่แกล้งผู้ชายคนนี้ได้ ใช้เวลาอยู่นานสองนานปลายผ้าพันแผลที่ต้นแขนจึงถูกเหน็บเอาไว้อย่างแน่นหนาแต่สองคนที่บอกว่าจะออกไปหาอะไรกินกลับยังไม่มีวี่แววจะกลับมาสักทีเพราะคุณรีไวล์จำเป็นต้องมีอะไรตกถึงท้องก่อนถึงจะกินยาแก้ปวดแก้อักเสบพวกนี้ได้ ถึงจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาแต่เหงื่อเม็ดเล็กๆยังผุดออกมาตามกรอบใบหน้าหล่อเหลาจนดูน่าเป็นห่วง
"ผมจะไปตามพวกคุณฟาลัน"
"ไม่ต้อง"
"แต่..."
"ไม่เป็นไร...เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาแล้ว"
เอเลนจำต้องยอมนั่งลงแต่โดยดีเพราะถึงจะออกไปตามจริงๆก็ใช่ว่าจะรู้จักทางเผลอๆคงได้เป็นฝ่ายถูกตามหาซะเอง มือบางบิดผ้าขนหนูขึ้นมาซับตามใบหน้าให้แต่ข้อมือกลับถูกจับเอาไว้ซะก่อนที่ผ้าเย็นๆจะแตะลงไป
"พอแล้ว...ชั้นไม่เป็นไร"
ดวงตากลมโตมองลึกเข้าไปในดวงตาคู้คมกริบอย่างไม่เข้าใจ รำคาญเขาหรืออย่างไรถึงได้ชอบผลักไสเขานัก...ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงทำไมถึงยังไม่ยอมปล่อยมือจากข้อมือเขาล่ะ?
ต่างจากร่างสันทัดที่ทำไปแบบไม่รู้ตัว ดวงตาที่จ้องมองกันและกันราวกับกำลังจมหายเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจที่ยากจะอธิบายทำให้ต่างคนต่างเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างลืมตัว
"เอ๊ะ!?..."
เพราะมัวแต่คิดอะไรเตลิดไปไกลรู้ตัวอีกทีทั้งใบหน้าของเขาและคุณรีไวล์ต่างขยับเข้าไปใกล้กันซะจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน แรงดึงดูดที่มีพลังมหาศาลทำให้ไม่สามารถผลักไสหรือหลบจากสายตาคู่นั้นได้ ร่างโปร่งผงะไปเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากอุ่นๆแตะลงมาบนกลีบปากของตัวเองจนได้แต่เบิกตากว้างแต่ก็ต้องปิดลงอย่างรวดเร็วเมื่อถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากที่แนบชิดกับเรียวลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้าไปไล่เลียตามไรฟันทำเอาร่างโปร่งถึงกับตัวแข็งทื่อ!
นี่มันอะไรกัน!?....
"นี่ๆ!...ฟาลันคิดว่าพี่ใหญ่จะชอบไอ้นี่มั้ย!?"
เสียงเจื้อแจ้วของคุณอิสเบลเรียกสติที่กำลังเตลิดไปไกลให้กลับมาเข้าร่างมือบางจึงผลักแผงอกของอีกฝ่ายออกไปเต็มแรงโดยลืมไปแล้วว่าคุณรีไวล์กำลังบาดเจ็บ!
"อุก!!..."
ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับนิ่วหน้าตัวงอเป็นกุ้งเมื่อถูกผลักกระเด็นไปจนติดผนังห้อง ใบหน้ามนดูจะเหว๋อไปในทันทีที่นึกขึ้นมาได้ว่าอีกคนร่ร่างกาไม่ปรกติอย่างคนธรรมดาเค้า
"ขะ...ขอโทษ!"
ร่างโปร่งรีบคว้าชามใส่น้ำแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันทีปล่อยให้เขาค่อยๆเอนหลังพิงไปที่ผนังห้องอย่างไม่เข้าใจตัวเองทั้งๆที่พยายามห้ามตัวเองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่สุดท้ายก็ถูกล่อลวงไปกับความหอมหวานนั้นจนได้...เด็กนั่นมันปีศาจชัดๆ...ร่ายมนต์สะกดจนคนไม่มีหัวใจอย่างเขาเคลิ้มตามได้ขนาดนี้ อีกอย่างเด็กนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแตะต้องได้ซะเมื่อไหร่...ในเมื่อเจ้าตัวเองก็มีเจ้าของอยู่ทั้งคน...
"พี่ใหญ่...เป็นอะไรไปทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะ?"
"เปล่าไม่ได้เป็นอะไร"
"งั้นก็แกล้งเอเลนอีกแล้วล่ะสิ...ถึงได้วิ่งออกไปทั้งๆที่หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศขนาดนั้น"
"ไม่ได้แกล้ง!...แค่...ลืมตัวนิดหน่อยเอง" ประโยคหลังเบาซะจนทั้งสองคนที่เพิ่งกลับมาได้แต่มองหน้ากันอย่างงงๆ... ไม่คาดคิดว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขารู้จักจะมีเรื่องให้คิดมากกับเขาด้วย
มือบางกวักน้ำใส่หน้าตัวเองรัวๆอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง...ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขาความรู้สึกที่เหมือนกับถูกสะกดด้วยนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นมันช่างน่ากลัว?...กลัวจะหลงไหลไปกับแรงดึงดูดนั่น...ทำไมถึงไม่ยอมผลักไสออกไปทั้งๆที่ชั่วขณะนั้นเขาลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนั้นบาดเจ็บ?...
ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นปีศาจแน่ๆ!...เขาถึงได้เคลิ้มตามได้ขนาดนั้น!...ถ้าพวกคุณฟาลันไม่กลับมาก่อนคิดไม่ออกเลยว่ามันจะจบลงยังไง?...จะเลยเถิดไปถึงใหนก็ไม่รู้?...
อีกอย่าง...เขามีคนที่รอคอยอยู่แล้วซึ่งไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น!...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
......Tobecontinue..........
คึหึหึ...พรุ่งนี้เช็คinventoryครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีแต่อินี่กลับเสนอหน้ามาปั่นฟิคดึกๆดื่นๆถ้าสรุปยอดผิดคงได้โดนเชิญออกก็งานนี้แหละค่ะ5555
งื้ออ~~~
ตอบลบอัลๆๆๆ~~~...สงสารอัลจังค่ะตะ...ตะ...แต่ก็ยังเชียร์คนเตี้ยเหมือนเดิม!!
รอว่าเมื่อไหร่จะคุยกันดีๆ555+