11 ก.พ. 2558

[KHR] Au.Fic.HBD.Dino Cavallone[D18] Kiss of Deceit. : 03 End.

[KHR] Au.Fic.HBD.Dino Cavallone[D18] Kiss of Deceit. : 03 End.

:[KHR] Fanfiction

:Romantic

:NC-17


HBD.Dino Cavallone 4/Feb.


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ












"ชั้นอยากจะหลอกเคียวยะบ้าง!"

ร่างสูงโปร่งถึงกับชะงักค้างจนแทบจะตกจากลู่วิ่งเมื่อคนที่วิ่งอยู่ข้างๆโพลงออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นัยน์ตาสองสีเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้มือกดปิดสวิตซ์ลู่วิ่งก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อตามใบหน้าทั้งๆที่ริมฝีปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มแต่มันดูเจ้าเล่ห์มากกว่าจะถูกใจ

"เอาจริงเอาจังมากเลยนะครับ...ความรู้สึกของคุณมันชั่งล้ำลึกและรุนแรงจนผมอึ้งเลยล่ะครับ"

ลู่วิ่งถูกเปิดขึ้นอีกครั้งแต่ความเร็วลดลงจนแทบจะเป็นจังหวะเดินเพราะเขารู้ดีว่ารุ่นพี่ร่างสูงใหญ่คนนี้ต้องมีอะไรให้เขาแปลกใจอีกแน่ๆ....

ทำไมน่ะเหรอ?....

ก็เพราะเขาเป็นคนวางแผนเองน่ะสิทั้งเรื่องบังเอิญบนรถไฟและพาไปที่ผับแห่งนั้น...แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด...เขาแค่อยากให้คุณดีโน่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนที่ถูกทิ้ง อยากให้คิดได้แล้วเลิกใช้ผู้หญิงทิ้งขว้างแบบนั้นซะทีแต่ตอนนี้มันคงจะได้ผลเกินคาดของเขานิดหน่อย...อาจจะมั้งนะ?...

จะบอกว่าเขาหลอกใช้เคียวยะก็คงไม่ผิดนักเพราะคนอย่างหมอนั่นไม่เคยรู้สึกอะไรหากจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งแต่เป็นผลดีกับตัวเสียด้วยซ้ำกับนักต้มตุ้นระดับพระกาฬแบบนั้น
แต่ถ้าหากคิดในทางกลับกัน....ตัวเขาเองต่างหากที่ถูกเคียวยะหลอกใช้ถึงจะรู้ตัวดีแต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายกับทั้งตัวเขาและคุณดีโน่ถ้าเทียบกับการที่คุณดีโน่เอาไปจ่ายกับผู้หญิงคนอื่นแล้วแค่นั้นมันยังน้อยกว่ามาก

"ชั้นไม่ได้ทำเพราะอยากได้เงินคืนหรืออยากแก้แค้นอะไรแบบนั้นหรอกนะแต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ชั้นก็ไม่ต่างจากเหยื่อรายอื่นๆของเคียวยะ.....ชั้นแค่อยากให้เค้ารู้ว่าชั้นแตกต่าง"

นัยน์ตาสองสีเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ของเขาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

รักจริงอย่างนั้นสินะ?

ถึงจะรู้สึกผิดนิดๆแต่มีเหรอที่เพื่อนที่แสนดีอย่างเขาจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยไม่สิ.....คงบอกว่าไถ่โทษให้ตัวเองสิถึงจะถูก....

"คึหึหึ....ทำเอาผมอึ้งจนพูดไม่ออกเลยนะครับคุณดีโน่"

"ขนาดชั้นเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเป็นได้ขนาดนี้นายอยากจะหัวเราะก็เชิญ"

"ไม่หรอกครับ...ผมอิจฉาคุณมากเลยล่ะแต่ผมจะช่วยเต็มที่แล้วกัน"

ถึงจะไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่าแต่แผนการอันแยบยลก็ถูกคิดออกมาจากหัวสมองอันชาญฉลาดของพวกเขาทั้งสองคนเพราะถ้าหากคิดจะหลอกนักต้มตุ๋นระดับพระกาฬอย่างเคียวยะแล้วไม่ใช่ว่าจะใช้แผนสุ่ยๆได้เสียเมื่อไหร่หากแต่ต้องรัดกุมและแนบเนียนขึ้นไปอีกหลายขั้นนั่นคือสิ่งที่เขาคิดแต่......

"ตีตัวออกห่างจากเคียวยะซะน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะครับ"

ใบหน้าหล่อเหลาตวัดกลับไปมองเพื่อนรุ่นน้องอย่างไม่สบอารมณ์นักและขัดขึ้นมาแทบจะทันที

"ว่าไงนะ!?....ไม่มีท...."

"ฟังก่อนสิครับคุณดีโน่"

แต่อีกคนก็ขัดขึ้นมาก่อนอย่างรู้ทัน....






   นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องมองคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาต่างจากริมฝีปากที่ยังประดับด้วยรอยยิ้มเย่อหยิ่งเพราะสำหรับเขาแล้วกับคนคนนี้.....กับโรคุโด มุคุโร่และไม่จำเป็นต้องเสแสร้งใดๆเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้จักด้านมืดของกันและกันดีแต่ถ้าหากเป็นใครอีกคน....

"คุณดีโน่ไม่ได้มาด้วยหรอกนะครับเห็นบอกว่าจะเลิกมาที่นี่แล้ว...และนั่นคือเหตุผลที่ผมมาวันนี้"

คนที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงนั่งบอกจุดประสงค์ของตัวเองทันทีให้คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เหยียดยิ้มราวกับว่านั่นเป็นเพียงเรื่องตลกก่อนจะหันไปหยิบวิสกี้มาวางตรงหน้าร่างสูงโปร่งโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่ายนัก

"เห๋~...ไม่เชื่อผมเลยเหรอครับ?"

"ออกจากปากของนายมันเชื่อไม่ได้ถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์...ตราบใดที่เจ้าตัวเค้าไม่ได้มาพูดเอง"

ริมฝีปากเรียวหยักยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้รับถึงจะไม่ผิดจากที่คิดไว้นักแต่ใบหน้าสวยนั่นกลับมีแววกังวลไม่ผิดแน่ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม...มือยกแก้ววิสกี้ดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนจะวางทับลงไปบนกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงหน้า

"เค้าก็อยากจะมาบอกนายด้วยตัวเองนะแต่ดันติดงานด่วนน่ะเลยกลับอิตาลีไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ"

ใบหน้าสวยเหลือบมองสิ่งที่ถูกแก้ววิสกี้ทับเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นจนแทบจะคุมเอาไว้ไม่ไหว

"เฮ้!...จ่ายตังส์ด้วยสิ!"

แต่คนถูกทวงตังส์กลับทำเพียงโบกมือไปมาก่อนจะหายออกจากร้านไปให้คนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ถึงกับฟิวส์ขาดทุบกำปั้นดังปึง...ยั่วประสาทดีนักขอให้ปลาทูน่าตัวนั้นกลายพันธุ์เป็นปิรันย่ากัดมันให้ตายเลยไอ้หัวสับปะรด!!!...



กำปั้นเล็กๆทุบลงไปที่ประตูล็อคเกอร์อย่างหาทางระบายที่ไม่รู้ว่าจะโกรธไอ้หัวสับปะรดตาสองสีนั่นหรือใครดี มือคลี่กระดาษแผ่นเล็กถูกขย้ำจนไม่เหลือสภาพเดิมออกดูถึงได้รู้ว่าเป็นนามบัตรที่มีรายละเอียดไม่มากนัก....ไม่มีเบอร์มือถือ...ไม่มีอีเมล์ส่วนตัว...มีแค่เบอร์ของบริษัทกับที่อยู่ในอิตาลี?....คิดจะตัดขาดจากเขาจริงๆสินะผู้ชายคนนั้น....อย่างหวังว่าจะได้เห็นคนอย่างเขาวิ่งตามใครแม้แต่นาย...ดีโน่!!

"อย่างได้ใจนัก!...ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆ!!"

กำปั้นเล็กๆกระหน่ำใส่ล็อคเกอร์อีกหลายต่อหลายครั้งทั้งๆที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกทั้งๆที่รู้ดีว่าสักวันเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นทั้งๆที่คิดว่าตัวเขาจะเป็นคนที่เดินออกมาจากอีกฝ่ายแต่ทำไมถึงไได้รู้สึกโกรธมากขนาดนี้หรือเพราะคำพูดพวกนั้นคำที่บอกว่า"ต่อให้หมดเนื้อหมดตัวก็ยอม"ไม่อยากจะเชื่อคนที่พูดถึงขนาดนั้นแต่กลับตัดใจจากเขาได้ง่ายแบบนี้

"ผมไมยกโทษให้คุณเด็ดขาด....ดีโน่!"

ไม่มีวัน!......














"มีข้อความหรือสายของชั้นเข้ามาบ้างมั้ย?"

ประโยคเดิมๆที่ร่างสูงใหญ่ถามเลขาของเขาทุกเช้ามากว่าสองอาทิตน์และคำตอบก็ยังเหมือนๆกับทุกวัน...

"ไม่มีครับบอส"

ใบหน้าหล่อเหลาดูสลดลงไปในพริบตาแต่ในหัวใจดวงเดียวที่เขามีมันเจ็บยิ่งกว่าที่สีหน้าแสดงออกหลายเท่าความรู้สึกเจ็บที่หยั่งรากลึกยิ่งย้ำชัดว่าเคียวยะเลือกที่จะทิ้งเขาแน่นอนแล้วแต่ทำไมหัวใจไม่รักดีของเขาถึงยังแอบหวังว่าทุกสิ่งที่เขาทำ ทุกคำพูดที่เขาพร่ำบอกมันจะสื่อไปถึงหัวใจของร่างบอบบางนั่นแม้สักนิด

แต่ก็เท่านั้น...เขาไม่มีค่าพอที่จะรักคนอย่างเคียวยะได้เลยด้วยซ้ำไปมือล้วงเข้าไปหยิบมือถือที่สั่นครืดๆในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับโดยไม่ต้องดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนรุ่นน้องที่คอยส่งข่าวมาให้ เคียวยะยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆบ่งบอกว่ากระวนกระวายหรือท่าทีว่าคิดถึงเขา....

ใบหน้าสวยๆนั่นยังคงประดับรอยยิ้มมั่นใจคลอเคลียกับลูกค้ารายอื่นได้อย่างปรกติสุขผิดจากเขาที่มองดูรูปพวกนั้นด้วยดวงตาที่สั่นไหว...ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอมือถือไปเรื่อยๆอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก

บางทีเจ้ามุคุโร่ก็ใจร้ายอย่างไม่น่าเชื่อที่ส่งรูปพวกนี้มาให้เขาทั้งๆที่เพียงแค่คำพูดก็ทำให้เขาแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วแท้ๆ







เสียงครืดๆของมือถือที่สั่นจนแทบจะเดินได้อยู่บนโต๊ะทำให้หัวสีทองสว่างชะโงกขึ้นมาจากโซฟาน้อยๆและเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวบนโซฟากลับพลิกตัวหันหลังให้อย่างไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก

อีกครั้งที่เขาอยู่ในออฟฟิศจนดึกดื่นเพราะสายที่เขาตั้งตารอไม่ใช่จากมือถือแต่เป็นสายจากออฟฟิศนี่ต่างหาก...ถึงจะรู้ดีว่าหมดหวังแต่หัวใจเจ้ากรรมกลับยังคงสั่งให้รอคอยต่อไป

ครืดด ครืดด~~

อีกครั้งที่มือถือของเขาสั่นแต่คนที่ไม่มักะจิตกะใจรับยังคงยกมือขึ้นปิดหูตัวเองแต่ดูเหมือนคนที่โทรมายังคงพยายามต่อไปจนเขาทนรำคาญไม่ไหวต้องเด้งตัวขึ้นมา

"ว่าไงโรมาริโอ้?"

น้ำเสียงติดจะรำคาญกรอกไปตามจนได้ยินเสียงถอนหายใจจากลูกน้องคนสนิท

[มีแขกมาขอพบครับจะให้คนไปรับมาหรือ....]

"ให้เค้ามาใหม่พรุ่งนี้!...ตอนนี้ชั้นไม่มีอารมณ์คุยกับใคร"

[แต่บอสครับ.....]

มือกดตัดสายพร้อมปิดเครื่องเรียบร้อยก่อนที่มือใหญ่จะยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่ม กลิ่นเหม็นหึ่งที่ลอยออกจากตัวถึงจะรู้สึกอยากจะอ้วกแต่ขวดเหล้าเคลื่อนที่อย่างเขากลับเลือกที่จะปล่อยให้มันอยู่ในสภาพนั้น...นี้เป็นครั้งแรกที่เขาดื่มหนักขนาดนี้เพียงแค่หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อกด้านซ้ายให้มันบางเบาลงไปบ้างแต่น่าแปลกที่มันไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

สองแขนยาวเหยียดไปตามพนักพิงของโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาแหงนมองเพดานห้องแสงจ้าของหลอดนีออนทำให้ต้องหรี่ตาลงอย่างช่วยไม่ได้แต่ขณะที่หัวใจของเขากำลังลอยคว้างในขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดลง......

"เฮ้!...คุณตรงนั้นน่ะดื่มหนักเกินไปรึเปล่าครับ?"

นัยน์ตาที่กำลังจะปิดลงเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อน้ำเสียงของใครคนนั้นมันชั่งคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆหันไปที่ต้นเสียงแล้วยิ่งไม่อยากจะเชื่อ!...หรือว่าเขาเมาจนเห็นภาพหลอนไปแล้ว!?....

"...เคียว...ยะ..."

นัยน์ตาสีอำพันได้แต่มองตามร่างที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริงแต่กลิ่นกายอันแสนยั่วยวนนั่นกลับทำให้สองแขนคว้าร่างตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้อย่างไม่ต้องผ่านสมองคิด!

"เคียวยะ!"

"เคียวยะ!..."

"....เคียวยะ!....."

มือบางยกขึ้นลูบหัวสีทองสว่างที่ยังซุกอยู่ที่หน้าท้องตัวเองแผ่วเบาราวกับกำลังปลอบโยนเด็กน้ำอุ่นๆที่ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบางทำให้ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มพอใจกับผลที่ได้รับถึงจะคาดเอาไว้แล้วแต่มันกลับเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้มากจนไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เขี่ยคนอื่นทิ้งมานักต่อนักอย่างดีโน่จะถึงขั้นหลั่งน้ำตาให้เขาจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งๆที่หลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ทำไมถึงคิดจะตัดใจ?...หรือเป็นเพราะหมอนั่น?...นี่เป็นแผนของเจ้ามุคุโร่งั้นสิ?...

"ไม่เอาน่า...คุณกอดผมแน่นไปแล้วนะ"

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่อ้อมแขนแข็งแรงกลับยิ่งรัดแน่นยิ่งขึ้นไปอีกแรงกอดรัดที่ทำให้เริ่มหายใจติดขัด...ความคลางแคลงใจถูกเจ็บเอาไว้ภายใต้ดวงตาและใบหน้าที่สงบนิ่ง...แต่สักวันเขาต้องรู้ให้ได้

"ชั้นคิดถึงนายเคียวยะ...คิดถึงมาก"

"ผมรู้...."

เพราะไม่ใช่แค่ฝ่ายเดียวที่คิดถึง...ถึงจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่จะไม่ใช่แค่นั้นก็ตามที....

"ชั้นรักนายเคียวยะ...รัก..."

"แต่ผมจะมาหลอกคุณนะ"

"ก็แล้วแต่นายเถอะขอแค่อยู่ข้างๆชั้นอยากทำอะไรก็ตามใจ"

นัยน์ตาสีรัตติกาลสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนมือบางแกะแขนแข็งแรงออกจากเอวของตัวเองก่อนจะค่อยๆนั่งคร่อมลงไปบนหน้าตักของร่างสูงใหญ่และแน่นอนว่าแขนที่เขาเพิ่งจะแกะบอกไปเมื่อครู่รวบตัวของเขาเข้าไปกอดไว้อีกครั้ง

"...ค่าตัวผมแพงนะคุณแน่ใจเหรอที่จะให้ผมอยู่ข้างๆคุณ?"

"ชั้นแน่ใจเท่าไหร่ชั้นก็จะจ่ายเคียวยะ"

"ว้าว~...."

มือบางประคองใบหน้าหล่อเหลาขึ้นมาสบตากันเป็นครั้งแรกริมฝีปากอิ่มประทับจูบลงไปที่ดวงตาแผ่วเบาไล่ลงมาที่สันจมูกคมก่อนจะเคลื่อนลงมาหยุดที่ริมฝีปากแต่กลับไม่ยอมทำอะไรต่อเป็นมือใหญ่ที่รั้งท้ายทอยของร่างบางลงไปรับจุมพิตแสนหวานที่เติมไปด้วยแรงปรารถนาและโหยหามานานเรียวลิ้นร้อนที่ค่อยๆไล้เลียสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากเล็กกระหวัดเกี่ยวพันกวาดต้อนความทอดความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นออกมาให้อีกคนแทบจะสำลักความสุขตายเสียให้ได้

"ชั้นรักนายเคียวยะ"

"ผมรู้...อ๊ะ!...จะ...ใจเย็นดีโน่!"

อีกครั้งที่ร่างบอบบางถูกมรสุมแห่งแรงปรารถนาถาโถมเข้าใส่แผ่นหลังบางถูกดันให้นอนราบลงไปบนโซฟาอาภรณ์ของเขาถูกร่างสูงใหญ่จัดการในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีทั้งซอกคอลาดไหล่ไปจนถึงแผ่นอกบางไปจนถึงหน้าท้องถูกกดจูบไล้เลียสร้างร่องรอยเอาไว้อย่างบ้าระห่ำบางร่องรอยมีเลือดไหลซิบออกมาให้เจ็บแสบเล่น

"อึ๊ก!...เจ็บดีโน่!"

ฟันคมๆย้ายมางับที่ไหปลาร้าให้ร่างด้านใต้ถึงกับกระตุกเกร็งมือบางพยายามผลักไสหัวสีทองออกจากแผ่นอกของตัวเองอย่างไม่คิดจะเอาจริงสักเท่าไหร่เพราะในความเจ็บปวดพวกนั้นมันมีความรู้สึกบางอย่างแฝงเอาไว้อย่างน่าประหลาด...มันไม่ใช่ครั้งแรกเซ็กส์ของผู้ชายคนนี้รุนแรงยิ่งกว่าพายุที่โหมกระหน่ำจากความรักที่มากมายจนเก็บเอาไว้ไม่ไหวทางเดียวที่จะเยียวยาความรักอันบ้าคลั่งนี้ได้คือร่างกายของเขา

"ชั้นรักนายเคียวยะ....รัก..."

"อ๊า!....มะ....ไม่!...ยะ...ดี...โน่..."

ร่างบางถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อช่องทางที่ด้านหลังถูกคนที่คร่อมเอาไว้กระแทกแกนกายเข้ามาทั้งๆที่ยังไม่มีการเตรียมพร้อมถึงจะไม่ครั้งแรกแต่ความใหญ่โตของมันก็ทำเอาจุกจนหายใจแทบไม่ออกความเจ็บร้าวที่แล่นริ้วไปทั่วทางทำเอาดวงตาคู่สวยถึงกับพริ่มน้ำไหลลงมาอาบแก้มใสโดยไม่รู้ตัวเจ็บจนแทบหยุดหายใจ

แต่บทรักอันเร่าร้อนและรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป...นี่เป็นบทลงโทษงั้นเหรอ?....


ผู้ชายคนนี้เขารู้จักโดยบังเอิญเพราะความโดดเด่นแบบหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงกับข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงที่เจ้าตัวมีข่าวคบๆเลิกๆกับนางแบบไม่ซ้ำหน้ามันสะดุดตาของเขาอย่างช่วยไม่ได้...คนที่จัดการงานของตัวเองได้ดีอย่างร้ายกาจแต่กับเรื่องความรักกลับติดลบจนแทบจะศูนย์ถ้าหากมีความรักจะเป็นยังไงนะ?...มันเป็นความท้าทายที่น่าลิ้มลองไม่ใช่เล่นเลยทีเดียวและพอถามคนที่รู้จักใครเขาไปทั่วอย่างมุคุโร่แล้วหมอนั่นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง...เค้าเป็นเพื่อนของผมเองมาที่ญี่ปุ่นบ่อยๆอยากให้พามาที่นี่มั้ย?...หมอนั่นว่างั้น...

แต่พอได้รู้จักแล้วดีโน่แต่ต่างจากที่เขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเค้าไม่ใช่พวกรักง่ายหน่ายเร็วแต่เป็นคนที่รักใครไม่เป็นไม่ใช่พวกบูชาความรักแต่ถ้าหากได้รักแล้วยอมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมันต่างหาก...ต่างจากเขาที่ไม่เคยเชื่อในความรักไม่เคยจริงจังกับใครแต่ถ้าหากดีโน่จะทุ่มเททุกอย่างขนาดนี้...เขาจะเล่นด้วยอีกสักหน่อยก็แล้วกัน.....








แสงสีส้มที่ปลายขอบฟ้าอีกฟากหนึ่งส่องลอดหน้าต่างเข้ามาให้คนที่กำลังง้วนอยู่กับแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นไปมองพรางหยักยิ้มน้อยๆท่ามกลางสายตาประหลาดใจของเหล่าลูกน้องทั้งออฟฟิศจะด้วยสาเหตุใดเขาก็มิอาจทราบได้แต่เหตุผลเดียวที่รู้คือตอนนี้เขาคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกก็เป็นได้เพราะตอนนี้เขาไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป...เคียวยะยังอยู่กับเขาให้เขาได้เห็นหน้าสวยๆและสัมผัสผิวเนียนนุ่มนั่นทุกวันแต่ร่างบอบบางนั่นก็ทำอย่างที่พูดไว้จริงๆกับค่าตัวที่แสนแพงที่เขาต้องจ่ายให้เคียวยะอาจจะดูเหมือนว่าเขาใช้เงินเพื่อซื้อความรักให้เป็นของตัวเองแต่ถ้าหากมันจะทำให้ความรักมาอยู่ในมือแล้วล่ะก็เท่าไหร่เขาก็จะจ่ายถ้าหากมันจะทำให้เคียวยะยังอยู่ข้างกายเขา




ขายาวๆก้าวขึ้นไปตามบันไดเป็นจังหวะสม่ำเสมอสายตามองหาร่างบอบบางที่น่าจะอยู่มุมใหนสักแห่งของบ้านแล้วแผ่นหลังบางภายใต้ยูกาตะสีดำที่นั่งอยู่ที่ระเบียงก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาเสียงหวานเอ่ยทักทายที่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าชักจะเหมือนภรรยาแสนดีรอสามีกลับบ้านขึ้นทุกวัน


"ยินดีต้อนรับกลับ"

อ้อมแขนสวมกอดจากด้านหลังก่อนจะฝังจมูกลงไปบนกลุ่มเส้นผมสีรัตติกาลพร้อมกับกระซิบเบาๆที่ข้างหู

"ชั้นกลับมาแล้ว"

"หิวมั้ยผมเตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วจะกินตอนนี้เลยรึเปล่า?"

"อยากกินนายมากกว่า"

แต่คนที่เพิ่งจะกลับมากลับยังคงซุกไซร้คลอเคลียสูดดมความหอมหวานแถวๆซอกคอไล่ลงมาตามลาดไหล่จนมือบางจำต้อนดันใบหน้าเจ้าปลิงตัวใหญ่ออกไปพร้อมกับหันมาส่งสายตาดุๆให้

"พอได้แล้วดีโน่!...ตัวผมไม่มีพื้นที่ว่างให้คุณทิ้งรอยเอาไว้แล้วนะ!"

กลับเป็นปลายคางถูกเชยขึ้นมาให้รับจุมพิตแทนมือที่กำลังจะผลักไสจำต้องกำสาปเสื้อของร่างสูงใหญ่เอาไว้เป็นหลักยึดอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ไม่เคยชินกับรสจุมพิตอันหวานล้ำนี่ทุกๆครั้งที่ได้รับหัวใจมันสั่นไหวจนรู้สึกเจ็บความรักที่ผู้ชายคนนี้ถ่ายทอดมาให้มันมากมายจนหายใจลำบากถึงแม้ว่าเขาจะพยายามปฏิเสธมันมากขนาดใหนแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกของดีโน่มันกำลังโอบกอดหัใจของเขาเอาไว้จนไม่รู้ว่าถ้าหากขาดคนคนนี้ไปเขาจะมีชีวิตอยู่ได้รึเปล่า?.....

"ฮ้า...แฮ่ก...แฮ่ก..."

"นายชอบให้ชั้นจูบแบบนี้ใช่มั้ย?"

ริมฝีปากอิ่มหอบเอาอ๊อกซิเจนเข้าปอดอย่างหนักหน่วงเมื่อดูเหมือนว่าจมูกทำหน้าที่ของตัวเองไม่ทันนัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหยักยิ้มอ่อนโยนมาให้อย่างคาดโทษถึงมันจะไม่เคยได้ผลเลยก็ตามที...

"อือ...ตอนที่ลิ้นของคุณค่อยๆสอดเข้ามามันทำให้รู้สึกดีน่ะ...แต่ผมเกลียดเซ็กส์ของคุณ"

มันรุนแรงเกินไปจนเขาเริ่มที่จะรับมันเอาไว้มันไม่ไหวถ้าหากยังเป็นอยู่แบบนี้เขาคง......

"มันเป็นบทลงโทษน่ะที่นายทำให้ชั้นเป็นเหมือนคนบ้า...ที่นายวางยาชั้น...ที่นายปล่อยให้ชั้นคิดถึง...แต่ต่อไปชั้นจะอ่อนโยนกับนาย"

อย่างคิดว่านั่นคือบทลงโทษแต่ดีโน่คงลืมไปอย่างหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนที่หนีกลับมาอิตาลีเองเป็นเขาเองซะอีกที่ทิ้งทิฐิแล้วตามมาถึงนี่น่ะ

"เห็นแก่ตัวจังนะ....คุณเป็นคนปล่อยผมไปเองไม่ใช่รึไง"

"นั่นน่ะมัน!....ความคิดของอ่าชั่งเถอะเป็นความผิดชั้นเองชั้นขอโทษ"

พิรุธเริ่มหลุดออกมาทีละนิดแต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้ากัน

"ความคิดขอหมอนั่นสินะอ้อ....คิดจะลองใจผมงั้นสิ!"

ร่างบางสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงก่อนจะหันกลับมาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดคั้นจนใบหน้าหล่อเหลาถึงกับเหงื่อแตกพลั่กๆแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามคว้าตัวเขาเข้าไปกอดเอาไว้จนได้

"ชั้นรักนายเคียวยะชั้นขอโทษต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกชั้นสัญญา"

"........"

"อย่าโกรธเลยนะขอร้องล่ะ"

ความจริงแล้วเขาไม่ไม่มิสิทธิ์ที่จะโกรธด้วยซ้ำหากเทียบกันแล้วเขาเองซะอีกที่หลอกลวงดีโน่ตั้งแต่แรกถึงจะไม่ใช่รายแรกที่เขาทำแบบนี้และไม่เคยมีใครยึดติดกับเขามากขนาดนี้คนพวกนั้นหากรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้วล่ะก็จะตีตัวออกห่างอย่างเงียบๆมากกว่าจะมีก็แต่คนบ้าเท่านะนล่ะมั้งที่จะมายอมทุ่มยอมถูกหลอกซ้ำๆแบบนี้

"ผมไม่ได้โกรธซะหน่อยเลิกเซ้าซี้ได้แล้ว"

"ขอบคุณพระเจ้า"


ใบหน้าหล่อเหลาดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดจนอดที่จะยิ้มไม่ได้มันไม่ใช่รอยยิ้มเย่อหยิ่งหรือมั่นใจอะไรแบบนั้นแต่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถยิ้มออกมาจากใจจริงรอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็นแม้แต่ตัวเขายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบใหน

"นี่ดีโน่...ผมให้คุณขออะไรก็ได้จากผมหนึ่งอย่างแล้วผมจะทำให้"

"เอ๋!?...เคียวยะวันนี้กินอะไรแสลงเข้าไปรึเปล่าทำไมพูดจาแปลกๆ?"

"เปล่า"

"ไม่สบายงั้นเหรอแต่ตัวก็ไม่ร้อนหรือว่าปวดท้อ....."

"ดีโน่!..."

มือบางคว้ามือที่กำลังสาละวนอยู่กับการลูบคล้ำวัดอุณหภูมิร่างกายของตนเอาไว้

"ผมไม่ได้เป็นอะไรแค่อยากจะทำอะไรตอบแทนคุณบ้างก็เท่านั้น"

"เคียวยะ?..."

"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ถ้าคุณไม่อยากขอผมก็ไม่ได้ว่าอะไร"

"เปล่า!...ขอสิ!....ชั้นอยากของั้น...."

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมากระซิบเบาๆที่ข้างหูด้วยถ้อยทำที่ทำให้ดวงตาสีรัตติกาลถึงกับเบิกกว้าง

"ได้มั้ย?"

ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มบางๆก่อนจะเงยหน้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูของคนที่โอบกอดเขาไว้และยิ่งแน่นขึ้นเมื่อได้ฟังสิ่งที่ตัวเองอยากฟัง...ถึงจะเป็นแค่คำโกหกจากผมแต่ถ้าหากคุณอยากจะฟังผมก็จะบอกคุณดีโน่ว่า"ผมรักคุณ".....
.
.
.
.
.
.
.
.
End............


เย้!!....ตะโกนดังๆว่าจบอีกเรื่องแล้วค่ะ!...โอ้ยดีใจแต่ยังไงมันก็อาจจะขัดใจใครเขาเข้าต้องอภัยนะคะ

เจอกันตอนหน้าค่ะ!







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น