9 ก.ย. 2557

[KHR] Fic.[8059,6927,D18,XS,B26] รักล้นใจ The Series : Introl.

[KHR] Fic.[8059,6927,D18,XS,B26] รักล้นใจ!!
The Series : Introl

:Fanfiction [KHR] 

:Romantic 

:NC-17


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ












               หลังจากศึกสายรุ้งเพื่อช่วยแก้คำสาปให้กับเหล่าอัลกอบาเรโน่ผ่านพ้นไปได้สามปีเหล่าผู้พิทักษ์แห่งวองโกเล่ก็ถูกส่งตัวไปศึกษาต่อในโรงเรียนมาเฟียในอิตาลี่และแน่นอนว่าหน่วยลอบสังหารวาเรียเองก็ไม่เว้นแต่ที่นั่นมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาศึกษาเพิ่มเติมคือแซนซัสที่เป็นบอสกับหัวหน่วยสควอโล่ที่เคยเรียนมาแล้วเท่านั้น...อันที่จริงต้องบอกว่าเพื่อจะจบหลักสูตรออกไปสดๆร้อนๆเมื่อต้นปีถึงจะถูกผิดกับเหล่าผู้พิทักษ์ของวองโกเล่รุนที่สิบที่ต้องเข้ามาศึกษายกทีมอย่างช่วยไม่ได้และนั่นก็รวมถึงสองผู้พิทักษ์เมฆาและสายหมอกที่เข้ามาก่อนหน้าพวกเขาได้ปีหนึ่งแล้วถึงจะรู้ๆกันอยู่ว่าทั้งคู่ต่างก็เอาแต่ใจกันทั้งนั้นแต่ไม่รู้ว่าเจ้าทารกต้องสาปที่กำลังเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดพูดยังไงถึงทำให้ทั้งคู่มาเรียนที่เดียวกันแบบนี้ได้เดาว่าเาลาเจอหน้ากันคงมีจัดโชว์ชุดใหญ่อยู่ตลอดแน่ๆ...

เสียเคร้งคร้างสลับกับจ๊อกแจ๊กจอแจกันที่สนามกว้างเหมือนสนามฟุตบอสแต่อุปกรณ์ในสนามบอกให้รู้ว่ามันคือสนามทดสอบอาวุธและพละกำลังทำให้ขาทุกคู่หยุดอยู่กับที่ที่ข้างสนามก่อนที่สายตาทุกคู่จะจับจ้องภาพของเหล่าผู้ที่ได้รับการทดสอบกันด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับไม่เว้นแม้แต่สามสาวเหล่าผู้ติดตามที่ไม่ว่ายังไงก็จะมาด้วยให้ได้

"ฮ๊ะฮิ๊!!...คนเมื่อกี้สุดยอดไปเลยนะคะคุณสึนะ...เก่งสุดๆไปเลย!"

"อะ...อื้มม"

"เชอะ!!..แค่นั้นฉันก็ทำได้เหมือนกันนั่นแหละ!!"

"คุณโกคุเดระไม่สมควรพูดแบบนั้นนะคะทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้เรียนเลยแท้ๆ!!"

"ก็บอกแล้วไงว่าของพรรค์นี้น่ะฉันหลับตาทำยังได้เลยยัยต๊อง!!"

"พอเถอะทั้งสองคนเดี๋ยวมันจะเป็นรบกวนคนอื่นเค้า!!"

ดูเหมือนผู้พิทักษ์วายุจะอดรนทนไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนยิ่งกว่าใครเพื่อนเหมือนเคยจนคนกลางอย่างวองโกเล่รุ่นที่สิบต้องรีบเข้ามาห้ามทัพ...ใบหน้าที่ติดสวยมากกว่าจะหล่อเหลาแบบชายชาตรีจึงสะบัดไปอีกทางอย่างนึกหมั่นใส้จนเส้นไหมสีเงินยาวละต้นคอพลิ้วไปตามแรงสะบัดให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่สูดลมหายใจหอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆเข้าปอดอย่างไม่เกรงใจเจ้าของมัน...นัยน์ตาสีเปลือกไม้หาได้จ้องมองเหล่านักเรียนมาเฟียทดสอบอยู่ในสนามเหมือนคนอื่นๆไม่...แต่มันกลับจับจ้องหัวสีเงินของคนที่เตี้ยกว่าอย่างถือวิสาสะพร้อมกับหยักยิ้มบางๆแต่ความหมายมันกลับลึกซึ้งยิ่งกว่า...ลึกซึ้งขนาดที่ตัวเองยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไปและแน่นอนว่าร่างบางเจ้าของเรือนผมสีเงินนี่เองก็ไม่เคยรู้ว่าเขากำลังคิดไม่ซื่อกับตัวเอง...แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อเขาเองก็เคยหักห้ามใจไม่ให้คิดเป็นอื่นอยู่ตั้งเท่าไหร่แต่มันก็ทำไม่เคยได้เลยสักครั้งแต่ตรงกันข้าม...เขากลับยิ่งถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วในตอนนี้...เหลือก็แค่จะทำยังไงให้ร่างบางยอมรับและรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา...นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไม่ตกมาตลอดกับไอ้เรื่องใช้สมองเขาไม่ถนัดเลยสักนิดแต่ถ้าหากเป็นเรื่องพละกำลังล่ะก็เขาก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันนั่นแหละแต่วิธีแบบนี้เอาไว้ให้ถึงคราวจวนตัวจริงๆค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน

"พวกนายดูการทดสอบอยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกันฉันจะไปยื่นเอกสารกับเบียงกี้ก่อน"

"ให้ฉันไปช่วยนะคะคุณเบียงกี้!!"

"อ้าวเคียวโกะ..อยู่ดูกับพี่ชายก่อนเถอะนะ!!"

"ไม่เป็นไรค่ะพี่ชายฉันถนัดเรื่องหยุมหยิมมากกว่า"

"งั้นฮารุไปช่วยอีกแรงนะคะ!!"

"เอ้อ!!...งั้นช่วยกันแบบสุดขั่วไปเลยพี่ชายไปด้วยคนดีกว่าเผื่อมีอะไรหนักๆให้ช่วยแบก!!"

ชายหนุ่มร่างสูงที่มีอายุมากกว่าคนอื่นแต่ไม่ยอมมาเรียนก่อนวิ่งตามน้องสาวของตัวเองไปติดๆ...เป็นอันว่าตัวประกอบก็ไปหมดเกลี้ยงซะที

"ชิ!!...ติดน้องสาวแจเลยนะเจ้าหัวสนามหญ้า"

"ฮะฮะฮะ...เอาน่าๆโกคุเดระเลิกแขวะชาวบ้านได้แล้ว"

"หุบปากไปเลยแกเจ้าบ้าเบสบอล!!"

"ฮะฮะฮะ..."

"เฮ้ย!!...เอาออกไปนะฉันไม่ใช่ที่เท้าแขนนะ!!"

ใบหน้าเรียวสวยหันมาแยกเขี้ยวแง้งใส่คนที่ตีซี้เอาแขนพาดบ่าอีกทั้งยังพยายามแงะมือหนาๆออกเป็นระวิงแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแขนแข็งแรงที่หวดลูกเบสบอลโฮมรันเป็นว่าเล่นนั้นแข็งอย่างกับคีมเหล็กจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่มือบางๆของคนที่ตัวเล็กกว่าจะแงะมันออกผลสุดท้ายก็จำใจต้องกลายเป็นที่ท้าวแขนของร่างสูงใหญ่ไปอย่างช่วยไม่ได้

"เอ๊ะนั่นมุคุโร่นี่!!"

เสียงสดใสของร่างเล็กทำให้ทั้งสองคที่ยืนกระเซ้าเย้าแหย่กันอยู่ข้างๆหันกลับไปสนใจในสนามอีกครั้ง

"ใช่จริงๆด้วยครับรุ่นที่สิบ!!...ยังวางท่ายโสเหมือนเดิมเลยนะครับไอ้หมอนั่น!!"

"เอาน่าๆ...อย่าไปว่าเค้าเลยโกคุเดระก็นิสัยเค้าเป็นแบบนั้นนี่...เนอะสึนะ"

"อื้ิอ....นั่นสินะ...เป็นคนที่เข้าใจยากมากเลยล่ะ" 

 ถึงแม้ว่าริมฝีปากจะขยับแต่ดวงตาสีน้ำตาลไหม้กลับจับจ้องไปที่ร่างสูงโปร่งไม่กระพริบ...จนคนที่ถูกจ้องรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนและหันหน้ามาในที่สุดและเพียงแค่สบตากัน

"อ๊ะ!!..."

ร่างเล็กของวองโกเล่รุ่นที่สิบถึงกับผงะเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจ้องมองอีกฝ่ายโจ่งแจ้งเกินไป

"เป็นอะไรไปสึนะ?"

"ปละ...เปล่าไม่มีอะไรหรอกยามาโมโตะ" 

"แล้วไป...ว่าแต่ยังไม่เห็นคุณฮิบาริเลยเน้อะไม่รู้ไปหลบอยู่ที่ใหนอยู่ชั้นเดียวกันกับมุคุโร่ไม่ใช่รึไง?" 

"หมอนั่นไม่ชอบการสุมหัวก็คง...จะแอบๆอยู่แถวนี้ล่ะมั้ง" 


"นั่นสินะคุณฮิบาริน่ะพอถึงตาตัวเองก็คงจะมาเองนั่นแหละ"

ร่างเล็กหันกลับมาพูดแก้เก้อแต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกร้อนรนจนทำตัวแทบไม่ถูกแต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่ดูยังไงก็น่ารักราวกับเด็กสาวม.ต้นก็ยังค่อยๆหันไปมองคนที่ทำให้หัวใจดวงน้อยมันแกว่งผิดจังหวะไป

""ไอ้บ้าภาพลวงตามันจ้องอะไรของมันตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วนะ??!!"

"ใจเย็นๆ...โกคุเดระคงจะมองหาพวกโกคุโยล่ะมั้งก็เรายังไม่ได้บอกหมอนั่นเลยนี่ว่าพวกโกคุโยจะมากันพรุ่งนี้น่ะ"

"กำลังนินทาผมอยู่รึไงครับวองโกเล่?"

 "เอ๊ะ!!..."

จู่ๆคนที่คิดว่ายืนอยู่กลางสนามก็มายืนหัวโด่อยู่ข้างๆให้ทั้งสามคนได้สะดุ้งเล่นๆ

"มะ...ไม่ใช่นะเราไม่ได้นินทานายซะหน่อย"

"แก๊!!!...จะมากไปแล้วนะมีสิทธิ์อะไรมาหาว่ารุ่นที่สิบนินทาแกฟ๊ะ!!" 

"โกคุเดร...ไม่เอาน่า...สึนะชั้นกับโกคุเดระจะไปเดินดูรอบๆหน่อยนะแล้วเจอกันที่ห้องพัก"

"อืม...ระวังตัวกันด้วยล่ะ"

"เฮ้ย!!...ใครจะไปกับแกฟ๊ะไอ้บ้าเบสบอล...ปล่อยนะเฟ๊ยฉันจะอยู่กับรุ่นที่สิบ!!!...ปล่อย!!...รุ่นที่สิบคร๊าบบ~~ช่วยผมด้วย!!!"

ใบหน้าน่ารักมองตามทั้งสองคนที่ฉุดกระชากลากถูกันไปจนเกือบลับตาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเพิ่งนึกได้ว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ข้างๆ 

"อะ..เอ่อคือ...คนของนายจะตามมาพรุ่งนี้นะพอดีวันนี้พวกเขาติดภารกิจน่ะก็เลย...."

"กะจะใช้งานกันจนวินาทีสุดท้ายงั้นสินะครับ"

ผู้พิทักษ์สายหมอกผู้เย็นชาและแสนจะเดาใจได้ยากลำบากเอ่ยขึ้นแกมเหน็บน้อยๆให้ผืนนภาได้แต่กระอักกระอวนทำตัวไม่ถูก

"มะ...ไม่ใช่ซะหน่อยพวกเขารับอาสาทำเองตะหากฉันบอกแล้วว่าจะให้คนอื่นปะ...."

"เอาเถอะครับวองโกเล่...ไม่จำเป็นต้องหาคำแก้ตัวซะให้ยากยังไงซะพวกผมก็ต้องคอยทำตามคำสั่งของคุณอยู่แล้วนี่ครับ"

"พูดอะไรของนายน่ะ...ฉันไม่เคยคิดว่าพวกนายเ็นคนอื่นเลยนะ"

"แล้วอะไรล่ะครับ?"

"เพื่อนไง!!...ทั้งนายทั้งเคนทั้งจิคุสะทั้งเอ็มเอ็มทั้งโคลมทุกๆคนก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันทั้งนั้น!!"

"คึหึหึ...เพื่อนงั้นเหรอครับฟังดูดีจังนะ"

ใบหน้าหล่อเหลาหยักยิ้มละมัยเสแสร้งเหมือนที่เคยทำเป็นประจำให้กับร่างเล็กจนอีกคนนึกเคืองในใจอย่างบอกไม่ถูแต่ถึงยังไงมันก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วทุกครั้งที่คุยกันแทนที่จะเริ่มชินแต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกหน่วงๆชอบกล

"เอาเถอะนายจะคิดยังไงก็ชั่งแต่ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่เคยคิดว่านายคือลูกน้องหรือผู้พิทักษ์บ้าบออะไรนั่นเลยแม้แต่วินาที"

"คึหึหึหึ...งั้นผมก็ขอตัวแล้วกันนะครับ...วองโกเล่"

ร่างสูงโปร่งผินกายเดินจากไปแล้วปล่อยให้ร่างเล็กยืนถอนหายใจอยู่ที่เดิมเมื่อดูเหมือนสิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อมันไปไม่เคยถึงสายหมอกคนนี้เลยทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าอีกคนเพียงแค่ไม่ยอมเปิดใจรับฟังก็เท่านั้น

"นายจะเคยเปิดใจรับฟังฉันบ้างมั้ยนะมุคุโร่"

ริมฝีปากบางบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกจากขอบสนามไปในเมื่อไม่เหลือใครสักคนอยู่ตรงนี้แล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้ถึงแม้ในใจจะอยากอยู่ก็ตามที...ขาเรียวเล็กก้าวออกไปช้าๆเมื่อไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางใหน...ใบหน้าน่ารักหันซ้ายทีขวาทีหาพวกแต่กลับไม่เจอเงาของใครสักคนทั้งโกคุเดระทั้งยามาโมโตะแล้วยังพวกที่ไปยื่นเอกสารอีก

"เจ้าห่วยสึนะยืนเซ่อทำอะไรอยู่ห๊ะ?"

"รีบอร์น!!...ดีใจจังเลยที่เจอนายคิดว่าจะไม่เจอใครซะแล้ว"

"แล้วเจอมุคุโร่กับฮิบาริรึยัง?"

"เจอมุคุโร่แล้วอยู่นั่นไง...แต่คุณฮิบาริยังไม่เจอเลย"

ใบหน้าน่ารักหันไปทางที่ใครอีกคนกำลังทดสอบอยู่ให้ทารกที่แข็งแกร่งที่สุดดูอย่างไม่ค่อยอยากจะหันไปสักเท่าไหร่เพราะกลัวว่า...

"อืมม....ฮิบาริน่าจะอยู่กับดีโน่ไม่ต้องห่วงไปหรอก"

"เอ๋!!......ไหงงั้นล่ะมีทดสอบไม่ใช่เหรอขนาดมุคุโร่ยังเข้าทดสอบเลยแล้วทำไมคุณฮิบาริถึง??....แล้วคุณดีโน่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กลับจากอเมริกาใต้แล้วงั้นเหรอทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยล่ะรีบอร์น??"

"ไม่ต้องไปสงสัยเรื่องของชาวบ้านสนใจเรื่องที่ซุกหัวนอนของตัวเองก่อนเถอะเจ้าห่วยสึนะ...ไปได้แล้ว!!"

"โอ้ยเจ็บนะรีบอร์นทำไมต้องถีบกันด้วยเล่า!!"

"โทษฐานที่แกเซ่อซ่าให้ชั้นต้องเสียเวลามาตาม"

"โธ่~~..ใจดำซะจริ๊ง!!"

ร่างเล็กเดินลูบหัวปอยๆตามหลังครูสอนพิเศษที่ได้ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดไปโดยไม่ได้รู้เลยว่ามีใครอีกคนกำลังจ้องมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับสายตา

"คึหึหึ...."

ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมามีเพียงสายตาที่ไม่สามารถอ่านได้ว่าเจ้าของของมันกำลังคิดอะไรอยู่เท่านั้น
.
.
.
.
.
.
.
"รุ่นพี่เบลเดินช้าๆหน่อยสิครับ Meเดินไม่ไหวแล้วนะ"

ร่างเล็กๆที่อายุเพึ่งจะย่างสิบสี่ของผู้พิทักษ์สายหมอกแห่งวาเรียบ่นอุ๊บเมื่อตัวเองต้องมากลายเป็นเบ้ยกกระเป๋าให้กับผู้พิทักษ์วายุเจ้าชายนักเชือดอย่างเบลเฟกอล...ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าหยิกไม่สมเป็นชายงอหงิกอย่างไม่เคยเป็น...เพราะถ้าหากใครมาเห็นรุ่นน้องใหม่แกะกล่องแห่งหน่วยลอบสังหารวาเวียตอนนี้แล้วล่ะก็พูดได้คำเดียวว่าน่าสงสารในเมื่อเจ้าตัวหอบหิ้วกึ่งลากกึ่งถูกระเป๋าใบใหญ่แทบจะเท่าตัวเองสองใบที่น้ำหนักมันแทบจะมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำแล้วที่น่าโมโหหนักไปกว่านั้นก็ไอ้รุ่นพี่ตัวร้ายมันกลับเดินประสานมือที่ท้ายทอยราวกับโดนจับเข้าแดนประหารก็ไม่ปานเดินตัวปลิวนำลิ่วอู่ห่างๆอย่างน่าหมั่นไส้...เห็นแบบนี้แล้วบอกตามตรงว่าอยากจะโยนไอ้กระเป๋าใหญ่ยักษ์นี่ลงเหวซะให้รู้แล้วรู้รอดเลยจริง

"แค่นี้ทำเป็นสำออยนะเจ้ากบ!!"

คนที่กำลังถูกกร่นด่าในใจยอมที่จะชะลอความเร็วลงเมื่อดูท่าว่าเจ้ารุ่นน้องน่ารักน่าถีบมันดูจะช้าลงมากจริงๆ...แต่ไม่ใช่เพราะสงสารมันหรอกนะ...ที่หยุดเพราะกลัวว่ามันจะนึกหมั่นไส้โดนกระเป๋าเขาทิ้งต่างหาก...ไม่ใช่อยากจะใส่ไฟด้วยแต่มันเคยทำมาแล้วจริงๆตอนไปทำภารกิจที่อังกฦษน่ะแถมโยนลงแม่น้ำอีกต่างหาก

"ก็แหม...ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ยัดอะไรใส่กระเป๋าบ้างน่ะสิครับหนักชิบแถมยังไอ้หมวกแปลกๆที่บังคับให้ใส่นี่อีก...ลำพังแค่ของMeมันำก็ไม่ไดัมีปัญหาหรอกนะแต่นี่ต้องแบกของรุ่นพี่ด้วยมันหนักน้าา"

"บ่นเป็นยายแก่น่ารำคาญ!!"

"ถ้ารำคาญก็ถือเองซะสิครับผมไม่ว่าอะไรหรอกน"

"พูดมากเจ้ากบ!...ก็ฉันเป็นเจ้าชายนี่!"

"ชิ...เจ้าชายตกกระป๋องล่ะสิไม่ว่า"

แน่นอนว่าประโยคนี้ร่างเล็กเรือนผมสีเขียวน้ำทะเลเพียงแค่คิดในใจถ้าขืนพูดออกไปสิมีดสั้นนับสิบได้ลอยมาเสียบกลางหลังแน่ๆ

"อาว~ล่ะถึงแระหอพักของพวกเรา...ชิชิชิ"

"หื๋อ!!"

ร่างเล็กที่เดินตามหลังมาถึงกับหยุดชะงักเมื่อมองเห็นบันไดตรงหน้า...อย่าบอกนะว่าไอ้รุ่นพี่บ้านี่จะพาเดินขึ้นบันไดน่ะ...ลิฟท์ล่ะ...ลิฟท์อยู่ที่ใหน??...

นัยน์ตาสีเดียวกับเรือนผมกวาดสายตามองหาช่องทางที่น่าจะมีลิฟท์แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบากเมื่อไม่มีช่องทางใดเลยที่จะบ่งบอกได้ว่าหอพักของที่นี่มีลิฟท์....งั้นก็แสดงว่า!!!!....

ตุ๊บบ!! ตุ๊บบ!!

"โอ้ยยรุ่นพี่ครับผมรู้สึกหน้ามืด...หายใจไม่ค่อยออก..."

กระเป๋าใบใหญ่สองใบกับสำภาระใบเล็กเป็นอันต้องระเห็ดลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกับร่างเล็กๆที่กำลังเซถลาทรงตัวไม่อยู่เดือดร้อนเจ้าชายจอมเชือดต้องรีบเข้าไปประคองเอาไว้แทบไม่ทัน

"เฮ้!! ฟรานเป็นอะไรของแกเนี้ย??"

"ผะ...ผม...หายใจไม่ออก...หน้ามืดเหมือนโลกมันกำลังหมุนแข่งกับตัวเองเลยรุ่นพี่ผม...."

พูดยังไม่ทันจะจบประโยคดีใบหน้าน่ารักน่าหยิกก็รีบหอบเอาออกซิเจนเข้าปอดซะยกใหญ่จนคนที่ตัวโตกว่าทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อนถึงแม้สีหน้าจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรแต่แววตาภายใต้เรือนผมสีทองที่ปรกอยู่ครึ่งหน้ากลับสั่นไหวน้อยๆอย่างที่ใครก็ไม่มีวันจะได้เห็น

"ชริ...เจ้าบ้าเพราะแกติดกระดุมจนถึงคอแบบนี้ไงเล่าแถมยังใส่เสื้อคอเต่ามาอีกร้อนจะตายชัก!!"

มือที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามมีดอาวุธประจำตัวรีบปลดกระดุมรอบเสื้อคลุมเครื่องแบบของหน่วยลอบสังหารออกเป็นพัลวันในตอนนี้ก็คิดได้แค่นี้แหละสำหรับเขาแล้ว

"ดีขึ้นมั้ย?"

"ครับ...นิดหน่อยแต่ผมคงแบกกระเป๋าไม่ไหวมือมันยังอ่อนแรงอยู่เลยครับรุ่นพี่เบล"

"รู้แล้วน่า...ใครจะให้แกแบกกัน" 

ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูขี้รำคาญนิดๆแต่ใครจะรู้ว่าคนอย่างเบลเฟ
กอลจะยอมให้ใครขี่หลังแถมยังหอบกระเป๋าอีรุงตุงนังเดินขึ้นบันไดกว่ายี่สิบขั้นแบบนี้เล่า...ทำเอาเจ้าคนจอมแผนการณ์บนหลังถึงกับหุบยิ้มเอาไว้แทบไม่มิด...เพราะถ้าขืนหลุดยิ้มออกมาตอนนี้มีหวังไปกลับไปหยอดน้ำข้าวต้มที่ปราสาทวาเรียแน่

สองแขนเรียวเล็กเคลื่อนเข้าไปโอบรอบคอของรุ่นพี่ขี้หงุดหงิดเอาไว้หลวมๆเพราะรู้ดีว่าถ้าหากแน่นไปกว่านี้มีหวังโดนสลัดลงไปกองอยู่ที่พื้นแน่...เพราะผู้พิทักษ์วายุของหน่วยลอบสังหารวาเรียไม่ชอบให้ใครๆมาแตะต้องตัวข้อนี้เขารู้ดีที่สุดเว้นซะแต่เจ้าตัวเองนั่นแหละที่ชอบกระโดดเข้าไปกอดรองหัวหน้าผมยาวคนนั้นด้วยท่าทางระริกระรี้จนน่าหมั่นไส้...จะว่าไปก็ยังมีอีกคนที่รุ่นพี่ขี้หงุดหงิดคนนี้สสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ...ผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกคนก่อนที่ชื่อมาม่อนสินะ...ดูจะสนิทกันมากจนกระทั่งหาหมวกรูปกบประหลาดๆใบนี้มาให้เขาใส่ให้เขาเป็นตัวแทนของคนที่ตายไปแล้วโดยไม่ถามความรู้สึกกันสักคำแถมยังบังคับว่าห้ามถอดอีก...อยากจะรู้จังว่าถ้าเขาถอดมันแล้วรุ่นพี่บ้านี่จะทำหน้าแบบใหนกันนะ...

พอคิดได้แบบนั้นแล้วสองแขนก็พาลจะหมดแรงจนไม่อยากจะโอบรอบคอของคนที่กำลังแบกตัวเองอยู่จนอีกคนรู้สึกได้

"เป็นอะไรไปเจ้ากบยังเวียนหัวอยู่รึไง?"

"ปละ...เปล่าครับรุ่นพี่.."

"ถ้างั้นก็เกาะแน่นๆสิเดี๋ยวก็ตกหรอกไม่เห็นรึไงว่ามือฉันไม่ว่างเนี้ย"

"ถ้างั้นให้ผมลงเดินเองก็ได้ครับ....ผมพอเดินไหว"

"ได้ไงเล่า...มันต้องขึ้นไปอีกตั้งสองชั้นเชียวนะ...ถ้าแกล้มกลิ้งลงมาฉันก็แย่สิ"
ได้ยินแบบนี้ทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกเหมือนเจอสิ่งมหัสจรรย์ของโลกเลยก็ว่าได้หายากมากสำหรับคำพูดคำจาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นแบบนี้แต่รุ่นพี่บ้าเลือดคนนี้กลับมีให้กับเขา

"รุ่นพี่เป็นห่วงผมด้วยเหรอครับเนี้ย...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆนะ"

พูดลอยๆออกมาไปอย่างนั้นแต่ปฏิกิริยาตอบรับนี่สิ!!

"พูดมาก!!...น่ารำคาญเกาะเอาไว้ให้แน่นๆก็พอ!!"

สองแขนผอมบางกระชับให้แน่นขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งซบใบหน้าลงไปที่หัวไหล่แข็งแกร่งที่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้บึกบึนอย่างชายชาตรีแต่ก็กว้างพอที่จะพักพิงได้และถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่คำสั่งที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ก็ตามแต่ในใจลึกๆแล้วเขาก็อยากจะทำแบบนี้มานานมากแล้วล่ะ...

โดยไม่ได้รู้เลยว่าอีกคนกำลังลอบยิ้มบางๆอยู่หลายวินาทีก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นปรกติ...เกาะแน่นๆนะเจ้ากบ...

ถ้าหากใจของพวกเขาสื่อถึงกันอีกแค่นิดเดียว...อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น..
.
.
.
.
.
.
.
       
ร่างบอบางเกินกว่าจะเป็นชายได้ทอดกายลงนอนบนดาดฟ้าของโรงรียนมาเฟียแห่งนี้ราวกับว่ามันเป็นโรงเรียนนามิโมริที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใดแต่ทุกครั้งในยามหลับตาใบหน้าของใครบางคนกลับลอยเข้ามาในมโนคิดให้ได้หงุดหงิดเล่น...ใบหน้าของครูสอนพิเศษคนนั้นที่หายหัวไปเกือบครึ่งปีเพราะคำว่าภารกิจของบอสมาเฟีย...ป่านนี้จะไปอยู่ที่ซีกโลกใหนแล้วก็ไม่รู้...คนใจดำพรรค์นั้นหายไปจากชีวิตเขาโดยไม่มีการส่งข่าวคราวมาบอกกันสักคำผิดกับคำพูดก่อนที่จะจากไปลิบลับ

"ฉันชอบนายมากนะเคียวยะไม่ใช่แบบเพื่อนหรือแบบศิษย์กับอาจารย์แต่เป็นแบบคนรัก...ได้โปรดรอฉัน..นายไม่จำเป็นต้องตอบรับหรือปฏิเสธฉันตอนนี้หรอกนะ...หลังจากกลับมาจากอเมริกาใต้ฉันจะมาเอาคำตอบจากนาย"

ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในหัวมาตลอดครึ่งปีทำยังไงก็ไม่สามารถลบมันออกไปจากหัวสมองได้...มันเป็นความทรงจำที่น่ารำคาญและน่าหงุดหงิดเสียจนอยากจะขย้ำเจ้าของคำพูดให้ตายๆไปซะให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ!!

"คุณมันคนน่ารำคาญ...ม้าพยศ...ผมเกลียดคุณ"

"ว้า~~...ชั้นเสียใจจนอยากจะร้องไห้จริงๆนะที่นายพูดแบบนั้นน่ะ...เคียวยะ"

"หื๋มม์!!?"

น้ำเสียงคุ้นเคยที่ทุ้มเข้มขึ้นมาเล็กน้อยทำเอาร่างบางรีบเด้งตัวเองลุกขึ้นอยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้...สองมือบางกระชับทอนฟาอาวุธคู่กายมั่นทั้งยังจ้องเขม็งไปที่ร่างที่ยืนยิ้มกวนประสาทพิงขอบประตูจนใบหน้าเรียวสวยชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่หัวใจนี่สิกลับเต้นระรัวอย่างน่าประหลาดใจไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือหรืออะไรกันแน่

"มาสู้กัน!!"

"ไม่เอาน่าเคียวยะ...ชั้นอุตส่าห์ตรงดิ่งมาหานายก่อนเลยนะวันนี้ขอคุยกันดีๆก่อนไม่ได้รึไงเอาไว้พรุ่งนี้จะสู้ด้วยก็แล้วกันนะ"

"ไม่!!...ต้องสู้เดี๋ยวนี้!!"

"โอ๊ะ!!..."

เพราะร่างบอบบางพุ่งตัวเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาคนที่กำลังก้าวเข้าไปหาเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน!!...แต่ถึงกระนั้นมือหนากลับตวัดแส้ไปรวบร่างทั้งร่างของลูกศิษย์สุดรักเอาไว้ได้ก่อนจะออกแรงกระชากให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองได้อย่างไม่ยากลำบากนัก...ก็แหมเขาเป็นถึงคนสอนการต่อสู้ให้เจ้าของร่างบางนี้นี่นา...ถ้าแพ้ทางลูกศิษย์ก็เสียฟอร์มแย่น่ะสิ

"ก็บอกแล้วไงว่าเอาไว้วันหลังน่ะหืม..ผ่านไปครึ่งปีนายก็ยังใจร้อนไม่เปลี่ยนไปเลยนะเคียวยะ"

จบประโยคริมฝีปากอุ่นๆก็แนบชิดฝังลงไปบนแก้มใสๆให้เจ้าของของมันถึงกับร่างกายแข็งทื่ออยู่หลายวินาทีกว่าจะรวบรวมสติให้กลับมาอยู่กับตัวได้

"คุณทำบ้าอะไรน่ะ!!??"

"ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ"

ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลอะไรเลยเมื่อทั้งแส้และอ้อมแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายยังคงรัดแน่นเหมือนเดิมและมีแต่จะรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆซะมากกว่าจะยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระเขาจึงจำใจต้องยอมอยู่นิ่งๆเป็นหุ่นให้ร่างสูงใหญ่กอดรัดฟัดเหวี่ยงไปตามประสาแต่คำที่น่าโมโหมากที่สุดก็คือ....

"ชั้นคิดถึงนายทุกลมหายใจเลยเคียวยะ....ขออยู่แบบนี้ไปอีกสักพักนะ"

"โกหก!...คำพูดกับการกระทำของคุณมันสวนทางกันชัดๆ...เลิกพูดจาน้ำเน่าได้แล้วมันเลี้ยน"

"ที่ชั้นไม่ยอมติดต่อกลับมาหานายน่ะเหรอ...โกรธเรื่องนี้อยู่ใช่มั้ย?"

"ผมไม่ได้โกรธ"

"นั่นก็เพราะชั้นอยากจะเปิดโอกาสให้นายได้คิดอย่างอิสระต่างหากล่ะ...ชั้นแค่อยากจะฟังคำตอบจากใจจริงๆของนายไม่ใช่เพราะการที่ชั้นสร้างภาพ"

"ชั้นแค่อยากรู้ว่าระหว่างที่เราไม่ได้ติดต่อกันหรือเจอหน้ากันนายคิดถึงชั้นบ้างรึเปล่าอยากได้ยินเสียงของชั้นบ้างมั้ย...เหมือนที่ชั้นเป็น...และที่สำคัญ...นายชอบชั้นบ้างรึเปล่า...เคียวยะ?"

"ไม่เลยสักนิด...ผมไม่เคยคิดถึงคุณ!"

"ฮะฮะฮะ...งั้นเองหรอกเหรอเนี้ยชั้นนี่แย่จังชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อยเลย"

ร่างสูงใหญ่ได้แต่หัวเราะแก้เก้อให้กับคนปากแข็งทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะคิดถึงเขาอยู่หยกๆแต่ยังไม่ยอมปริปากพูดออกมา...แล้วไอ้ที่ยอมให้เขากอดให้เขาหอมแก้มอยู่นี่หล่ะเรียกว่าอะไรแส้เขาก็คลายออกให้ได้สึกพักแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังนิ่งยืนตัวอ่อนอยู่แบบนี้ทั้งๆที่มันไม่ใช่นิสัยของนาย....มันเพียงพอที่จะทำให้ชั้นคิดเข้าข้างตัวเองได้แล้วนะ...เคียวยะ!..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โครมม!!!

เพล้งงง!!!

"อ๊ากกก!!!!"

เสียงโคมครามผสมผสานไปกับเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจนถึงหน้าปราสาททำเอาใบหน้าเรียวสวยของรองหัวหน้าหน่วยลอบสังหารถึงกับถอนหายใจอย่างเอือมๆเพราะมันใช่ว่าจะมีศัตรูที่ใหนบุกมาแต่นั่นน่ะมัน...ฝีมือบอสของเขาเองต่างหาก..คงจะมีใครไปกระตุกต่อมไม่พอใจเส้นใหนสักเส้นที่ระโยงระยางไปทั่วปราสาทเป็นแน่

"จอดให้ฉันที่หน้าปราสาทก็แล้วกัน"

ริมฝีปากเรียวได้รูปเอ่ยสั่งคนขับรถให้ไปอีกที่หนึ่งแทนที่จะไปที่ตึกฝั่งขวาของตัวเองเพราะดูท่าว่าหากเขาไม่รีบไปคงจะต้องทำเรื่องเบิกงบส่วนกลางมาซ่อมแซมปราสาทอีกเป็นแน่และเขาก็ไม่อยากจะทำด้วยเพราะไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรเขียนในรายงานนั่นดีจะบอกว่าพวกศัตรูบุกก็ไม่ได้ซะด้วยสิ...เพราะไม่มีใครหน้าใหนกล้าย่างกลายเข้ามาใกล้ที่นี่ซะด้วย

"ครับท่านสควอโล่!!"

โครมม!!!

"อ๊ากกก!!!"

สองขาเรียวยาวก้าวฉับๆไปตามทิศทางของเสียงจนเส้นๆไหมสีเงินยาวยวงสะบัดพลิ้วไหวชวนมองอย่างน่าประหลาดแต่ถึงกระนั้นแล้วกลับไม่มีใครกล้าที่จะมองให้เต็มตาเลยสักครั้งเว้นซะแต่ว่าบอสใหญ่ของพวกเขาจะไม่อยู่ที่ปราสาทเท่านั้นแหละเพราะเป็นที่รู้ๆกันให้หมู่เหล่าลูกน้องว่ารองหัวหน้าคนสวยของพวกเขาเป็นสิ่งต้องห้ามของที่นี่จะมีก็แต่เจ้าตัวเท่านั้นแหละที่ไม่เคยจะรู้ตัวเอง...ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายสองขาก็ยิ่งก้าวให้เร็วยิ่งขึ้นโดยที่อ้อมแขนยังหอบแฟ้มเอกสารมากมายติดมือไปด้วยเพราะไม่มีเวลาที่จะแวะเอามันขึ้นไปเก็บ

"บอส!!...ฉันกลับมาแล้ว!!"

เพล้ง!!!

จบประโยคแก้ววิสกี้ก็ลอยมาให้เจ้าตัวเบี่ยงหลบจนมันปลิวว่อนไปปะทะกับผนังห้องจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

"ช้าชะมัด!!...ไอ้สวะ!"

"เออ...ขอโทษก็แล้วกันก็งานมันยุ่งนี่หว่า"

ดูเหมือนคลื่นสึนามิที่กำลังบ้าคลั่งถล่มจนเหล่าลูกน้องราบเป็นหน้ากลองเมื่อไม่กี้นาทีที่ผ่านมาจะสงบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเจ้าของนัยน์ตาสีโกเมนจ้องมองตามแผ่นหลังบางที่กำลังสาระวนอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นให้ตนใหม่โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้บอก...ริมฝีปากคมหยักยิ้มน้อยๆให้กับตัวเองที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่อาจละสายตาจากร่างโปร่งบางนี้ได้...ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าเรียวสวยรับกับเส้นไหมสีเงินยาวยวงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันได้ตัดมันออกหรือแม้แต่รูปร่างที่บางกว่าชายหลายเท่าที่เดินกระแทกเท้าปึงๆพร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ฟังยังไงก็ไม่รู้เบื่อหรือรำคาญเลยสักครั้งแต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว

"โว้ยยย!!...บอสถ้าวันใหนฉันกลับช้าฉันจะสั่งอาหารที่โรงแรมมาให้ก็แล้วกัน"

"ไม่เอา...แกก็กลับมาให้ทันซิวะ..ไอ้ฉลามสวะ!"

"โธ่ว้อยย!!...ก็งานมันยุ่งเลิกเอาแต่ใจสักทีไอ้บอสงี่เง่าแกก็เห็นว่าเบลกับฟรานมันติดเรียนลูซซูเรียกับเลวี่ก็ติดงานที่ญี่ปุ่น...ฉันแยกร่างไม่ได้นะว้อยหัดเข้าใจกันซะมั่ง"

"ไม่สน...ถ้าวันใหนแกไม่กลับมาทำก็เตรียมตัวซ่อมปราสาทใหม่ได้เลย"

"แซนซัส!!"

ใบหน้าเรียวสวยสะบัดออกมาจากหน้าเตาอย่างนึกเคืองแต่พอสบเข้ากับดวงตาสีโกเมนแล้วก็ต้องให้เสมองกลับมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อคำสาบานที่เคยให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนมันย้อนกลับมาให้ต้องเงียบลงอีกครั้ง

"จะพยายามก็แล้วกัน...แต่แกต้องหัดใจเย็นลงบ้างสิลูกน้องมันกลัวหัวหดกันหมดแล้วเดี๋ยวก็ไม่เหลือใครคอยทำงานให้กันพอดี"

"แค่แกคนเดียวก็พอแล้วไอ้สวะ...ไม่จำเป็นต้องหาใครมาอีกทั้งนั้น"

คำพูดที่ถึงแม้จะฟังดูแค่ส่งๆแต่มันกลับทำให้มือบางที่กำลังจัดจานถึงกับหยุดชะงักก่อนที่ริมฝีปากเรียวได้รูปจะเผลอคลี่ยิ้มอย่างลืมตัวและไม่รู้ว่าเพราะความร้อนที่หน้าเตาหรืออะไรก็มิอาจทราบแก้มใสๆถึงได้ร้อนผ่าวขึ้นสีระเรื่อชวนมองยิ่งนัก...แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าอีกคนตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นจริงๆ..และตั้งใจแบบนั้นเช่นกัน...ต่อให้เขาไม่เหลือใครอยู่ข้างกายแล้วก็ตามแต่หนึ่งเดียวที่เขาจะไม่ยอมเสียไปคือพิรุณสีเลือดคนนี้เท่านั้น!..ไม่ว่าเจ้าตัวจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม!!

"เอ้า!!..เดี๋ยวฉันจะเอาเอกสารขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะให้ก่อนก็แล้วกันแล้วจะรีบลงมา"

ร่างโปร่งบางวางจานสเต็กเนื้อที่บอสใหญ่แห่งวาเรียโปรดปรานลงตรงหน้าก่อนจะตวัดกายเดินไปแต่ยังไม่ทันจะก้าวขาข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้ซะก่อนด้วยมือที่ใหญ่กว่ามากจนเจ้าตัวต้องหันควับมามอง

"จัดการธุระส่วนตัวเสร็จหมดแล้วไปสรุปภารกิจวันนี้ให้ชั้นฟังที่ห้อง"

"....แซนซัส!....เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันวันนี้ฉันเหนื่อย"

เพราะเข้าใจและรู้ว่าอีกคนกำลังหมายถึงอะไรถึงได้หาเรื่องบ่ายเบี่ยงทั้งๆที่เลี่ยงมาได้ตลอดแต่ดูเหมือนว่าวันนี้มันจะเลี่ยงไม่พ้นซะแล้วเมื่อข้อมือถูกบีบแน่นซะจนรู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า

"ไม่!!...ต้องคืนนี้เท่านั้น!!"

"บอส!!!...ฉันเจ็บถ้าแกอยากจะทำเรื่องแบบนั้นฉันจะเรียกผู้หญิงมาให้ปล่อยฉันเถอะ!"

"ทำไมแกต้องหาทางเลี่ยงชั้นไอ้ฉลามสวะ?...แกกลัวอะไร?"

"เปล่าซะหน่อยแต่แกก็รู้นี่บอสว่ามันไม่ถูกต้องน่ะ"


"ตามใจแต่อย่าหวังว่าแกจะเลี่ยงได้ตลอดแต่ยังไม่ต้องขึ้นไปรอชั้นอยู่ที่นี่แหละ!!"

มือหนายอมปล่อยข้อมือบางในที่สุดแต่กลับไม่ยอมให้เจ้าตัวหนีไปใหนได้จึงจำใจต้องนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆถึงจะรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างแต่ก็ใช่ว่าจะรอดตัวไปได้ซะทีเดียว...เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนคนนี้จะเป็นแบบนี้ขึ้นมาอีก...ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะอะไรหรือแค่สนองความอยากของตัวเองหากเป็นแบบนั้นก็แค่หาผู้หญิงสวยๆหุ่นเพอร์เฟคสักคนก็น่าจะพอแล้วแต่นี่มันนานเท่าไหร่แล้วที่บอสจอมขี้โมโหของเขาไม่เคยเรียกผู้หญิงหน้าใหนมาที่ปราสาท...นานจนเกือบลืมไปแล้วจริงๆ..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Tobecontinue.........




แต่นแตนแต๊นนนนน!!!!!

เปิดเรื่องใหม่ฉลองบล็อคที่เกือบจะมลายหายไปของ isayaa!!!!!

ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!!...อะแฮ่มม!!!!!คือจริงๆแล้วเรื่องนี้มันเกิดจากความคิดชั่ววูบของข้าพเจ้าระหว่างที่มาเทรนงานอยู่ที่หลวงพระบางเจ๊าา!!!แต่จริงๆแล้วต้องไปต่อที่กัมพูชาด้วยนะเออหลังจากเสร็จจากลาวแล้ว
///มันก็คล้ายๆกับจะเปิดแผนงานใหมต้อนรับเออีซีปี58ล่ะมั้งนะแต่ที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงได้หนีบเอาข้าพกเจ้ามาด้วยก็ม่ายยรู้!!!!////
แถมยังทำงานวันละสิบห้าชั่วโมงอีกโอ้มายก๊อตตตต!!!!
เหนื่อยสายตัวแทบขาดจริงๆ
//ตอนแรกไม่อยากจะคุยเลยว่า isayaa ลัลล้ามากกแต่พอมาเจอแบบเน้เล่นเอาตรูแทบช๊อคซีเนม่า!!!!///
ประมาณว่ามันแทบจะไม่มเเวลาพักหายใจเลยอ่ะนะเพราะขนาดตอนเบรคพักเที่ยงยังมีน้องที่ต้องเทรนงานมานั่งขนาบข้างหน้าสลอนเลย
//ไม่ได้รำคาญอะไรน้องเขาหรอกนะค่ะแต่ว่า isayaa น่ะก็เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เลยพอไม่เข้าใจอะไรที่น้องเขาถามก็ต้องเมล์กลับมาถามรุ่นพี่ที่อยู่กรุงเทพอีกที///
มันก็เลยดูติดๆขัดๆไปซะหมด
8//ลืมบอกว่าเราคุยภาษาอิงลิชอิสฟันกันอ่ะนะแต่อีตอนเมล์ isayaa ก็ล่อซะภาษาบ้านเกิดมันก็เลยต้องกลายเป็นอธิบายสองชั้น//

แทนที่จะเมล์เป็นอิงลิชให้น้องเขาอ่านเอง
//แหม่ตรูนโคตะระฉลาดเลยง้อยยยย!!!!///

มาคิดได้ก็อิตอนวันสุดท้ายแล้วอ่ะค่ะ
//คุณผู้จัดการสุดที่รักมันบอกตรูว่า...ให้เอื้อมเมล์มาเป็นภาษาอิงลิชก็ได้นี่...แหม่เล่นเอาตรูอยากจะชกหน้ามันจริงจริ๊ง!!!///

อันนี้ล้อเล่นอ่ะนะ...ใครจะกล้าไปด่าผู้จัดการตัวเองแบบนั้นฮ่ะฮ่ะ
//เมงนั่นแหง่ะว๊ากกกก!!!!///
อย่าพูดไปอย่าพูดไปเดี๋ยวโดนเด้งยังไม่ผ่านโปรเลยนะเอง!!!
//คือจะสื่อว่าทำไมคุณผู้จัดการถึงมาพูดเอาตอนวันสุดท้ายแบบนี้ค่ะปล่อยให้ตรูงมอยู่เป็นอาทิตย์ๆแต่ก็ขอบคุณล่ะนะจะจำเอาไปใช้กับสาขาย่อยที่กัมโบเดียต่อก็แล้วกัน

แต่ที่น่าประทับใจก็มีนะค๊ะ!!
คือว่าน้องๆที่นค่น่ารักม๊ากกก
///โคตะระเอาใจใส่เทรนเนอร์บ้าบอๆอย่างเราจริงจริ๊ง!!!
คือเค้ากลัวเราจะทานอาหารบ้านเค้าไม่ได้น่ะแล้วก็พากันไปสรรหาอาหารไทยมาให้เราด้วย!!!
//หารู้ไม่ว่าตรูน่ะนักเปิบไร้เทียมทานเชียวนะ///

ก็ว่าไป๊...เพราะจริงๆแล้วน่ะ isayaa ก็เป็นพวกเลือแ...กนั่นแหละค่ะแต่หน้าตาอาหารที่นี่ก็ดูน่าทานด้วยแหละแถมที่โรงแรมที่พักเราก็เลือกสั่งเองได้แต่ดูเหมือนน้องๆเขาจะเป็นห่วงเราเกินเหตุแหละแต่อย่าง isayaa น่ะขอแค่มีเซเว่นอินี่ก็รอดตายแล้วล่ะค่ะ
เมนูโปรดก็ข้าวผัดสารพัดกะบิ้กไบร์มันก็อยู่ได้เป็นเดือนๆแล้ว
//เซเว่นที่นี่มีข้าวผัดของ...ที่บ้านเราขายด้วยนะเออ//
แตก็แย่างว่าแหละพอมีคนมาเทคแคร์หน่อยตรูกก็ปลื้มจนตายได้แล้วววววว!!!!
ฮะฮ่ะฮ่ะ!!!!...พอๆๆๆๆ...มาเข้าเรื่องฟิคเรื่องนี้กันดีกว่า!!!

แรบันดาลใจของเรื่องนี้ก็มาจากหนังเรื่องหนึ่ง//อีกแล้วล่ะค่ะ//นอนๆดูไปดูมามันก็สะกิดต่อมอยากจะแต่งขึ้นมาเอาซะดื้อๆแต่ไม่ได้เอาเนื้อเรื่องของเขามาหรอกนะค่ะที่เหลือตรูจิ้นเองหมด

คือว่ามันจะแสดงให้เห็นด้านมืดของจิตใจคนเราเวลาที่หลงหรือรักอะไรมากๆ...รักขนาดที่ว่ายอมทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อคนคนนั้น
ประมาณนี้แหละและเริ่มตเนด้วย KHR Project!!!!

ห้าคู่แต่สไตล์มันก็จะคล้ายๆกันรักคู่ใหนชอบคู่ใหนก็เลือกอ่านเอานะค่ะ
///ถึง intrlo จะขึ้นมาทั้งห้าคู่แต่ต่อไปจะแต่งไปทีละพาร์ทๆหรือทีละคู่ๆนั่นแหละแต่ประมาณว่าจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนของพวกเขามันมากจากที่เดียวกันและประเดิมคู่แรกด้วย8059!!!! คู่ในดวงใจก่อนเลยแล้วตามด้วย!!!...
จริงๆแล้ว isayaa ทั้งรักทั้งหลงห้าคู่นี้มากๆเลยนะขอบอกแต่ที่ไม่ได้เอาอีกสองคู่มาแต่ง// XS,B26// นั่นก็เพราะกำลัคิดโปรเจคให้กับเหล่าวาเรียอยู่นั่นเองอย่างแซนซัสกะสควอโล่นี่ยังพอจะไปโผล่กับชาวบ้านเค้ามั่งแต่เบลเฟกอลกะฟรานนี้ไม่ใช่ไม่รักแต่เป็นเพราะ  isayaa เองนั่นแหละน้าาา...อย่าน้อยใจๆไปนะค่ะเบลฟรานยังไงเราก็ยังรักทั้งคู่เหมือนคู่อื่นๆนั่นแหละจ๊าาาา!!!

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ....
จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้มันจะเป็นแนวที่นายเอก(นางเอก)มันหลงรักพระเอกอย่างหัวปักหัวปำและทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่าทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวพันกะพระเอกของเรื่องแม้กระทั่งพ่อแม่ของเค้าเธอก็ไม่ละเว้นเลยทีเดียว...จริงๆแล้วมันก็ออกแนวโรคจิตหนักๆเลนล่ะแต่ isayaa ขอยืมแค่ด้านมืดนิดๆหน่อยๆของเธอคนนั้นมาใช้แต่รับรองได้ว่ามันจะไม่เป็นจิตขนาดนั้นชัวร์!!!!
//พอดูเป็นพวกโอตาคุหนังฝรั่งอ่ะนะข้าพเจ้าก็แอบจอตๆแบบนี้แหละค่ะเพราะชาวบ้านเขาหาแรงบันดาลใจจากเพลงกันแต่ข้าพเจ้ามันเวิ่นไปทั่ว...เพลงก็มีนะที่เป็นแรงบันดาลใจน่ะแต่ที่ฟังส่วนใหญ่มันก็มีแต่แนวชีช้ำกะะหล่ำปลีซ้าาแถมหนังก็มีแต่แนวบู้ล้างผานกะแนวโรคจิตหนักๆทั้งนั้นมันก็เลยเป็นการยากมากที่จะแต่งอะไรมุ้งมิ้งงุงงิงเหมือนชาวบ้านชาวช่องคนปรกติเค้าแต่งกัน

ยังไงซะนักอ่านทุกคนรบกวนทำใจเอาไว้ด้วยนะค่ะหากจะยังติดตามผลงานของ  isayaaเพราะบางทีมันอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่คนอ่านคาดหวังสักเท่าไหร่.

ไม่ได้หมายความว่าอย่าเข้ามาอ่านอะไรแบบนั้นนะค่ะอย่าเข้าใจผิด!!!!
แต่ขอแค่เตรียมใจนิดๆหน่อยๆแค่นั้นแหละค่ะอยากจะติอยากจะชม isayaa ก็น้อมรับเสมอค่ะแต่ขอแค่มีคนเข้ามาอ่านบทความของ isayaa มันก็ตัวลอยแล้ววววจริงๆนะไม่ได้เยินยออะไรทั้งนั้นแต่แค่เห็นยอดวิววมันก็ภูมิใจและมีกำลังใจแต่งต่อจริงๆ

เฮ้ยย!!!...ทำไมวันนี้ตรูพล่ามยาวขนาดนี้ฟ๊ะ!!!!

กรุณาอย่าถือสาไม่อยากฟังมันพล่ามก็ข้ามไปอ่านตอนต่อไปโล้ดค๊ะ!!!!



Bye-bbbbb!!!!!!!














2 ความคิดเห็น:

  1. โปรเจคนี้หลายคู่ดีเน้อะคะอิซายะจัง.....เหอะๆๆๆๆ
    แต่เอาให้จบทุกคู่นะเออรออ่านอยู่เน้อ

    ตอบลบ
  2. แจ่มอ่ะ!!!รอๆ

    ตอบลบ