26 ส.ค. 2557

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 07 End.

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.
(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 07 End.


:Fanfiction Attack on titan

:Drama Incent


:NC-18+



คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ












ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครทิ้งตัวลงนั่งที่ระเบียงห้องที่เคยมีโต๊ะทานข้าวอยู่แต่ตอนนี้มันกลับไม่เหลือข้าวของใดๆแล้วสักชิ้น...มีเพียงความว่างเปล่าไม่ใช่แค่โต๊ะทานข้าวแต่เป็นทุกๆอย่าง...ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างแม้แต่กระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆหรือแม้แต่ไม้จิ้มฟันถูกเก็บไปทำลายทิ้งทั้งหมดด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียว...เพื่อความปลอดภัยของรัฐ...หึอย่ามาพูดให้ขำ...ป่านนี้แล้วยังจะเอาอะไรกับเขาอีก...ป่านนี้แล้วมันไม่มีอะไรจะให้สูญเสียแล้วในเมื่อเขาไม่เหลืออะไรแล้วแม้แต่"หัวใจ"ดวงเดียวที่เขามีมันยังสูญสลายไปด้วยน้ำมือของเขาเอง...ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะร้องไห้คร่ำครวญให้กับใครสักคนได้มากขนาดนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไปมันจะเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้...เพราะทั้งชีวิตไม่เคยมีใครเป็นแค่เด็กจรจัดที่กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดมาโดยตลอดเพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาเขาฆ่าคนมาแล้วจนนับไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยต้องเสียน้ำตาหรือทรมานมากมายแบบนี้...ไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าคนพวกนั้นจะมีใครรออยู่เบื้องหลังบ้างหากเป็นพวกที่ทำผิดเขาไม่เคยลังเลเลยที่จะเหนี่ยวไกแต่คราวนี้...




แผ่นหลังที่ไม่ได้กว้างใหญ่เอนพิงขอบประตูอย่างอ่อนล้าก่อนที่สายตาจะทอดยาวออกไปไกลอย่างไร้ที่สิ้นสุด...แสงสีส้มของยามใกล้พลบค่ำทำให้เปลือกตาเลื่อนปิดลงมาอย่างช่วยไม่ได้...เหนื่อยเหลือเกิน...ทั้งกายและใจของเขามันชักจะฝืนทำงานแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ...บางทีมันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องหยุดพักสักที...หยุดในตอนที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันสายไป

"หึ....."

ได้แต่เค้นหัวเราะสมเพชตัวเองอย่างไร้คำแก้ตัว...ในเมื่อต่อจากนี้ไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง.ก็ใช่ว่าจะไม่เคยแต่กลับไม่รู้ว่ามันจะทำได้อีกรึเปล่าต่างหาก..ในเมื่อมันเคยชินกับการที่มีใครสักคนเฝ้ารอและคอยส่งรอยยิ้มสดใสให้มาเกือบสามปีถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของคนคนหนึ่งแต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกันแล้วล่ะก็...ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดแต่...มันก็เป็นช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน...หรือว่านี่มันอาจจะเป็นบทลงโทษากพระผู้เป็นเจ้า..เป็นบทลงโทษที่เขาคร่าชีวิตคนอื่นมาเกือบทั้งชีวิต...ถึงได้ขีดเส้นให้เขาเดินทางสายที่ไร้ที่สิ้นสุดจนกว่าชีวิตนี้จะหมอดไหม้ไปเพียงลำพัง...บางทีเขาน่าจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครตั้งแต่ต้นมันน่าจะดีกว่า...

"อยู่นี่จริงๆด้วย...ฉันมีข่าวมาบอกขึ้นอยู่กับนายล่ะนะว่าจะไปด้วยกันรึเปล่า"

เสียงทุ้มที่ฟังดูสบายๆเหมือนทั้งชีวิตนี้ไม่เคยพบเจอกับตวามทุกข์แบบนี้ไม่ต้องลืมตาดูก็รู้ว่าเป็นใค

"...พูดมา"

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตาจนผู้ที่มาใหม่ถึงกับหลุดยิ้มบางๆถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกกาลเทสะหรือถูกจังหวะในตอนนี้แต่มันก็หายากที่คนที่จริงจังกับงานมาทั้งชีวิตทำเหมือนไม่อยากรับรู้หรือรับฟังอะไรอีกอย่างคู่หูเขาคนนี้

"กู้ข้อมูลมือถือของนายได้แล้ว....อยากดูมั้ย?"

"มันไม่จำเป็นสำหรับชั้นอีกแล้ว"

"แล้วถ้าฉันบอกว่าศพของเอเลนหายไปล่ะสนใจรึเปล่า?"

นัยน์ตาคู่คมเปิดขึ้นแทบจะทันทีที่จบระโยคแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรอีกร่างสูงใหญ่ก็ชิงพูดขึ้นซะก่อน

"าดว่าน่าจะเป็นฝีมือของมิสเตอร์Kแถมเค้ายังเป็นพ่อแท้ๆของเอเลนด้วยนะอีกอย่างเรารู้แหล่งกบดานของมันแล้วด้วย....เส้นผมบังภูเขาชัดๆนาย..."

"ฮ้ยรีไวล์!!!"

พูดยังไม่ทันจะจบประโยคเอกสารในมือก็ถูกอีกคนแย่งไปแล้วสาวเท้ายาวๆออกจากห้องไปทันทีกว่าจะตั้งสติและวิ่งตามออกไปได้ก็หลายวินาทีพอสมควร
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Jeep Grand Cherokee สีดำสนิทพุ่งวออกไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อมุ่งหน้าไปหาตัวการใหญ่ของเรื่องทั้งๆที่หัวสมองตอนนี้กำลังสับสนขึ้นมาอีกครั้ง...พ่องั้นเหรอ??...ไอ้จอมวายร้ายที่คอยบงการทุกอย่างเป็นพ่อแท้ๆของเจ้าเด็กเหลือของั้นเหรอ??...แล้วทำไมถึงสั่งให้ลูกชายของตัวเองทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ?...ผู้ชายคนนั้นยังมความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่รึเปล่า?...

ทุกคำถามปะเดปะดังเข้ามาเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุดและทางเดียวที่จะไขทุกข้อข้องใจนี้ได้!!!...

"เราจะไปทั้งๆที่ยังไม่เรียกกองกำลังเสริมแบบนี้ไม่ได้นะ!!"

"ชั้นไม่เคยเรียกกองกำลังเสริม...นายน่าจะรู้"

"เฮ้อ!!...นายนี่มันเกินเยียวยาแล้วเพื่อน"

เมื่อรู้ดีว่าพูดอะไรไปมันก็ไม่ได้ทำให้คู่หูร่างสันทัดเปลี่ยนใจได้จึงตัดสินใจกดมือถือขอกำลังเสริมเองทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่นิสัยสายลับอย่างพวกเขาแต่กองกำลังที่ตั้งป้อมรออยู่มันก็ยากที่จะจัดการได้ด้วยกำลังของคนเพียงสองคนและถึงจะจัดการได้มันก็จะมีช่องว่างให้เป้าหมายหลบหนีไปได้อยู่ดี...การมีหูตาเป็นสับปะรดไว้มันจึงดีที่สุด





เอี๊ยดดดดด!!!

เสียงเหยียบเบรคดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณหน้าทางเข้าไปยังจุดหมายในเขตชิกันชิน่าที่ใช่ว่าจะ้เป็นเมืองหรูหราแต่ตรงกันข้ามแบบสุดกู่ก็ว่าได้ในเมื่อที่นี่มีเพียงบ้านไม้เก่าๆอัดกันอนู่ทุกตารางนิ้วแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจแทบไม่ต่างอะไรกับสลัมแต่มันกลับดูเป็นระเบียบกว่าเล็กน้อยเพราะคนที่นี่มีอันจะกินกว่านิดหน่อยนั่นเอง...ไม่ต้องสงสัยว่าเงินทุนที่หมุนเวียนในเมืองนี้ก็มาจากไอ้วาบร้ายนั่นไม่ผิดแน่โดยไม่กลัวเลยว่าจะมีใครรู้ตัวแล้วหลบหนีไปเพราะตามสันชาติญาณของเขามันบอกว่าผู้ชายคนนั้นจะรอเขาจะไม่หนีไปใหนจะยังรอเพื่อตอบทุกคำถามที่เขาข้องใจให้กระจ่าง


ปัง ปัง ปัง!!!!!!

เสียงทักทายที่ไม่ผิดคาดนักดังขึ้นทันทีที่พวกเขาก้าวพ้นประตูรถและไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใจปืนพกคู่ใจก็สาดกระสุนตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง...ไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น!!!

"ห้องใต้ดิน!!!"

ร่างสูงใหญ่ตะโกนบอกทั้งๆที่ยังสาดกระสุนตอบโต้ให้ชายหนุ่มรีบมุ่งหน้าไปก่อน

ปัง!!!!

แม่กุณแจที่คล้องอยู่กระเด็นกระดอนไปไกลด้วยแรงกระสุนก่อนที่ฝ่าเท้าหนักหน่วงจะกระทืบซ้ำอีกครั้งจนบานประตูปลิวไปตกอีกฟากฝ่ามือหนาเคาะแผ่นกระดานพื้นไม้เพื่อหาทางลงไปยังห้องใต้ดินตามที่เพื่อนร่างสูงใหญ่บอก....และทันทีที่พบ!!!

ครืดดด

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครแทรกตัวเองลงไปในช่องทางแคบๆที่พอแค่คนที่ตัวไม่ใหญ่มากลงไปได้และแน่นอนว่าคู่หูตัวใหญ่ของเขาไม่มีทางลงมาได้แน่นอน...เหมือนทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะแต่ที่จริงแล้วทำมาเพื่อใครอีกคนต่างหาก

ตุ๊บบ!!
ชายหนุ่มจำจำเป็นต้องกระโดดลงไปเมื่อบันไดขั้นสุดท้ายมันอยู่สูงจากพื้นเกือบหนึ่งเมตรมือหนากระชับปืนในมือก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงแต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจเล็กๆนั่นก็เพราะทั้งๆที่คิดว่าข้างล่างนี้จะทั้งมืดและอับแต่มันกลับทำให้นิยามเกี่ยวกับเมืองใต้ดินของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะที่นี่มันทั้งกว้างขวางแถมสว่างโล่จนออกจะแสบตาด้วยซ้ำไป...ผนังสีขาวสะอาดตากับพื้นหินอ่อนที่มันวับต่างจากด้านบนที่เป็นแค่บ้านไม้เก่าๆราวฟ้ากับเหวแต่ที่สำคัญไอ้ตตัวการใหญ่มันอยู่ที่ใหน?...ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่...

"ยินดีต้อนรับคุณรีไวล์ แอ็คเกอร์แมน...คุณมาช้ากว่าที่ผมคิดซะอีกนะหรือว่ายังทำใจเรื่องลูกชายของผมไม่ได้งั้น...."
 
"หุบปาก!!!..."

ทั้งๆที่ได้ยินแต่เสียงแต่คำพูดที่เหมือนจะรู้ดีทุกอย่างมันทำให้ชายหนุ่มอดที่จะตวาดกลับไม่ได้...คิ้วเรียวกระตุกถี่ยิบยิ่งกว่าครั้งใหนๆเมื่อรู้สึกเหมือนโดนสะกิดแผลที่กำลังเหวะหวะให้เจ็บแปล๊บ..

"โผล่หัวแกออกมา!!!"

"ใจเย็นสิครับยังไงซะเราก็ต้องได้เจอกัน...ผมกำลังรอคุณอยู่คุณก็น่าจะรู้นี่...แต่เรื่องสำคัญอีกอย่างที่คุณต้องรู้เอาไว้ว่าที่นี่...เมืองนี้ถูกวางระเบิดพลีชีพเอาไว้มากขนาดที่เมืองทั้งเมืองจะหายไปในพริบตาได้เลยนะ...เอาล่ะรีบๆเข้าล่ะคุณรีไวล์เวลาเหลือน้อยแล้วนะ"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครขบกรามแน่นก่อนจะค่อยๆลดปืนในมือลงเมื่อดูเหมือนมันจะไม่มีประโยชน์เพราะอีกฝ่ายกำลังเป็นคนคุมเกมส์..ที่เขาจะทำด้ก็แค่เล่นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการก็พออีกข้อที่ต้องท่องให้ขึ้นใจคืออดทนไว้...อดทนให้มากที่สุด...อดทนี่จะไม่เป่าสมองขออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะรู้ความจริงทุกอย่าง...เขาต้องอดทน!!...และภาวนาให้พวกที่อยู่ข้างบนรู้ตัวสักที..

[ถอนกำลังออกจากพื้นที่!!...ที่นี่ไม่ปลอดภัยถอนกำลังออกมา!!]

เสียงของคู่หูร่างสูงใหญ่ที่ดังมาจากวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วทำให้เขาพอจะหายใจได้ทั่วท้องขึ้นมาบ้าง...คราวนี้ก็มีแค่เขา..

ครืดดด!!

ผนังหนังข้างหนึ่งเคลื่อนตัวเปิดออกเหมือนกำลังบอกว่าให้เขาไปทางนั้น...ขาแข็งแรงก้าวเข้าไปโดยไม่มีการลังเลผ่านประตูที่หนึ่ง...สอง...สามและประตูต่อๆไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ครืดดด!!!

ประตูบานสุดท้ายเปิดออกเผยให้เห็นว่าใครกำลังนั่งหันหลังให้โดยที่ไม่มีแม้แต่เงาของบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน...มั่นใจว่าเขาจะไม่เป่าสมองตัวเองกระจุยขนาดนั้นเลยสินะ...หรือเพราะมันเตรียมใจไว้แล้วว่าเขาอาจจะสติแตกได้ทุกเวลา...เตรียมใจที่จะยอมตายได้ทุกเมื่ออย่างนั้นรึเปล่า??

"รู้สึกว่ากองกำลังด้านบนกำลังจะอพยพออกจากพื้นที่นะ...แต่ก็ชั่งเถอะเพราะนั่นมันไม่ใช่จุดมุ่งหมายของผมตั้งแต่แรก"

เสียงทุ้มที่ฟังดูสูงวัยดังขึ้นให้เขาต้องขมวดคิ้วสงสัย...ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย...ถ้างั้นจุดมุ่งหมายของมันก็มีแค่เขาคนเดียวจริงๆสินะ

"ยินดีต้อนรับสู่โลกของผมคุณรีไวล์"

เก้าอี้ค่อยๆหมุนกลับมาช้าๆค่อยๆเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงทีละนิดทีละนิดจนกระทั่งทั้งคู่สบตากันในที่สุด!!

"ขอเดาว่านี่ไม่ใช่หน้าจริงๆของแก....คริชา เยเกอร์"

"หึหึ...ก็รู้เยอะดีนี่ครับคุณน่ะแล้วไหงถึงไม่เคยระแวงคนใกล้ตัวบ้างเลยนะ" 

"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น!!...เอาศพเอเลนคืนมา!!"

"ศพ??..."

ใบหน้าคมหล่อเหลาถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมกับสีหน้าท่าทางที่เหมือนจะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด...สีหน้าแบบนี้มันไม่ใช่สิหน้าของคนสงสัยแต่มัน....เป็นสีหน้าของคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยต่างหาก

"คุณหมายถึงนี่น่ะเหรอ"

พรึ่บบ!!!!

แต่แล้วทุกคำตอบก็กระจ่างแก่สายตาเมื่อคนตรงหน้ากระชากผ้าม่านที่อยู่ข้างๆออกเผยให้เห็นร่างของใครบางคนกำลังนอนสงบนิ่งอยู่บนนั้น....นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเองและที่สำคัญร่างที่เขาคิดว่าตายไปแล้วร่างนั้นมันกลับดูไม่เหมือนคนที่ตายไปแล้วเลยสักนิดทั้งๆที่จนถึงตอนนี้มันก็ผ่านไปแล้วถึงสามวันมันน่าจะเขียวช้ำหรือไม่ก็ขึ้นอืดไปแล้วนี่!!...จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไงกันก็ในเมื่อร่างร่างนั้นมันคือร่างของไอ้เด็กเหลือขอของเขา!!...ทั้งๆที่เขาจำได้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นล้มลงไปต่อหน้าต่อตาแถมผลการชันสูตรก็บ่งชัดว่าเสียชีวิตไปแล้ว...แต่ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้ากลับมีสภาพเหมือนคนที่กำลังหลับลึก....ใบหน้าเรียวสวยยังปรากฏเลือดฝาดระเรื่อประดับอยู่บนแก้มใสไม่ต่างไปจากตอนที่มีชีวิตอยู่เลยศักนิด...แค่กำลังหลับไปเท่านั้น...หลับเหมือนรอคอยให้ใครสักคนมาปลุก!!...


ขาแข็งแรงค่อยๆก้าวเข้าไปหาร่างบอบบางที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงทั้งๆที่ยังงุนงงกับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งๆที่คิดว่าในที่สุด...เขาก็จะได้ร่างกายนี้กลับไปอยู่กับเขาอีกครั้งแต่ดูเหมือนแค่นั้นมันจะไม่พอซะแล้ว
ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่...ยังมีอีกหลายเรื่องเหลือเกิน...มือหนาแนบลงไปบนแก้มใสที่ยังคงความอบอุ่นเอาไว้ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว...ไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายนี้จะยังคงสภาพของคนที่มีชีวิต...มีเลือดเนื้อ...มีหัวใจที่ยังเต้นที่อกด้านซ้ายเอาไว้ไม่สิ!!!...

หัวใจดวงนี้มันยังเต้นอยู่ต่างหาก!!...มือหนาค่อยๆเอื้อมไปทาบทับลงที่แผ่นอกบอบบางด้านซ้ายแต่ก่อนที่มันจะสัมผัสกลับหยุดชะงักเหมือนกำลังชั่งใจ!!  

"นี่มันหมายความว่ายังไงกััน??!!...."

"คงจะยืดยาวถ้าผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับลูกชายของผมแต่มีอย่างหนึ่งที่ผมอยากให้คุณเข้าจะ....."

"ไม่ต้องสาทยายเอาแค่สั้นๆพอเพราะถ้าจบเรืื่องทุกอย่างชั้นจะเป่ากะโหลกแก!!!!"

"หึหึ...ใจร้อนกันจริงคนหนุ่มสมัยนี้ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไงครับ...หลังจากฟังจบแล้วถ้ายังอยากจะยิงผมอยู่ล่ะก็นะ"

"ชั้นบอกแล้วว่าชั้นไม่มีเวลามานั่งฟังแกพล่ามเรื่องไร้สาระ!!!!"

"หึหึ...งั้นถ้าผมจะบอกว่าลูกชายของผมยังมีชีวิตอยู่ล่ะ...คุณจะเชื่อผมมั้ย...คุณรีไวล์...."

เหมือนหัวใจกระตุกวูบไปชั่วขณะหนึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน...ยังมีชีวิตอยู่!!...คำๆนี้มันก้องอยู่ในหัวจนไม่รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรทุกอย่างมันราวกับเข็มนาฬิกากำลังหยุดหมุน...ยังไม่ตายคำๆนี้มันกลับทำให้หัวใจที่กำลังตายด้านของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง!!!

"......เป็นไปไม่ได้ก็ชั้นเป็นคน...."

จู่ๆขอบตาของเขาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาแต่มันกลับไม่ใช่ความเสียใจแต่มันดีใจมากจนกักเก็บเอาไว้ไม่ไหวแล้วต่างหาก!!!...มือหนารวบเอาร่างที่ยังไร้สติของร่างางขึ้นมากอดไว้แนนบอกเอาไว้แน่น...แน่นซะจนหากอีกคนพูดได้คงจะกำลังบอกว่า...ผมหายใจไม่ออก...แต่อ้อมแขนแข็งแรงกลับไม่คิดจะผ่อนแรงลงแต่กลับแน่นขึ้นอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...หากเป็นไปได้เขาจะไม่ยอมอยู่ห่างร่างบางนี้อีกแม้แค่เสี้ยววินาที...จะกกกอดเอาไว้ใต้ร่างของเขาจนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายหมดลมหายใจไปก่อนเท่านั้น!!!

...ถ้าหาก...

ถ้าหากว่าเจ้าเด็กเซ่อนี่ยังมีลมหายใจอยู่จริงๆ...เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!!!
 
"ผมดีใจที่คุณรักลูกชายของผมมากขนาดนี้...ทั้งๆที่เค้าแค่หลอกใช้คุณแต่มีความจริงข้อหนึ่งที่ผมต้องยอมรับล่ะนะว่าความรักของคุณมันทำให้ลูกชายของผมไขว้เขวไปมากทีเดียว"

"เล่าความจริงมาให้หมด!!!...บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่ทุกอย่าง!!!...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเอเลน!!!"

ใบหน้าคมหล่อเหลาหันไปตวาดลั่นกับคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อของร่างเจ้าเด็กในอ้อมแขน...ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกอยากจะเคารพเลยสักนิด...หรือเพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำมันเลวร้ายเกินกว่าเขาจะยอมรับได้...เพราะในหัวตอนนี้มันมีเพียงคำสั่งให้ฆ่าเท่านั้น!!!

"เด็กนั่นถ้าจะให้เปรียบก็คงจะเหมือนกับพืชล้มลุกที่ไม่ว่าจะแห้งตายสักกี่ครั้งก็พร้อมจะงอกงามขึ้นมาได้ใหม่...ผมเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับความจริงข้อนี้จนกระทั่งวันหนึ่งเอเลนถูกลูกหลงของพวกตำรวจไม่สิ....พวกสายลับอย่างคุณต่างหาก...กระสุนทะลุตัดขั่วหัวใจของเค้าด้สยกระสุนเพียงนัดเดียว..."

ชายสูงวัยหยุดชะงักทุกคำพูดของตัวเองลงแค่นั้นเหมือนกำลังไม่อยากเล่าถึงอดีตที่ผ่านมา...จนคนฟังรู้สึกขัดใจ

"เพราะงั้นแกก็เลยคิดจะแก้แค้นพวกชั้นสินะ"

"เปล่าเลยผมไม่เคยคิดจะแก้แค้นพวกคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่ตอนนั้น...ผมกับรรยาของผทเสียใจมากเลยตัดสินใจจะเก็บร่างของเอเลนเอาไว้แบบนั้น...ให้นอนนิ่งๆบนเตียงในห้องนอนของเค้าทำเหมือนเค้าแค่หลับไปจนสามเดือนหลังจากนั้นภรรยาของผมเธอตรอมใจตายและจากพวกเราอย่างไม่มีวันกลับ..."

"แล้วจู่ๆไอ้เด็กที่มันเป็นต้นเหตุให้เธอต้องตายก็มาเดินหาวหวอดๆเข้ามาในงานศพของเธอ...ตอนั้นผม..."


ชายสูงวัยหยุดพูดอีกครั้้งก่อนจะหันกลับมามองร่างที่ยังหายใจแผ่วๆถึงแม้จะยังอ่อนรวยรินไม่เท่าคนปรกติแต่ริมฝีปากหนาที่เหยียดยิ้มอยู่นั้นมันกลับทำให้เขารู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยที่ลูกชายของตัวเองยังไม่ตาย...แต่สายตาที่จ้องมองมามันกลับอ่านได้ว่า...กำลังเคียดแค้นมากกว่า?...หรือว่า!!!

"แกเกลียดที่เอเลนเป็นต้นเหตุให้ภรรยาของแกต้องตายงั้นสิ!!"

"หัวไวเหมือนกันนี่ครับคุณรีไวล์...."

"...เพราะถ้าหากมันฟื้นขึ้นมาเร็วกว่านั้นแค่วันเดียว...แค่วันเดียวเท่านั้นภรรยาของผมก็จะไม่ตรอมใจตาย!!!"

"ไม่เพียงแค่นั้นมันกลับจำอะไรไม่ได้สักอย่างไม่รู้จักแม้กระทั่งเธอที่นอนแน่นิ่งตัวเย็นเฉียบอยู่ในตรงหน้าแถมยังกรีดร้องหวาดกลัวเธอที่เป็นแม่แท้ๆของตัวเองอีก!!!!...ผมทนไม่ได้!!!...ผมทนเห็นมันดูถูกเธอแบบนั้นไม่ได้!!!!"

มือหนาข้างหนึ่งกระชับปืนเอาไว้แน่นเมื่อดูท่าว่าอีกฝ่ายกำลังคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้าขาดสติ...เพราะความเกลียดชังที่มีต่อลูกในใส้ของตัวเองมันทำให้เขาเดาไม่ออกเลยว่าตอนนั้นเจ้าเด็กเซ่อนี่มีความเป็นอยู่แบบใหนต้องโดนทรมานอะไรบ้าง...เพราะดูจากสีหน้าท่าทางของผู้ชายตรงหน้าแล้วคงไม่มีวันที่จะได้อยู่สงบสุขได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อแน่นอน

"ทั้งๆที่เธอรักและตั้งตารอว่าสักวันมันจะฟื้นกลับมา...แต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไป...เธอกลับทิ้งผมเอาไว้กับไอ้เด็กน่าขยะแขยงนี่...ตามลำพัง.."

"...เทา่ไหร่??..."

"ห๋า??" 

"ตอนนั้นเอเลนอายุเท่าไหร่??"

"แปด...อา...ผมคงสติแตกไปสินะขอโทษด้วยมาเข้าเรื่องกันต่อเลยก็แล้วกัน..."

"แค่แปดขวบจะไปรู้เรื่องอะไร!!...เจอเรื่องแบบนั้นมันก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาสิว่ะแต่ดูสิ่งที่แกทำกับลูกของแกสิแกยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างรึเปล่า!!!!"

"มนุษย์เหรอ??...ไอ้เด็กนั่นมันไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด!!!!...มันเป็นปีศาจร้ายเป็นตัวกลกิณีเพื่อมาพรากชีวิตภรรยาของผมไม่ผิดแน่ผมถึงได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้มันชดใช้!!!!"

"อา...เอาอีกแล้วผมควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว...แย่จัง"

ใบหน้าที่มีริ้วรอยเริ่มต้นเล่าทุกเรื่องอีกครั้งโดยที่เขาไม่ได้ขอร้องอะไรอีกแต่ทุกอย่างที่พร่างพรูออกมาจากปากของผู้ชายใจอำมหิตคนนี้มันกลับทำให้เขาอยากจะลั่นไกให้มันรู้แล้วรู้รอด...แต่ที่ต้องทนเพราะเขาแค่อยากรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างบอบบางนี้บ้าง

"หลังจากผมฆ่าไอ้เด็กนั่นเป็นครั้งที่สองด้วยการจับมันถ่วงน้ำ.....ผมจับมันกดอยู่อย่างนั้นทั้งวัน...ทั้งคืนจนแน่ใจแล้วว่ามันไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่มันตัวเขียวแล้วแต่พอรุ่งเช้าร่างที่ลอยอยู่เหนือน้ำมันกลับไม่....ผมจึงตัดสินใจเอาร่างของมันขึ้นมาอีกครั้ง...มันจะใ้ช้เวลาเกือบสามเดือนเพื่อซ่อมแซมร่างกายของมันเอง...แล้วผมก็รู้ว่าทุกครั้งที่มันฟื้นกลับมาความทรงจำทุกอย่างของมันก็จะหายไปหมดเหมือนแก้วเปล่าๆที่รอการเติมเต็ม...."

"แกก็เลยเสี้ยมสอนให้เอเลนกลายเป็นแบบนี้ให้กลายเป็นมือระเบิดพลีชีพงั้นสิ!!!"

มือหนาตวัดปลายกระบอกปืนไปหาร่างของคนสูงวัยที่ดูจะไม่เหลือสติพอที่จะพูดกันให้เข้าใจได้อีกละไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลอะไรอีกแล้ว!!...เขาไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว!!!

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!...นั่นไม่ใช่เป้าหมายของผมเลยสักนิดผมก็แค่อยากจะหาวิธีฆ่ามัน...ฆ่าไอ้ปีจาศร้ายที่อยู่ในคราบของไอ้เด็กหน้าตาใสซื่ออย่างมันให้หายไปจากโละ...."

ปัง!!!!!

ตู๊มมม!!!

สิ้นเสียงปืนของเขาเสียงกระเบิดจากที่ใหนสักแห่งก็ดังขึ้นทันทีไม่รอช้ารีไวล์รีบช้อนร่างที่ยังไร้สติขึ้นมาแล้วออกวิ่งไปสุดแรงเท่าที่ตัวเขาจะทำได้!!!

ตู๊มมม!!! ตู๊มมม!!! ตู๊มมม!!!

เสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและใกล้เข้ามาทุกขณะแทบจะไม่หยุดพักให้หายใจสองขายังสาวเท้าวิ่ง!! วิ่ง!! วิ่ง!! แล้วก็วิ่ง!!...อย่างไม่คิดชีวิตแต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องน่าปวดหัวเมื่อข้างหน้ามันเป็นทางแยกและดูเหมือนจะไม่ใช่แค่แยกเดียวซะด้วยแต่มันคล้ายกับเขาวงกตถึงจะไม่ใช่แต่ก็ไม่ต่างสักเท่าไหร่!!

"ชริ!!..."

ใบหน้าคมหล่อเหลาสบถออกมาอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่ได้ทำให้สองขาผ่อนกำลังลงเลยแม้แต่้น้อยกลับเพิ่มความเร็็วขึ้นและวิ่งไปตามทางที่สันชาติญาณและางสังหรณ์ของตัวเองในหูยังแว่วเสียงระเบิดดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนนึกหงุดหงิดเศษอิฐเศษปูนที่ร่วงหล่นลงมาทำให้มือคอยประคองใหน้าของคนในอ้อมแขนให้ซุกเข้ากับแผงอกของตัวเองอย่างถนุถนอมทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดออกไปจากที่นี่ได้รึเปล่าแต่กลับไม่อยากให้อะไรมันร่วงหล่นลงมาถูกร่างกายที่แสนจะบอบช้ำนี่ไปมากกว่านี้...จะไม่ให้อะไรต้องทำให้ร่างกายนี้ได้รับความบอบช้ำและเจ็บปวดอีกต่อไป!!!!

ตู๊มมม!!!

แรงอัดจากระเบิดทำเอาทั้งสองร่างถึงกับกระเด็นปลิวไปกระแทกผนังฝั่งตรงข้ามแต่แขนแข็นแรงก็ยังไม่ยอมให้ร่างในอ้อมแขนได้รับการกระทบกระเทือนใดๆได้...ร่างกายที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดยันตัวเองลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง และอีกครั้งอย่างไม่ละความพยายาม




อย่างน้อยก็ขอแค่...



ขอร่างในอ้อมแขนของเขาปลอดภัยก็พอแล้ว...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม!!!  

"เอาใจช่วยชั้นด้วยเอเลน!!"

ขอให้ชั้นพานายหนีออกไปจากที่นี่ได้ด้วยเถะ!!...ขอแค่นายปลอดภัยไอ้เด็กเหลือขอ!!!!

แสงรำไรที่ส่องลอดช่องทางเข้ามาตรงหน้ามันยิ่งทำให้สองขาออกตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต!!!...ต่อให้หยดเลือดที่หัวคิ้วที่ไม่รู้ว่าแตกตั้งแต่เมื่อไหร่ไหลลงมาบดบังเส้นทางตรงหน้ามันก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อถอยในเมื่อ!!...ความหวังและลมหายใจของเขายังมี....ต่อให้ต้องวิ่งอีกไกลสักเท่าไหร่...หรือวิ่งไปตลอดทั้งชีวิตเขาก็จะวิ่ง!!...วิ่งไปให้ถึงทางออก!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
       เปลือกตาคู่คมที่หนักอึ้งค่อยๆปรือขึ้นช้าๆอย่างไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อนจะคว้าหาร่างที่ตัวเองพาหนีออกมาด้วยท่าทางร้อนรน...กลัวจะต้องสูญเสียไปอีกเป็นรอบที่สอง

"เอเลน!!  เอเลน!!"

 มือหนาลูบคลำสำรวจร่างกายของอีกคนด้วยความเป็นห่วงอย่างที่ชาตินี้คงมีให้ใครไม่ได้อีกแล้วก่อนจะกกกอดเอาไว้แนบอกเมื่ออีกคนยังหายใจรวยรินที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก 

"ค่อยยังชั่ว"

สองแขนตะกรองกอดร่างบอบบางเอาไว้แนบอกเหมือนกลัวว่าจะมีใครมาแย่งร่างบางนี้ไปและดูเหมือนมันจะมีแน่ๆหากมีใครรู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอของเขายังมีชีวิตอยู่...เขาจะต้องรีบพาร่างบางไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดทั้งๆที่คิดเขาแบบนั้น!!......ทั้งๆที่สองขากำลังจะก้าววิ่งออกไปอีกครั้ง!!

"รีไวล์!!!"

ขาทั้งสองข้างหยุดชะงักแทบจะทันทีก่อนจะค่อยๆหมุนตัวกลับไปทางต้นเสียง...ถึงจะรู้และจำได้ดีว่าเสียงแบบนี้เป็นของใคร...แต่อะไรจะเป็นหลักประกันได้เล่าว่าคู่หูร่างสูงใหญ่นี่จะยอมให้เขาพาอาชญากรมือระเบิดพลีชีพในอ้อมแขนหนีไป!!...มือหนาเปลี่ยนให้ร่างบางอยู่ในท่ายืนโดยมีมือเพียงข้างเดียวประคองเอาไว้ส่วนอีกข้าง...ล้วงเข้าไปล้วงเอาปืนคู่ใจที่แนบที่เอวอย่างไม่ไว้ใจคนตรงหน้าเมื่อสายตาทั้งคู่สบกัน!!...และมันบอกไม่ได้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไร!!

"นายลืมของว่ะ"

กริ่งงง

วัตถุอะไรบางอย่างลอยมาทำให้มือที่กำลังกระชับด้ามปืนต้องรีบคว้าเอาไว้แบบงงๆ...นัยน์ตาคู่คมเหลือบมองวัตถุในมือแล้วก็ได้แต่เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาในเมื่อมันคือกแจรถแต่กลับไม่ใช่กุญแจรถของเขาแถมไอ้ที่พ่วงมาด้วยมันคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นเสียอีก...แหวนหมั้นของพวกเขา!!...ทั้งสองวง!!?

"เอลวิ...."

กว่าจะรู้ตัวและกว่าสติจะกลับเข้าร่าง...ร่างสูงใหญ่ก็อันตธานหายไปซะแล้ว...มันเป็นนินจารึไงวะให้ตายสิ...แค่จะเอ่ยคำขอบคุณเท่านั้นเองนี่เขาอึ้งไปนานขนาดให้หมีควายมันหนีไปไกลขนาดนั้นเลยรึไงนะแต่ถึงยังไงก็...

"ขอบคุณนะ....คู่หู..."

ริมฝีปากคมพึมพำออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มบางๆที่มุมปากก่อนจะช้อนร่างบอบบางขึ้นมาอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ปิคอัพซอมซ่อที่ยังพอจะมีแรงวิ่งได้วิ่งตรงดิ่งออกจากเขตกำแพงสูงมุ่งหน้าเข้าสู่เขตเทือกเขาที่ไกลแสนไกลอย่างไม่คิดจะหยุดพักและไม่รู้แม้กระทั่งจุดหมายที่จจะต้องไปแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะยังขับมันไปเรื่อยๆและเรื่อยๆไปที่ใหนสักที่ที่ห่างไกลผู้คนหรือที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาหรือจนกว่ารกคันนี้จะไม่สามารถไปต่อได้นั่นแหละพวกเขาถึงจะหยุด....

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองร่างบางที่เบาะข้างๆเป็็นระยะๆเผื่อว่าเจ้าตัวร้ายจะตื่นขึ้นมาแล้วก็ให้ลอบยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงคำพูดหนึ่งขึ้นมาได้...    


"มันจะใ้ช้เวลาเกือบสามเดือนเพื่อซ่อมแซมร่างกายของมันเอง"

แล้วตอนนี้เขาจะมามัวนั่งพวงหน้าพะวงหลังอยู่ทำไมกัน....หึมันก็นะ...ในเมื่อปาฏิหารย์มันเกิดขึ้นกับเขาแล้วครั้งหนึ่ง...มันก็อาจจะมีครั้งที่สองและสามไดไม่ใช่รึไง...เขาผิดเหรอที่จะคิดแบบนั้น...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่แล้วปาฏิหารย์มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆเมื่อผ่านไปสามเดือนแล้วเจ้าเด็กเหลือขอของเขายังคงไม่ลืมตาตื่นขึ้นมามีเพียงแค่จังหวะการเต้นของหัวใจเท่านั้นที่เต้นแรงขึ้นจวนเจียนจะเป็นปรกติให้หัวใจของเขาเต้นระทึกจดจ่ออย่างคาดหวัง

มือหนาวางแนบลงไปบนแก้มใสที่ยังปรากฏเลือดฝาดสีระเรื่ออย่างเบามือก่อนจะค่อยๆจรดริมฝีปากอุ่นๆลงไปที่หน้าผากมนเหมือนเช่นทุกเช้าี่ผ่านมา

"ตื่นขึ้นมา...ไอ้เด็กเหลือขอ"

ชามน้ำใบขนาดย่อมกับผ้าขนหนูถูกยกลงไปที่ชั้นล่างของบ้านไม้สองชั้นที่ขนาดไม่ได้ใหญ่โตหรือเล็กเป็นรังหนูแต่พอดีสำหรับคนสองคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเงียบสงบ...ที่เหลือก็แค่รอ...ให้อีกคนตื่นขึ้นมาเท่านั้น

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองแสงยามเช้าที่แหวกม่านสีเขียวของต้นสนใหญ่และม่านหมอกที่ปกคลุมรอบบ้านของพวกเขาแบบสามร้อยหกสิบองศากวาดสายตามองไปรอบๆที่มีเพียงความเงียบสงบ...ที่จริงแล้วต้องบอกว่ามันเงียบสงบจนเกินไปจนบางครั้งเขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเอเลนจะอยากอยู่ที่นี่กับเขารึเปล่าถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็คงต้องหาที่อยู่ใหม่ที่มีผู้คนบ้าง...ถ้าหากเจ้าตัวร้ายต้องการล่ะนะ..







เสียงผ่าฟืนปึกๆแว่วเข้ามาให้ได้ยินจนคนที่หลับสนิทมาเกือบสามเดือนไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกเปลือกตาจึงค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆค่อยๆเผยให้เห็นถึงดวงตาสีเขียวมรกตทีละนิดแต่ยังไม่ทันจะปรือขึ้นเต็มตาก็ต้องรีบปิดลงอย่างรวดเร็วเมื่อแสงจ้าของดวงอาทิตย์มันทิ่มแทงจนดวงตาพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใดได้ใบหน้ามนจึงได้แต่กระพริบตาถี่ๆหลายๆครั้งเพื่อปรับดวงตาให้คุ้นชินกับแสงกว่าจะลืมตาได้ให้เป็นปรกติก็กินเวลาเข้าไปหลายนาที

ขาเรียวยาวค่อยๆทิ้งตัวลงจากเตียงอย่างไม่ค่อยถนัดนักแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะเห็นว่าเสียงที่ได้ยินมันคืออะไรเพราะในตอนนี้หัวสมองมันว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดค้างคาอยู่ในนั้นมีเพียงแค่ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมดความอยากรู้อยากเห็นมันถึงได้มีมากกว่าคนปรกติถึงเท่าตัว

พลั่ก!!!

"อ๊!!?"

เพราะเรี่ยวแรงมันหดหายไปจนแทบจะไม่เหลือให้แม้แต่พยุงร่างกายของตัวเองขึ้นมาใบหน้ามนจึงได้แต่มุ่ยปากอย่างขัดใจถึงจะไม่รู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุใดร่างกายของตัวเองถึงได้อ่อนแรงมากขนาดนี้แต่ดูเหมือนความพยายามจะไม่ได้ลดลงไปเลยมือบางจึงค่อยๆเขยิบยันร่างโปร่งบางของตัวเองไปจนถึงขอบหน้าต่างไปสำเร็

"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก...ทำไมมันถึงได้...เหนื่อยขนาดนี้เนี้ย....เราเป็นอะไรไปกันแน่นะ?"

ริมฝีปากบางได้แต่บ่นอุบกับตัวเองก่อนจะพยายามยันตังเองขึ้นไปเกาะขอบหน้าต่างจนได้ในที่สุดแต่แล้วภาพที่ใครบางคนกำลังเงื้อขวานขึ้นมันกลับทำให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแล่นริ้วเข้ามาโจมตีอย่างไม่มีสาเหตุ....แผ่นหลังที่ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากมายที่กำลังถือขวานอยู่นั้นแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกแต่ถึงอย่างนั้นกลับทำให้รับรู้ได้ถึงกลิ่นไออันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวเขาคนนั้นจนต้องรีบถอยร้นออกจากริมหน้าต่างและผลก็คือ....

โครมม!!!!

เพล้งงงง!!!!

ร่างทั้งร่างเซถลาไปชนเข้ากับโต๊ะไม้ที่อยู่ข้างๆจนข้าวของบนนั้นตกกระจัดกระจายไปกับพื้นแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจข้าวของที่ร่วงหล่นแต่อย่างใดมือบางกลับลูบก้นตัวเองปอยๆเมื่อมันเจ็บมากกว่าจะไปสนใจอย่างอื่น

"อู๊ยย~~...เจ็บๆๆๆๆ"





เสียงโครมครามที่ดังมาจากชั้นบนของบ้านทำให้มือที่กำลังเงื้อขวานหยุดชะงัดก่อนจะรีบตวัดกายวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัว...เพราะเสียงนั้นจะเป็นใครทำไปไม่ได้นอกจาก....

"เอเลน!!!"

"!!??"

ใบหน้ามนหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงทุ้มเข้มด้วยความตกใจระคนสงสัยแต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น...

ร่างผอมบางที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วถอยกรูเข้าไปชิดผนังตามสันชาติญานการเอาตัวรอดเมื่ออีกฝ่ายตรงดิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางร้อนรนและตกใจไม่ต่างจากตัวเอง!!!

"เอ๊ะ!!" 

คนที่ถูกรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้อุทานออกมาด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกมือบางจึงเริ่มปัดป่ายผลักดันอีกคนสะเปะสะปะแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ทำให้อีกคนคลายแรงกอดรัดออกไปได้เลย...ในทางตรงกันข้ามมันกลับยิ่งรัดแน่นมากขึ้น

"เอเลน!!!"

"เอเลน!!!"

"เอ๊ะ!!...ปละ...ปล่อยนะไอ้บ้าแกเป็นใครมากอดฉันทำไมเนี้ยปล่อย!!!"

"หื๋มม์!?"

ศัพนามแปลกๆที่ใช้เรียกตนทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงักค้างและเลิกคิ้วสูงที่สุดในชีวิตอย่างไม่เชื่อหูของตัวเองถ้าฟังไม่ผิดเมื่อกี้ไอ้เด็กเหลือขอนี่พึ่งจะเรียกเขาว่า

....ไอ้บ้า!?....

ไอ้เด็กเหลือขอที่ไม่เคยพูดจาหยาบคายให้เขาได้ยินเลยสักครั้งกำลังด่าเขาว่าไอ้บ้าอย่างงั้นเหรอ!?....

ความเงียบเข้ามาปกคลุมชั่วขณะเมื่อต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันแบบที่ต่างคนก็ต่างกำลังค้นหาคำตอบจากกันและกัน

และในที่สุดคนที่สูงวัยกว่าก็ตั้งสติได้ก่อนแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้อีกคนได้แต่ทำหน้าทำตาบ้องแบ้วใสแจ๋วแต่ยังแฝงเอาไว้ด้วยความไม่ไว้ใจ

"ไม่ต้องกลัวนายแค่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นเอง...ชั้นจะพาไปที่เตียงตกลงมั้ย??"

ใบหน้ามนพยักรับแรงๆจนอีกคนอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ถึงแม้ว่าท่าทางจะยังดูตื่นๆแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความไว้วางใจในระดับหนึ่งแล้วสินะ...คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างนั้นล่ะมั้ง...

"นายเป็นใคร??...ทำไมถึงรู้จักฉันแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง??"

"ทีละคำถามไม่ต้องรีบเพราะะยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว"

"ชั้นจะตอบทุกคำถามของนาย...ถ้าหากนายเรียกชั้นว่าคุณเหมือนเมื่อก่อนไม่ใช่ไอ้หรือนายโอเคมั้ย?"

"คุณ?....เหมือนเมื่อก่อน??...เราเคยรู้จักกันเหรอแล้วทำไมฉันถึงจำนายไม่ได้ล่ะ??"

"ไม่ใช่นาย...คุณต่างหาก......คุณรีไวล์....เมื่อก่อนนายเคยเรียกชั้นแบบนี้...นั่นคือชื่อของชั้นส่วนนายคือ..เอเลน...เป็นชื่อที่เพราะมากใช่มั้ยล่ะ...ชื่อของนายน่ะ"

"คุญรีไวล์~~....เอเลน~~....ชื่อของผมคือเอเลน...."

"ใช่แล้วคนเก่งแบบนั้นแหละ....เอาไว้ชั้นจะค่อยๆเล่าเรื่องของเราให้นายฟังตอนที่นายหายดีแล้วแต่ตอนนี้ต้องรักษาตัวอีกสักระยะก่อนเข้าใจมั้"

ใบหน้ามนได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกับครางอือๆในลำคอเป็นการตอบรับ....สองแขนผอมบางที่เคยปัดป่ายผลักใสค่อยๆเอื้อมลงมากำสาบเสื้อเชิ้ตของอีกคนเอาไว้แน่นก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างลืมตัวแต่...ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ทำให้รู้สึกว่าถ้าหากอยู่ในอ้อมแขนของคนคนนี้แล้วล่ะก็...จะไม่มีอะไรกล้ำกลายเข้ามาทำอันตรายตัวเองได้อีก...หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนกันแน่นะ...อ้อมแขนของเขาคนนี้ถึงได้อบอุ่นมากมายขนาดนี้




.....เหมือนกับว่าอ้อมแขนสุดแสนอบอุ่นคู่นี้มันเป็นของเขามานานแสนนานแล้วไม่มีผิด.....

ใบหน้าคมคายก้มลงมองคนที่วูกใบหน้าเข้ากับแผงอกของตัวเองแล้วก็ให้กระชับอ้อมแแขนให้แนบแน่นขึ้นอีก...ริมฝีปากคมกดจูบแผ่วเบาลงไปที่กลุ่มเส้นไหมสีน้ำตาลเข้มอย่างแสนรักและแสนโหยหา




....ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว"เอเลน"ต่อจากนี้และตลอดไป...ชั้นจะเป็นคนปกป้องและเติมเต็มความทรงจำที่มีแค่เราให้กับนายเอง...ความทรงจำที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน...

......ความทรงจำที่เป็นของเราแค่สองคนเท่านั้น......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.........Finnnnn.....       




อ๊าคคคค!!!!!
จบได้แล้วเจ้าค่ะ!!!!....ดีใจดีใจดีใจจริงจริ๊ง!!!!

คือแบบว่าขอยืมพลังวิเศษของนู๋เอเลนในเรื่องมาใช้ซะหน่อยแหละแฮะแฮะ
//คือตัว Isayaa เองแอบเฟลรับตัวเองไม่ได้ขึ้นมาอย่างแรงพอดีเห็นว่าคุณปะป๊าคริชาฉีดยาให้จนนู๋เอเลนของเก๊าความจำเสื่อมเลยเข้าแก๊ปตรูพอดีว่างั้นฮะฮะฮะ///

ปล.1-ตอนนี้ไม่ได้ตคลีนคำผิดหรืออะไรทั้งสิ้นนะคะแต่งเสร็จแล้วลงเลยถ้าเจอก็ทำเป็นไม่เห็นไปเลยเน้อ!!!
//ดูความชั่วของมันปรกติกก็ผิดจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้วแล้วนี่มันล่อลงมาทั้งอย่างนี้เลยเรอะ///

ไม่ได้ขี้เกียจหรืออะไรหรอกนะคะแต่พรุ่งนี้ต้องเอาคอมไปซ่อมเพราะมันเออเร่อชอบกลแบบว่ากลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยน่ะเอาไว้ได้คอมกลับมาแล้วจะคลีนให้อีกทีก็แล้วกัน!!!!
              



4 ความคิดเห็น:

  1. อ๊าคคคค!!!!!...ในที่สุด!!!!
    ในที่สุดก็กลับมาได้ซะที!!!!!!
    ยินดีต้อนรับกลับนะจ๊ะisayaจัง!!!!!!
    กลับมาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆจ้าาา!!!
    จบได้น่าร๊ากกกกก!!!!อร๊ายยย...แบบว่ามันต้องฟิลนี้แหละถึงจะลงตัวแต่แอบสงสารเฮียแกตอนที่อุ้มนู๋เอเลนวิ่งหนีระเบิดอ่ะแต่มันก็ซึ้งเหลือหลายค๊าาาอ่านแล้วมองเห็นภาพเลยน้าาา!!!

    มือเฮห์โจวที่คอยประคองใบหน้าของนู๋เอเลนมันชั่งอบอุ่นจริงจริ๊ง!!!!....อร๊อยยยตอนนี้นอนตาตาหลับแล้วจ้าisayaจัง!!
    ยินดีตอนรับกลับมาอีกครั้งน้าาาต้องรีบไปทำงานแล้วล่ะเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันอีกทีนะเพราะว่าตอนนี้แอบมาเข้าห้องน้ำแต่ลองเขเามาดูว่าอิซายะจังอัพบล็อครึยังน้าอะไรประมาณนี้แหละพอเห็นแล้วเกือบกรี้ดแตตกเลยขอบอก
    เจอกันอีกทีตอนเย็นจ้าตอนนี้ต้องจรรีไปทำงานแว้วววว!!!!!

    ตอบลบ
  2. อ๊าคคค!!!!....ก่อนอื่นต้องของบอกว่า!!!
    ยินดีต้อนรับกลับจ้าาาisayaaจังงงง!!!!!!
    กลับมาก็ไม่ทำให้ผิดหลังจริงจริ๊งงงงอร๊อยยยคายอย่างสงบแล้วล่ะนะขอบอกว่ามันน่ารักมันซึ้งมันเศร้าได้ถึงใจจริงๆตอนเริ่มต้นรู้สึกสงสารเฮียจับใจตอนกลางเรื่องนู๋เอเลนก็รันทดสุดๆดีนะที่ตอนจบทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันน่ะไม่งัเนเราคงโกรธisayaaไปอีกหลายเดือนเลยจริงๆ....ฮะฮะแบบว่าลงอ่านตอนเก่าๆที่รีไรท์ใหม่ดูแล้วนะจ๊ะขอบอกว่ามันก็ยังทำร้ายจิตใจได้เหมือนเดิมนั่นแหละจ๊าา!!!!
    แล้วจะตั้งตารอไหเก่าๆนะจ๊ะอย่าลืมมันซะล่ะ
    ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งจ๊ะ

    ตอบลบ
  3. อร๊อยยย!!...สำลักความหวานตายอย่างสงบแล้วค่ะอิซายะจัง!!!
    ยินดีต้อนรับกลับมาอีกคนนะคะ...แต่ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเขเามาอ่านนะอ่านไปหลายรอบแล้วล่ะค่ะ
    แต่เพิ่งจะเข้ามาเม้น!!!...เพราะรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปฮะฮะฮะ....
    ชั่งเถอะจะอะไรก็ชั่งมันก็แค่อยากจะมาแสดงตัวตนว่าเรายังติดตามผลงานของอิซายะจังอยู่
    ก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรมาก

    ตอบลบ
  4. ต้อนรับกลับนะคะ กลับไปอ่านที่รีไรท์มาจนจบเเล้ว อยากบอกว่าคุณรีไวทำอิชุ้นใจเต้นนอนกรี๊ดจนเตียงลั่นค่ะ โอยยยยยยผู้ชายคนนี้ดาเมจจริงๆ ในที่สุดก็จบเเล้ว เเม้จะเเฮปปี้เอนดิ้งเเต่ก็สงสัยว่าตกลงเอเลนเปนตัวไรกันเเน่?? เปนเเบบนี้ถ้าร่ฐฯรู้คงต้องโดนไปทดลองเเหงๆ เเละเเบบนี้เอเลนคงไม่เเก่ตาย เเล้วงี้คุณรีไวจะเปนไงคะเนี่ย!!! เเอบคาใจค่ะ

    ตอบลบ