26 ส.ค. 2557

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 04

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.
(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 04

:Fanfiction Attack on titan

:Drama Incent

:NC-18+


คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ



****Remark!!!

บทความต่อไปนี้เป็นการรีไรท์ขึ้นมาใหม่ทดแทนบทความเดิมทั้งสองตอนคือตอนที่สี่กับห้าอ่ะนะที่ได้อันตธาลหายไปแล้วนะคะเพราะฉนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเนื้อเรื่องมันแปลกๆ!!...สำหรับคนที่เคยอ่านทั้งสองตอนที่หายไปแล้วกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งต้องขออภัยด้วยนะค่ะถ้าหากเนื้อเรื่องมันจะเปลี่ยนไป
(เพราะอารมณ์มันอยู่คนละฟิลกับครั้งแรกจริงๆอาจจะไม่สนุกเท่าก็ขออภัยอีกครั้งค่ะ)
มันมั่นใจจริ๊งว่าตอนเดิมมันสนุกกว่าน่ะ...ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเล้ยไม่ตายเถอะ

Isayaa!!!





ครืดดดด ครืดดดดด!!!!

ใบหน้ามนละออกมาจากการตระเตรียมชุดให้กับคนที่ยังจัดการธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำเมื่อมือถือของคุณรีไวล์มันสั่นจนแทบจะเดินร่วงลงไปจากโต๊ะอยู่ลอมล่อเพราะข้อความเมล์ที่เข้ามาถี่ยิบแสดงให้เห็นว่าคุณรีไวล์ของเขางานยุ่งมากจริงๆริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อจึงได้แต่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเค้าคนนี้...คุณรีไวล์...ให้ความสำคัญกับตนไม่แพ้เรื่องงาน...ดูเหมือนจะทั้งรักทั้งหลงเขามาก...มากเกินกว่าคนคนหนึ่งจะมีความรักให้กับใครสักคนได้แต่...เขากลับได้รับสิ่งนี้...ดีแล้วที่เป็นแบบนี้...มันดีที่สุดแล้ว!!

มือบางเผลอเอื้อมไปหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความสงสัยแต่แล้วก็ต้องทำหน้าฉงนเมื่อภาษาที่ใช้มันเป็นอังกฤษทั้งหมดจึงจำใจต้องวามันลงที่เดิมเพราะถึงจะดูไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดีสำหรับเด็กที่เรียนจบแค่ม.ปลายอย่างเขาอีกอย่างนั่นก็เป็นงานของคุณรีไวล์ต่อให้ดูไปก็ไม่เข้าใจอยู่วันยังค่ำ

แกร๊กก!!

เสียงลูกบิดห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูสมส่วนซะจนน่าอิจฉาไม่ว่าจะเป็นท่อนแขนไล้ลงมาที่แผงอกลงไปจนถึงกล้ามหน้าท้องทุกๆส่วนที่เป็นเขาคนนี้ทำไมมันถึงได้ดูมีเสน่ห์มากขนาดนี้กันนะ!!...คิดไปแบบนั้นใบหน้ามนก็ชักจะงองำได้แต่อิจฉากับสิ่งที่ตัวเองไม่มีวันเป็นได้ที่เป็นได้...เขาก็แค่ไอ้เด็กขี้ก้างที่แค่ลมพัดตัวก็แทบจะลอยไปแล้วเท่านั้น!!

"เป็นอะไรไปหน้าทำไมถึงได้ยู่ยี่ขนาดนั้นหื๋มม์?"

"เปล่าครับผมแค่สงสัยว่าทำไมผมถงไม่มีบ้างนะ?...รูปร่างแบบคุณรีไวล์น่ะ"

ท้ายประโยคมันเบาซะจนกลายเป็นพึมพำกับตัวเองเรียกรอยยิ้มขบขันระคนเอ็นดูจากชายหนุ่มได้ไม่ยากมือหนาจึงยกขึ้นไปรั้งท้ายทอยสีน้ำตาลเข้มเข้ามารับจูบหนักๆข้อหาที่ทำให้เขาหลงรักได้มากขนาดนี้...และคงไม่มีใครแล้วในโลกนี้ที่จะทำให้เขาหลุดยิ้มได้เหมือนเจ้าเด็กตัวบางนี่!

"ไม่ต้องอิจฉาถ้านายมีรูปร่างแบบนี้มันคงแปลกพิลึกนายเป็นแบบนี้แหละน่ามองที่สุดแล้วอีกอย่าง...ชั้นเป็นของนายเท่านั้นไอ้เด็กเหลือขอ"

"คุณรีไวล์~...แหมผมไม่บังอาจเป็นเจ้าของคุณรีไวล์หรอกนะครับอย่าพูดแบบนี้ให้ใครเขาได้ยินเชียวนะครับ!!"

"ทำไม?...อายรึไง?"

"ไม่เลย!!...ผมไม่อายใครทั้งนั้นแต่คุณรีไวล์ต่างหากล่ะครับที่จะ...."

"หึหึ...นายกังวลกับเรื่องแค่นี้เนี้ยนะ...ไม่ต้องกลัวชั้นไม่สนหรืออายใครทั้งนั้นถ้าเป็นเรื่องของนาย...นายคือความหมายเดียวในชีวิตชั้นเอเลน"

"!...!!!?!...."

เจอคำคมแบบนั้นมีเหรอจะอดใจได้สองแขนบอบบางจึงโอบรอบแผ่นหลังของคุณรีไวล์เอาไว้ใบหน้ามนซบลงบนไหล่กว้างอีกทั้งยังถูไถไปมาด้วยความดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง...เขารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน...รักถึงแม้ว่ามันจะ....

"นายกำลังทำให้ชั้นไม่อยากไปทำงานเอเลน"

"อ๊ะ!!...ใช่แล้วทำงานคุณรีไวล์งานยุ่งมากเลยเหรอครับเห็นเมล์แย่งกันเข้ามาตั้งแต่ไก่โห่เลย!?"

ร่างบอบบางรีบละออกมาก่อนจะตรงปรี่ไปหยิบไดร์เป่าผมมาช่วยจัดการแต่งตัวให้กับชายหนุ่มเหมือนเช่นทุกเช้า

"ก็นิดหน่อย...แล้ววันนี้ต้องออกไปใหนรึเปล่า?"

"ไปครับต้องไปรับผ้าแถวๆเขตมาเรียน่ะครับลูกค้าเค้าสั่งเอาไว้ว่าอยากได้ผ้าแบบชาวตะวันออกกลางแต่ไม่รู้ว่าจะหาได้แบบที่เค้าต้องการรึเปล่านี่สิ"

"อาร์มินไปด้วยรึเปล่า?"

"ยังไม่สบายอยู่น่ะครับเลยไม่อยากชวน"

"งั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ"

"ครับ!!"

มือหนาขยี้หัวสีน้ำตาลนุ่มนิ่มอย่างนึกหมั่นเขี้ยวก่อนจะรั้งเข้ามากดจูบหนักๆที่หน้า
ผากมนอีกครั้งและอีกครั้งและมันไม่ใช่แค่หน้าผากทั้งแก้มใสๆทั้งเปลือกตาทั้งสองข้างทั้งริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อล้วนแต่ถูกจุมพิตด้วยความรักแทบจะทั้งสิ้นกว่าจะละออกไปแต่งตัวได้ก็อีกหลายนาทีเลยทีเดียว
.
.
.
.
.
.
.
.


.
.
Jeep Grand Cherokee สีดำสนิทเลี้ยวเข้าไปจอดที่ข้างสวนสาธารณะของเมืองหลังจากเข้าไปเคลียงานในกระทรวงเรียบร้อยแล้วแต่ก็กินเวลาไปกว่าครึ่งวันทุกอย่างถึงได้เข้าที่เข้าทาง...อยู่ไม่นานร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองก็ก้าวฉับๆขึ้นมานั่งที่ข้างคนขับด้วยใบหน้าที่ยังเปื้อนรอยยิ้ม

"นายกำลังทำให้อาร์มินไม่สบายมาก!"

คำทักทายประโยคแรกจากคู่หูร่างสันทัดทำเอาเอลวิน สมิธ ถึงกับยิ้มเก้อๆเพราะไม่ทันคิดว่าอีกคนจะเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา

"อ่า...พอดีเรี่ยวแรงฉันมันล้นทะลักน่ะเลยออมแรงเอาไว้ไม่ไหว...ฮะฮะฮะ"

"นายมันพวกโรคจิต...ไอ้หัวทอง"

"อาจจะน้อยกว่านายก็ได้นะแต่....ฉันเดาว่านายไม่ได้ห่วงอาร์มินสักเท่าไหร่ถูกมั้ย?"

"หึ..."

ชายหนุ่มได้แต่เค้นเสียงหัวเราะออกมาให้กับความรู้ดีของคนตัวโตกว่าก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถคันหรูเคลื่อนตัวออกไปเพราะไม่รู้จะสันหาคำพูดใดมาเปรียบดี...นี่พึ่งจะรู้จักกับอาร์มินแค่วันเดียวเท่านั้นยังกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่อยากจะรับก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าเจ้าหมอนี่มันยังแสบยังเกรียนได้อีกแต่...คู่ของพวกเขาคงจะเป็นสายลับโรคจิตคู่เดียวในโลกนี้ล่ะมั้ง!!

"ไอ้เด็กไรเนอร์นั่นส่งข้อมูลมารึยัง?"

มือถือในกระเป๋าสูทด้านในถูกล้วงออกมาก่อนจะโดนไปที่หน้าตักของคนด้านข้างคนขับและอีกคนก็หยิบขึ้นมาเช็คเมล์อย่างรู้งานแต่.....

"เฮ้รีไวล์!!"

"อะไร?"

"มือถือนายโดนไวรัสว่ะ"

"ชิร์!!...ไอ้เด็กเวรนั่นชั้นจะไปหักคอมัน!!"

"ไม่มีเวลาแล้วเราต้องรีบไปที่นี่นายรู้จักใช่มั้ยไอ้เด็กนั่นเดี๋ยวค่อยส่งเด็กๆไปจัดการก็แล้วกัน!"


กระดาษแผ่นเล็กๆที่จดที่อยู่ของสถานที่แห่งหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้านัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเพียงแค่แวบเดียวรถยนต์คันหรูก็พุ่งตัวออกไปทันทีถึงแม้จะนึกโมโหไอ้เด็กขายข่าวนั่นอยู่บ้างแต่เขาก็มีงานที่สำคัญมากกว่าให้ต้องไปจัดการ


ใช้เวลาเกือบชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงที่หมายท่ามกลางสายตาสงสัยระคนหิวกระหายนับร้อยคู่ที้จ้องมองมาที่รถของพวกเขาอย่างไม่วางตาก่อนที่มันจะแล่นเข้าไปจอดที่ซอกเล็กๆในหลืบมุมหนึ่งที่ห่างไกลสายตาของใครหลายคน

"แม่เจ้าโว้ย!...ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยนะเนี้ยว่าประเทศที่สุดแสนจะสวยงามของนายจะมีที่แบบนี้ด้วย"

"แล้วมันต่างจากอเมริกายังไงชั้นรู้มาว่าการเคหะเขตนอทอิสเทินแย่กว่านี้อีกไม่ใช่รึไง"

"ก็...ประมาณนั้น...ฉันล่ะชักจะอยากรู้แล้วล่ะว่านายใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใต้ดินนั้นยังไง...นอนอยู่ในห้องเช่าอ่านหนังสือโป๊งั้นเหรอ?"

"ชั้นจำได้ว่าเคยบอกนายไปแล้ว...ยกเว้นอ่านหนังสือโป๊"

"อา~~...นายนี่มันไม่รับมุกเลยจริงๆฉันหมายถึงเราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไงต่างหากเล่า"

นัยน์ตาสีขี้รำคาญเหลือบมองคนข้างๆอย่างอืมระอาก่อนจะถอดสูทตัวนอกโยนทิ้งไปที่เบาะหลังอย่างไม่แยแสมือข้างหนึ่งรูดเนคไทออกหลวมๆแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปของตัวเองออกสองสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกเป็นลอนได้รูปดูสวยงามตามแนวแบดบอยส์นิดๆจนคนข้างๆอดที่จะเหยียดยิ้มไม่ได้...ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าคู่หูร่างที่ต่ำกว่ามาตรฐานผู้ชายทั่วไปนิดหน่อยคนนี้ดูมีเสน่ห๋อย่างร้ายกาจแต่มันก็เป็นไปแล้ว

"เล่นให้เนียนล่ะ...นายรับบทเป็นขี้ยา"

"ไม่มีปัญหา...งานถนัดอยู่แล้ว" 

ร่างสูงใหญ่โยนสูทของตัวเองไปเบาะหลังตามอีกคนไปแต่เพราะไม่ได้ผูกเนคไทแต่แรกอยู่แล้วจึงทำแค่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเท่านั้น



ทั้งสองร่างคู่หูเฉพาะกิจเดินตีคู่กันเข้าไปหากลุ่มชายฉกรรณ์ที่ยืนคุมทางเข้าของอาพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดีของคนแถวนี้ว่ามันคือซ่องและแหล่งเสพยาของสลัมแขกแห่งนี้และดูเหมือนมันจะไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิดไว้เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนตรงหน้าร้องทักขึ้น

"เฮ้ๆ...นั่นมันรีไวล์นี่หว่า...หายหน้าหายตาไปนานเลยนี่แล้วลมอะไรหอบแกกลับมาที่นี่ได้วะ"

"หาผู้บหญิงให้ชั้นสองคนสิ...อยากปาร์ตี้น่ะ"

"ผู้หญิงในเมืองหลวงมันบริการไม่ถึงใจรึไงวะ...ถึงได้ถ่อสังขารมาถึงที่นี่น่ะห๊ะ...รีไวล"

"ก็ประมาณนั้น...ขอแจ่มๆหน่อยก็แล้วกัน" 


ปึ้งเงินจำนวนหนึ่งถูกยัดใส่มือคนคุมประตูและดูเหมือนมันจะมากพอที่จะไม่ทำให้คนพวกนั้นสงสัยอะไรอีกและไม่นานหญิงสาวหุ่นนางแบบสองนางก็เดินเข้ามาคล้องแขนของพวกเขานำขึ้นไปบนตึกทันที

"ไม่เลวนี่...มาบ่อยเหรอ?"

ร่างสูงใหญ่ถามออกไปด้วยภาษาอังกฤษที่คิดว่าคงจะมีแค่เขาสองคนที่เข้าใจมันเพราะผู้หญิงทั้งสองคนต่างก็พากันมองหน้าเขาอย่างงงๆ

"เมื่อก่อนน่ะนะ"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกันด้วยสีหน้าท่าทางที่เรียบเฉยเรียกรอยยิ้มถูกอกถูกใจจากอีกคนได้ไม่ยากเย็น

"ฮะฮะฮะ...นั้นสินะนายดูเป็นพวกที่พลังเหลือล้นคงลำบากแย่ถ้านายต้องเก็บมันไว้คนเดียว"

"หุบปากของนายซะ"

รีไวล์ส่งเสียงเข้มขู่คนที่ดูจะลามปามขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินเข้าไปในลิฟท์ที่ประตูของมันเป็นเพียงซี่เหล็กคล้ายลูกกรงที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้เท่านั้นแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งในหญิงสาวกำลังจะกดลิฟท์ขึ้นไป!!...

"คุณรีไวล!!??"

น้ำเสียงใสๆที่ฟังดูตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาพร้อมกับเสียงม้วนผ้าในมือหล่นลงพื้นทำเอาเขาตกใจไม่แพ้ไปกว่ากันแต่เหนือสิ่งอื่นใด!!

"เอเลน!!"

ผู้สาวที่คลอเคลียอ้อล้ออยู่ข้างๆถูกผลักกระเด็นไปตามสัณชาติญาณเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

"....ทำไมล่ะครับ???...."

"ไม่นะ!!...มันไม่ใช่แบบที่นายคิดเอเลน!!...มันไม่ใช่!!"

สีหน้าท่างทางที่ดูเจ็บปวดของร่างโปร่งบางทำให้สองขาก้าวออกจากลิฟท์โดยลืมทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งหน้าที่ไปจนหมดสิ้นแต่ต้นแขกลับถูกรั้งเอาไว้ซะก่อน

"ไม่เอาน่ารีไวล์...นายมีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ"

ใบหน้าคมคายหันมามองเจ้าของมือใหญ่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะสะบัดแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม

"ปล่อยชั้น!!"

"มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดไอ้เด็กเหลือขอ!!...เชื่อชั้น!!....นายต้องเชื่อชั้นเอเลน!!"

"นี่เป็นคำสั่งเข้าใจมั้ย!!?...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดไอ้เด็กเหลือขอ!!"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเกาะลูกกรงประตูลิฟท์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทั้งยังตะโกนบอกคนที่ยังยืนตกตะลึงน้ำตาคลอเบ้าอยู่ไม่ขาดปากจนกระทั่งสายตาของเขามองไม่เห็นใบหน้ามนอีกต่อไป

"เอเลน!!!" 

"เอเลน!!!"    


"ธ่เว้ย!!"

ชายหนุ่มได้แต่สบถออกมาอย่างหัวเสียและระบายอารมณ์กับลูกกรงประตูจนสองสาวถึงกับขวัญผวาไม่กล้าเข้าใกล้กลายเป็นไปเกาะแขนของเอลวินเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา

"นายควรจะสงบสติอารมณ์...รีไวล"

"หุบปาก!!"

"แทนที่นายจะมาโกรธฉันทำไมไม่ไปถามไอ้เด็กนั่นว่ามาทำอะไรที่ตึกแขกในสลัมโสโครกนี่ไม่ดีกว่าเหรอวะ"


"เอเลนเป็นช่างตัดเสื้อชั้นเคยบอกนายไปแล้วนี่!!...และมาที่นี่ก็เพื่อซื้อผ้าเท่านั้น!"

"เฮ้อ~...ส่อแววกลัวเมียชัดๆ"

 ร่างสูงใหญ่ได้แต่พึมพอย่างขบขันกับตัวเองให้กับการกระทำของเพื่อน...มันจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากกลัวเมียน่ะกับท่าทางร้อนรนของผู้ที่มีฉายาว่าจอมเย็นชาของประเทศนี้นี่ถ้าไม่ได้ร่วมงานด้วยกันเขาก็คงจะเชื่อไม่ลงหรอกนะว่าคนคนนี้จะมีฉายาว่าจอมเย็นชาน่ะ


โครม!!!

"กรี้ดดดด!!!!"

"ไปขย่มกันที่อื่นซะ!!"

ประตห้องแรกที่ออกจากลิฟท์ถูกฝ่าเท้าหนักหน่วงยิ่งกว่าช้างสารถูกถีบกระเด็นอย่างน่าสงสารส่งผลให้คนในห้องกรีดร้องด้วยความตกใจ

หญิงสาวที่กำลังเริงรักคร่อมร่างของคู่ขาของเธอในสภาพเปลือยเปล่ารีบควานหาเสื้อผ้าของเธอมาคลุมร่างกายเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปเหลือเพียงชายร่างท้วมเท่านั้นที่ยังคงนั่งสั่นเป็นเจ้าเข้าไม่รู้จะทำยังไงที่โดนขัดจังหวะแห่งความสุขสมอยู่กับพื้น

"ชั้นบอกให้ใสหัวแกออกไป!!"

"คระ...ครับๆไปเดี๋ยวนี้แล้ว!!"

มืออวบอูมควานหยิบมือถือกับนาฬิกาบนโต๊ะแล้วตั้งท่าจะวิ่งออกจากห้องด้วยความเร็วทั้งหมดที่ตนมีหากแต่!!

"เดี๋ยวหยุดก่อน!!"

"ครับ!!!" 

"ส่งมือถือนายมา!!"

"ห๊ะ!!??"

ไม่ใช่แค่คนที่ถูกปล้นมือถือเท่านั้นที่แปลกใจนั่นรวมถึงเพื่อนร่างสูงใหญ่ที่หนีบสาวมาด้วยสองคนเองก็ตกใจกับการกระทำของอีกคนไม่ต่างกัน

"ชั้นบอกให้ส่งมือถือนายมา!!"

ชายร่างท้วมยื่นมือถือให้ทั้งๆที่ยังงงๆแต่ถึงอย่างนั้นก็เผ่นแนบไปแบบไม่คิดชีวิตเช่นกัน

"โฮ่...นายนี่มันโหดสุดชั่วจริงๆว่ะรีไวล์...ให้ตายเถอะจี้เอามือถือโทรหาเมียเนี้ยนะ"

"หุบปากแล้วไปทำหน้าที่ของแกซะชั้นให้เวลาแกสิบนาที!"

ต่อให้ใครจะมองเขาว่ายังไงก็ชั่งแต่สำหรับเขาแล้วความรู้สึกของเจ้าเด็กเหลือขอมันสำคัญที่สุด!!

ปลายนิ้วเรียวกดเบอร์มือถือที่จำได้จนขึ้นใจแล้วโทรออกไปทันทีแต่ถึงอย่างนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ยังคงถือกล้องส่องทางไกลไปยังตึกฝั่งตรงข้ามมองหาเป้าหมายในครั้งนี้ด้วยเช่นกันและทันทีที่ปลายสายกดรับ!!

[สวัสดีคระ......]

''ฮัลโหลชั้นเองเอเลน!!...อย่าพึ่งเข้าใจผิดชั้นนะไอ้เด็กเหลือขอมันไม่ใช่อย่างที่นายเห็นมันเป็นงานชั้นไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!!''

[...........]

"เอเลนไม่เอาน่า...อย่าเงียบแบบนี้ชั้นใจไม่ดีเลยนะตอนนี้นายอยู่ที่ใหน??"

[.....ผม.....อยู่กับผู้หญิงครับ....]

ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ร่างบางพูดมานั้นมันก็แค่คำพูดประชดประชันเหน็บแนมเขาแแต่หัวอกคนฟังมันก็มีแป้วกันบ้างเป็นธรรมดา...แต่เพราะรู้ว่าตนคือคนผิดจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธเคีืองหรือต่อว่าอีกคน

"เอเลน...ชั้ขอโทษ...ชั้นไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆนะแค่พาพวกเธอมาให้เจ้านายที่รออยู่ชั้นบนเท่านั้นเอง"

[ไม่ใช่จริงเหรอครับ...ผมเห็นเธอเกาะแขนคุณรีไวล์ทำตัวติดกันเป็นตังเมเลยนี่ครับ...ผม....]

"เอเลน...ขอโทษ...ชั้นขอโทษตอนนี้แต่ต่อไปชั้นจะไม่ให้ใครมาทำแบบนี้อีกหายโกธชั้นนะขอร้องล่ะไอ้เด็กเหลือขอ"

[.....แน่ใจนะครับว่าแค่พาไปให้เจ้านายของคุณรีไวล์น่ะ...]

"แน่สินายเห็นชั้นเป็นคนโกหกนักรึไงหืมม์?"

ยังไงตอนนี้ก็ต้องโกหกเอาไว้ก่อนแต่ก็อดนึกขอโทษท่านรัฐมนตรีไม่ได้ที่ต้องโบ้ยความผิดไปให้กลายเป็นคนบ้ากามเป็นไอ้แก่ตัณหากลับไปซะแล้วแต่จะให้ทำไงได้ก็เขาไม่มีทางเลือกนี่ 

[...ถึงจะไม่เชื่อแต่ผมจะพยายามเชื่อใจคุณรีไวล์ก็แล้วกันนะครับ]

"ขอบใจไอ้เด็กเซ่อที่ยังเชื่อใจชั้น....ชั้นรักนายมากนะเอเลน...ชั้นจะไม่มีวันทำอะไรที่มันผิดต่อนายเด็ดขาดเชื่อชั้นสิ"

[ถ้างั้นไถ่โทษด้วยการกลับมาทานมื้อเย็นกับผมได้มั้ยครับ?]

"แน่นอนสิ"

[พูดจริงนะครับ...ถ้าไม่กลับมาผมไม่ยอมยกโทษให้จริงๆด้วย]

"หึหึ...ใครจะยอมให้นายโกรธกัน...แล้วเจอกันตอนเย็นนะ..บาย"

ปลายสายตัดไปแล้วมือหนาจึงโยนมือถือที่เพิ่งจะจี้มาทิ้งอย่างไม่ใยดี...ก็ในเมื่อเขาปรับความเข้าใจกับเจ้าตัวร้ายเสร็จแล้วมันก็ไม่มีความจำเป็นใดๆสำหรับเขาอีกที่เหลือก็แค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เท่านั้นพอ

"เฮ้!!...เอลวินชั้นให้เวลาแกอีกห้านาทีถ้าแกไม่ออกมาชั้นจะเป่าสมองแกซะ!!"

จนถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งจะได้ยินว่าเสียงครวญครางของสองสาวในห้องมันดังมากขนาดใหนแล้วถ้าเป็นแบบนี้...ไอ้เด็กเหลือขอของเขาจะได้ยินมันบ้างรึเปล่านะ?...

"นายนี่ไม่มีอารมณ์สุนทรีบ้างเล้ย..ให้ตายเถอะ"

เพื่อนร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องที่เป็นแค่ฉากกั้นด้วยสภาพที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงได้ใส่เสื้อผ้าเร็วขนาดนี้ฟ๊ะทั้งๆที่เสียงครางของพวกสาวๆมันเพิ่งจะหยุดลงเมื่อไม่ถึงนาทีนี่เองแต่ชั่งเถอะ

"ใหนดูสิ...เป้าหมายมากันรึยังเอ่ย?"

มือใหญ่คว้าเอากล้องส่องทางไกลในมือของชายหนุ่มไปโดยไม่คิดจะตอบคำถามทางสายตาที่อีกฝ่ายส่งไปให้และเป็นจังหวะเดียวกันกับ!!....

"โอ้ว!!...โชคดีเป็นบ้าที่ออกมาทันจังหวะพอดีเป๊ะเลย...ว่ามั้ยคู่หู"

"หุบปากของแกไปเลยไอ้หัวทอง...รีบๆไปเก็บกวาดได้แล้วชั้นมีนัดตอนเย็น!"

ทั้งสองคนแยกย้ายกันไปคนละทางเมื่อเป้าหมายของพวกเขามาถึงแต่ยังไงซะก็คงต้องจัดการให้เร็วที่สุดอยู่ดีเพราะไม่อยากจะพลาดโอกาสดีๆที่รออยู่ที่บ้านนั่นไปซะ!!
.
.
.
..
.
.
.
.
.
ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะจัดการกับเป้าหมายในครั้งนี้ได้สำเร็จ...นัยน์ตาคู่คมทั้งสองคู่กวาดสายตามองร่างไร้วิญญาณกว่ายี่สิบร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ตามพื้นและเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีร่างใหนยังหายใจทั้งสองคนจึงแยกย้ายกันหาหลักฐานที่พอจะมัดตัวพวกมันและสาวไปถึงตัวการใหญ่ในครั้งนี้ได้และดูเหมือนมันจะไม่ต้องหายากอย่างที่คิดเมื่อ!.

"เฮ้รีไวล!!"

เพื่อนร่างสูงชะโงกหน้าออกมาจากอีกห้องหนึ่งให้เขาต้องละสายตาจากห้องที่ตัวเองค้นแล้วเดินเข้าไปหาแต่ก็ต้องตะลึงเมื่อสิ่งที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะมันคือ...ระเบิดพลีชีพจำนวนมากทั้งที่ประกอบเสร็จแล้วพร้อมใช้งานและที่ยังทำไม่เสร็จมากพอที่จะระเบิดประเทศนี้ทั้งประเทศให้เป็นจุล!!...

"พวกมันกะจะถล่มประเทศของนายเลยนะเนี้ย...เชื่อได้เลยว่าที่ขนออกไปจากที่นี่แล้วก็มีไม่น้อยแน่"

ทั้งคู่ช่วยกันเก็บหลักฐานที่พอจะเอาไปได้ใส่เป้ที่ทิ้งอยู่ข้างโต๊ะก่อนจะแยกย้ายกันค้นห้องที่เหลือกันอีกรอบและเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรแล้ว
รีไวล์จึงเดินไปเคาะประตูห้องที่ร่างสูงใหญ่แยกไปสำรวจ

"โฮ่ย....ไปกันได้แล้วชั้นไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับที่นี่ไปมากกว่านี้แล้วว่ะ"

"เฮ้รีไวล์!!...ฉันว่านายมีอะไรให้เกี่ยวมากกว่าที่นายคิดซะอีกนะ....มาดูนี่สิ"

ถึงแม้จะแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับคำพูดของคู่หูร่างสูงใหญ่และหงุดหงิดที่ต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่มากเกินความจำเป็นแต่เขาก็ยอมที่จะเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้และทันทีที่เข้าไปเห็น!!

"นี่มันเรื่อบ้าอะไรกัน!??" 

"ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามนาย"

"จู่ๆนายก็โยนคำถามซะงั้นน่ะนายไม่รู้เหรอว่านี่มันอะไรเอลวิน!?"

"ฉันแค่เล่นลูกไปตามเกมส์แล้วมันเด้งมาที่นายว่ะ"

รีไวล์ถึงกับอึ้งไปหลายนาทีกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าและมันจะคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากลูกมันเด้งมาที่เขาจริงๆในเมื่อสิ่งที่ติดอยู่บนผนังห้องกว่ายี่สิบไม่สิเกือบห้าสิบใบหรืออาจจะถึงร้อยใบมันคือรูปและแทบจะทั้งหมดมันคือรูปของเขา!!...รูปของเขาคนเดียวทั้งนั้น!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างกายที่ดูจะอ่อนล้ากว่าทุกครั้งหลังจากทำภารกิจเสร็จของรีไวล์ทอดกายลงนั่งบนม้านั่งในสวนสาธารณะกลางเมืองรอร่างสูงหญ่ที่กำลังคุยกับเจ้าหน้าที่พิเศษและเอามือถือเครื่องใหม่มาให้เขาแทนเครื่องเก่าที่ถูกไวรัสกินเมื่อเช้า

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองแสงสีส้มอ่อนๆที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไปอย่างเลื่อนลอยถึงจะบอกว่าไม่แปลกใจที่ตัวเองตกเป็นเป้าหมายแต่มันเป็นเป้าหมายแบบใหนกัน...ทำไมถึงเป็นเขาทั้งๆที่เขาใชัชีวิตเรียบง่ายไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจแล้วแท้ๆแต่เห็นได้ชักเจนว่ามันยังไม่เพียงพอซะแล้ว...แล้วแบบนี้เจ้าเด็กเหลือขอของเขาล่ะจะตกเป็นเป้าด้วยรึเปล่า?...

"ยังคิดมากเรื่องรูปถ่ายอยู่อีกรึไง?"

"ก็แหงล่ะ...ลองมาเป็นชั้นดูมั้ยล่ะ"

"ฮะฮะฮะ...ฉันไม่อยากตกเป็นเป้าของพวกมือระเบิดพลีชีพว่ะ...มันน่าเศร้า"

"ช่างหัวชั้นเถอะ...พวกเขาว่าไงบ้าง?"

"ไอ้เด็กขายข่าวตายแล้ว...พวกเขาช้าเกินไปคงจะก่อนหน้าที่หน่วยของเราจะเข้าไปสักชั่วโมงเห็นจะได้และแน่ชัดแล้วว่า...อ้เด็ก
ไรเนอร์ไม่ได้เป็นคนปล่อยไวรัสใส่มือถือนาย"


สิ่งที่เพิ่งจะได้ยินทำเอานัยน์ตาสีขี้เถ้าถึงกับเบิกขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อหูเพราะถ้าหากไม่ใช่ไอ้เด็กนั่นแล้วจะเป็นใครกัน??
 
"นายหมายความว่ามีคนอื่น..."


"ไม่ใช่ฉันแต่เป็นพวกเค้า"

ความเงียบโรยตัวเข้ามาห้อมล้อมพวกเขาชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเป็นรีไวล์ที่ตัดสินใจพูดออกมา

"เสร็จงานนี้แล้วชั้นจะวางมือซะที"

"ไม่เอาน่าพวกอย่าบอกนะว่าคู่เราไม่เพอร์เฟคน่ะ...อย่าป๊อดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องซี่...ฉันต้องการนานะ"

"หึหึ...ไม่มีชั้นนายก็ทำได้นี่...อีกอย่างชั้นคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วล่ะคราวนี้คงจะได้วางมือซะที"

"อย่าบอกนะว่าเพราะเอเลนน่ะ...ดูนายจะแคร์เด็กคนนี้มากเกินไปแล้วนะพวก"

"....."

"เฮ้อ~~...เด็กนี่คงทำนายตายสักวันจริงๆนั่นแหละรีไวล์"

ไร้คำตอบรับและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ...จะบอกว่าใช่มันก็ไม่ผิดหรอกเพราะเขาแคร์ความรู้สึกของเอเลนมากทีเดียวแถมมารู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าแบบนี้ด้วยแล้ว...บอกตรงๆว่าเขาไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่เป็นห่วงเจ้าเด็กเหลือขอของเขามากกว่า...ไม่อยากให้เอเลนต้องเป็นอะไรไปเพราะผลพวงมาจากงานของเขาอีกอย่าง...เขายังไม่พร้อมที่จะเสียเจ้าเด็กเหลือขอไปตอนนี้....ยังไม่พร้อมจริงๆ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ติ๊งต๊อง!!!

"อาร์มินฝากที่เหลือด้วย!!"

"อืมม!!"

เสียงกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้นทำเอาร่างโปร่งบางที่กำลังจัดโต๊ะวิ่งมาด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจโดยมีเพื่อนสนิทร่างเล็กเข้ามารับช่วงจัดโต๊ะต่อให้และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเขาทั้งสี่คนจะได้ร่วมโต๊ะอาหารกันจะว่าไปต้องบอกว่าตั้งแต่เพื่อนของคุณรีไวล์อย่างคุณเอลวินมาพวกเขาก็กลายเป็นต้องมาทานข้าวเย็นด้วยกันทุกวันถึงจะถูกถึงแม้จะแค่สองสามวันก็ตามทีแต่ต่อจากนี้คงจะได้ทานข้าวด้วยกันแบบนี้เป็นประจำกระมั้งถ้าหากคุณเอลวินไม่หนีกลับอังกฤษไปซะก่อน

"ยินดีต้อนรับกลับครับคุณรีไวล์!!"

แทบจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัวเจ้าลูกหมาขี้อ้อนก็กระโจนโถมน้ำหนักตัวทั้งหมดที่มีใส่เขาจนถึงกับเซไปข้างหลังน้อยๆจนอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มใสๆซะฟอดใหญ่ให้หายคิดถึงโดยไม่สนสายตาของเพื่อนร่างสูงใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว

"สวัสดีครับคุณเอลวิน!!"

"หวัดดีเอเลน...คิดว่าลืมฉันไปซะแล้ว"

"ไม่ลืมหรอกนะครับก็คุณเอลวินเป็นเพื่อนคุณรีไวล์นี่นาผมจะลืมได้ยังไงกันครับ"

"ไม่ต้องไปสนใจหมอนั่นมาก...มานี่!"

"เอ๊ะ!!...แล้วทำไมึคุณรีไวล์ถึงเนื้อตัวยับเยินขนาดนี้ครับเนี้ยไปทำอะไรกันมาเหรอครับ!!??"

"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะไม่ต้องใส่ใจหรอก"

"สภาพแบบนี้ไม่นิดแล้วนะครับไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า!!"

ร่างโปร่งบางดันแผ่นหลังของคุณรีไวล์หายเข้าไปในห้องข้างๆและจัดการหาชุดใหม่ให้เปลี่ยนทั้งๆที่ยังเปิดประตูห้องเอาไว้ปล่อยให้เพื่อนสนิทของตัวเองอยู่กับเพื่อนของคุณรีไวล์ตามลำพังและแน่นอนว่า.....

"คุณพาคุณรีไวลหายไปใหนมา?"

"อ่า...แล้วว่างๆนายชอบทำอะไรให้ผู้ชายแบบฉันอ้าปากค้างกันล่ะหื๋มม์?"

"คำพูดแบบนั้นเค้าเอาไว้ใช้กับผู้หญิงโคมเขียวนะครับคุณคิดอะไรอยู่ถึงพาคุณรีไวล์ไปเที่ยวโสเพณีไม่รู้เหรอว่าพวกเค้าเพิ่งหมั้นกัน!?"

"เอาแต่ห่วงคนอื่นอยู่ได้แล้วนายล่ะหื๋มม์ไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง?"

มือใหญ่แนบลงบนแก้มใสที่ยังคงซับสีระเรื่อเพราะพิษไข้ทั้งยังยิ้มอ่อนโยนอย่างหาได้ยากแต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กเรือนผมสีเดียวกันจะไม่ได้สนใจความหวังดีของเขาเลยสักนิด

"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง!!...ผมถามว่าคุณไม่รู้รึไงว่าพวกเขาเพิ่งหมั้นกันเอลวินสมิธ!!"

มือเล็กๆทั้งบิดทั้งหยิกอีกฝ่ายที่ยังทำหน้าระรื่นอย่างนึกหมั่นใส้ระคนโมโหถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีความสัมพันลึกซึ้งถึงขั้นรักแต่ถ้าหากคนที่นอนด้วยกันมาสองวันและถึงขั้นทำเรื่องแบบนั้นไปแล้วไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้เขาทนไม่ได้จริงๆ!!

"รู้สิ...เค้าพูดเรื่องนี้ทั้งวันจนน่ารำคาญแต่จริงๆแล้วเราต้องไปรับผ้าที่ตึกนั้นน่ะพอดีผมทำงานนำเข้าผ้าอีกอย่างหนึ่งน่ะพอดีรีไวล์รู้จักแถวนั้นผมก็เลยขอให้เค้าพาไป.."

"หวังว่ามันจะมีความจริงอยู่บ้างนะครับ"

"แน่นอนสิฉัน...."

RRR RRRR~~~

ทุกคำแก้ตัวถูกหยุดเอาไว้ด้วยเสียงโทรศัพท์ของร่างสูงใหญ่เจ้าตัวจึงได้แต่ยกมือยอมแพ้ขอพักยกชั่วคราวอย่างเลี่ยงไม่ได้

"ขอโทษอาร์มินแต่ขอตัวรับสายก่อนนะที่รัก"

เอลวินเลือกที่จะเดินไปโถงห้องรับแขกแล้วตรงไปเปิดเครื่องเสียงก่อนจะกดรับโทรศัพท์แต่ก็ยังมิวายหันไปส่งยิ้มให้กับร่างเล็กที่ยืนถลึงตาใส่อยู่ที่ห้องอาหารให้เจ้าตัวได้หงุดหงิดเล่น

"ว่าไง?"

"หื๋มม์??"

"แล้วส่งของทันรึเปล่า?"

"อ่า....ถ้างั้นก็ตกลงตามนั้นแค่นี้นะบาย"

มือถือถูกกดวางสายก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะตีสีหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครออีกคนสังเกตุเห็นสีหน้าแบบนั้นของเขาก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง

"เอาล่ะ!!...เมื่อกี้เราคุยถึงใหนกันแล้วนะ?"

"คุณเล่าให้อาร์มินฟังว่าคุณเอลวินกับคุณรีไวล์ไปรับผ้าตอนที่ผมเจอคุณน่ะครับ"

เป็นเสียงหวานๆของคนที่เพิ่งจะช่วยคู่หมั้นของตนเปลี่ยนชุดเสร็จพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้อง

"ฮะฮะฮะ...งั้นเหรอเอ่อคือ...มีอะไรจะสารภาพอ่ะนะว่าฉันไม่ได้ทำธุรกิจค้าผ้าหรอกนะ...จริงๆแล้วฉันเป็น...ปืนที่มองไม่เห็นของกระทรวงกลาโหมเหมือน.......เพื่อนฉันคนนี้"

ร่างสูงใหญ่ยกแก้วไวท์ชี้ไปหาคนที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดออกมาให้อีกคนถึงกับหางตากระตุกกับคำพูดที่ไม่ได้ระวังของตัวเองก่อนจะรีบแก้ตัวทันควันเมื่อร่างบางทั้งสองหันมามองเขาด้วยความตกใจระคนสงสัยเป็นตาเดียว

"คือว่างานส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นน่ะ"

"อื้ม!...งานส่วนใหญ่เป็นปืนน่ะ"

รีไวล์ส่งสายตาจิกกัดให้กับคู่หูจอมกวนประสาทแทบจะทันทีที่เจ้าตัวยังไม่ยอมหยุดเพราะเขาไม่รู้ว่าร่างสูงใหญ่ต้องการจะทำอะไรกันแน่ถึงได้เอาเรื่องงานของพวกเขามาล้อเล่นให้มันเป็นเรื่องตลกอยู่แบบนี้และดูเหมือนร่างเล็กเรือนผมสีทองจะรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของทั้งสองคนจึงถามกลั้วเสียงหัวเราะออกไป

"แล้ววันนี้คุณฆ่าคนรึยังครับคุณเอลวิน สมิธ?"

"อ่า~...ขอนับก่อนนะก็ประมาณ...ชั่วโมงละคนใช่มั้ยรีไวล์?...ฮะฮะฮะ"
       
หางตาคู่คมกระตุกถี่ยิบขึ้นมาอีกรอบเมื่อถูกร่างสูงใหญ่โยนคำตอบมาให้อีกเป็นรอบที่สอง...เขาล่ะอยากจะเข้าไปตะบันหน้าที่ดูเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่นให้เละคามือซะให้รู้แล้วรู้รอด!!...สรุปมันจะไม่หยุดล้อเล่นด้วยมุกฝืดๆแบบนี้จริงๆสินะไอ้หัวทองนี่!!!...

"แล้ววันนี้คุณรีไวล?ฆ่าคนประเภทใหนเหรอครับ?"

น้ำเสียงสดใสที่ดังขึ้นข้างๆทำให้เขาต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติก่อนจะหันมายิ้มอ่อนโยนให้คนถามพร้อมทั้งตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ยังมิวายหันไปจิกกัดคู่หูตัวแสบของตัวเอง

"ก็แบบปรกติ...พวกคนเลว"

"อ้า~~...พวกคนเลว...ชาติชั่วทำระเบิดพลีชีพ...เลือดเย็น...พวกแขกปากีสถานที่ทำระยำอยู่นอกการาจีน่ะ!!......"

ร่างสูงใหญ่พูดเสริมขึ้นด้วยท่าทางจริงจังเสียจนสองร่างบางถึงกับตะลึงเพราะท่าทางแบบนั้นมันคงไม่ใช่แค่ล้อเล่นกันธรรมดาเสียแล้วและเพราะท่าทางตื่นๆของทั้งสองคนและสายตาอาฆาตจากคู่หูร่างสันทัดเอลวินถึงได้หยุดประโยคถัดมาและปรับเปลี่ยนท่าทางที่ดูจริงจังเสียจนมื้อเย็นเริ่มกร่อยให้กลับมาเป็นขี้เล่นและทำเหมือนเรื่องที่พูดไปเมื่อครู่มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นธรรมดาอีกครั้ง

"อ่า~~...ไม่ใช่หรอกจริงๆแล้วเราถล่มรังผู้ก่อการร้ายน่ะ...เล่าให้เอเลนฟังซี่รีไวล์"

"อืม...นั่นก็คืองานที่เราทำตอนที่นายเจอเราในลิฟท์น่ะ"

รีไวล์ต้องจำใจเล่นไปตามเกมส์ของร่างสูงใหญ่เมื่อเขาถูกโยนคำตอบมาให้อีกเป็นครั้งที่สามถึงจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่จริงของอีกฝ่ายก็ตามแต่...รอยยิ้มกวนประสาทที่มุมปากนั่นมันทำให้เขาเผลอขบกรามแน่นอย่างไม่รู้ตัวและเชื่อได้เลยว่ามันจะถูกโยนมาอีกเป็นชุดแน่!...ไอ้มุกตลกฝืดนี่!!

"ฮะฮะ...จริ๊ง!!...รีไวล์นายนี่ถ่อมตัวสุดยอดไปเลยนะเล่าให้เอเลนฟังสิว่านายช่วยโลกเอาไว้"

"จริงเหรอครับคุณรีไวล์?"

"อืม..."

"แล้วคุณจับพวกเค้าได้หมดมั้ยครับคุณเอลวิน?"

คราวนี้เป็นร่างเล็กที่เงียบไปนานเอ่ยถามขึ้นทั้งๆที่สายตายังคงจ้องหน้าคนที่ตัวเองถามอย่างไม่วางตาเพราะถึงแม้ว่าเอเลนเพื่อนของเขาจะเข้าใจว่านี่เป็นแค่การอำกันเล่นๆแต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่!!...

"หึหึ...ไม่แน่ใจแต่อีกไม่นานต้องรู้แน่ๆ...อ้าวล่ะมาปาร์ตี้กันต่อดีกว่ารู้สึกเราจะคุยเรื่องเครียดๆกันเยอะแล้ว"

และก็เป็นไปตามที่เขาคิดไว้...ร่างสูงใหญ่ยังคงตอบเขาด้วยสีหน้าระรื่นแต่จะมีใครสังเหตุเห็นเหมือนเขาหรือไม่ว่าผู้ชายคนนี้กดเสียงหัวเราะให้ทุ้มต่ำลงไม่เหมือนทุกครั้งที่จะแหกปากหัวเราะอย่างสบายใจบ่งบอกได้ชัดเจนว่าทั้งคุณรีไวล์และคุณเอลวิน สมิธคนนี้มีบางอย่างที่ไม่อยากให้พวกเขารับรู้อยู่แน่นอน

"อ้าวชนแก้วกันหน่อยชนแก้ว...ฮะฮะฮะ"

ปาร์ตี้มื้อเย็นดำเนินไปเป็นปรกติเหมือนเช่นทุกวันอีกครั้งท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใสให้กับมายากลเล็กๆน้อยๆที่ร่างสูงใหญ่นำเสนอเช่นการงอช้อนแก้วไวท์เดินได้หรือแม้แต่ผ้าปูโต๊ะลอยขึ้นเองทั้งๆที่ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว...ทั้งๆที่คืนนี้มันน่าจะผ่านไปอย่างราบรื่นแต่!!!.....

RRRR RRR~~~~

เสียงโทรศัพท์ที่ไม่น่าจะดังขึ้นตอนนี้ทำให้ทั้งสี่คนตกอยู่ในความเงียบโดยไม่ได้นัดหมายและผลก็คือเป็นมือถือของร่างเล็กเรือนผมสีทองเจ้าตัวจึงได้แต่ก้มหัวขอโทษทุกคนบนโต๊ะก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแต่ก็ยังมิวายกล่าวขอโทษอีกครั้ง

"ขอโทษนะครับขอรับโทรศัพท์แป๊ปหนึ่ง"

ร่างเล็กเรือนผมสีทองกดรับมือถือทั้งๆที่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะและเพราะแบบนั้นจงทำให้ทุกบทสนทนาเงียบลง

"ฮัลโหลสวัสดีครับ"

[.....]

"ใครนะ?"

[.....]

"ไม่....ไม่มีคนชื่อโรสที่นี่ครับ"

ร่างเล็กวางสายทันทีก่อนจะหันไปยิ้มให้กับทุกคนแต่บรรยากาศมันกลับดูอึมครึมชอบกลและรู้สึกได้ว่ามันแผ่ออกมาจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เมื่อไม่กี่นาทียังหัวเราะร่วนเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องราวรอบข้างแต่วินาทีนี้กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน...เงียบซะจนคนที่เพิ่งจะวางสายถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

"เค้าโทรผิดน่ะ"

"ม่าย...ไม่ผิดหรอกตรงตัวเป๊ะเลยล่ะ"

"หื๋มม์??"

รีไวล์หันมาสบตากับเพื่อนร่างสูงใหญ่ด้วยไม่เข้าใจความหมายที่เอลวินกำลังจะสื่อแต่ทุกอย่างมันเหมือนกับจะสายเกินไปเมื่อแสงสีเงินวาววับสะท้อนมาให้เขาได้แต่เบิกตากว้าง!!!!

ปัง!!!!!

"ม่าย!!!!!!!"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Tobecontinue!!!!........


ตัดฉับบบ!!!!!!

ฮะฮะฮะ.....กลับมาแล้วค่า!!!!...แต่กลับเป็นการกลับมาแบบรีไรท์แฮะ....ไม่หรอกเค้ามาแบบคอมโบ้เซ็ตตะะหากล่ะตัวเองมาทีเดียวสี่ตอนรวดเลยน้า!!!!

แต่อย่าเพิ่งกร่นด่ากันในใจนะค๊ะว่าทำไมมันถึงโผล่มาแบบนี้แต่ว่านั่นก็เพราะช่วงที่กำลังออนทัวมันเอาแต่ปั่นๆๆๆๆๆๆแล้วก็ปั่นอย่างเดียวเลยแต่พอย้อนกลับมาดูแบบว่าอุบ๊ะคำผิดแม่งเกลื่อนเลย...เลยรับตัวเองไม่ค่อยได้เลยส่งไปให้เพื่อนหลายๆคนมันคลีนให้อีกทีแล้วมันก็โหมกระหน่ำมาวันเดียวกันแบบนี้แหละค่ะ...

เพราะ  Isayaa เองไม่ค่อยจะเหลือเวลาส่วนตัวแต่ก็ยังมีเพื่อนดีๆพอคบได้ให้ไว้วานกันอยู่อ่ะนะคะ....ถึงจะบอกว่าคลีนแล้วก็ตามเถอะแต่ทุกคนมันอ่อนภาษาบ้านเกิดกันหมดอาจจะมีผิดบ้างหลุดบ้างก็ขออภัยด้วยนะค่ะ

******อยากจะบอกว่าดีใจม๊ากกกกที่สุดในชีวิตค่ะที่ขนาด Isayaa  มันหายหัวไปเกือบเดือนครึ่งแต่ก็ยังมีคนแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมบล็อคกันทุกวันเลยยอดวิวงี้พุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียวเพราะทั้งตอนที่อยู่ที่ลาวกะกัมพูากก็แวะเข้ามาดูบล็อคของตัวเองเป็นระยะๆนะคะเห็นแบบนี้แล้วคนแต่งกำมะลออย่าง Isayaa ก็มีกำลังใจจนสามารถตายได้เลยจริงๆ....แบบนี้กำลังใจแต่งต่อก็ท่วมท้นแล้วล่ะค๊ะรับรองว่าเราจะอยู่ด้วยกันนานๆแน่นอนค่ะ
ขอบคุณสำหรับเม้นให้กำลังใใจทั้งหมดนะคะอ่านแล้วยิ้มได้จริงๆแต่มันกู้กลับมาไม่ได้เลยค่ะต้องแต่งใหม่ทั้งหมดแต่ตอนนี้จบแล้วมันก็โล่งอกสุดๆ...เอาไว้ถ้ามีเวลาพอจะแต่ง  รีเออีกเรื่องที่หายไปตอนหนึ่งเหมือนกันมาทดแทนให้นะคะตอนนี้ก็ทนอ่านแบบขาดๆหายๆไปกันก่อนก็แล้วกันอิอิอิ

ขอพล่ามยาวนิดหนึ่งค่ะแต่จะเม้าส์แค่ตอนนี้แหละตอนหน้าไม่แระ

ปล.วันนี้แถม KHR  มาด้วยสองตอนค่ะเพราะยังไงก็ไม่มีวันลืมเหล่าวองโกเล่นะเออแต่อาจจะขาดช่วงไปอีกพักหนึ่งนะคะเพราะกำลังทำซีรี่ส์ให้กับวันเกินของเหล่าอูเคะทั้งหลายอยู่ที่แน่ๆวันที่เก้าเดือนเก้านี่เจอกันแน่นอนสำหรับวันเกิดของลูก(สาว)สุดสวยอย่างนู๋ก๊กแต่อีกหลายๆคนอาจจะลงไม่ตรงกะวันเกิดก็ได้อ่ะนะฮะฮะฮะ...เอาไว้พอำถึงวันเกิดอีกทีค่อยคิดโปรเจคใหม่เอาเน้อะ

มันก็พูดไปแบบนั้นแหละค่ะเอาเข้าจริงไม่รู้จะทำได้รึเปล่าแต่ในหัวมันกลับมีแต่ความอยากของตัวเองเต็มไปหมดเรื่องเก่ายังไม่จบมันเปิดเรื่องใหม่ออกมาเป็นว่าเล่นจริงๆนี่ถ้าไม่โดนหลานทำบทความหายรับรองได้เลยว่ามันไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองแต่เป็นสามสี่ห้าเลยนะจะบอกให้!!!!

ใหนๆก็ร่ายยาวมาขนาดนี้แล้วก็ขอขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับทุกๆคนที่แวะเวียนหรือหลงเข้ามาที่บล็อคไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ...ที่บอกว่าจะไม่เม้าส์ไม่รู้จะอดใจไหวรึเปล่านะฮะฮะฮะ

เจอกันค่ะบั้ยบายย!!!!











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น