12 ก.ค. 2557

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 15

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 15

:Fanfiction Attack on titan

:Romantic

:NC-15




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ










       ใบหน้ามนถึงกับชะงักค้างทันทีที่เห็นว่ากลุ่มคนที่กำลังควบม้าเข้ามาใกล้ ไม่ใช่คนที่ตัวเองกำลังคนึงหาแต่เป็นชายร่างสูงใหญ่ห้าถึงหกคนได้เมื่อความ รู้สึกหวาดกลัวเข้าครอบงำจนไม่มีกระจิตกระใจมานั่งนับจำนวน....สองขาเรียว ยาวถอยหลังไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่แล้วก็ต้องหงายหลังล้มลงไปอีก ครั้งเมื่อหนึ่งในกลุ่มคนตรงหน้าควบม้าเข้ามาหาด้วยความเร็วจนสองแขนผอมบาง ต้องยกขึ้นมาป้องใบหน้าของตัวเองเอาไว้พร้อมกับหลับตาปี๋เมื่อเสียงร้องของ ม้าดังกึกก้องไปทั่วทุ่งกว้างถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ถึงเงาขนาด ใหญ่ทาบทับลงมาบนตัว

"อ๊ะ!!!??..."

จำใจต้องร้องเสียงหลงเมื่อชายร่างยักษ์กระโดดลงมายืนหน้าทมึนอยู่ตรงหน้า

"เฮ้ยรีฟ!!!...ชั้นเจอนางฟ้าตกสวรรค์ว่ะ"

ริมฝีปากหนาหยาบโลนแสยะยิ้มที่ไม่ ว่าจะดูยังไงก็น่าขยะแขยงจนร่างบางต้องกระเถิบถอยร้นไปด้านหลังเมื่อรู้สึก ได้ถึงความไม่ปลอดภัยแต่จะให้ลุกวิ่งหนีไปก็ทำไม่ได้ในเมื่อตอนนี้แม้แต่ พยุงตัวเองขึ้นยืนมันก็เต็มกลืนแล้ว....คุณรีไวล์ช่วยผมด้วย...ในตอนนี้สิ่ง ที่ทำได้ก็เพียงเฝ้าภาวนาให้ใจสื่อไปถึงอีกคนเท่านั้น

"เอาตัวมานี่"

มือใหญ่ที่สากจนบาดผิวคว้าเข้าไปที่ต้นแขนก่อนจะกระชากร่างบางให้ลุกขึ้นโดยไม่ได้สนใจเลยว่าใบหน้ามนกำลังกัดริมฝีปากตัวเองจนห่อเลือด

"หึหึ...หน้าตาดีนี่หว่า"

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีกคนกระโดดลง มาจากหลังม้าก่อนจะใช้สายตาลามเลียอย่างไม่คิดจะปิดบังความต้องการของตนมือ สากกร้านบีบปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นเอียงซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังสำรวจสิ่ง ของก็ไม่ปานแต่แล้วก็ต้องเหยียดยิ้มน่าขนลุกเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่องรอย มากมายที่ซอกคอและลาดไหล่

"หืม!!....ไอ้หนูนี่มีเจ้าของซะด้วย...ชื่ออะไร??"

"เอ....เอเลน!!"

"ชั้นหมายถึงคนที่ฝากรอยพวกนี้ให้แกตะหาก...มันเป็นใคร??"

"....ขะ...เขา...เป็น..."

"ฮ่าๆๆๆ...แกจะกลัวอะไรนักหนาชั้นก็แค่อยากจะสลักชื่อของมันบนตัวแกเท่านั้น...ไม่อยากได้เหรอ.."

"ปละ....ปล่อยผมไปเถอะครับ...ผมแค่หลงทาง"

"จะปล่อยก็ได้....แต่หลังจากชั้นลบรอยบนตัวนายหมดแล้วล่ะนะเจ้าหนู...ฮ่าๆๆๆ"

"ผมขอต่อด้วยคนนะรีฟ...ฮ่ะๆๆ...อู้ยแค่คิดก็ตื่นขึ้นมาซะแล้ว"

"ฮ่าๆๆๆ"

เสียงหัวเราะชวนขนลุกของกลุ่มชาย ร่างยักษ์ทำเอาร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัวนัยน์ตาสีมรกตาสั่นนระริกด้วยความ หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด...คนพวกนี้กำลังจะทำเรื่องที่จะทำให้ตนตายทั้งเป็น ไปตลอดชีวิตถ้าหากเป็นแบบนั้นตนคงจะไม่มีหน้าไปเจอหน้ากับคุณรีไว ล์อีก...ไม่มีหน้าจะไปบอกรักเค้าคนนั้นอีกเป็นแน่!!...
...คุณรีไวล์...ช่วยผมด้วย...

"คุณรีไวล์~...ช่วยผมด้วย~~"

"เฮ้ยรีฟเมื่อกี้ไอ้เด็กนี่มันพูดว่ารีไวล์ด้วย!!!"

"ว่าไงนะ!!??...รีไวล์...ไอ้เตี้ยรีไวล์งั้นเหรอ!!?"

"แกเป็นเด็กของไอ้เตี้ยที่ไปถล่มรังชั้นเมื่อคืนเองหรอกเหรอเนี้ยฮ่าๆๆๆ..โชคดีเป็นบ้าเลยโว้ยฮ่าๆๆ"

สิ่งที่พึ่งจะได้รับรู้ทำเอาหัวใจ ดวงน้อยหยุดเต้นไปหลายวินาที...คนพวกนี้คือคนที่คุณรีไวล์ไปถล่มเมื่อคืน จริงๆงั้นเหรอ!!??....แย่แล้วทำไงดี...จะทำยังไงดีไม่น่าหลุดปากเลย!...ขอ โทษ..คุณรีไวล์ผมขอโทษ

"ไม่ใช่ผมไม่รู้จักคนชื่อรีไวล์...ผมไม่รู้จักเค้า"

"มันสายไปแล้วเจ้าหนู...ถ้าแกไม่รู้จักมันแกก็คงไม่คร่ำครวญหามันขอให้มันมาช่วยแบบนี้หรอกนะ!!"

"อ๊ะ!!...ไม่หยุดนะ!!!"

ชายร่างยักษคนหนึ่งจับต้นแขนทั้ง สองข้างของร่างบางเอาไว้ให้คนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเสื้อยืดตัวบาง ถูกกระชากขาดกระจุยภายในครั้งเดียวก่อนที่มือกร้านสากหยาบกระด้างจะลูบไล้ไป ตามแผ่นอกบางและนั่นทำให้ใบหน้ามนหลับตาเอาไว้แน่นพร้อมกับกลั้นหายใจราวกับ อยากจะหายไปจากตรงนี้ให้ได้น้ำใสๆไหลลงมาอย่างเหลืออดเมื่อความรู้สึกเจ็บแป ล๊บระคนขยะแขยงมันกอบกุมที่อกข้างซ้ายราวกำลังเกลือกกลั้วอยู่ในอาจมเมื่อ มือหนากระทำการจาบจ้วงแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนหรือหนีออกไปให้พ้นจากตรง นี้.....ช่วยผมด้วยคุณรีไวล์...คณรีไวล์....ใจดวงน้อยกรีดร้องยังพร่ำเรียก หาเพียงหนึ่งเดียว...เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ตนพ้นจากสภาพบัดสีนี่ ได้....เพียงคนเดียวเท่านั้น!!...
.
.
.
.
.
.
"ทำไงดีฉันทนไม่ไหวแล้วนะกุนเธอร์"

"อีกนิดเดียวเท่านั้นเอ็ดหัวหน้าเอลวินบอกว่าหัวหน้ารีไวล์ออกมาได้สักพักแล้วถ้าอีกสามนาทียังมาไม่ถึงเราค่อยออกไปกัน"

"ถ้าหัวหน้ารีไวล์รู้ว่าเราอยู่ที่นี่ด้วยต้องแย่แน่ๆเลย"

"อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยออลโล่...หัวหน้ารีไวล์ไม่เคยขี้ขลาดแบบแก"

สามทหารเสือที่ตามมาคอยคุ้มกันตั้งแต่ต้นกำลังถกเถียงกันเป็นการใหญ่กับเหตุการตรงหน้า

"ไม่!!!!....คุณรีไวล์!!!!!"

เสียงร้องด้วยความทรมานของร่างบาง ทำเอาทั้งสามคนกำด้าปืนเอาไว้แน่นจนเหงื่อซึมออกมาก่อนที่หนึ่งในสามคนจะทน ดูต่อไปไม่ไหวแต่ในขณะที่กำลังจะพุ่งตัวออกไปด้วยอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสาม มิติกลับถูกเพื่อนที่มาด้วยกันห้ามเอาไว้อีกรั้ง

"ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!!"

"เดี๋ยวเอ็ด!!!"

กุนเธอร์หนุ่มหัวทรงหอมใหญ่คว้า ตัวเพื่อนเอาไว้ได้ทันเมื่อมองเห็นใครบางคนกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วที่มอง ตามแทบไม่ทันของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติที่ใช้หลักอากาศศาสต์ไม่จำเป็น ต้องพึ่งพาต้นไม้หรือกำแพงในการเคลื่อนไหวอีกต่อไปและมันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดแห่งทีมสำรวจ
.
.
ฟิ้ววว!!!!

พลั่ก!!!!!

"อุ๊กก...."

ชายร่างยักษ์คนหนึ่งที่นั่งอยู่บนหลังม้าร่วงลงมาสลบเหมือดอยู่กับพื้นโดยไม่ทันจะรู้ตัวเลยว่าตัวเองโดนเล่นงานตั้งแต่เมื่อไหร่

"เฮ้ย!!!!...อะไรว่ะ!!!"

"ระ....รีไวล์!!!....อุ๊ก!!!"

"อ๊ากกกก!!!/อั๊กกกก!!!"

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคร่าง ยักษ์ที่ยังไม่ทันจะหายจากอาการตกใจเท้าหนักๆก็ถีบเข้าไปที่ยอดอกจนลอย กระเด็นไปชนเพื่อนที่ด้านหลังก่อนที่เข่าที่ไม่ได้ใหญ่โตแต่หนักหน่วงยิ่ง กว่าช้างสารบวกกับความเร็วกว่าร้อยห้าสิบกิโลเมตรลอยตามไปติดๆทำเอาร่าง ยักษ์ทั้งสองคนที่ลอยทับกันลงไปกับพื้นถึงกับกระอักเลือดออกมาก่อนสติจะดับ วูบไปตามๆกัน

"แก!!!...รีไวล์อย่าเข้ามานะไม่งั้นเด็กนี่ตาย!!!!"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่ง ยิ่งกว่าใครที่ยังคงฝังเข่าอยู่บนร่างของชายร่างยักษ์ทั้งสองค่อยๆเงยหน้า ขึ้นไปมองใบหน้ามนที่ดูกวาดกลัวอย่างถึงที่สุดนัยน์ตาสีเขียวมรกตสั่นไหว ทันทีที่เห็นหน้าเขาริมฝีปากบางขยับขึ้นลงราวกับกำลังร่ำร้องเสียงชื่อของ เขาตลอดเวลายิ่งทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งที่อกข้างซ้ายทวีความรุนแรงขึ้นเป็น ร้อยเท่าทวีคูณโดยไม่ได้สนใจคนที่มันกำลังถือมีดจี้ลำคอขาวผ่องเลยสักนิด

"ถ้าแกแตะต้องคนของชั้นอีกแม้แต่ปลายเล็บ....ก็อย่าหวังว่าแกจะยังมีลมหายใจอีกต่อไป!"

ถึงแม้ใบหน้าคมจะยังเรียบเฉยหรือ แม้แต่น้ำเสียงที่ยังนิ่งสนิทแต่เจ้าคนถ่อยทั้งสองคนก็รับรู้ได้ว่าร่างแข็ง แกร่งตรงหน้ากำลังร้อนระอุใกล้เวลาปะทุยิ่งกว่าภูเขาไฟซากุระจิมะในญี่ปุ่น ซะอีกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าทั้งๆที่มือสากที่ถือ มีดกำลังสั่นระริก

"แก....แกอย่ามาขู่ชั้นซะให้ยาก...โทษฐานที่แกถล่มรังของชั้นจงรับศพเด็กนี่ไปซะเถอะ!!!!"

"ย๊ากก!!"

ชายร่างยักษ์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เงื้อมีดขึ้นจนสุดแขนก่อนจะพุ่งลงมาด้วยความเร็วจนใบหน้ามนได้แต่ปิดตาแน่น รอรับความเจ็บปวดเมื่อหมดหนทางหลบหลีกไปใหนได้อีก

ปัง ปัง ปัง!!!!!

"เฮือก!!!"

ร่างบางได้แต่ตัวแข็งค้างลืมความ เจ็บปวดที่ข้อเท้าไปเสียสนิทเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้ามันเร็วจนหัวสมองประมวล เหตุการณ์ไม่ทันรู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อของเหลวสีชาดกระเซ็นมาเปื้อนที่ใบ หน้าของตัวเองซะแล้วนัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเหลือบมองคนที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด อยู่ตรงหน้าและรู้สึกได้ว่าคนที่ด้านหลังก็คงจะมีสภาพไม่ต่างกัน

"คุณ......รี...ไวล์..."

ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความหวาด กลัวหรือรู้สึกโล่งใจก็ตามสติที่แทบจะประคองเอาไว้ต่อไปไม่ไหวก็ดับวูบลงแต่ ก่อนที่มันจะขาดหายไปกลับรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น...อ้อมกอดที่สุด แสนคิดถึงและโหยหามาตลอด.....
.
.
.
.
....
 มือ เรียวกอบกุมมือผอมบางของคนที่ยังสลบไสลเอาไว้ไม่คิดจะปล่อยมือไปอีกครั้งใบ หน้าคมส่อแววกังวลและโทษตัวเองอย่างเห็นได้ชัดเพราะถ้าหากเขาไม่หายตัวไปถ้า หากเขายอมรับสายร่างบางเพียงแค่ครั้งเดียวเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นยิ่ง ได้มารู้ความจริงจากปากเพื่อนสาวจอมเพี้ยนก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดมันทับถม ลงมาที่เขาเพียงคนเดียว

"ความผิดของคุณคนเดียวอิตา....คุณรีไวล์"

"ชั้นรู้...ขอโทษ"

"มันเป็นความผิดของคุณ"

"ขอโทษแล้วไง"

"แต่มันเป็นความผิดของคุณ!!"

"ชั้นรู้.."

"เพราะคุ......"

"พอๆๆๆ...พอเลยทั้งสองคนจะพูดแบบ นี้จนกว่าเอเลนจะพื้นขึ้นมาเลยรึไงสามชั่วโมงแล้วนะที่พวกนายเอาแต่ตอกย้ำ กับขอโทษกันอยู่แบบนี้...หยุดได้แล้วเดี๋ยวเอเลนตื่นขึ้นมาเห็นแฟนกับพี่ สาวกลายเป็นนกแก้วนกขุนทองจะทำยังไง!!?"

ฮันซี่รีบเสนอตัวเข้าไปแทรกทั้ง สองคนที่ยังคงพร่ำต่อว่าและขอโทษกันตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วแต่ก็อดแปลกใจไม่ ได้ว่าคนขี้รำคาญอย่างรีไวล์จะพูดคำเดิมซ้ำๆกว่าร้อยรอบแบบนี้ได้คงจะกำลัง โทษตัวเองอย่างมากอยู่เป็นแน่แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวหน้าเดียวจะพูดจา ซ้ำๆคำเดิมอยู่แบบนี้ได้เหมือนกัน....

"ฮ่ะๆ...ชั้นว่าพวกนายสองคนเหมือนกันแบบแปลกๆว่ามั้ยเอลวิน?"

"หึหึ...นั่นสินะ"

"เป็นมั้ยๆขนาดเอลวินยังเห็นด้วยเลย...ฮ่ะๆๆๆ"

"เงียบๆหน่อยยัยแว่นเดี๋ยวเอเลนก็ตื่นกันพอดี!!"

"อ้าว!?!...ไม่ใช่อยากให้ตื่นหรอกเหรอ?....ที่นายเถียงกับมิคาสะ...."

"เราไม่ได้เถียงกัน!!!"

ใบหน้านิ่งๆของทั้งสองคนหันมาแขวะ สาวแว่นแทบจะพร้อมๆกันจนต้องยกมือยอมแพ้อย่างกนระทันหันเพราะเธอคงไม่สามารถ ฝ่ารังสีอำมหิตของสองคนหน้าปลาตายนี่ได้แน่ๆ

"โอเคๆ...ชั้นยอมแพ้ก็ได้..ใครจะไปสู้ไหวเล่นสองรุมหนึ่งแบบนี้"

ใบหน้ามนค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้น เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่มือกับเสียงแจ้วๆของสาวแว่นแต่เหมือนกับได้ยิน เสียงของคุณรีไวลกับมิคาสะด้วยนี่นา.กำลังทะเลาะกันอยู่งั้นเหรอ??...แต่ ชั่งเถอะเพราะสิ่งที่อยากจะเห็นมากที่สุดในตอนนี้...

"คุณ....รีไวล์..."

เสียงแหบพล่าของร่างบางทำทุกคำพูดของทุกคนในห้องกลืนหายเข้าไปในลำคอและหันมาสนใจร่างบางบนเตียงเป็นตาเดียว

"เอเลน!!!!"

"คุณ...รีไวล์~~"

นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่แสนคิดถึงด้วยแววตาที่สั่นระริกก่อนจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าที่กางแขนรับเอาไว้ได้พอดี

"ไอ้เด็กบ้า!!...นายกำลังทำให้ชั้นเป็นบ้ารู้ตัวรึเปล่าห๊า!!"

"ผมขอโทษ~~....."

ในตอนนี้ไม่ว่าใครจะผิดหรือถูกไม่จำเป็นสำหรับเขาอีกต่อไป..ริมฝีปากคมกดจูบหนักๆที่ขมับสีน้ำตาลก่อนจะฝังจมูกเอาไว้แบบนั้น

"ชั้นขอโทษ....ชั้นขอโทษ"

"อย่าทิ้งผมไป...แบบนี้อีกนะครับ....."

"ชั้นจะไม่ทิ้งนายไปอีก...ชั้นสัญญา"

คำสัญญาที่ออกจากปากของผู้ที่แข็ง แกร่งที่สุดทำเอาน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาด้วยความดีใจ...แขนผอมบางกระชับกอดแน่น ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างกว่าครั้งใหนๆแต่แค่ไม่หนีไปใหนอีกมันจะยังไม่พอซะ แล้ว

"ต้องรับสายของผมทุกครั้งด้วยนะครับไม่ว่าคุณจะโกรธจะเกลียดหรือไม่อยากเห็นหน้าผมก็ตาม"

"อึก!...."

"นะครับ"

"นายจะขอมากไปแล้วไอ้เด็กเหลือขอ"

"สัญญานะครับ!"

".....ก็ได้ชั้นสัญญาชั้นจะรับสายของนายทุกครั้งพอใจรึยัง??"

"ครับ!!...มากที่สุด"

เพียงเท่านี้ใจดวงน้อยก็พองโตยิ่งกว่าลูกบอลลูนซะอีกเพราะมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะมีวันผิดสัญญาอย่างแน่นอน

"ว้าเอเลวิน มิคาสะ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่าห้องนี้มันหวานจนเบาหวานชั้นทะลุสิบรอบแล้วนะขืน อยู่ต่อชั้นมีหวังได้ไปหาบรรพบุรุษที่โลกหน้ากันพอดี"

"หึหึ....นั่นสินะ"

"ดูแลตัวเองด้วยนะเอเลน"

ไม่นานตัวประกอบทั้งสามคนก็ออกไปจากห้องปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง
แต่ยังไม่ทันจะถึงสิบวินาทีที่ทั้งสามคนออกไปเสียงประตูก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง

"เอเลนชั้นลืมบอกไป..ไอ้เพื่อนเตี้ยของชั้นมันเห็นนายกำลังกอดไอ้เด็กแจนที่ทางไปคอกม้าน่ะมันเลยสติแตกหนีออกไปเมื่อคืน!!!"

"หุบปากยัยแว่น!!!!!"

ปัง!!!!

เสียงตวาดลั่นดังขึ้นจังหวะเดียว กับเสียงประตูปิดลงพอดีและมั่นใจได้เลยว่าเขาต้องถูกยัยแว่นผีล้อจน....ลูก บวชใช่รึเปล่านะที่เจ้าเด็กเหลือขอเคยพูดไว้

"จริงเหรอครับ!!??"

"คุณรีไวล์เห็นจริงๆเหรอครับ!!!"

ร่างบางรีบผละออกมาจากอ้อมแขนชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"อย่าโกรธผมเลยนะครับ...ผมแค่ไปตามหาคุณแต่แจนตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้"

".........."

นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองใบหน้าคมที่ยังเรียบเฉยด้วยแววตาอ้อนวอนเพราะอีกฝ่ายยังคงนิ่งจึงเดาไม่ออกเลยว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

"ผมขอโทษ....ต่อไปผมจะไม่อยู่ใกล้แจนอีก...หายโกรธผมนะครับ"


ความจริงแล้วก็หายโกรธตั้งแต่ตอน ยัยแว่นผีจอมจุ้นเล่าให้ฟังไปแล้วล่ะแต่แค่อยากจะแกล้งคนตรงหน้าให้หายแค้น ที่ทำให้เขาเครียดจนแทบบ้าสักนิดสักหน่อยก็แล้วกันแต่จะทำยังไงดีล่ะ....คิด เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเป็นซะด้วยสิ...และเพราะแบบนั้นถึงได้แต่นั่งเงียบไม่ คิดจะพูดอะไรให้ใบหน้ามนกังวลใจเล่นๆ

"คุณรีไวล์...ยกโทษให้ผมนะครับ"

"....ก็ไม่ได้โกรธนี่....แค่หงุดหงิดนิดหน่อย"

"ไม่จริง!!...ถ้าแค่นิดหน่อยแล้วทำไมไม่ยอมรับสายผมล่ะครับคุณรีไวล์ต้องโกรธผมมากแน่ๆ"

"รู้ตัวก็ดี"

".....ขอโทษ...ผมขอโทษต้องให้ทำยังไงถึงจะหายโกรธล่ะครับ?"

"ถ้างั้น......เอียงหูมานี่สิ"

ใบหน้ามนถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ ยอมทำตามอย่างว่าง่ายแต่แล้วสิ่งที่อีกคนกระซิบบอกกลับทำเอาใบหน้าสวยซับสี จัดพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"ตะ....ตอนนี้เหรอครับ!!??"

"ใช่ตอนนี้!!"

"กะ...ก็ได้ครับแต่รับปากผมก่อนว่าจะหายโกรธผม"

"แน่นอน"

ได้ฟังแบบนั้นสองแขนผอมบางก็สอด เข้าไปคล้องคอของคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนที่ใบหน้ามนจะค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ แล้วจรดหน้าผากเอาไว้แบบนั้นเมื่อความอายมันมีมากกว่าถึงแม้ว่าเรื่องแบบนี้ มันจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันก็เป็นครั้งแรกที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายรุกแบบนี้ หมายถึงตอนที่มีสติครบสามสิบสองไม่นับตอนเมาล่ะนะ...

"หยุดทำไม?"

"โธ่....ขอเวลาทำใจหน่อยสิครับ"

ยิ่งถูกอีกฝ่ายเร่งเร้าริมฝีปาก บางยิ่งเม้มเข้าหากันแน่นอยู่แบบนั้นหลายวินาทีแต่ดูเหมือนอีกคนจะกำลังสนุก กับการแกล้งคนในอ้อมแขนเมื่อริมฝีปากคมหยักยิ้มพอใจก่อนที่ปลายลิ้นเปียกแฉะ จะเลียลงปที่ริมฝีปากบางแล้วกดจูบซ้ำลงไปเบาๆโดยไม่ทนรอให้ร่างบางเป็นฝ่าย เริ่มเพราะไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเขาก็ได้ประโยชน์สูงสดอยู่ดีนั่นแหละ
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างโปร่งบางเดินกระเพลกลงมาจากชั้นสองก่อนที่พี่สาวต่างสายเลือดที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วจะเดินเข้ามาประคองเอาไว้

"ขับรถดีๆล่ะมิคาสะ"

"ไม่ต้องห่วง.........พรุ่งนี้เช้ารออ่านข่าวหน้าหนึ่งได้เลย"

"เธอว่าไงนะ??"

"เปล่าไม่มีอะไร"

"มิคาสะ!"

"จริงๆ"

ประโยคหลังเบาลงจนน้องชายของเธอ ถึงกับขมวดคิ้วสงสัยนัยน์ตาสีมรกตมองรถสปอร์ตสีแดงเพลิงของเพื่อนสลับกับ หน้านิ่งๆของพี่สาวไปมาพรางรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้ พี่สาวของตนทำอะไรห่ามๆอีกเลย

"แจนอุตส่าห์ทิ้งรถไว้ให้เธอขับกลับนะยัยบ๊องอย่าทำอะไรพิเลนๆเชียว"

"รู้หรอกน่า"

ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้เข้ากับสีหน้าเลยสักนิดแววตาวาวโรจน์แบบนั้นมันอะไรกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.........Tobecontinue..........

ดีก๊าามาต่อให้แล้วนะก๊าแต่.....ตอนนี้มันมั่วๆยังไงก็ไม่รู้ทนอ่านไปก่อนนะก๊า
สติสตางค์ของ isayaa มันมึนๆงงๆยังไชอบกลถ้าไม่เข้ายังไงก็ขออภัยมณ.ที่นี้ด้วยนะก๊าา

บั้ยบายยยย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น