12 ก.ค. 2557

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 09

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 09

:Fanfiction Attack on titan

:Romantic

:NC-15




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ










                             เฟอรารี่สีดำสนิทเลี้ยวเข้ามาจอดรอที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณหมอเยเกอร์ ก่อนที่เจ้าลูกชายคนเดียวของบ้านจะทำหน้ายุ่งๆเดินลงจากรถมาด้วยอาการที่ ตื่นไม่เต็มตาโดยมีสายตาคู่คมมองตามแผ่นหลังบางอย่างไม่ให้คราดสายตา

"โฮ่ย!!...ชั้นให้เวลาครึ่งชั่วโมงจัดการตัวเองให้เรียบร้อยซะ!!"

"คร้าบๆ.........คุณพ่อคนที่สอง"

ประโยคสุดท้ายถูกพูดออกมาแผ่วเบาจนแทบจะเป็นกระซิบเพราะถ้าหากอีกคนได้ยินก็ไม่รู้ว่าตตัวเองจะยังอยู่ดีรึเปล่านี่สิ





         ร่างโปร่งบางหายเข้าไปในตัวบ้านพักใหญ่ก่อนจะเดินออกมาพร้อมๆกับหญิงสาววัย กลางคนกับเด็กสาวคนนั้น มิคาสะ แอ๊กเคอร์แมน สินะโดยมีเป้ใบที่ไม่เล็กมากและไม่ใหญ่มากสะพายอยู่ที่หัวไหล่ของเจ้า ตัว...เหมือนตอนที่เจอกันตอนขึ้นเครื่องไม่มีผิดริมฝีปากคมจึงได้แต่ยิ้ม หน่ายๆเพราะในเป้ใบนั้นก็คงจะมีเสื้อยืดตัวบางๆเหมือนตอนนั้นเป็นแน่ไม่คิด จะปกปิดร่างกายที่ลายพล้อยของตัวเองเลยสักนิด....คงต้องพาไปหาซื้อใหม่ ระหว่างทางซะแล้ว...และเมื่อเจ้าตัวร้ายเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆเสียงพร่ำบ่น ของคนเป็นแม่สลับกับเสียงโอดครวญของเจ้าตัวก็ดังมาให้ได้ยิน

"ห้าม นอนตื่นสายนะเข้าใจมั้ยอยู่กับผู้ใหญ่ต้องมีสัมมาคารวะอย่าทำตัวงอแงเอาแต่ ใจเหมือนอยู่กับพวกเพื่อนๆไม่ได้นะ...นี่ฟังที่แม่พูดอยู่รึเปล่าเอเลน!!!"

"โธ่....แม่ผมรู้หรอกน่าว่าต้องทำตัวยังไงนี่ไม่ใช่งานแรกของผมซะหน่อยทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้ยี่สิบสามแล้วนะคร้าบบ"

"ก็ เป็นซะแบบนี้ไงถึงไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองเอาแต่ใจน่ะ...อย่าไปทำให้คุณๆเค้า เดือดร้อนเชียวนะ...ถ้ามีเรื่องไม่ดีมาถึงหูล่ะก็แม่จะไม่ให้ทำงานนี้อีก เข้าใจมั้ย???"

ริม ฝีปากคมก็ได้แต่ยกยิ้มอีกรอบเมื่อเจ้าเด็กเหลือขอยกมือขึ้นอุดหูตัวเองแถม หน้ายังงอซะจนตะขอเบ็ดยังอายกันเลย....เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้เป็นแม่เดิน เข้ามาใกล้ชายหนุ่มจึงลงจากรถก่อนจะโค้งให้กับเธอ

"แม่นี่คุณรีไวล์เป็นแฟะ.........เป็นคนที่ผมต้องไปสอนเต้น"

คำ แนะนำตัวของเจ้าตัวร้ายทำเอาหางตาของชายหนุ่มถึงกับกระตุกถี่ยิบนี่ถ้าเจ้า เด็กเหลือขอพลั่งปากพูดออกไปมีหวังคงได้เลิกกันทันทีเป็นแน่เพราะแทนทีผู้ เป็นแม่จะไว้ใจจะยิ่งระแวงหนักเข้าไปอีกเผลอๆอาจจะตามไปด้วยนี่สิ....จะยิ่ง ลำบากหนักเขาไปกันใหญ่

"รบกวนด้วยนะค่ะเอเลนอาจจะเอาแต่ใจไปบ้างยังไงก็รบกวนสั่งสอนให้ด้วยนะค่ะ"

"แม่~ผมไปสอนเต้นน้าไม่ได้ไปเข้าค่ายโธ่!!"

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มน้อยๆกับคำฝากฝังของผู้เป็นแม่ที่ทำราวกับลูกชายหัวแก้ว
หัว แหวนยังเป็นเด็กประถมก็ไม่ปานชายหนุ่มรับคำฝากฝังของผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไป พยักหน้ารับเด็กสาวที่ก้มโค้งให้และกว่าจะได้ออกเดินทางก็สายโด่งมาก แล้ว......กว่าจะได้ออกเดินทางไปยังสถานที่เก็บตัวอีกทีก็บ่ายคล้อยเพราะมัว แต่พาเจ้าเด็กเหลือขอแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่แถมกว่าจะตกลงกันได้ก็กินเวลาหลาย ชั่วโมงเมื่อเจ้าตัวร้ายอิดออดไม่ยอมใส่ชุดที่เขาเลือกให้แต่ยังยืนยันที่จะ ใส่แบบที่ตัวเองเลือกมาที่มีแต่เสื้อกล้ามหรือไม่ก็แขนสั้นคว้านคอลงไปจนถึง สะดือให้ได้ที่เขาไม่มีวันยอมให้เจ้าตัวร้ายนี่ใส่แน่นอนตราบใดที่ยังอยู่ เคียงข้างเขาแบบนี้....และกว่าจะตกลงกันได้ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงเลยที เดียว...เขาพึ่งจะรู้ซึ้งก็ตอนนี้เองว่าที่แม่ของเจ้าเด็กเหลือขอตัวร้ายนี่ พร่ำบ่นเมื่อเช้ามันไม่ใช่เพราะเธอกังวลเกินไปเลยสักนิดแต่ลูกชายของเธอเป็น แบบนั้นจริงๆทั้งขี้งอนทั้งเอาแต่ใจไม่ยอมใครง่ายๆอีกต่างหากต้องคอยให้ขู่ เข็ญถึงจะยอมทำตามแต่โดยดี....แต่เหนือสิ่งอื่นใดขอแค่มีเหตุผลเจ้าตัวร้าย นี่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายแล้ว...รู้แบบนี้เขาน่าจะบอกเหตุผลเจ้าเด็กเหลือ ขอนี่ไปซะตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแบบนี้....แต่จะจำเอาไว้ใช้คราว หน้าก็แล้วกัน
.
.
.
.
.
.
.
.

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนข้างๆ ที่กำลังสนใจความมืดครึ้มภายนอกเมื่อเฟอรารี่คู่ใจกำลังวิ่งผ่านป่าต้นไม้ ยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมจนแสงของดวงอาทิตย์ไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้แล้ว ก็ให้ยิ้มน้อยๆที่ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่าทำไมถึงไม่รู้สึกว่ารำคาญความ ดื้อรั้นเอาแต่ใจพวกนี้กลับกันกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ้มทุกครั้งที่คนข้างๆ ขัดหรือแย้งขึ้นมาท่าทางแบบนั้นมันไม่ได้น่าโมโหเลยสักนิดแต่มันน่าหมั่น เขี้ยวซะจนอยากจะดึงแก้มใสๆนั่นให้ย้วยคามือซะมากกว่า

"เหมือนกับเราเป็นคนแคระเลยนะครับ!!!"

เสียงสดใสดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดทำให้เขาต้องหรี่ตาลงน้อยๆ

"อะไร??"

"ก็ต้นไม้พวกนี้ไงครับดูใหญ่โตมากเลยนะครับ....ขอลงไปดูได้มั้ยครับ??"

"ไม่ได้เราเสียเวลามากแล้วป่านนี้พวกนั้นคงรอแย่"

"........"

ใบหน้ามนเงียบลงไปอีกครั้งและ เพราะยังหันหน้ามองวิวด้านนอกอยู่เขาจึงไม่รู้ว้าเจ้าตัวร้ายกำลังทำหน้าแบบ ใหนอยู่แต่ถ้าจะให้เดาก็คงกำลังหงอยๆเหมือนลูกหมาโดนเจ้านายดุอยู่เป็นแน่

"ป่าต้นไม้ยักษ์....เอาไว้ถ้ามีเวลาจะพามาก็แล้วกัน"

"จริงนะครับ!!!"

ร่างโปร่งบางกระโจนเข้าไปกอดท่อน แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอาไว้แน่นโดยไม่ได้สนใจเลยว่าอีกคนกำลังขับรถอยู่ แถมยังไม่ใช่ความเร็วที่คนปรกติเค้าขับกันซะด้วย....ริมฝีปากคมได้แต่เหยียด ยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปสนใจถนนตรงหน้าต่อปล่อยให้ใบหน้ามนคลอเคลียถูไถไปมาที่ ต้นแขนของตัวเองอยู่อย่างนั้น 
.
.
.
.

                ใช้เวลาพักใหญ่กว่าพวกเขาจะออกมาจากป่าต้นไม้ยักษ์ได้แต่ทันทีที่พ้นเขตของ ป่าก็สามารถมองเห็นปราสาทโบราณหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่เชิงเขาทำเอา นัยน์ตาสีเขียวมรกตถึงกับเบิกกว้างก่อนจะกวาดสายตามองวิวด้านนอกด้วยความ ตื่นเต้นอีกครั้ง....ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าปราสาท โดยมีเหล่าลูกน้องในหน่วยวิ่งเข้ามาต้อนรับทันที

"ว้าว~~ที่นี่ใหญ่มากเลยนะครับ!!!!"

"ของเอลวินเค้าน่ะ....แต่ตอนนี้ใช้เป็นฐานลับนอกกำแพงของทีมสำรวจไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่นี่หรอกนะ"

"ทำไมล่ะครับ!!!??"

"เพราะป่าไม้ในตำนานนั่น....ผู้คนยังหวาดกลัวเพราะป่าต้นไม้ยักษ์เคยเป็นที่อยู่ของไททันมาก่อนเลยไม่มีใครกล้าย่างกลายเข้ามาน่ะ"

"เห๋!!!...นั่นมันตำนานเมื่อสองพันปีก่อนนี่ครับมีจริงรึเปล่าก็ยังไม่รู้??"

"ความจริงมีเพียงไม่กี่คนที่ล่วง รู้...แต่ถ้าหากมีเรื่องราวให้เล่าขานมันก็แสดงว่ามีความจริงบางอย่างเก็บ ซ่อนอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น"

"ว้าว~คุณรีไวล์พูดเหมือนนักปรัญชญาเลยนะครับ"

"หึหึ....ชั้นจำคำพูดของยัยแว่นมาอีกทีน่ะ"

"คุณฮันซี่เหรอครับ!!!??"

"อืม"

"คุณฮันซี่ศึกษาประวัติศาสตร์สินะครับ...แบบนี้ผมคงต้องขอให้คุณฮันซี่ช่วยติวให้หน่อยแล้ว....ได้มั้ยครับ??"

".......ตามใจ"

คำพูดที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ ทำไมมันกลับสะกิดใจของชายหนุ่มแปลกๆ...เอเลนจะขอให้ยัยแว่นติวให้เพราะอะไร แค่อยากรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้นหรือว่ามีอะไรแอบแฝงกันแน่

"อ้าว!!!มาถึงแล้วเหรอจ๊าา...เอเลน!!!!"

"สวัสดีครับทุกคนอะ...เอ๊ะ!!!!!"

ทันทีที่กำลังจะก้มโค้งให้กับทุก คนในห้องก็ต้องผงะถอยกลังเมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองที่โผล่มาจาก ทิศทางใดก็มิอาจทราบได้กำลังก้มสูดดมตัวเองเหมือนกับกำลังพิสูตรหลักฐานทำ จมูกฟุดฟิดไปมาอยู่รอบๆ

"หึหึ....ยินดีต้อนรับเอเลน....ส่วนคนนั้น มิกะ หนึ่งในทีมสำรวจ"

"สะ...สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จัก"

"เอาล่ะมาครบทุกคนแล้วงั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า"

เอลวิน พูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะนั่งลงบนโต๊ะอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมีสาวแว่นจอม เพี้ยนเป็นคนเดินแจกบทของแต่ละคนแต่ที่น่าตกใจก็คือกระดาษปึ้งหนึ่งภถูกวาง ลงตรงหน้าของร่างโปร่งบางและดูเหมือนมันจะทำให้เจ้าตตัวและคนข้างๆแปลกใจไม่ น้อยเลยทีเดียว

"ลอเรน....อ๊ะ....เอ๋!!!!....ของผมเหรอครับคุณฮันซี่!!!!???"

"ใช่จ๊ะเราทุกคนตกลงกันเรียบร้อย แล้วล่ะว่าจะให้เอเลนแสดงเป็นนางเอกสาวของคณะละครเร่...ฮ่าๆๆๆๆ....เพราะ ฉนั้น....จงรับบทนี้ไปซะ!!!!!"

"โทษทีรีไวล์....ที่ไม่ได้บอกล่วง หน้าแต่เราคิดว่าเอเลนเหมาะกับบทนี้ที่สุดแล้วล่ะนะ.......ส่วนเรื่องค่าตัว ก็แล้วแต่เอเลนจะคิดก็แล้วกัน"

เอลวินรีบพูดดักขึ้นก่อนที่เพื่อน ร่างเล็กของเขาจะทันได้พูดอะไรขึ้นมาชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำตาขวางให้กับ สาวแว่นที่น่าจะเป็นคนต้นคิดเรื่องทั้งหมดโดยที่เจ้าตัวยังทำหน้าเหรอหรา หัวเราะร่วนไม่ใส่ใจสายตาของชายหนุ่มเลยสักนิด

"ไหวรึเปล่า??"

ชายหนุ่มหันมาถามคนข้างๆอย่างเป็น ห่วงเป็นใยเมื่อเจ้าตัวทำหน้าไม่สู้ดีนักและคำถามนั้นเล่นเอาคนทั้งห้องแทบ จะหยุดหายใจเพื่อรอฟังคำตอบเพราะถ้าหากเอเลนตอบว่าไม่....เชื่อได้เกินร้อย เปอร์เซ็นต์เลยว่ารีไวล์ไม่ยอมให้รับงานนี้อย่างแน่นอน

"ไม่ทราบสิครับก็ผมไม่เคย....."

"ถ้างั้นก็ไม่ต้องรับให้ยัยแว่นไปหาคนอื่นแทนก็แล้วกัน"

"อ๊ะ!!!....ไม่เป็นไรครับ....จะลองดูก็แล้วกัน....ก็น่าสนุกดีนี่ครับ..."

เฮ้!!!!!!!

ทันทีที่ร่างโปร่งบางพูดจบเสียงเฮ ของคนในห้องก็ดังกึกก้องขึ้นจนใบหน้ามนได้แต่ทำหน้าเหรอหราอย่างคนที่ตาม เกมส์ของผู้ใหญ่ไม่ทันจนชายหนุ่มอดที่จะสบถออกมาเบาๆไม่ได้เมื่อไม่รู้ว่า ยัยแว่นจอมเพี้ยนนั่นเปลี่ยนบทไปถึงใหนบ้างแล้ว...สงสัยคืนนี้เขาคงต้อง ศึกษาบทของยัยเพื่อนจอมเพี้ยนก่อนเป็นอันดับแรกซะแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
           ใบหน้ามนกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือนวนิยายเล่มหนาที่เพิ่งจะขอยืมจากคุณ ฮันซี่มาอย่างตั้งใจเมื่อแยกตัวขึ้นมาห้องพักแล้วแต่ชายหนุ่มยังคงประชุม เรื่องงานกับคนในหน่วยต่อตนจึงต้องขึ้นมาก่อนนิ้วเรียวพลิกหน้าหนังสือหน้า แล้วหน้าเล่าก่อนจะกวาดสายตาอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะจริงๆแล้วไม่ ได้อยากจะรู้หรืออยากจะอ่านเจ้านวนิยายเล่มหนาเตอะนี่สักเท่าไหร่แต่ที่สนใจ มีเพียงอย่างเดียว...ลอเรนคนนั้น.....เกี่ยวข้องกับเจ้าชายแฮมเล็ทได้ยังไง เพราะก็พอรู้มาบ้างว่าเจ้าชายแฮมเล็ทใช้คณะละครเร่เพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้ จริงของผู้เป็นอาที่ลอบปลงพระชนย์เสด็จพ่อของตนจนต้องคิดแผนสังหารเจ้าชาย ขึ้นมาแต่ไม่ยักกะมีตอนใหนที่กล่าวถึงนางเอกคณะละครเร่คนนี้เลยสักตอนหรือ แม้แต่ตอนที่เจ้าชายถูกพิษจากดาบของพี่ชายฟิโอเลียหญิงคนรักที่ตรอมใจจน กระโดดน้ำฆ่าตัวตายจนสิ้นลมก็ตามไม่เห็นว่าจะมีตอนใหนที่ลอเรนเข้าไปเอาศพ ของเจ้าชายมาก่อนจะดูดพิษที่บาดแผลออกให้เลยสักนิดเพราะตอนจบของเรื่องเจ้า ชายแฮมเล็ทก็ยังตายอยู่ดี

"อะไรกัน....ไม่เข้าใจเลยแฮะ??.....แล้วเธอเป็นใครกันล่ะ??...ลอเรน...."

ใบหน้ามนซบลงไปบนหนังสือก่อนจะค่อยๆหลับตาลงช้าๆเหมือนคนหมดแรง

"ง่วงแล้วล่ะ.....ราตรีสวัสดิ์เจ้าชายแฮมเล็ท......."

ริมฝีปากบางพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนที่สติที่มีจะเริ่มเลือนลางและหายไปในที่สุดทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดเดิม
.
.
.
.
.
.
    ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้ามาในห้องหลังจากวางแผน เรื่องงานเสร็จแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างที่สลบไสล อยู่กับโต๊ะของเจ้าเด็กเหลือขอก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆสายตาพรางสำรวจสิ่ง ของบนโต๊ะว่าเจ้าเด็กเหลือขอกำลังทำอะไรอยู่ตรงนี้แล้วก็ให้ยิ้มน้อยๆเมื่อ เห็นหนังสือเล่มหนาที่เจ้าตัวนอนหนุนอยู่กับบทที่จะต้องแสดงกางอยู่ข้างๆกัน ถึงจะไม่รู้ว่าเด็กนี่กำลังทำอะไรศึกษาและทำความเข้าใจกับตัวละครหรือแค่ อยากจะอ่านเล่นๆเท่านั้น

"หรือว่ากำลังหาตัวละครที่ตัวเองได้รับอยู่อย่างนั้นสินะ!!??"

ริมฝีปากคมเหยียดยิ้มบางๆก่อนจะขยี้หัวสีน้ำตาลเข้มเบาๆอย่างเอ็นดูแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูพรางกดจูบลงไปที่แก้มใสซ้ำๆ

"เอเลน"

"อือ~"

เสียงครางเครือในลำคอเหมือนกับคน นอนละเมอทำให้คนปลุกอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ก่อนจะกดจูบลงไปที่แก้มใส ให้แรงขึ้นพร้อมๆกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นอีก

"เอเลน....ตื่น"

"......ครับ.......ตื่น...."

เสียงครางออกมาเบาๆราวกับเสียง สะท้อนคำพูดของตัวเองทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วน้อยก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา เรือนใหญ่ที่ข้างฝาที่พึ่งจะบอกเวลาสามทุ่มแล้วก็ให้หรี่ตาข้างหนึ่งลงเพราะ รู้ดีว่าเจ้าคนตรงหน้านี่กำลังแกล้งหลับแน่ๆเพราะไม่มีทางที่คนที่เคยทำงาน ดึกๆจะมาฟุ้บหัวหลับแต่หัวค่ำแบบนี้แน่นอนคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มจึงยืนกอดอก แล้วจ้องมองเจ้าเด็กจอมมารยาด้วยสายตาที่รู้ทัน

"เอเลน!!!....ตื่นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!!"

น้ำเสียงที่เข้มขึ้นกับลมหายใจที่ เป่ารดแก้มที่หายไปทำให้ใบหน้ามนลืมตาขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มบนใบ หน้าก่อนจะช้อนตามองคนที่พึ่งจะหอมแก้มตัวเองกำลังทำหน้าเข้ม

"ขำอะไร??"

"ไม่ได้ขำซะหน่อย"

"แล้วที่ยิ้ม??"

สองแขนผอมบางโอบรอบเอวของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมๆกับซุกใบหน้าของตัวเองลงไปคลอเคลียที่หน้าท้องของอีกคน

"ดีใจตะหากล่ะครับ"

คำพูดซื่อๆของเจ้าตัวร้ายทำเอาหัวใจที่เคยด้านชาแกว่งไหวไม่เป็นจังหวะจนต้องแก้เก้อด้วยการดึงแก้มใสๆทั้งสองข้างแรงๆแทน

"โอ้ย~~เจ็บนะคร้าบ!!!"

"จอมมารยานักไปอาบน้ำได้แล้วเน่าไปหมดทั้งตัวแล้วนายน่ะ!!!"

"ไม่ได้มารยาซะหน่อยหลับจริงๆนะครับแต่ตื่นตอนที่คุณรีไวล์เปิดประตูเข้ามาพอดีก็เลย........"

"นั่นแหละที่เค้าเรียกว่ามารยา...ไปอาบน้ำได้แล้ว!!"

"อาบพร้อมกันนะครับ"

".....ลุกได้แล้ว!!"

แทนที่จะตอบให้ตรงคำถามแต่ชาย หนุ่มเลือกที่จะเอ็ดเสียงเข้มแทนแต่ใบหน้ามนกลับฉีกยิ้มกว้างเดินเกาะแขนของ ชายหนุ่มหายเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันทั้งคู่....ดูท่าว่างานนี้ผู้ใหญ่จะหลง มารยาของเจ้าเด็กน้อยเข้าไปเต็มๆซะแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.......Tobecontinue..............


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น