:Fanfiction [KHR] 6927,8059
:Romantic
:NC-17
คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดเครื่องหมายกากบาทที่มุมขวาบนปิดขอบคุณค่ะ
ริมฝีปากเรียวได้รูปเหยียดยิ้มร้ายเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตนคิดเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากเขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาใดๆกับร่างบางนี่ เมื่อกล้าที่จะประกาศกร้าวแบบนี้เขาก็จะสนองความต้องการให้เอง
"คึหึหึ...ดูจะเป็นการอวดดีไป หน่อยนะครับทั้งๆที่คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดแบบนั้นออกมา...แต่เอาเถอะใน เมื่อคุณต้องการแบบนั้น...ผมก็จะสนองให้ก็แล้วกัน!!"
จบประโยคทั้งสองวิ่งเข้าใส่กันราว กับนัดเอาไว้ล่วงหน้าอย่างไม่มีใครคิดจะยอมใครเมื่อหมัดล้วนๆพลัดกันรุกพลัด กันรับคนละหมัดสองหมัดแต่ดูเหมือนคนที่ตัวสูงกว่าจะเสียเปรียบเมื่ออีกคนปัด ป้องหมัดของร่างสูงอย่างเชี่ยวชาญจึงเป็นฝ่ายสวนกลับมาได้มากกว่าแต่ถึง อย่างนั้นก็ยังมีลูกหลงมาให้ได้เจ็บๆคันๆเล่น
ใบหน้าน่ารักยืนกระสับกระส่าย เอาใจช่วยเพื่อนซี้จนตัวโก้งชั่วขณะสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางที่ยืนลุ้นจน ตัวโก้งแทบจะไม่ต่างกันจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาเพื่อหวังที่จะพาตัวคนรักของ เพื่อนซี้กลับมาแต่ในขณะเดียวกันเข็มพิษจำนวนมากมายที่มาจากทิศทางใดก็ไม่ อาจรู้ได้พุ่งตรงเข้ามาหาร่างเล็กโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยด้วย ซ้ำ
"อย่า!!!!"
ร่างสูงโปร่งพุ่งเข้าไปคว้าตัว ร่างเล็กๆให้พ้นจากทิศทางของเข็มพิษท่ามกลางความงุนงงของอีกสองคนที่ยืนตัว แข็งค้างเมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นัยน์เนตรสองสีตวัดไปทิศทางที่ เข็มพิศพุ่งมาอย่างโกรธเกรี้ยวไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครเพราะ นั่นมันคือเข็มพิษของลูกน้องคนสนิทเขาเอง
ไม่ นานชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีดำสนิทก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกับชายหนุ่มร่างสูง เรือนผมสีทองที่เข้าไปล๊อคตัวร่างบางเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้วิ่งไปหา คนรักของตัวเอง
"ขออภัยครับท่านมุคุโร่!!!!"
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองลูกน้องคน สนิทด้วยสายตาที่คาดโทษที่บังอาจขัดคำสั่งของตน...คำสั่งที่ห้ามทำร้ายร่าง เล็กนี่เด็ดขาดแต่ถึงอย่างนั้น
มือเรียวประคองร่างที่สลบไสลไม่ ได้สติขึ้นมาก่อนจะมองหาบาดแผลตามร่างกายของคนในอ้อมแขนก่อนจะพบว่าที่หน้า ผากของร่างเล็กมีเลือดซึมออกมา
"สึนะ!!!!....ปล่อยสึนะเดี๋ยวนี้!!!!"
ยามาโมโตะวิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ ของอีกคนที่กำลังวางร่างที่สลบไสลลงอย่างเบามือก่อนจะหันไปรับหมัดหนักๆที่ กำลังจะปะทะใบหน้าของตนจนทั้งคู่ล้มกลิ้งไปกับพื้นและเป็นร่างสูงที่ คร่อมอยู่ด้านบน
"แกตาย!!!!"
ยามาโมโตะปล่อยหมัดลงมาด้วยพละ กำลังทั้งหมดที่มีแต่ร่างด้านใต้กลับสะบัดหน้าหลบได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะ ตวัดอีกฝ่ายลงไปนอนกับพื้นและเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมบ้าง
"ยามาโมโตะ!!!!!"
ฮา ยาโตะพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของชายหนุ่มที่พึ่งจะโผล่มาล๊อคตัวเอง เอาไว้อย่างสุดแรงเมื่อร่างสูงตกเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำและยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อกลุ่มควันสีขาวปรากฏขึ้นที่มือขวาของร่างสูงโปร่งพร้อมๆกับปรากฏสาม ง่ามสีเงินวาววับขึ้นมาในมือ
"ไม่นะ!!!...ไม่!!!...ไม่มุคุโร่อย่านะ!!!..อย่าทำแบบนั้นนะไอ้บ้า!!!"
นัยเนตรสองสีเหลือบมองใบหน้าที่หวาดกลัวอย่างที่สุดของร่างบางก่อนจะจ่อปลายสามง่ามลงไปที่ดวงตาสีเปลือกไม้ของคนด้านใต้
"ถือว่าเป็นบุญของนายนะครับที่คู่หมั่นของผมหลั่งน้ำตาจนแทบจะเป็นสายเลือดให้นายแบบนั้น"
"จะฆ่าก็ฆ่าไม่ต้องมาพล่ามให้มากความ!!!"
ใบหน้าคมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ ยังยิ้มละไมร้ายกาจอย่างผู้มีชัยอย่างยอมรับความพ่ายแพ้และขอตายดีกว่าจะ ต้องทนอยู่เพื่อเฝ้ามองร่างบางตกไปเป็นของคนอื่นเพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันเจ็บ ปวดทรมานกว่าการตายเป็นร้อยเท่าพันเท่าสู้ไม่ต้องรับรู้อะไรเลยมันยังดีซะ กว่า
"ถ้างั้นก็....ลาก่อนครับ!!!"
ร่างสูงโปร่งหมุนสามง่ามในมือกลางอากาศก่อนจะแทงลงมายังร่างด้านใต้สุดแรงพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของร่างบาง
ฉึกกกกกก!!!!!!
"ม้ายยยยยย!!!!!!!!!!!!"
น้ำแห่งชีวิตสาดกระเซ็นขึ้นมา เปรอะเปื้อนไปทั่วแผ่นอกและใบหน้าหล่อเหลาของคนด้านบนทันทีที่คมของสามง่าม ปักลงไปบนแผ่นอกแกร่งของยามาโมโตะที่ไม่มีแม้แต่โอกาสได้กรีดร้องด้วยความ เจ็บปวดเมื่อปลายสามง่ามแทงทะลุตัดขั้วหัวใจได้อย่างพอดิบพอดีใบหน้าหล่อ เหลาของมุคุโร่ยังส่งยิ้มและแววตาที่มืดมนลงไปทุกขณะ...นัยน์เนตรสองสีที่ ไม่ฉายแววสิ่งใดอีกหันไปจ้องมองร่างบางที่ล้มพับหมดสติไปในที่สุดก่อนจะดึง สามง่ามที่เสียบทะลุแผ่นอกของคนด้านใต้ขึ้นมาจนโลหิตสีชาดพุ่งขึ้นมาราวกับ น้ำพุก็ไม่ปานแล้วเงื้อสามง่ามขึ้นจนสุดมือหวังจะแทงซ้ำลงไปอีกรอบแต่ในขณะ ที่กำลังจะทิ่มลงมาอีกครั้ง!!
เคร้งงง!!!!
ท่อนโลหะสีเงินปลิวมาปะทะสามง่าม จนกระเด็นออกไปไกลก่อนที่เงาของใครบางคนจะกระโจนเข้ามาทำให้ร่างสูงโปร่ง ต้องม้วนตัวหลบท่อนโลหะที่ลอยตามมาอีกอันจนห่างจากร่างที่แน่นิ่งไปแล้วพอ สมควรเมื่อร่างโปร่งบางของเขาคนนั้นเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ก่อนจะหรี่ตาลง น้อยๆมองอาวุธในมือของอีกคน....ทอนฟางั้นเหรอ...เหมือนเคยเห็นที่ใหนมาก่อน เลยแหะ.....แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อร่างของเขาคนนั้นก็ตรงดิ่งเข้ามาจน ร่างสูงโปร่งต้องกระโดดถอยหลังไปหาพวกพ้องของตนแล้วกลุ่มควันสีขาวจะก่อตัว ขึ้นโอบล้อมคนทั้งสี่เอาไว้...ชั่วพริบตาก่อนที่กลุ่มควันจะหายไปนัยน์เนตร สองสีหันกลับไปจ้องมองร่างเล็กๆที่ยังสลบไสลอยู่บนพื้นอย่างไม่วางตาจนกลุ่ม ควันหายไปในที่สุด
"ยามาโมโตะคุง!!!!...สึนะโยชิคุง!!!!"
โชอิจิวิ่งเข้ามาหันซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะเข้าไปดูใครก่อนดีจนกระทั่งชามาลวิ่งมาถึง
"นายไปดูสึนะพวกชั้นจะไปดูยามาโมโตะเอง!!!"
โชอิจิรึงวิ่งตรงเข้าไปหาร่างเล็กที่มี ฮิบาริประคองขึ้นมาก่อนแล้ว
"เจ้าตัวเล็กไม่น่าห่วงมีแค่แผลถลอกนิดหน่อยแต่รายนั้นไม่น่าจะรอด"
"พาไปที่บ้านชั้นก่อนก็แล้วกัน!!"
ชามาลกับเรียวเฮห์แบกร่างของยามา โมโตะขึ้นไปบนรถตู้ที่ทีมงานขับมารออยู่ก่อนแล้วและออกตัวไปทันทีเพราะไม่มี เวลาพอที่จะรอใครได้อีกแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รับประกันว่ายามาโมโตะจะรอดแต่ อดีตหมอเถื่อนมือเทวดาอย่างชามาลถ้าไม่ลองทำอะไรสักอย่างมันก็คงจะเสียชาติ เกิดแย่ทั้งๆที่คติประจำใจของเขาคือไม่รับรักษาผู้ชายไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามแต่ งานนี้คงต้องแหกกฏตัวเองซะหน่อยแล้ว..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างบอบบางนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงนอนสีเข้มขนาดใหญ่ตามสไตส์ที่
เจ้าของคฤหาสน์ชอบแต่กลับไม่ยอมตื่นขึ้นมาริมฝีปากบางที่เริ่มซีดเซียวพร่ำ
เพ้อเรียกหาผู้เป็นที่รักอยู่ไม่ขาดเกือบจะสองอาทิตย์แล้วที่เป็นแบบนี้บาง
เวลาก็กรีดร้องร่ำไห้ปานจะขาดใจลงตรงนี้ให้ได้.....ชายวัยกลางคนในชุดกราวสี
ขาวสะอาดตาจับชีพจรที่ข้อมือผอมบางอยู่แบบนั้นพักใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
อย่างหมดหนทางรักษา
"ปล่อย
ไว้แบบนี้จะแย่เอานะครับท่านมุคุโร่ชีพจรของคนไข้เต้นอ่อนลงทุกวันถ้าหากยัง
เปํนอยู่แบบนี้คนไข้จะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกเลยนะครับ"
นายแพทย์วัยกลางคนหันไปรายงานอาการของคนไข้ให้กับชายหนุ่มที่ยืนพิงขอบประตูระเบียงห้องทอดสายตาออกไปด้านนอกอย่างเลื่อนลอย
"......แล้วต้องทำยังไงครับ??"
"มี
อยู่สองทางครับ...จะรักษาที่ออสเตรเลียเพราะที่โน่นมีเครื่องมือกระตุ้นความ
ทรงจำให้คนป่วยแยกแยะระหว่างความจริงกับความฝันได้หรือว่าจะให้คนไข้ได้พบ
กับคนที่เขากำลังเพ้อถึ....."
"อย่างหลังคงไม่ได้แล้วล่ะครับเพราะเขาคนนั้น......ตายไปแล้ว"
คำ
พูดของชายหนุ่มที่แทรกขึ้นมาทำเอาชายวัยกลางคนถึงกับขนลุกเกรียวเพราะถ้า
หากบอกว่าตายไปแล้วนั่นก็แสดงว่าเขาคนนี้คือคนที่ลงมือฆ่าเจ้าของชื่อที่
ร่างบอบบางกำลังเพ้อถึงอยู่เป็นแน่
"ผมจะพาฮายาโตะไปออสเตรเลียก็แล้วกันครับ"
"ถะ....ถ้างั้นผมจะติดต่อแพทย์ทางนู้นให้นะครับท่านมุคุโร่สะดวกเดินทางเมื่อไหร่ครับ??"
"........พรุ่งนี้"
"ถ้างั้นผมขอตัวนะครับจะได้รีบติดต่อทางโน่นให้"
ใบ
หน้าหล่อเหลาพยักน้อยๆโดยไม่คิดจะหันกลับมามองจนกระทั่งนายแพทย์เดินออกไปจน
แทบจะพ้นประตูห้องอยู่แล้วเสียงทุ้มที่ฟังดูมืดมนก็ดังขึ้น
"ไม่มีที่ใหนที่ทำให้ความทรงจำหายไปบ้างเหรอครับ....คุณหมอ"
"ทะ...ที่แบบนั้นไม่มีหรอกครับ...ท่านมุคุโร่!!"
".........งั้นเหรอครับ....ขอบคุณครับ"
คุณหมอวัยกลางคนถึงกับขวัญผวากับ ความคิดที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยมีใครเค้าคิดจะทำกันของบอสมาเฟียผู้น่า สะพรึงคนนี้ก่อนจะก้มโค้งให้แล้วสาวเท้าออกไปทันทีก่อนที่จะต้องตอบคำถามออก จะจิตหลุดแบบนั้นอีก
.
.
.
.ร่าง สูงโปร่งสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะตวัดกายไปนั่งที่ข้างเตียงของคนที่ยังนอน เพ้ออยู่ตลอดเวลา...นัยน์เนตรสองสีจ้องมองใบหน้าสวยที่ดูซีดเซียวอย่างเห็น ได้ชัดอยู่แบบนั้นเนิ่นนานก่อนจะกดจูบลงไปที่หน้าผากมนแผ่วเบาปลายนิ้วเรียว ยาวเกลี่ยปอยผมสีเงินออกจากแก้มใสอย่างเบามือพรางเหยียดยิ้มเหมือนกำลัง สมเพชตัวเองเต็มทนทั้งๆที่เขาได้ร่างบอบบางนี่มาครอบครองแล้วแต่ทำไม่ถึงได้ กระวนกระวายใจไม่มีความสุขแบบนี้...ความภาคภูมิใจที่เคยมีเหนือชัยชนะมันหาย ไปแห่งหนใดทำไมถึงได้รู้สึกว่างเปล่าอยู่แบบนี้หรือว่าตัวเขามันว่างเปล่ามา ตั้งแต่ต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยคิดว่ามันคือความภาคภูมิแต่จริงๆแล้วมัน เป็นแค่การเสแสร้งมาโดยตลอดแบบนั้นรึเปล่านะ....บุคคลที่อยู่ภายใต้หน้ากาก อย่างเขาสุดท้ายแล้วความภาคภูมิใจของเขาคืออะไรกันแน่..
ใบหน้าหลหลาเหลือบมองที่ข้อมือของ ตัวเองก่อนจะยกมันขึ้นมามองร่อยรอยของฟันซี่เล็กๆที่เริ่มจะเลือนลางขึ้นทุก วัน...ร่องรอยที่ยืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา...ผู้ชายที่อบอุ่นผู้ครอบ ครองผืนฟ้ากว้างที่โอบล้อมดวงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น
"คึหึหึ....ใสซื่อเกินไปจริงๆนั่นแหละครับ...ทูน่า....ผมบอกแล้วว่าผมน่ะ...มันดำมืด"
แสงสว่างหรือความอบอุ่นอะไรนั่นมันไม่เคยมีอยู่ในตัวผมตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
ริมฝีปากคมเหยียดยิ้มน้อยๆก่อนจะ ยกข้อมือขึ้นมาจรดริมฝีปากของตัวเองแล้วค่อยๆงับลงไปบนร่อยรอยสีจางแรงๆในใจ ก็ยังคิดว่าทั้งริมฝีปากและฟันของเจ้าของร่องรอยนี้มันเล็กกว่าริมฝีปากและ ฟันของเขามากจริงๆ....ร่างสูงโปร่งเหยียดยิ้มละไมพรางยกข้อมือที่ตนพึ่งจะ งับลงไปขึ้นมอง.....อย่าได้จางหายไปเด็ดขาด...ตัวตนของฉัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.........Tobecontinue............
".........งั้นเหรอครับ....ขอบคุณครับ"
คุณหมอวัยกลางคนถึงกับขวัญผวากับ ความคิดที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยมีใครเค้าคิดจะทำกันของบอสมาเฟียผู้น่า สะพรึงคนนี้ก่อนจะก้มโค้งให้แล้วสาวเท้าออกไปทันทีก่อนที่จะต้องตอบคำถามออก จะจิตหลุดแบบนั้นอีก
.
.
.
.ร่าง สูงโปร่งสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะตวัดกายไปนั่งที่ข้างเตียงของคนที่ยังนอน เพ้ออยู่ตลอดเวลา...นัยน์เนตรสองสีจ้องมองใบหน้าสวยที่ดูซีดเซียวอย่างเห็น ได้ชัดอยู่แบบนั้นเนิ่นนานก่อนจะกดจูบลงไปที่หน้าผากมนแผ่วเบาปลายนิ้วเรียว ยาวเกลี่ยปอยผมสีเงินออกจากแก้มใสอย่างเบามือพรางเหยียดยิ้มเหมือนกำลัง สมเพชตัวเองเต็มทนทั้งๆที่เขาได้ร่างบอบบางนี่มาครอบครองแล้วแต่ทำไม่ถึงได้ กระวนกระวายใจไม่มีความสุขแบบนี้...ความภาคภูมิใจที่เคยมีเหนือชัยชนะมันหาย ไปแห่งหนใดทำไมถึงได้รู้สึกว่างเปล่าอยู่แบบนี้หรือว่าตัวเขามันว่างเปล่ามา ตั้งแต่ต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยคิดว่ามันคือความภาคภูมิแต่จริงๆแล้วมัน เป็นแค่การเสแสร้งมาโดยตลอดแบบนั้นรึเปล่านะ....บุคคลที่อยู่ภายใต้หน้ากาก อย่างเขาสุดท้ายแล้วความภาคภูมิใจของเขาคืออะไรกันแน่..
ใบหน้าหลหลาเหลือบมองที่ข้อมือของ ตัวเองก่อนจะยกมันขึ้นมามองร่อยรอยของฟันซี่เล็กๆที่เริ่มจะเลือนลางขึ้นทุก วัน...ร่องรอยที่ยืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา...ผู้ชายที่อบอุ่นผู้ครอบ ครองผืนฟ้ากว้างที่โอบล้อมดวงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น
"คึหึหึ....ใสซื่อเกินไปจริงๆนั่นแหละครับ...ทูน่า....ผมบอกแล้วว่าผมน่ะ...มันดำมืด"
แสงสว่างหรือความอบอุ่นอะไรนั่นมันไม่เคยมีอยู่ในตัวผมตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
ริมฝีปากคมเหยียดยิ้มน้อยๆก่อนจะ ยกข้อมือขึ้นมาจรดริมฝีปากของตัวเองแล้วค่อยๆงับลงไปบนร่อยรอยสีจางแรงๆในใจ ก็ยังคิดว่าทั้งริมฝีปากและฟันของเจ้าของร่องรอยนี้มันเล็กกว่าริมฝีปากและ ฟันของเขามากจริงๆ....ร่างสูงโปร่งเหยียดยิ้มละไมพรางยกข้อมือที่ตนพึ่งจะ งับลงไปขึ้นมอง.....อย่าได้จางหายไปเด็ดขาด...ตัวตนของฉัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องวัดการเต้นของชีพจรยังดังในจังหวะที่น่า
เป็นห่วงแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทำให้คนที่ยังเฝ้ารอมีความหวังอยู่ไม่น้อย
สำหรับคนที่เหมือนกับตายไปแล้วคนนี้
ร่าง
เล็กของเพื่อนซี้ยังคงนั่งเฝ้าที่ขอบเตียงอยู่ไม่ห่างมือเรียวเลยังคงจับมือ
ที่แทบจะเย็นเฉียบของเพื่อนร่างสูงเอาไว้ตลอดเวลาเพราะถึงแม้อาการจะค่อยๆดี
ขึ้นแต่ก็ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่าวันพรุ่งนี้หรือว่าคืนนี้หรือแม้แต่
ชั่วโมงที่กำลังจะถึงนี้เพื่อนร่างสูงของเขาจะยังคงหายใจอยู่ได้
"สึนะคุง...ไปพักเถอะเดี๋ยวชั้นจะเฝ้าต่อให้เอง...พอดีมีอะไรอยากจะเช็คนิดหน่อย"
".......ขอบคุณนะชามาล......ถ้าไม่มีคุณยามาโมโตะคง...."
"ขอบ
คุณตอนนี้มันยังเร็วไปสึนะ....เอาไว้ให้ไอ้หน้าหล่อมันฟื้นขึ้นมาแหกปาก
โวยวายแล้วค่อยขอบคุณก็ยังไม่สายหรอกนะชั้นจะรอฟังคำขอบคุณจากปากหมอนี่ดี
กว่า...จะได้ถามมันด้วยว่ามันไปทัวร์นรกถึงชั้นใหนมาบ้าง"
"ฮะฮะ.......ไม่คิดว่ายามาโมโตะจะไปสวรรค์บ้างเหรอครับ??"
"......"
ผู้
กำกับหนุ่มได้แต่เงียบไม่ยอมตอบคำถามของสึนะออกมาทำได้แต่ชำเรืองมองน้อยๆ
เท่านั้นและท่าทางแบบนั้นก็คงจะพอรู้แล้วกระมังว่าคนที่จมอยู่กับความทุกข์
ต่อให้ได้ขึ้นสวรรค์มันก็เหมือนกับตกนรกอยู่ดีนั่นแหละ
"ออกไปพักเถอะ...ชั้นจะเช็คร่างกายของหมอนี่แล้ว"
"....ครับ"
สึ
นะเดินออกมาพิงประตูห้องเอาไว้ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนล้าในหัวยังคงนึกถึง
ภาพสุดท้ายก่อนที่สติของตนจะเลือนหายไป....ภาพของผู้ชายคนนั้นวิ่งมาคว้าตัว
ของเขาหลบจากอะไรบางอย่างซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันคือเข็มอาบยาพิษที่ลูกน้องคน
สนิทของมุคุโร่ใช้...และเพราะแบบนั้นมันถึงได้ยังคาใจมาจนถึงตอนนี้...ถ้า
หากตัวของนายมันดำมืดจริงๆ...แล้วที่นายทำกับฉันมันหมายความว่ายังไงกัน..
.....โรคุโด มุคุโร่...จิตใจของนายมันไม่ได้มืดมนขนาดนั้น...แล้วทำไมนายถึงยังทนอยู่กับตัวตนจอมปลอมของนายกัน....
"ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ....มุคุโร่..."
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ใบ
หน้าน่ารักเกยอยู่บนแขนตัวเองบนโต๊ะแบบญี่ปุ่นก่อนจะทอดมองไปบนท้องฟ้า
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จ้องมองดวงจันทร์ที่กำลังทอแสงสีนวลสว่างไหวไปทั่วก่อน
จะหยิบมือถือขึ้นมามองอย่างชั่งใจ...เมื่อความสงสัยมันยังรบกวนจิตใจอยู่ไม่
เลิกเพราะยิ่งได้รู้ถึงตัวตนของมุคุโร่แล้วมันก็ยิ่งรบกวนจิตใจหนักเข้าไป
อีกและไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นถึงบอสมาเฟียอันดับหนึ่งของ
อิตาลีจะว่าไปเขาก็มีเพื่อนเป็นมาเฟียคนหนึ่งนี่น่า...ถ้าลองถามเขาคนนั้นดู
จะหายข้องใจมั้ยนะ...
ปลายนิ้วเรียวเล็กกดพิมข้อความ บางอย่างทันทีที่คิดได้แต่ยังไม่ทันจะกดส่งออกเสียงเมล์เข้าก็ดังขึ้นซะก่อน เล่นเอามือถือถึงกับหลุดมือเพราะความตกใจ
"จะใจตรงกันเกินไปหน่อยมั้ยเนี้ย??"
ริมฝีปากบางได้แต่บ่นอุ้บอิ้บเมื่อเห็นว่าเมล์ที่เข้ามาเป็นของใครแต่แล้วก็ได้แต่ทำหน้างงเมื่อเปิดข้อความขึ้นอ่าน
"ขอโทษนะครับ....อะไรของเค้าเนี้ยมาขอโทษเราเรื่องอะไรกัน??"
ข้อความที่พิมพ์ลงไปครั้งแรกถูกลบทิ้งและพิมพ์อย่างอื่นส่งไปแทนก่อนที่ริมฝีปากบางจะฉีกยิ้มกว้างทุกครั้งที่อ่านข้อความอย่างลืมตัว
"เหี้ยนอะไรมาแต่หัวค่ำครับ??"
"แค่อยากจะขอโทษเผื่อบางทีผมอาจจะทำให้คุณไม่สบายใจ"
"ตอนนี้ถึงคุณไม่ได้ทำ...เรื่องที่ไม่สบายใจก็เยอะแยะไปหมดแล้วล่ะครับ"
"อย่างนั้นเหรอครับ...เหมือนกันเลยแฮะ...สงสัยจะเป็นบุบเพซะแล้วล่ะ"
"เฮ้ๆ...จะนอกเรื่องไปใหนเนี้ยดึงวิญญาณเข้าร่างก่อนเถอะคร้าบบคุณมาเฟีย!!"
ร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่อดูท่าว่ายิ่งคุยกันอีกฝ่ายก็ยิ่งนำออกไปแต่โลกพระจันทร์ไปเรื่อยไอ้ เรื่องที่อยากจะถามก็ดั้นลืมไปซะจนหมดมารู้ตัวอีกทีก็ราตรีสวัสดิ์ไปเรียบ ร้อยแล้วอีก
"เฮ้อ...โคตรจะกลุ้มเลยเฟ้ย!!!"
สองมือเรียวเล็กได้แต่ขยี้หัวฟูฟ่องของตัวเองอย่างเอือมๆก่อนจะหยุดชะงักเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
"จะว่าไป...พอได้คุยกับคุณก็สบายใจขึ้นเยอะเลยนะเนี้ย....เป็นยารักษาโรคกลุ้มรึเปล่าครับ...คุณมาเฟีย"
ใบหน้าน่ารักคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อ จ้องมองมือถือ...จะว่าไปไม่รู้ว่าเปลี่ยนชื่อให้เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ รูจากเนเบียกลายมาเป็นมาเฟียไปซะได้
ปลายนิ้วเรียวเล็กกดพิมข้อความ บางอย่างทันทีที่คิดได้แต่ยังไม่ทันจะกดส่งออกเสียงเมล์เข้าก็ดังขึ้นซะก่อน เล่นเอามือถือถึงกับหลุดมือเพราะความตกใจ
"จะใจตรงกันเกินไปหน่อยมั้ยเนี้ย??"
ริมฝีปากบางได้แต่บ่นอุ้บอิ้บเมื่อเห็นว่าเมล์ที่เข้ามาเป็นของใครแต่แล้วก็ได้แต่ทำหน้างงเมื่อเปิดข้อความขึ้นอ่าน
"ขอโทษนะครับ....อะไรของเค้าเนี้ยมาขอโทษเราเรื่องอะไรกัน??"
ข้อความที่พิมพ์ลงไปครั้งแรกถูกลบทิ้งและพิมพ์อย่างอื่นส่งไปแทนก่อนที่ริมฝีปากบางจะฉีกยิ้มกว้างทุกครั้งที่อ่านข้อความอย่างลืมตัว
"เหี้ยนอะไรมาแต่หัวค่ำครับ??"
"แค่อยากจะขอโทษเผื่อบางทีผมอาจจะทำให้คุณไม่สบายใจ"
"ตอนนี้ถึงคุณไม่ได้ทำ...เรื่องที่ไม่สบายใจก็เยอะแยะไปหมดแล้วล่ะครับ"
"อย่างนั้นเหรอครับ...เหมือนกันเลยแฮะ...สงสัยจะเป็นบุบเพซะแล้วล่ะ"
"เฮ้ๆ...จะนอกเรื่องไปใหนเนี้ยดึงวิญญาณเข้าร่างก่อนเถอะคร้าบบคุณมาเฟีย!!"
ร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่อดูท่าว่ายิ่งคุยกันอีกฝ่ายก็ยิ่งนำออกไปแต่โลกพระจันทร์ไปเรื่อยไอ้ เรื่องที่อยากจะถามก็ดั้นลืมไปซะจนหมดมารู้ตัวอีกทีก็ราตรีสวัสดิ์ไปเรียบ ร้อยแล้วอีก
"เฮ้อ...โคตรจะกลุ้มเลยเฟ้ย!!!"
สองมือเรียวเล็กได้แต่ขยี้หัวฟูฟ่องของตัวเองอย่างเอือมๆก่อนจะหยุดชะงักเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
"จะว่าไป...พอได้คุยกับคุณก็สบายใจขึ้นเยอะเลยนะเนี้ย....เป็นยารักษาโรคกลุ้มรึเปล่าครับ...คุณมาเฟีย"
ใบหน้าน่ารักคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อ จ้องมองมือถือ...จะว่าไปไม่รู้ว่าเปลี่ยนชื่อให้เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ รูจากเนเบียกลายมาเป็นมาเฟียไปซะได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.........Tobecontinue............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น