12 ก.ค. 2557

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 11

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 11

:Fanfiction Attack on titan


:Romantic


:NC-15





คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ











           ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครกลับเข้ามาในห้องก็ต่อเมื่อ เวลาล่วงเลยเข้าเช้าวันใหม่ไปแล้วหลายชั่วโมงแล้วเพราะการซ้อมมันชั่งเต็มไป ด้วยอุปสักและปัญหาของยัยเพื่อนจอมเพี้ยนนั่นที่กว่าจะพอใจให้ทุกคนเลิกซ้อม ได้ทำอย่างกับว่าจะเอาไปประกวดในเทศกาลหนังที่ใหนสักแห่งถึงได้เรื่องมาก ขนาดนี้....แต่แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อสายตาไปสบเข้ากับเจ้าเด็กเหลือขอที่ยัง นอนคว่ำหน้าอยู่กับโต๊ะและคราวนี้คงจะหลับจริงๆไม่ได้แกล้งเป็นแน่เมื่อแผ่น หลังบางยังคงขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่แบบนั้น....สำหรับวันแรกที่ เริ่มทำงานก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆนั่นแหละหรือว่าเขาจะบอกเจ้าเด็กเหลือขอดี ว่าไม่ต้องคิดหรือออกแบบมาหลายเพลงก็ได้ขอแค่เพลงเดียวก็พอแล้วถ้ามันจะทำ ให้เจ้าตัวร้ายต้องเหนื่อยมากขนาดนี้


....มือเรียวที่กร้านน้อยๆช้อน ร่างที่ยังหลับไหลขึ้นมาก่อนจะพาไปวางเอาไว้บนเตียงนอนขนาดใหญ่แล้วกดจูบลง ไปบนแก้มใสแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าอีกคนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาไม่มีผิดก่อนจะ ปลีกตัวหายเข้าไปในห้องน้ำเพราะรู้สึกอึดอัดเกินกว่าจะทนนอนทั้งอย่างนี้ได้
.
.
.
.
..
.หลัง จากหายเข้าไปพักใหญ่ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็ออกมาโดย สวมเพียงกางเกงผ้าเนื้อบางเบาสีเข้มเพียงแค่ตัวเดียวก่อนจะหย่อนกายลงไปนอน ข้างๆเจ้าลูกหมาเหลือขอแล้วรั้งร่างบอบบางเข้ามากอดเอาไว้และดูเหมือนจะรู้ ตัวเมื่อใบหน้ามนมุดเข้าหาอกแกร่งพร้อมกับสองแขนที่โอบกอดแผ่นหลังของเขาเอา ไว้แน่นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

"ราตรีสวัสดิ์....ไอ้เด็กเหลือขอ..."

เสียงทุ้มเข้มกระซิบเบาๆถึงแม้ว่า อีกคนจะไม่ได้ยินก็ตามริมฝีปากคมยังคงพรมจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนอย่างรัก ใคร่....ในตอนนี้เขาชักจะไม่มั่นใจแล้วว่าจะสามารถปล่อยร่างในอ้อมแขนไปตาม แต่ใจของเจ้าตัวจะปรารถนาได้รึเปล่าเมื่อนับวันกลับกลายเป็นเขาที่อยากจะ อยู่ชิดใกล้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ตลอดเวลาซะเองทั้งๆที่พึ่งจะห่างกันยังไม่ ถึงวันเลยด้วยซ้ำแต่ในใจเขากลับร่ำร้องอยากจะเจอหน้ามนอยู่ตลอดเวลาเหมือนคน บ้าอยู่คนเดียวแบบนี้

ใบหน้าคมค่อยๆหลับตาลงช้าๆพร้อม กับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจะลองปลดปล่อยความคิดถึงและความกังวลให้ผ่านไป กับค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้....เพราะอย่างน้อยเจ้าตัวร้ายนี่ก็ยังอยู่ให้เขา ได้กกกอดทุกคืนเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้
.
.
.
.
.
.
.
...
.
.
.
.
.
.
.
.
          แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบลงไปบนม่านตาของชายหนุ่มจน ต้องยกมือป้องหน้าเอาไว้ก่อนจะปรับสายตาให้เข้ากับแสงพรางก้มลงมองหน้ามนที่ ยังหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง....

"เอเลน....ตื่นเถอะสายมากแล้ว"

"....อืออ"

ไร้เสียงตอบรับใดๆกลับมามีเพียงเสียงครางเครือในลำคอเบาๆเท่านั้นแถมใบหน้ามนยังมุดเข้าหาความอบอุ่นจากแผงอกของเขาอีกต่างหาก

"เอเลน...สายมากแล้ว"

คราวนี้ก็เหมือนกันต่อให้เขาพร่ำ กระซิบเท่าไหร่เจ้าตัวร้ายก็เอาแต่มุดหน้าเข้าหาหนักกว่าเก่า....ถ้างั้นก็ คงต้องลองวิธีนั้น....คิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆคลายอ้อมแขนออกก่อนจะ ขยับตัวลุกขึ้นและได้ผลเจ้าตัวร้ายผวากอดเอวของเขาเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเขาช้าๆซึ่งมันก็ทำให้เขาต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้เพราะ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าเด็กเหลือขอถึงมีปฏิกิริาแบบนี้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ซะหน่อย....จะว่าไปที่ไม่เป็นแบบนี้ก็แค่ ตอนที่อยู่โพรว๊องซ์นี่นาแต่หลังจากนั้นตั้งแต่กลับมาที่นี่และตั้งแต่เจอ กันอีกครั้งเจ้าเด็กนี่ก็มีปฏิกิริยาแบบนี้แล้วล่ะ...

"อรุณสวัสดิ์....."

"ไม่ได้ดื้อซะหน่อย.....อรุณสวัสดิ์ครับ....ขอกอดอีกนิดนะครับ.."

"สายมากแล้ว...ลุกได้แล้ว...ไอ้เด็กเหลือขอ!!"

"อย่าใจร้ายสิครับ.....ผมคิดถึงคุณรีไวล์ใจจะขาดอยู่แล้วน้า"

"หึหึ....ลืมตาขึ้นมาได้ก็เพ้อเจ้อให้ฟังเลยรึไง??"


"ลุกได้แล้ว.....อีกอย่าง...ห้ามใส่เสื้อกล้ามเหมือนเมื่อวานเข้าใจมั้ย!!!"

ใบหน้ามนทำหน้างงที่อีกฝ่ายรู้ว่า ตัวเองใส่เสื้อกล้ามได้ยังไงก่อนจะพยายามลำดับเหตุการว่าคุณรีไวล์เข้าไปหา ตัวเองตอนใหนซึ่งมันไม่มีเมื่อวานทั้งวันนอกจากตอนเช้าแล้วตนก็ไม่เห็นคุณรี ไวล์อีกเลยตลอดทั้งวันจนตอนนี้นี่แหละไม่งั้นก็คงเป็นคนอื่นบอกแน่ๆ

"คุณเพทร่าเล่าให้ฟังใช่มั้ยล้า...แหมลูกน้องของหน่วยสำรวจเนี้ยรายงานตามจริงต่อผู้บังคับบัญชาทุกเรื่องเลยนะครับ.....ไม่ใส่แล้วก็ได้..."

"ไม่ต้องมากระแนะกระแหนเลยไปอาบน้ำได้แล้ว!!!"

".....ไปก็ได้....ไม่เห็นต้องดุเลยนี่....ทำอย่างกับว่าขัดคำสั่งของคุณหัวหน้าได้เลยนะครับ"
เสียง บ่นพึมพำออกแนวข้อนขอดของร่างโปร่งบางทำให้อีกคนที่มองตามหลังไปได้แต่ยิ้ม ให้กับความหัวรั้นของเจ้าตัวแต่ก็ไม่เคยนึกโกรธเลยสักครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
      ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนจ้องมองร่างบางที่ยังคง เคลื่อนไหวร่างกายไปตาจังหวะของดนตรีแต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่เพลงเดียว กกันกับเมื่อวาน....เห็นแบบนี้ก็ทำงานไวใช้ได้เลยทีเดียวเจ้าเด็กเหลือขอนี่ คงจะมีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆนั่นแหละเพราะเหมือนเจ้าตัวจะจริงจังและ ทุ่มเทกับมันมากโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ

"กลับมาแล้วเหรอค่ะหัวหน้า??"

เสียงทักทายของหญิงสาวร่างบางทำเอาคนเป็นหัวหน้าถึงกับยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเองเป็นสัญญาณว่าให้เงียบๆ

"ขอโทษค่ะ"

นางฟ้าหนึ่งเดียวประจำหน่วยส่งเสียงกระซิบเอาๆให้ได้ยินกันเพียงสองคนอย่างสงสัย

"ว่าแต่วันนี้กลับช้าจังเลยนะค่ะ"

"วันนี้มีประชุมกับท่านนายพลน่ะ....ว่าแต่เป็นไงบ้างเค้ากินอะไรบ้างรึเปล่า??"

หญิงสาวร่างเล็กยิ้มให้กับหัวหน้า หน่วยของเธอก่อนจะก้มมองมื้อเย็นสำหรับร่างบางในห้องที่เป็นซุปหอมใหญ่ที่ เขี่ยวจนเละกับไก่อบซอสไม่ใส่กระเทียมในถาดที่เธอยกมาก่อนจะตอบหัวหน้าของ เธอออกไป

"ทานหมดทุกมื้อเลยค่ะ.....อย่างนี้ค่อยหายห่วงหน่อยก็ใช้แรงเยอะขนาดนั้น....ยังไม่หยุดพักเลยนะค่ะนอกจากทานข้าวเจ้าตัวบอกว่าอยากจะให้หัวหน้าเลือกเร็วๆน่ะค่ะ"

"......."


ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไรก่อน จะตวัดกายเดินเลี่ยงไปอีกทางที่ผู้กำกับบ้าเลือดอย่างยัยแว่นจอมป่วนรออยู่ ก่อนแล้วโดยมีสายตาของลูกน้องสาวมองตามไปจนลับตา

"ใจแข็งจังเลยนะค่ะหัวหน้า......เอเลนน่ะสมาธิดีกว่าที่คุณกำลังกังวลอยู่นะค่ะ"

เพราะเธอรู้ว่าหัวหน้าของเธอคง กำลังกลัวว่าถ้าตัวเองเข้าไปขัดจังหวะจะทำให้เอเลนขาดสมาธิแล้วต้องเสียเวลา กลับไปเริ่มต้นใหม่แน่ๆ...แต่หัวหน้าของเธอกำลังลืมความจริงไปข้อหนึ่งว่าเอ เลนเป็นครูสอนเต้นมืออาชีพไม่ใช่เด็กหนุ่มกะโปโลอย่างที่คิดเพราะฉนั้น เรื่องแค่นั้นมันไม่ทำให้เด็กน้อยคนนี้ไขว้เขวไปได้หรอก

"เอาเถอะเดี๋ยวค่อยคุยกับหัวหน้าอีกทีเราเองก็ต้องรีบไปเหมือนกันนี่"

หญิงสาวร่างเล็กนางฟ้าหนึ่งเดียว ประจำหน่วยมองตามแผ่นหลังของหัวหน้าเธอไปอีกครั้งถึงแม้จะไม่เห็นแล้วก็ตาม ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องซ้อม

"เอเลนทานข้าวได้แล้วจ้า"

"คุณเพทร่า....ขอบคุณครับ"

ร่างโปร่งบางกดรีโมทปปิดเพลงแล้ววิ่งมาหาหญิงสาวร่างเล็กทันที

"คราวนี้เป็นอะไรเหรอครับคุณเพทร่า!!"

ใบหน้ามนยื่นเข้ามาสูดกลิ่นหอมๆของอาหารในถาดพรางยิ้มแก้มปริเมื่อได้เห็น

"เรียกพี่ดีกว่านะเอเลนเราจะได้ดูสนิทกับมากขึ้น.....แล้ววันนี้ออกแบบท่าเต้นไปถึงใหนแล้วจ๊ะ??"

"ครับ!!....เสร็จแล้วล่ะครับเหลือ แค่ซ้อมอีกนิดหน่อย....พรุ่งนี้ให้คุณรีไวล์ดูอีกทีว่าชอบแบบใหนว่าแต่ ....คุณรีไวล์ยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ??"

หญิงสาวร่างเล็กได้แต่ยิ้มให้กับคำถามเดิมๆทุกครั้งที่เจอหน้ากันนี่เอเลนไม่รู้ตัวเลยสินะว่าหัวหน้าของเธอมาแอบดูเจ้าตัวอยู่

"กลับมาแล้วล่ะจ๊ะป่านนี้คงจะไปซ้อมละครแล้วล่ะมั้ง"

"งั้นเหรอครับ!!!....คุณเพทร่าพาผมไปดูได้มั้ยครับ??"

"บอกว่าให้เรียกพี่ไง!...ถ้ายังเรียกคุณอยู่แบบนี้พี่ไม่พาไปหรอกนะ!!"

"ฮะฮะ...ก็มันเคยชินนี่ครับคะ...พี่เพทร่า....พาผมไปเถอะนะครับ"

"ก็ได้เพราะอีกเดี๋ยวพี่ก็ต้องไปอยู่แล้วล่ะนะแต่ต้องจัดการเจ้าพวกนี้ให้หมดก่อนนะจ๊ะ"

"ครับ!!!"

ใบหน้ามนรีบจัดการกับอาหารตรงหน้า ทันทีโดยไม่ต้องให้เธอบอกอีกเป็นครั้งที่สองถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ายังไง ทั้งสองคนก็ต้องได้ซ้อมเต้นและซ้อมละครด้วยกันแต่ก็อยากจะเห็นทั้งสองคนอยู่ ข้างๆกันมากกว่า
.
.
.
.
.
.
.
.
    นัย์ตาสีเขียวมรกตน่าหลงไหลจับจ้องร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่มากมายแต่กลับดูดีสม ส่วนไปซะทุกอย่างที่ไม่ว่าจะมองอีกสักกี่ครั้งก็ตามกำลังซ้อมอยู่บนเวทีใน ห้องโถงที่กว้างขวางที่คุณเอลวินคงจะดัดแปลงสำหรับซ้อมละครอีกเช่นกัน

"รีไวล์ใส่อารมณ์มากกว่านี้หน่อย....นายเห็นวิญญาณพ่อตัวเองนะไม่ได้เห็นโจรจะได้ทำหน้าแบบนั้น!!!"

"อย่ามางี่เง่ายัยแว่นผีจะต้องให้ชั้นลงไปนอนร้องไห้ฟูมฟายเลยมั้ยถึงจะพอใจน่ะห๊า!!!"

"ทำ ได้ก็ดีสิเอาแบบนั้นเลยเหมือนที่นายพูดนั่นแหละรีไวลชั้นอยาก เห็นๆๆๆ....อยากเห็นน้ำตาของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามโลกอย่างนายมากที่ สู๊ด!!!!!"

"ชันจะฆ่าเธอยัยแว่น!!!!"

ไม่ ว่าเปล่าเท้าหนักๆก็ลอยไปหาผู้กำกับจอมบ้าจี้ด้วยทันทีดีที่เจ้าตัว ปฏิกิริยาตอบสนองไวจึงกระโดดหลบได้ทันท่วงทีปล่อยให้คุณออลโล่ผู้ที่รับบท เป็นวิญญาณของผู้เป็นพ่อถึงกับยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่....ใบหน้ามนจึง หัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะคงไม่มีพระเอกที่ใหนหรอกที่จะมาไล่แตะทั้ง แม่ทั้งผู้กำกับแบบนี้....ก็คุณฮันซี่น่ะรับบทเป็นแม่ของเจ้าชายแฮมเล็ทด้วย นี่นะแถมยังต้องมาเป็นผู้กำกับอีก

"ถ้างั้นพี่เข้าไปก่อนนะจะถึงบทของพี่แล้วเอเลนนั่งรอหัวหน้าอยู่แถวๆนี้ก็แล้วกัน"

"ครับพี่เพทร่าไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ"

"อ้าว!!!!...เอเลน!!!!"

ยังไม่ทันที่เพทร่าจะปลีกตัวไปสาว แว่นผู้มีสายตาเฉียบคมก็เหลือบมาเห็นร่างบางเข้าจึงตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมกับ ตะโกนเรียกเสียงดังจนคนที่เกือบจะฝากรอยเท้าเอาไว้เป็นที่ระลึกให้เธอถึงกับ หางคิ้วกระตุกถี่ยิบก่อนจะตวัดสายตาคู่คมไปมองเจ้าลูกหมาเหลือขอที่ยืนฉีก ยิ้มกว้างอยู่ที่หน้าประตูทันที

"พักกองได้!!!!"

"อะไรกันค่ะคุณฮันซี่เพิ่งจะเริ่มเองนะค่ะ!!??"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ...น่าๆเพทร่าชั้นสงสารรีไวล์เค้าน่ะคงจะอยากพักเต็มที"

สาวแว่นยิ้มกรุ่มกริ่มพรางเหลือบ ไปมองเพื่อนสนิทร่างทันทัดที่ยังยืนกอดอกอยู่บนเวทีมือแข็งแรงของเธอก็ยัง ไม่วายลากให้ร่างบางเดินตามไปที่กองเอกสารมากมายที่กองอยู่กับพื้นของเธอ

"เอเลนตามมานี่พอดีเลยชั้นพึ่งจะเขียนบทให้ใหม่เพิ่งจะเสร็จเมื่อคืนสดๆร้อนๆเลยน้าจะได้ลองซ้อมกับรีไวล์ดูสิว่าเป็นไงมั่ง!!!"

"เอ๋!!!...อะไรกันครับ!!??....บทเก่าผมยังไม่ทันได้อ่านเลยนะครับ!!??"

"ไม่เป็นไรๆ...อันนั้นทิ้งไปได้เลยมาซ้อมบทนี้กันดีกว่า"

"ไม่ได้!!!...วันนี้ยังไม่ถึงคิวของเจ้าเด็กนี่!!!อย่ามาทำตามอำเภอใจแบบนี้....แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไง??"

แต่แล้วทั้งสองคนต้องชะงักค้างเมื่อคนที่คิดว่ากอดอกอยู่บนเวทีพูดขัดจังหะขึ้นพร้อมกับก้าวขาฉันๆตรงมายังทั้งสอง

"อย่ามองแบบนั้นสิครับ...ผมออกแบบเสร็จแล้วล่ะครับก็เลยขอตามพี่เพทร่ามาด้วยคนอยากเห็นคุณรีไวล์ซ้อมบ้างก็เท่านั้น"

"เก่งนี่สมกับเป็นนายนะ...เอเลน"

เอลวินที่เดินตามหลังมาพร้อมกับมิกะพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับชำเรืองมองเพื่อนร่างทันทัดของตัวเองน้อยๆ

"เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเต้นให้ดูนะครับชอบหรือไม่ยังไงก็บอกผมได้เลยนะครับผมจะได้แก้ให้ถูก"

"ตกลงตามนั้นก็แล้วกัน"

"ครับ!!!"

"มานี่!!!"

"อ๊ะ!!!!"

ร่างบางถึงกับอุทานออกมาด้วยความ ตกใจเมื่อจู่ๆข้อมือก็ถูกชายหนุ่มลากให้ตามไปแบบไม่ทันจะได้ตั้งตัวท่ามกลาง สายตากว่ายี่สิบคู่ที่จ้องมองตามไป

"เฮ้ๆ...อะไรของเขาล่ะนั่น??"

"ปล่อยไปสักพักเถอะน่า"

"นั่นสิค่ะ"

ทั้งฮันซี่เอลวินและเพทร่าต่างก็ พากันออกความเห็นโดยมี มิกะพยักหน้ารับทุกความคิดก่อนที่สาวแว่นจะตะโกนตามหลังไปติดๆแต่คำตอบของ ชายหนุ่มกลับมีเพียงแค่นิ้วกลางเพียงเท่านั้น

"เฮ้!!!...รีไวล์พักสิบนาทีน้าอย่าเลทซะล้า!!!"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่ง ยิ่งกว่าใครลากร่างบอบบางของเจ้าเด็กเหลือขอมาหยุดที่เรือนต้อนรับหลังเล็ก ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปราสาทก่อนจะหันไปจ้องใบหน้ามนเขม็ง

"เป็นอะไรไปครับ....ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า??"

"ไปที่ห้องนั้นทำไม??"

"แหมคิดว่าเรื่องอะไรซะอีก.....ก็ ผมอยากดูคุณรีไวล์ซ้อมบ้างนี่ครับอีกอย่าง...เดี๋ยวผมก็ต้องไปซ้อมด้วยไม่ ใช่รึไงไม่เห็นจะแปลกตรงใหน"

"ไม่ต้องมาร่ายยาวกลับขึ้นห้องไปซะไม่ต้องไปที่ห้องนั้นอีกจนกว่าจะถึงคิวของตัวเอง!!!"

"ไม่!!!...ผมจะไป!!"

ชายหนุ่มถึงกับหางคิ้วกระตุกถี่ ยิบเมื่อเจ้าลูกหมาเหลือขอกล้าที่จะขึ้นเสียงกับเขาทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่เคย เป็นแบบนี้แค่อ้อนนิดๆหน่อยๆเท่านั้นแต่คราวนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้หรือ เพราะว่าเขาบังคับเกินไปงั้นเหรอ.....ชายหนุ่มถามกลับไปอีกครั้งด้วยน้ำ เสียงที่อ่อนลงเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองก็ทำเกินกว่าเหตุ

"ทำไม??"

"ก็ผม......."

ร่างทั้งร่างถลาเข้ากอดคนตรงหน้า เอาไว้แน่นก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่หัวไหล่แข็งแรงเอาไว้แต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุด ลอดออกมาอีก....และเหมือนชายหนุ่มจะรับรู้ได้ว่าร่างบางกำลังคิดอะไรจึงกอด ตอบพร้อมๆกับขยี้หัวสีน้ำตาลเบาๆ

"ชั้นอยากให้นายขึ้นไปพักไอ้เด็กขี้แย....ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปนายจะเหนื่อยกว่านี้อีกหลายเท่า"

"ผมรู้....แต่เรื่องแค่นี้ผมไหวอยู่แล้วตอนซ้อมให้พวกนักร้องขึ้นคอนเสิร์ตมันก็หนักหนาพอกัน....ให้ผมไปดูคุณรีไวล์ซ้อมเถอะนะครับ"

".........ตามใจ"

"ขอบคุณครับ!!!"

สุดท้ายก็ต้านทานเด็กนี่ไม่ได้อีก ตามเคยทั้งๆที่เขาก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น....หรือว่าเขาจะทำให้เจ้าตัร้ายอึด อัดเกินไปกันแน่นะ...แบบใหนถึงจะเรียกว่าพอดีกัน...บางทีความรักมันก็ทำให้ คนหัวหมุนกังวลใจแบบนี้เลยรึไงกันนะ
.
...
.
.
.
.
    ใบหน้าคมหล่อเหลาเหลือบมองเจ้าลูกหมาที่ร้องตามมานอนฟุบอยู่กับกองเอกสารของ ยัยเพื่อนสาวจอมเพี้ยนเป็นระยะๆเพราะทั้งๆที่โอดครวญขอมาจะเป็นจะตายแต่สุด ท้ายก็มานอนให้ห่วงซะมากกว่า

"บางครั้งความรักความห่วงใยที่เรามีให้เขามากเกินไป....มันก็อาจจะทำให้เค้าอึดอัดก็ได้นะรีไวล์"

"........."

เอ ลวินที่ลอบมองเพื่อนสนิทเป็นพักๆอดที่จะออกความคิดเห็นไม่ได้กับอาการกระวน กระวายไม่มีสมาธิของชายหนุ่มและถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ตอบอะไรออกมาแต่เขาก็ รู้ดีว่ารีไวล์ต้องเก็บไปคิดอยู่แล้ว

"เฮ้อ!!!.... ถ้าการที่รักเด็กมันจะยากลำบากขนาดนั้น....ก็หันมามองชั้นบ้างก็ได้นะชั้น พร้อมสำหรับความรักของนายเสมออ๊ะ!!!!.....ฮ่ะๆๆ...ไม่ได้แอ่มชั้นหรอกนะจะ บอกให้!!"

สาว แว่นที่พูดสวนขึ้นมาพร้อมๆกับรองเท้าเบอร์สี่สิบลอยมาแทบจะทันทีแต่มีหรือ ที่คนที่ไวเป็นกรดอย่างหล่อนจะหลบไม่พ้นถึงแม้จะเคยถูกถีบบ้างก็เถอะแต่ เมื่อประสพการณ์มันเยอะจนต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดแบบนี้คนเรามันก็ต้อง พัฒนาขึ้นเป็นธรรมดา

"หุบปากเน่าๆของเธอซะยัยแว่นผี!!!"

แต่ คนที่มีคำพูดที่เจ็บปวดเสมอๆก็ยังหาคำพูดเจ็บๆคันๆมาด่าให้สะอึกได้ตลอดๆถึง แม้เพื่อนสาวสติเฟื่องของเขาจะไม่เคยแยแสแถมยังหัวเราะร่าได้อีก

"ลองปล่อยให้เค้าเป็นอิสระจากกรงดูบ้างเป็นไง??"

"พูดยังกับชั้นขังเด็กนี่เอาไว้อย่างงั้นแหละ"

"หึหึ....ความรักของนายมันแน่นหนายิ่งกว่ากรงซะอีก"

ชายหนุ่มนิ่งค้างไปสักพักก่อนจะปรายตามองเพื่อนสนิทที่เริ่มทำตัวเป็นพ่อเข้าไปทุกขณะ

"มันไม่ได้มากมายขนาดนั้น....ความรักของชั้น....."

ไม่ มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกเมื่อเจ้าตัวปลีกตัวลงมาจากเวทีแล้ว อุ้มเจ้าลูกหมาขี้เซาออกจากห้องซ้อมไปปล่อยให้เพื่อนทั้งสามคนมองตามอย่าง ห่วงๆ

"ไม่มากมายอะไรกันล่ะรีไวล์....นายหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว!!"

"เถอะน่าฮันซี่...แล้วเรื่องนั้นไปถึงใหนแล้ว??"

"หล่อนระวังตัวแจเลย....หัวหมอสมกับเป็นลูกสาวนายพล"

"หึหึ....งั้นกมาดูกันว่าใครจะหัวหมอกว่ากัน"

ชาย หนุ่มร่างสูงยิ้มบางๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคนเมื่อแผนการเปิดโปงหน้ากาก ของว่าที่คู่หมั่นเพื่อนร่างทันทัดของเขามันกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะในใจก็ อยากจะให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างที่ตัวรีไวล์เองเคยพูดไว้แต่ถ้าหากมันจำเป็น จริงๆก็ต้องหักดิบกันบ้างล่ะ
.
.
.
.
.
.
.
..
..
..
..
..
.
.
.
.
.
..........Tobecontinue.................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น