12 ก.ค. 2557

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 03

Fic.Attack on titan [Levi x Eren]Last light at the blue End.
(แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า) : 03

:Fanfiction Attack on titan

:Drama Incent

:NC-18+




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ






ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็ง แกร่งยิ่งกว่าใครก้าวขาลงจากทาวน์เฮ้าส์ด้วยท่าทางที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ นิ้วนางข้างซ้ายถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปากบรรจงจูบแผ่วเบาราวกับกำลังจูบริม ฝีปากบางๆของเจ้าของมัน...นัยน์ตาสีหม่นเหลือบมองคนที่ยืนพิงต้นไม้ยิ้มกวน ประสาทเล็กน้อยแล้วเดินต่อไม่คิดจะสนใจถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าไอ้คู่หูตัวแสบ ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านและอาร์มินเองก็ไม่ได้โทรมาโวยวายเพราะฉะนั้น.มันจะ ไปซุกหัวนอนที่ใหนก็ชั่งหัวมัน!!...

"อ้าวๆ...ไม่คิดจะทักกันซักคำเลยนะนายเนี้ย...ฉันอุตส่าห์ไม่กลับมารบกวนแท้ๆ..จะขอบใจกันซักคำก็ไม่มีเฮ้อ~"

"ชั้นจำได้ว่าไม่เคยขอร้องนายสักคำ"

"งั้นเหรอ..ว้าแย่จังนะ"

"เลิกเล่นลิ้นได้แล้วนายจะไปหาที่ซุกหัวนอนรึจะไปที่ใหนก่อนบอกมาชั้นไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับนายหรอกนะ!"

"แกรงว่าจะไม่มีเวลาพอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะ"

มือหนาชูมือถือขึ้นให้รีไวล์ดูแต่ แทนที่จะเอาของร่างสูงใหญ่มาอ่านกลับล้วงเอามือถือของตนออกมาเช็คเมล์แทนและ ก็เป็นจริงดังว่าเมื่อมีเมล์จากท่านรัฐมนตรีส่งมา...วันนี้ตอนเที่ยงตรงเป้า หมายของพวกเขาจะปรากฏตัวที่เขตมาเรียหัวหน้าสาขาของพวกก่อการร้ายจะไป ที่...เมืองใต้ดินของชิกันชิน่า!!??...บ้านเกิดของเอเลน?...


"เป็นอะไรไปคู่หู?...คิ้วนายผูกเป็นโบว์แล้วนะนั่น"

"ไม่มีอะไร...จะไปกันได้รึยัง?"

"ก็ไปสิ...พร้อมลุยได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว"

ร่างสันทัดเดินนำหน้าเอลวิน สมิธคู่หูของตัวเองไปที่รถแต่กลับมีอะไรบางอย่างทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง ที่ระเบียงชั้นสองของบ้านแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่อร่างบางๆ ของเจ้าเด็กเซ่อยืนโบกไม้โบกมือให้ตนอยู่...ยังจะมีแรงลุกขึ้นมาอีกทั้งๆที่ เมื่อคืนหนักไม่ใช่เล่นซะที่ใหนไอ้เด็กบ้า!!....มือหนาล้วงมือถือขึ้นมาอีก ครั้ง...เบอร์คุ้นเคยถูกกดโทรออกไปทันทีและไม่ใช่ใครที่ใหน..

[ครับ!!]

"วันนี้ไม่ต้องไปที่ร้าน..พักผ่อนซะเข้าใจมั้ย"

[คร้าบบ...จริงๆแล้ววันนี้มีนัดกับอาร์มินจะไปดูผ้าไหมที่ไชน่าทาวน์กันแต่เมื่อกี้
อาร์มินพึ่งจะโทรมาบอกว่าไม่สบายน่ะครับ]

"ก็ดี...ถ้างั้นก็ไปนอนต่อเถอะไม่กวนแล้ว"

[เดี๋ยวสิครับ...เย็นนี้จะกลับมาทานข้าวมั้ยครับ?]

"จะพยายาม...แล้วจะโทรบอกอีกที"

[จะรอนะครับ...บั้ยบาย]

"อืม.."

  
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทั้ง สองร่างที่ต่างไซส์จนสุดขั้วเดินลงไปยังบันไดที่จะนำพวกเขาไปสู่แหล่งโสมม แห่งหนึ่งของประเทศนี้หนึ่งในสามแห่งที่จะแสดงให้เห็นว่าประเทศนี้ฟอนเฟะ ขนาดใหนภายใต้ความหรูหราเจริญก้าวหน้าของด้านบนแต่กลับซุกซ่อนความเหม็นเน่า เอาไว้ใต้ผืนดินอย่างหน้ารังเกียจและเพราะสังคมเป็นแบบนั้นเขาถึงได้มุ่ง มั่นจะกำจัดพวกเดนสังคมไปให้หมดถึงจะรู้ว่าลำพังแค่เขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าใครเป็นคนหนุนหลังคนพวกนั้น...คนที่ลำพังเพียงแค่เขาไม่สามารถ ทำอย่างที่อยากจะทำได้

"แหวนนาย...สวยดีนี่"

จู่ๆคนข้างๆก็พูดขึ้นมา...ใบหน้า คมเหลือบไปมองคนข้างๆอย่างไม่คิดจะใส่ใจมากนักหากไม่ติดว่ามันจะกวนเบื้อง ล่างอย่างในตอนนี้!!...ก็จะอะไรซะอีกไอ้คนหน้าทะเล้นนี่มันดันหยิบแว่นดำ ขึ้นมาสวมหน้าตาเฉยถ้าหากว่าพวกเขากำลังเดินอยู่บนพื้นโลกมันก็ไม่เท่าไหร่ หรอกนะแต่นี่พวกเขากำลังเดินอยู่ที่เมืองใต้ดินที่แสงของดวงอาทิตย์ไม่มีทาง ส่องเข้ามาถึงอย่างแน่นอนตามทางเดินก็มีเพียงแสงไฟสีส้มริบหรี่เต็มทีแต่มัน กับหยิบแว่นดำขึ้นมาใส่แบบนี้!!

"ชีวิตนายมันยังมืดมนไม่พออีกรึไง??"

"อ่า...นั่นสินะ..ฮะฮะ"

แทนที่มันจะถอดแต่มันกลับหันมาหัวเราะร่าให้เขาซะงั้น...สงสัยว่าไอ้หมอนี่มันจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง!!

"ถ้าอยากจะดับก็บอกชั้นได้นะ...จะสงเคราะห์ให้"

"หึหึ...ขอผ่านเพราะฉันพึ่งจะเจอแสงสว่างเมื่อไม่นานนี้เองขออยู่ต่ออีกสักหน่อยก็แล้วกัน"

แสงสว่างงั้นเหรอ??...ร่างที่ไม่ ได้สูงใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งกับคำพูดที่เหมือนพึ่งจะเจอทางออกของคน ข้างๆจะว่าไปเมื่อเช้าเอเลนพึ่งจะบอกว่าอาร์มินไม่สบายนี่นา...แล้วไอ้หมอ นี่มันก็เป็นคนไปส่งด้วยไม่ใช่รึไง...แถมยังไม่ยอมกลับมาที่บ้านของเขาอีก ทั้งๆที่มันไม่มีที่พักจะไปนอนตามสวนสาธารณะก็คงจะเป็นไปไม่ได้นอกซะจาก ว่า....

"แก!!...ทำอะไรอาร์มิน??"

"เอ๊ะ...ฉันเหรอก็แบบว่า...."

"แกทำเรื่องอย่างว่าใช่มั้ย!!??"

"ฮะฮะ...ก็แหมออกจะยั่วซะขนาดนั้นใครจะไปทนไหวก็เลยจัดไปซะหลายรอบ"

"นี่แก!!...ถ้าเด็กนั่นเอาเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงห๊าถ้าพาลโกรธชั้นกับเอเลนขึ้นมานายจะรับผิดชอบยังไง!!??"

มือหนากระชากคอเสื้อของคนที่สูง กว่าด้วยความโมโหที่ไอ้คนจอมแถนี่มันไวไฟจนเกินเหตุไปแล้วทั้งๆที่พึ่งจะเจอ หน้าอาร์มินยังไม่ถึงวันแต่มันกลับจัดการไปซะเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่งไปซะ แล้ว...แล้วแบบนี้เขากับเอเลนจะมองหน้าเด็กนั่นยังไง...ไม่สิแค่เขาคนเดียว ตะหากที่พาไอ้เกรียนนี่มา...จะทำยังไงดีล่ะทีนี้..

"โอ๊ะ!!...ใจเย็นใจเย็นฉันไม่ได้ใช้กำลังบังคับซะหน่อยเด็กนั่นเต็มใจตะหาก...ถึงจะขัดขืนบ้างในตอนแรกๆก็เถอะ"

"แกนี่มัน!!...."

"เฮ้ยพวกนาย!!...กล้ามากนะที่มาคุยเรื่องบนเตียงในถิ่นของเราแบบนี้!!...ไม่ให้เกียรติหัวหน้าเราแบบนี้อยากมีเรื่องงั้นสิ!!"

เสียงก้าวร้าวของใครบางคนดังออกมา จากในเงามืดแต่กลุ่มคนที่กำลังก้าวออกมามันกลับไม่ได้มีเพียงเจ้าของน้ำ เสียงกวนบาทาเท่านั้นเมื่อชายร่างบึกบึนหลายคนกำลังก้าวออกมาจากเงามืดทุก ทิศทุกทางประมาณการคร่าวๆก็คงจะยี่สิบเห็นจะได้กำลังล้อมกรอบพวกเขาจากทุก ทิศทุกทางแต่ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนยังคงนิ่งสนิทไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว หรือทุกข์ร้อนกับสถานการณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย

"อา....สงสัยจะได้ออกกำลังอีกรอบซะแล้วสิคู่หู....นายไหวรึเปล่าเมื่อคืนใช้กำลังไปเยอะนี่"

"แกก็เหมือนกันนั่นแหละไอ้หัวทอง!!"

"น่าๆ..สรุปก็เราทั้งคู่นั่นแหละ...พักยกก่อนดีมั้ยเพื่อนตอนนี้เราคงต้องสามัคคีกันไว้นะฉันว่า"

ทั้งสองคนยังคงต่อปากต่อคำกันไปเรื่อยราวกับว่าผู้คนที่รายล้อมตนอยู่เป็นเพียงแค่เศษฝุ่นเศษดินที่ปลิวมากับสายลมเท่านั้น

"หัวหน้าพวกมันเหมือนจะไม่ได้ยินที่หัวหน้าพูดนะครับ!!!"

หนึ่งในกลุ่มคนที่รายล้อมพวกเขา ตะโกนขึ้นพร้อมกับหันไปหาเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองทรงสกินเฮดที่ยืน เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่อีกฝั่งและเพียงเท่านั้นคนที่คิดว่าเป็นหัวโจก ของคนพวกนี้ก็เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของร่างสันทัดเต็มแรง...มือหนายอม ปล่อยคอเสื้อของคู่หูสุดเกรียนของตัวเองแต่ด้วยโดยดี

นัยน์ตาคู่คมหันมาจ้องตากับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยสายตาที่นิ่งสนิท

"เฮ้ไอ้หนู..ฉันว่านายเล่นด้วยผิดคนแล้วว่ะปล่อยดีกว่านะเดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน...ฮะฮะ"

เด็กหนุ่มละสายตาจากคนที่ตนกำคอ เสื้อไปมองร่างสูงใหญ่ด้วยสายตาอยากลองดีเสียเต็มประดาพร้อมกับแสยะยิ้ม อย่างที่พวกอันธพาลในหนังฝรั่งชอบทำ

"ไอ้เตี้ยนี่ฉันชัดแค่หมัดเดียวก็ไม่น่าจะรอดว่ะไอ้ฝรั่งขี้นก"

"งั้นเหรอพวก!!!!"

กร๊อบ!!!!

โอ๊ยย!!!"

เสียงกระดูกลั่นพร้อมกับเสียงร้อง โหยหวนดังขึ้นทันทีเมื่อมือหนาเพียงข้างเดียวจับข้อมือที่กำคอเสื้อของตัว เองบิดไขว้ไปด้านหลังก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายนั่งลงกับพื้นอย่างรวดเร็วจนอีก ฝ่ายไม่ทันจะได้ตั้งตัว

"ไรเนอร์!!!/หัวหน้า!!!"

"ใจเย็นไอ้หนู...ชั้นแค่อยากจะสอนมารยาทเวลาพูดกับผู้ใหญ่ให้เท่านั้น"

"อ๊ากก!!"

แรงบิดหนักหน่วงที่แขนด้านที่ไขว้ หลังอยู่ทำเอาคนที่มันพึ่งจะเบ่งใส่เมื่อกี้ถึงกับดิ้นพล่านเมื่อถูกกดให้ นอนราบไปกับพื้นจนเหล่าลูกน้องทำท่าจะกรูเข้ามา

"บอกพวกมันถอยไปซะถ้าแกยังอยากจะมีแขนไว้กินข้าวไอ้หนู"

เสียงกระซิบเย็นยะเยือกทำเอาเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวก่อนจะรีบตะโกนบอกเหล่าลูกน้องให้หยุดอยู่กับที่

"ยะ...อย่าเข้ามา!!!"

ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้นเหล่า ลูกน้องทั้งหลายต่างก็พากันหยุดอยู่กับที่อีกครั้งโดยมีร่างสูงใหญ่ที่มา ด้วยยืนกอดอกใส่แว่นดำยิ้มอย่างสบายใจเพราะก่อนที่เขาจะมาที่นี่ก็ได้อ่าน ประวัติของคู่หูร่างสันทัดพอสมควรจึงไม่ได้คิดจะเป็นห่วงอะไรกับคนที่บุก เดี่ยวทลายเหล่าร้ายอยู่เป็นนิจแบบนี้

"เอาล่ะทีนี้เรียกชั้นใหม่สิไอ้เด็กเวร!!"

"อ๊ากก!!!...ละ...ละ..ลูกพี่ขอโทษครับที่บังอาจล่วงเกิน"

"ดีมาก...จำใส่กระโหลกแกไว้ซะถ้าเรียกชั้นแบบนั้นอีกชั้นจะส่งแกไปลงนรกซะไอ้เด็กเปรต!!"

"ไสหัวพวกแกไปซะถ้ายังอยากจะเห็นแสงอาทิตย์ของพรุ่งนี้อย่าให้ชั้นเห็นหน้าพวกแกแถวนี้อีกเข้าใจมั้ย!!?"

"ขะ...ขะ..เข้าใจแล้วครับลูกพี่!!!"

"พวกเรากลับ!!"

เด็กหนุ่มร่างสูงถูกผลักจนกระเด็น เกลือกกลิ้งไปตามพื้นอย่างทุลักทุเลก่อนจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นวิ่งหนีหาย เข้าไปในเงามืดแต่ก็ยังไม่สิ้นลายคนเป็นหัวหน้าอยู่ดี....นัยน์ตาสีหม่นมอง ตามกลุ่มคนที่วิ่งตามเด็กหนุ่มไปและเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนั้นต้องแข็ง แกร่งมากพอตัวถึงได้มีคนติดตามมากขนาดนี้แต่การที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใต้ ดินแบบนี้มันก็ต้องปากกัดตีนถีบไม่น้อยเหมือนกัน

"เฮ้อ...คิดว่าจะต้องเสียเหงื่อซะแล้ว"

"หุบปาก...ไปกันไดีแล้ว!!"
.
.
.
.
.
.
ร่าง ที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินนำหน้าคู่หูจิตป่วนไวไฟของตน ไปตามซอกซอยน้อยใหญ่ท่ามกลางแสงสลัวในเมืองใต้ดินอย่างชำนาญจนคนที่เดิน ตามอดสงสัยไม่ได้

"ดูนายจะรู้จักที่นี่ดีจังนะมาบ่อยเหรอ?"

"เปล่าแค่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนเท่านั้น"

"โอ๊ะ!!...ขาใหญ่ที่นี่งั้นสิไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ...ในประวัติของนายไม่เห็นบอกเลยนี่นาน่าแปลก"

"ก็แค่ถูกตัดออกไปบางส่วน"

"ว้าแย่จังแล้วทำไมประวัติฉันมัน เจาะไปตั้งแต่ฉันอยู่ในท้องแม่เลยแฮะแบบนี้คงต้องหาทางลบๆออกบ้างแล้วแต่ เอ...แล้วทำไมไอ้เด็กพวกนั้นไม่รู้จักนายหว่า??"

"พวกเกิดใหม่น่ะ...คนเก่าๆคงจะพอจำได้บ้างล่ะมั้งรึลืมชั้นไปหมดแล้วก็ไม่รู้"

"หึหึ...ยังไงก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่านายเคยอยู่ที่นี่มาก่อนแล้วนายทำอะไรบ้างล่ะตอนที่อยู่ที่นี่น่ะ"

"ก็ทุกอย่างที่นายคิดว่าคนๆหนึ่งที่ต้องกัดฟันอยู่ที่นี่นั่นแหละ...ชั้นไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่นายคิดหรอกนะ"

"เปล๊า!!...ฉันไม่เคยคิดว่านายขาวสะอาดแบบนั้นหรอกนะเพราะตั้งแต่เจอหน้านายครั้งแรกกลิ่นคาวเลือดมันก็ลอยฟุ้งมาเตะจมูกเลยว่ะเพื่อน"

"หึหึ..."

รีไวล์หัวเราะในลำคอเบาๆกับคำพูด ขวานผ่าซากพวกนั้นก่อนจะหยุดที่หน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่คุ้นเคยอยู่เป็น อย่างดี...และเป็นอย่างที่เขาพูดเอาไว้ว่าคนเก่าคนแก่ของเมืองใต้ดินแห่งนี้ รู้จักเขาดีอย่างไม่น่าเชื่อเพราะทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในร้านเสียงงึมงำ บ้างร้องทักด้วยความแปลกใจบ้างดังขึ้นเป็นระยะๆจนคนที้เดินตามหลังอดที่จะ ยิ้มไม่ได้

"ไง...ไอ้ตัวแสบลมอะไรหอบแกลงมาเมืองเน่าๆแห่งนี้ได้?"

ทันทีที่พวกเขานั่งลงที่เคาน์เตอร์บาเทนเดอร์แก่ประสพการณ์ก็ทักขึ้นมาทันทีเช่นกัน

"แค่คิดถึงบรรยากาศเก่าๆน่ะ..เลยกับมารำลึกชะหน่อย"

"เฮ๊อ...เชื่อตายล่ะ..."

"คู่หูคนใหม่น่ะมีเรื่องอยากให้ลุงช่วยนิดหน่อย"

"หวัดดีลุง..ผม เอลวิน สมิธ ยินดีที่รู้จัก"

"หึ...อยู่ใกล้ๆไอ้หมอนี่ชีวิตสั้นลงอีกหลายปีเลยนะ...ระวังตัวด้วยแล้วกัน"

"ฮะฮะ...ขอบคุณที่เตือนครับลุง"

ชายสูงวัยหัวเราะหึหึก่อนจะหันไป ผสมเหล้าต่อโดยไม่จำเป็นต้องถามว่าชายหนุ่มต้องการอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่า อีกคนจะสั่งอะไรถ้าจะให้เปรียบมันก็เหมือนกับการดื่มไว้อาลัยให้กับชีวิตที่ กำลังจะดับสูญไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ไม่นานแก้วเหล้าแรงๆสองแก้วก็มา วางตรงหน้า...มือหนายกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วก่อนจะกระแทกแก้วเปล่าลงไป ที่เคาน์เตอร์เสียงดังเรียกให้สายตาทุกคู่หันมามองได้ไม่ยากก่อนจะพากันทยอย เดินออกจากร้านไปเหมือนรู้ว่านั่นคือการเตือนว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าที่ นี่มันจะกลายเป็นเป็นสนามรบแต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้สนใจหรือบางทีพวกนั้น อาจจะรู้อยู่แล้วแต่อยากจะลองของก็เป็นได้

"อืมม...วิธีไล่แขกเข้าท่าดีนี่แต่มั่นใจเหรอว่พวกมันจะมาที่นี่น่ะ"

"เดี๋ยวก็รู้"

และเป็นจริงดังคาดเมื่อเป้าหมาย เดินเข้ามาในร้านโดยมีเด็กสาวสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบส่วนอีกคนเตี้ยกว่าพอ สมควรแต่เพราะทั้งสองคนอยู่ในชุดอาบาญ่าแบบหญิงสาวชาวตะวันออกกลางบวกกับแสง ไฟสลัวๆในร้านจึงไม่สามารถบอกลักษณะที่แน่นชัดได้แต่ที่แน่ๆภายใต้ชุดสีดำ ยาวคร่อมข้อเท้านั่นมีอาวุธสังหารอยู่แน่นอน

"ว้าว...รูปร่างดีเป็นบ้า"

ร่างสูงใหญ่อุทานออกมาเบาๆเมื่อเหลือบมองสองสาวไปแว่บหนึ่งแต่พูดราวกับว่าเห็นเข้าไปถึงไส้ถึงพุงยังไงยังงั้น

"ผู้หญิงก็เหมือนปีศาจนั่นแหละ"

"ฉันรู้...แต่ฉันมันพวกนักล่าปีศาจน่ะ...ฮะฮะ"

สิ้นเสียงหัวเราะประตูของโรงเหล้าก็เปิดออกอีกครั้งแต่กลุ่มคนที่เข้ามากลับทำให้ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน...

"นั่นมัน....."

"รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของพวกนายไม่ใช่เหรอ...อ้า...งานนี้เจอก้างตัวใหญ่มากเลยนะเนี้ย....เอาไงต่อ?"

"คอยดูพวกมันไปก่อนถ้ามันยึกยักก็จัดการได้เลย"

"ฉันว่างานนี้นายอยู่เฉยๆดีกว่านะถ้าไอ้รัฐมนตรีนั่นมันจำนายได้ว่านายเป็นเลขารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมล่ะก็เรื่องยุ่งๆได้ตามมาแน่"

"งั้นชั้นออกไปดักข้างนอกก็แล้วกันมืดๆคงไม่มีใครสังเกตุ"

"โอเค...ใส่นี่ไว้จะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น"

วัตถุสีดำขนาดจิ๋วถูกวางลงมาที่ ตรงหน้าและมันเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่สายลับอย่างพวกเขาใช้กันเป็นประจำอยู่ แล้วและก็เป็นที่รู้กันเฉพาะพวกเขาว่ามันมีสัญญาณดาวเทียมอยู่ในตัวสำหรับ ติดตามตัวพวกเขาอีกด้วยแต่ยังไม่ทันจะได้หยิบมันขึ้นมาเงาร่างของใครหลายคน ก็เข้ามาห้อมล้อมพวกเขาพร้อมกับวัตถุบางอย่างจี้ลงมาบนแผ่นหลังพวกเขาทั้ง สองคน

"อ่า~~..งานเข้าซะแล้วว่ะคู่หู"

"หึ...กลัวรึไงกันไอ้หัวทอง"

"หึหึ...มันก็นะ"

ทั้งสองคนกัดฟันเหน็บกันโดยไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่กำลังจี้พวกตนอยู่เลยแม้แต่น้อย

"เห้ยพวกแก!!!...มันไม่ใช่เวลาที่พวกแกจะมาเถียงกันนะเว้ย!!"

แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ งันอีกครั้ง....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเป้าหมายของพวกเขาที่กำลังเดินออก ไปด้านหลังของร้านอย่างใจเย็นและหนึ่งในนั้นหันกลับมามองพวกเขาด้วย....พวก มันรู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาจะมา??...ไม่ผิดแน่พวกมันรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วแน่ๆ

"เหล้าที่สั่งได้แล้วครับ"

"อา...ขอบคุณครับลุง"

"จัดการพวกมันอย่าปล่อยให้มันจ้อได้อีก!!"

แกร้ก แกร้ก แกร้ก ๆๆ

"โอ๊ยยยยย!!!!!"

พลุ๊บ พลุ๊ล พลุ๊บ!!!!!!

"อ๊ากกก!!!!"

โครม!!!!!!

เสียงเหนี่ยวไกปืนกว่าสิบกระบอก ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวยด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเสียงข้าวของแตก กระจายดังระงมไปทั่วร้านและไม่นานกลุ่มคนที่ยืนห้อมล้อมพวกเขาจากด้านหลังก็ ลงไปกองอยู่กับพื้นแทบจะทั้งหมดเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่โดนร่างที่ไม่ได้สูง ใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจับกดหน้าอยู่กับพื้น

"พะ...พวกแกมันไม่ใช่คน!!!"

ชายร่างสูงใหญ่สบถออกมาอย่างหวาด กลัวเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเร็วซะจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทันรู้ตัวอีกที่ ตาก็แสบจนมองอะไรไม่เห็นอีกพร้อมกับกลิ่นฉุนของเหล้าต้มผสมกลิ่นคาวของเลือด ก็คละคลุ้งไปทั่วตัว

"ฮะฮะ....พอดีคนอื่นเค้าเรียกฉันว่ามัจจุราชล่าหัวผู้ก่อการร้ายอย่างพวกแกน่ะ"

"อะไรของแกวะไอ้หัวทองก่อนหน้านี้แกพึ่งจะบอกว่าแกเป็นนักล่าปีศาจไม่ใช่รึไง?"

"เฮ่อๆ...ลืมไปว่ะเพื่อน"

"แล้วจะเอายังไงกับหมอนี่...ให้ชั้นเป่ากระโหลกมันเลยมั้ย"

"No No No...เราจะปล่อยมันไป"

เอลวินเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าของไอ้คนที่กำลังสั่นงกๆด้วยความกลัวก่อนจะกระชากคอเสื้อของมันขึ้นมา

"รู้มั้ยทำไมฉันถึงปล่อยนายไป?"

และดูเหมือนว่าคำถามของเขามันจะล่องลอยไปกับอากาศซะแล้วเมื่ออีกฝ่ายทำเพียงแค่ขบกรามแน่น

"อา~..ชั่งเถอะลืมที่ฉันถามไปซะฉันแค่จะฝากข้อความไปหาเจ้านายของแกว่า..."

"คัดเข้าคัดออก"

ชายร่างสูงใหญ่ถูกเหวี่ยงไปกับ พื้นอีกครั้งก่อนจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน....ทั้งสองคนมอง ตามแผ่นหลังของมันไปจนลับตาก่อนจะพากันเดินออกจากร้านไปแต่ยังไม่ทันทีพ้น ประตูร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็ย้อนกลับมาที่ เคาน์เตอร์อีกครั้งพร้อมกับควักซองสีน้ำตาลวางไว้ตรงหน้าชายสูงวัยแล้วเดิน จากไปอีกครั้งโดยมีน้ำเสียงที่ไม่ยี่ระกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่ น้อย

"ขอบคุณที่มาอุดหนุนโอกาสหน้าเชิญใหม่"

"ไอ้เตี้ยนั่นมันยังทำเงินได้เหมือนเคยเลยแหะ"

ไม่ใช่เสียงของเจ้าของร้านแต่เป็น เสียงของกลุ่มคนที่อยู่อีกมุมหนึ่งของร้านโดยที่คนพูดกำลังคว้าเอาแบงค์ใน มือของคนที่เสีย...ใช่ที่พวกเขายังอยู่ก็เพื่อพนันกันก็เท่านั้นเพราะอดีต เจ้าสังเวียนแห่งเมืองใต้ดินมาเยือนถิ่นเก่าทั้งทีจะพลาดได้ไง
.
.
.
.
.
.
.
"คัดเข้าคัดออกงั้นเหรอ"

รีไวล์พูดขึ้นมาลอยๆอย่างไม่หวังจะได้รับคำตอบถึงแม้จะจะยังสงสัยอยู่ไม่น้อยก็ตาม

"โอ้ว...ข้องใจอะไรเหรอคู่หู"

"แน่นอนล่ะ...ชั้นว่าไอ้หมอนั่นที่แกส่งสารไปถึงมันก็คงจะไม่เข้าใจเหมือนกัน

"ฮะฮะ...มันเป็นโค๊ตลับน่ะ"

"หมายความว่าไง?"

"ไม่เอาน้าคู่หูในเมื่อเราเป็น สายลับเราก็ต้องทำตัวให้มันเหมือนสายลับน่ะนะ...ส่วนปริศนานั่นก็ส่งไปให้ มันตื่นตัวปวดหัวเล่นๆเท่านั้นเอง...ทีนี้เก็ทรึยัง?"

"โฮ่....ชั้นไม่คิดว่าหน้าอย่างนายจะคิดเรื่องพวกนี้ได้เอง"

"มันก็นะ...แค่จำทริคชาวบ้านเค้ามาน่ะ"

ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยเปื่อยกับเรื่องไร้สาระระหว่างทางกลับไปที่รถของพวกเขาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้น....

"ลูกพี่ทางนี้ๆ!!!"

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองไปยัง ทิศทางของเสียงและเงาร่างที่คุ้นตาของเขาคนนั้นก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นชัด ยิ่งขึ้น....ไอ้เด็กไรเนอร์นั่นนี่นามีธุระอะไรของมัน?...แต่ถึงจะสงสัยทั้ง สองคนก็ยังเดินหายเขาไปในมุมมืดนั่น

"แกมีธุระอะไรกับพวกชั้นไอ้เด็กเปรต?"

"คือผมได้ยินข่าวมาว่าพวกลูกพี่ไป มีเรื่องกับพวกมิสเตอร์เคที่โรงเหล้ามางั้นเหรอ...พวกลูกพี่เป็นตำรวจใช่ มั้ยถ้าต้องการข่าวอะไรเกี่ยวกับไอ้หมอนั่นถามผมได้นะผมขายให้ราคากันเองเลย ผมรู้แทบจะทุกเรื่องเกี่ยวกับไอ้หมอนั่นเลยนะ!!"

"โฮ่....นี่คิดจะทำอาชีพค้าข่าวงั้นสิจะทำงานกันชั้นมันยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู"

"ถ้าลูกพี่ไม่เชื่อก็ลองสุ่มถามผมมาได้เลย!!"

"ถ้างั้นนายรู้ชื่อจริงของหมอนั่นรึเปล่าบ้านเกิดมันอยู่ที่ใหน"

"โธ่เรื่องแค่นี้ผมบอกได้ยันลูกชายเค้าเลยว่าชื่ออะไรเมียเค้าเป็นคนที่ใหนแต่...มันแพงมากเลยนะที่พี่เลือกข่าวนี้"

"เท่าไหร่?"

"พันเหรียญ"

"โอ้ว...แพงจริงๆด้วย...เอางี้ มั้ยล่ะไอ้หนูแกคายเรื่องนี้ออกมาให้หมดแล้วถ้าฉันส่งไปสืบประวัติดูแล้ว เป็นความจริงฉันจะจ่ายนายเลยหมื่นเหรียญ"

"ห๊า!!!...หมื่นเหรียญ!!"

"ใช่หมื่นเหรียญถ้าทุกอย่างที่นายพูดมามันเป็นความจริงเราจะจ่ายนายทันทีที่เราตรวจสอบเรียบร้อย...ตกลงมั้ย??"

"มันก็โออยู่หรอกนะ...แต่ผมจะเชื่อพวกลูกพี่ได้ไงล่ะว่าจะไม่โกหกผมน่ะ"

"ก็ตามใจถ้าไม่เชื่อใจกันมันก็คง ทำงานร่วมกันลำบากจริงมั้ย"

"ถ้างั้นมัดจำมาก่อนเท่าไหร่ก็ได้แล้วเอาเมล์ของพวกคุณคนใดคนหนึ่งมาให้ผมแล้วจะส่งไปให้พรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน"

"ตกลง"

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ควักแบงค์พัน ออกมาให้สามใบก่อนจะจดเมล์ของตัวเองยื่นให้นักขายข่าวจำเป็นของพวกเขาเพราะ จะว่ากันตามจริงพวกเขาก็ยังมืดแปดด้านที่จะหาตัวตนที่แท้จริงของหัวหน้าสาขา ที่แฝงตัวอยู่ในประเทศของเขาเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพราะพวกเขาทำงานไม่เอาใหน แต่เพราะอีกฝ่ายรู้ทันไปซะหมดทุกอย่างมากกว่าถึงได้ไหวตัวทันตลอดต่าง หากอย่างกับว่ามีหนอนบ่อนใส้อยู่ในหน่วยยังไงยังงั้น

"เอาไปเท่านี้ก่อนอีกสามวันถ้าเราตรวสอบข้อมูลของแกเรียบร้อยแล้วให้ไปเอาที่เหลือที่โรงเหล้าฮาเนสก็แล้วกัน"

"ตกลงครับลูกพี่ยินดีที่ได้ร่วมงานงั้นผมขอตัวก่อนนะ"
.
.
.
.
.
.
.
.
หลัง จากคุยเรื่องค้าข่าวกับกับนักค้าข่าวจำเป็นของพวกเขาเรียบร้อยแล้วทั้งสองคน ก็กลับมาที่รถของตัวเอง...เอลวินเปิดหน้าจอเอลอีดีขึ้นพร้อมกับปรับโหมด ติดตามสัญญาณดาวเทียมที่พวกเขายัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของคนที่พวกเขาปล่อย ตัวไปเมื่อก่อนหน้า....นัยน์ตาคู่คมทั้งสองจับจ้องจุดกระพริบสีแดงที่ยัง เคลิ่อนที่ไปเรื่อยๆอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดอยู่กับที่ไม่ไหวติงไปใหนอีกอยู่ ในโครงสร้างสามมิติที่ทำให้โปร่งแสงมองเห็นด้านในตัวตึกได้

"น่าจะเป็นห้องพักมันมากกว่า...มันไม่ขยับไปใหนเลย"

ทั้งสองคนมองดูเงาร่างสีแดงจากเคลื่อนตรวจจับความร้อนที่นั่งจมปุกอยู่กับที่คาดว่าน่าจะเป็นเตียงนอนซะมากกว่า

"รู้มั้ยว่าที่นี่มันแถวใหน?"

"ย่านไชน่าทาวน์....จะไปกันเลยมั้ย"

"ม่าย ม่าย...เราจะปล่อยให้มันเต้นเร่าอยู่ไม่เป็นสุขสักคืน...พรุ่งนี้ค่อยไปเก็บกวาดก็แล้วกัน"

"ใจเย็นเกินไปหน่อยมั้ง"

"ไม่หรอก...ฉันมีบางเรื่องที่ต้องตรวจสอบน่ะ....แต่รู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันกำลังคิดถึงอะไร?"

"อะไร?"

"มื้อเย็นแสนอร่อยฝีมือแฟนนายไง"

"ไอ้จอมตะกละ....แต่ชั้นว่าพวกมันรู้อยู่แล้วว่าเรามา"

"หึหึ...ก็แหงล่ะหลังเกือบพรุนซะขนาดนั้นไม่ใช่เพราะมันพึ่งรู้ตัวแน่"

"ในหน่วยมีหนอน"

"แล้วนายมีคนที่สงสัยอยู่รึเปล่า?"

"ไม่ชั้นยังไม่มีเท่าที่ชั้นสังเกตุดูยังไม่มีใครเข้าข่าย"

"แล้วเจ้านายเพื่อนสนิทแล้วก็......คนรู้ใจ"

"นี่นายจะให้ชั้นสงสัยเอเลนงั้นเหรอ??"

"อา~...โทษทีฉันก็แค่คาดเดาจากประสพการณ์ของฉันน่ะ"

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะเพราะสิ่งที่ร่างสูงใหญ่พูดออกมามันทำให้รีไวล์ไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่อีกฝ่ายก็แค่หวังดี...

"ชั้นเช็คประวัติเด็กนั่นแล้ว"

"หื๋มม์!?"

"ก่อนที่เราจะคบกัน....ชั้นเช็ค ประวัติเด็กนั่นแล้ว...เอเลนเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงตัว เองเด็กนั่นรักการตัดเสื้อถึงได้พยายามทำทุกอย่างจนมีร้านเล็กๆเป็นของตัว เองไม่สิต้องบอกว่าทั้งคู่ต่างหากกับอาร์มินเพื่อนของเค้า...ทั้งคู่เป็น เด็กกำพร้าพ่อแม่ของทั้งคู่ประสพอุบัติเหตุตอนที่พวกเขาอายุสิบสามน่ะ"

"ขอโทษนะ...พ่อแม่ของเด็กนั่นประสพอุบัตติเหตุพร้อมกันเลยเหรอ?...อ่าแค่สงสัยน่ะ"

เอลวินรีบแก้ตัวทันทีเมื่อสายตาคู่คมหันมาจ้องเขม็งอย่างกับยังหงุดหงิดไม่หาย

"ใช่....พวกเขาอยู่ในรถคันเดียว กันตอนกลับจากงานแต่งของลูกสาวเพื่อนที่เขตทรอสน่ะวันนั้นฝนตกหนักถนนลื่นรถ พวกเขาเลยพุ่งตกลงไปในเหว...อย่างน้อยในรายงานการสอบสวนมันก็เขียนเอาไว้แบบ นั้นล่ะนะ"

"....เรื่องเศร้าเลยนะเนี้ยมิน่าล่ะเด็กพวกนั้นถึงได้ดูเข้มแข็งขนาดนั้นที่แท้ก็ผ่านเรื่องเลวร้ายที่สุดมาแล้วนี่เอง"

"หึหึ...."

ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้งเมื่อต่างคนก็ต่างกลับไปสนใจจอเอลอีดีดูการเคลื่อนไหวของเหยื่อยต่อไป

"ดูนายรักเด็กนั่นมากเลยนะเพราะสงสารงั้นเหรอ?"

เป็นอีกครั้งที่เอลวินถามขึ้นมาเอาเสียดื้อๆแบบไม่มีไตเติ้ลใดๆเกริ่นนำแต่คราวนี้รีไวล์กลับไม่รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดเหมือนในตอนแรก

"......บางทีมันอาจจะมากกว่าที่ชั้นรักตัวเองซะอีก....ไม่ใช่เพราะสงสารเพราะชั้นรู้จักกันก่อนหน้าที่จะรู้ประวัติของเอเลนซะอีก"

"....ชั้นตรวจสอบประวัติเด็กนั่นตอนที่ตัดสินใจจะคบกันจริงๆน่ะ"

"รักแรกพบเหรอ?...เค้าว่ากันว่ารักแรกมันมักจะไม่สมหวังนะ"

"นายชักจะพูดมากเกินไปแล้ว เอลวิน สมิธ!!"

"ฮะฮะ...มันก็...."

R R R R~~

เอลวินยังไม่ทันพูดจบประโยคมือถือก็ดังขึ้นแทบจะพอดิบพอดีและไม่ใช่ใครที่ใหนแต่เป็นคนที่พึ่งจะกล่าวขวัญถึงไปหยกๆนั่นเอง

"โอ๊ะ....ยังจะมีเรดาร์แน่ะโทรมาตอนเสร็จงานพอดิบพอดีเป๊ะ...ฮะฮะ"

ใบหน้าคมหล่อเหลาหันมาค้อนควับคู่หูเฉพาะกิจก่อนจะหันกลับไปสนใจมือถือของตัวเองอีกครั้งและทันทีที่เขากดรับ

[คุณรีไวล์จะกลับรึยังครับผมจะได้จัดโต๊ะรอ]

"หึหึ...กำลังจะกลับพอดีอีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง"

[แล้วเพื่อนของคุณรีไวล์จะมาด้วยมั้ยครับพอดีวันนี้อาร์มินมาขอฝากท้องด้วยผมจะได้เตรียมไว้เผื่อ]

"อืม...รบกวนรึเปล่าถ้าไม่พอใจชั้นจะไล่เค้ากลับไปหาโรงแรมพักก็ได้นะ"

[โธ่...ไม่รบกวนเลยสักนิดครับดีซะอีกมีเพื่อนทานข้าวด้วยกันหลายๆคนสนุกดีนะครับ]

"งั้นเหรอ...งั้นอีกเดี๋ยวเจอกัน"

[ครับ!!]

Jeep Grand Cherokee เคลื่อนตัวออกทันทีที่วางสาย....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนข้างๆที่จู่ๆก็ สงบปากสงบคำลงเสียดื้อๆก่อนจะกลับมาสนใจถนนตรงหน้าต่อถึงแม้จะยังแปลกใจตัว เองว่าเพราะอะไรถึงได้ยอมเล่าเรื่องส่วนตัวที่เป็นส่วนตัวจริงๆให้ไอ้บ้าหัว ทองนี่ฟังก็ตามที
.
.
.
.
.
.
อาหาร มื้อค่ำจบลงด้วยรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะผิดจากเมื่อวานจากหน้ามือเป็นหลังมือ ระคนแปลกใจของร่างบางเมื่อเพื่อนสนิทที่ยืนล้างจานอยู่ข้างๆไม่แง่งใส่ เพื่อนของคุณรีไวล์เหมือนเมื่อวานแถมวันนี้ยังยอมให้เค้าไปส่งโดยไม่คัดค้าน อะไรอีก

"อาร์มินมีอะไรรึเปล่าดูนายแปลกๆไปนะวันนี้หรือว่าไข้ฟื้นงั้นเหรอ?"

"อ๊ะ!!...ปละ...เปล่าครับเอเลนแค่มึนๆนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

"ห๊ะ!!!...ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกเนี้ยมานี่เลยไม่ต้องทำช่วยฉันแล้ว!!"

ร่างบางละจากการล้างจานแล้วคว้า แขนเพื่อนร่างเล็กพาไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขนก่อนจะก้าวยาวๆไปหยิบยาใน กล่องปฐมพยาบาลพร้อมกับแก้วน้ำมาให้เพื่อนร่างเล็กทันที....การกระทำของทั้ง สองต่างก็ถูกสายตาคู่คมทั้งสองจับจ้องอยู่ในเวลาเดียวกันแต่ต่างคนก็ต่าง ความคิดเพราะร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครคิดว่ามันชั่ง เป็นภาพที่น่ารักที่ทั้งสองคนดูเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้แต่อีกคนกลับไม่คิด แบบนั้น....และดูจะตรงกันข้ามกับที่รีไวล์คิดอย่างสิ้นเชิง

"คุณเอลวินครับรบกวนพาอาร์มินไปส่งที่บ้านตอนนี้เลยได้รึเปล่าครับ??"

"โอ้ส...ไม่มีปัญหาถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะรีไวล์"

ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้าให้น้อยๆ เท่านั้น...นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองตามแผ่นหลังบางที่เดินไปส่งเพื่อนที่หน้า บ้านแล้วจู่ๆคำพูดหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว.....
...... โธ่...ไม่รบกวนเลยสักนิดครับดีซะอีกมีเพื่อนทานข้าวด้วยกันหลายๆคนสนุกดีนะ ครับ.....หรือบางที่เจ้าเด็กเซ่อของเขากำลังเหงาอยู่กันแน่ถึงได้พูดแบบนั้น
.
.
.
.
.
.
.
.
มือ หนาที่กำลังเปิดดูแฟ้มเอกสารที่ลูกน้องเอามาส่งให้ที่บ้านต้องปิดแฟ้มลง ทันทีที่เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกทั้งๆที่ยังไม่ทันจะได้ตรวจดูรายละเอียด ด้านในครบถ้วนดีเพราะเขาไม่ได้เข้ากระทรวงมาเกือบสองวันแล้วจึงต้องให้ลูก น้องหอบมาให้ที่บ้านแต่เพราะเวลาที่จะได้อยู่กับร่างบางมันมีน้อยนิดยิ่ง กว่า...หมายถึงตอนที่เขาทั้งคู่ยังไม่หลับน่ะนะเลยอยากจะให้ความสำคัญกับ ร่างบางซะก่อนเอาไว้เจ้าตัวร้ายหลับแล้วค่อยทำต่ออีกทีเพราะยังไงเขาก็นอน ดึกเป็นปรกติอยู่แล้ว

"งานเสร็จแล้วเหรอครับ?"

"ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอกพรุ่งนี้ค่อยดูก็ได้"

เขาโกหกน่ะเพราะที่เอามามันก็มีแต่งานด่วนทั้งนั้นแต่ไม่อยากให้ร่างบางต้องไม่สบายใจไปด้วย

แขนแข็งแรงกางรับคนที่โผเข้ามาหา เอาไว้ได้อย่างพอดีเมื่อจู่ๆเจ้าตัวร้ายก็โผเข้าหาแบบไม่ทันได้ตั้ง ตัว...ริมฝีปากบางกดจูบไปทั่วซอกคอของชายหนุ่มแผ่วเบาเหมือนเป็นการยั่วยวน แต่เปล่าเลยนั่นมันก็แค่การแสดงความรักอย่างหนึ่งของร่างบางเพราะทันทีที่กด จูบล้อเล่นกับอารมณ์ของเขาแล้วเจ้าตัวก็จะซุกหน้าเข้ากับแผงอกของเขาแล้ว ผล็อยหลับไป...ชั่งเป็นเด็กที่กินง่ายนอนง่ายเสียนี่กระไร....แขนแข็ง แรงกระชับกอดคนมานอนทาบอยู่บนตัวเองเอาไว้หลอมๆให้เจ้าตัวหายใจได้สะดวกยิ่ง ขึ้นก็มีอย่างที่ใหนมานอนคว่ำหน้าอยู่บนแผ่นอกแข็งๆแล้วยังหลับได้อีก

"เหงารึเปล่าที่ต้องมาอยู่กับคนน่าเบื่ออย่างชั้น...ไอ้เด็กเหลือขอ"

"ถามอะไรน่ะครับ??...ผมไม่เข้าใจ!!"

ใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นไปมองอีก ฝ่ายอย่างไม่เข้าใจทำให้อีกคนได้หัวเราะเล่นกับท่าทางที่ดูตกใจจนเกินเหตุ แบบนี้...เขาไม่ได้อยากถามให้ร่างบางนี่คิดมากเลยสักนิดแค่อยากรู้ว่าเจ้า เด็กเหลือขอนี่เหงาบ้างมั้ยก็เท่านั้น

"คุณรีไวล์~..เบื่อผมงั้นเหรอครับ!!??"

"หึหึ....ไปกันใหญ่แล้วชั้นถามว่านายเหงารึเปล่าที่ต้องอยู่กับชั้นไม่ได้บอกว่าเบื่อนายเลยสักคำ...ไอ้เด็กเซ่อ"

"ผมไม่เคยเบื่อคุณรีไวล์หรือว่า เหงาอะไรเลยนะครับ!!...ผมมีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆคุณถึงแม้ว่าเวลาของเรา มันจะไม่ค่อยตรงกันแต่ผมก็มีความสุขมากๆเลยนะครับ.......ผมรักคุณรีไวล์มาก นะครับ...ผมขอร้องอย่าถามผมแบบนี้อีกได้มั้ยครับมันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณ เกลียดผมแล้วเลยผมไม่สบายใจนะครับรู้รึเปล่า?"

ใบหน้าคมยิ้มอ่อนโยนให้คนที่ทำ แก้มป่องมองตนด้วยสายตาตัดพ้ออย่างเอ็นดู...มือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้า สวยเอาไว้ก่อนจะกดจูบหนักๆลงไปที่หน้าผากนวลเนียน

"เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเอเลน....ใครจะเกลียดนายกันชั้นพึ่งจะขอนายแต่งงานเมื่อวานเองนะยังไม่ทันแต่งกันเลยชั้นจะเกลียดนายได้ยังไงกัน"

"ก็ใครให้คุณรีไวล์ถามผมแบบนั้นกันเล่า"

"ขอโทษก็แล้วกัน...ชั้นจะไม่ถามแบบนั้นอีกแล้ว"

"สัญญานะครับ"

"แน่นอน...แต่นายต้องสัญญากับชั้นเรื่องหนึ่ง"

"อะไรเหรอครับ?"

"สัญญาว่าจะอยู่กับชั้นจนกว่าชั้นจะตายจากนายไปได้รึเปล่า?"

".....คุณรีไวล์~~"

ใบหน้าเรียวสวยได้แต่นิ่งค้างด้วย ความตกใจไม่รู้ว่าทำไมคุณรีไวล์ของเขาถึงได้พูดแบบนี้ออกมาและมันทำใหดวงตา สีเขียวมรกตถึงกับพร่ามัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น....คุณรีไวล์ไปรู้เรื่องอะไร มาหรือไปทำอะไรมากันแน่ทำไมถึงได้พูดแบบนี้ออกมา

"สัญญากับชั้นสิเอเลน"

"......ผมคงสัญญว่าจะอยู่จนกว่าคุณจะตายจากผมไปไม่ได้แต่......"


"ทำไม?....แต่อะไรพูดมาให้จบ!!?"

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหัวใจของเขาถึง ได้หยุดเต้นไปหลายวินาที...ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไอ้เด็กเซ่อนี่ชายหนุ่ม จึงตวาดออกไปด้วยความโมโหจนแทบจะถึงขีดสุดเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าคน ในอ้อมแขนจะพูดแบบนั้นออกมา..

มือหนาย้ายมาบีบหัวไหล่มนด้วยแรงที่แทบจะทั้งหมดจนใบหน้าสวยได้แต่นิ่วหน้าเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น

"เอเลน!!!"

"ผมเจ็บนะครับคุณรีไวล์...ฟังผมให้จบก่อนสิครับ"

เสียงประท้วงแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มค่อยๆผ่อนแรงบีบของตัวเองแต่หัวใจของเขากลับยิ่งชาวูบลงไปทุกขณะ

"ผมแค่จะบอกว่าผมคงสัญญาไม่ได้ว่าจะอยู่จนถึงวันที่คุณจากผมไปแต่ผมสัญญาว่าผมจะอยู่ข้างๆคุณจนกว่าชีวิตผมจะดับสูญไปต่างหากล่ะครับ"

จบประโยคสายตาที่แข็งกร้าวของชาย หนุ่มก็ค่อยๆปรับอ่อนโยนลงจนเป็นปรกติสองแขนย้ายมากอดกระชับร่างบางเอาไว้ แล้วฝังจมูกคมลงไปบนหัวสีน้ำตาลเข้ม

"ไอ้เด็กบ้า...ทำเอาใจหายใจคว่ำหมด!!"

"อย่าพูดแบบนี้อีก...ชั้นจะไม่ยอมให้ใครหน้าใหนมาพรากนายไปจากชั้นเด็ดขาด"

"......ห้ามไม่ได้หรอกนะครับพระ เจ้ากำหนดมาแล้วว่าใครจะต้องไปรับใช้พระองค์ก่อนหรือหลังผมเองก็เหมือน กัน......เราทุกคนถูกลิขิตเอาไว้แล้วนะครับ"

"ชั้นไม่สนพระเจ้าองค์ใหนที่คิดจะพรากนายไปจากชั้น...ชั้นจะฆ่ามันให้หมดเลยคอยดู!!"

"คุณรีไวล์!!...อย่าลบหลู่แบบนั้นสิครับเดี๋ยวพระองค์ก็โกรธเอาหรอก!!"

"ชั่งพระองค์สิถ้ากล้ามาแตะต้องนายล่ะก็ชั้นไม่ไว้หน้าทั้งนั้นแหละ"

"คุณรีไวล์~...ไม่เอาแล้วไม่พูดด้วยแล้วนะครับไปกันใหญ่แล้ว"

ใบหน้าสวยมุดเข้าหาแผงอกแกร่งและ ไม่พูดอะไรออกมาอีกเพราะถ้าหากพูดต่ออีกแม้แต่คำเดียวมีหวังคุณีรีไวล์ได้ ตามขึ้นไปถล่มพระเจ้าถึงสวรรค์แน่นอนเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.Tobecontinue........

กลับมาต่อให้อีก ตอนนะหก๊าสำหรับเรื่องนี้จริงๆแล้วมันใกล้จะจบแล้วแหละแต่เราต้องให้ความ สนใจกับวันเกิดของไอ้คุณมุหัวสับปะรดของเก๊าก่อนนะเออ

ตอนนี้ลงให้พร้อมกับฟิคของสับป้ามันนะก๊าา

บั้ยบายยยยยย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น