3 พ.ค. 2557

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who owñ my heart?? : 07

Fic.Attack on titan[LevixEren]Who own my heart?? : 07

:Fanfiction Attack on titan[LevixEren]

:Romantic

:NC-15




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ













      ร่างโปร่งบางเดินสะโหลสะเหลลงมาจากชั้นบนของบ้านด้วยอาการตื่นไม่เต็มตาใบหน้ามนก้มลงมองหน้าจอมือถือที่ยังดำมืดด้วยความรู้สึกน้อยใจแต่ในใจก็ยังหวังว่าคุณรีไวล์จะโทรกลับมาหาตนบ้างปลายนิ้วเรียวยาวปัดหน้าจอเพื่อจะเช็คสายเข้าแต่ยังไม่ทันจะได้ดูคุณแม่ของเขาก็ร้องเรียกซะก่อน

"เอเลนแจนโทรมาหลายครั้งแล้วนะลูกทำไมถึงไม่ยอมรับสายล่ะหื้อ??"

"เบื่อน่ะแม่ถ้าโทรมาอีกก็บอกว่าผมออกไปแล้วนะครับ"

ร่างโปร่งบางทำสีหน้าหน่ายๆก่อนจะเดินไปหยิบแซนวิสที่โต๊ะมาคาบเอาไว้แล้วเดินไปชงโกโก้ร้อนหน้าตาเฉย

"แม่จะไม่โกหกแจนหรอกนะหน้าที่กับปัญหาของตัวเองก็แก้เอง"

"คร้าบๆ"

ใบหน้ามนทำหน้างอมองผู้เป็นแม่อย่างงอนๆแต่มือก็ยังยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อตั้งแต่ลงมายังไม่เจอหน้าพี่สาวต่างสายเลือดของตนถึงจะพอเดาได้ว่ามีงานด่วนก็เถอะวิศวะกรอย่างมิคาสะก็งานยุ่งแบบนี้ทั้งปีแต่ก็ยังเจียดเวลาคอยดูแลตนอยู่เป็นประจำจนเขากลายเป็นลูกคนเล็กที่เอาแต่ใจไม่รู้จักโตอยู่แบบนี้"มิคาสะไปทำงานแล้วเหรอแม่???"

"เห็นบอกว่ามีธุระด่วนน่ะจ๊ะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว"

"......งั้นเหรอครับ??"

ใบหน้ามนได้แต่ทำหน้าสงสัยเพราะนอกจากเรื่องของตนแล้วมิคาสะก็ไม่เคยมีธุระอย่างอื่นอีก...หรือว่านี่เป็นเรื่องของตนอย่างนั้นรึเปล่า??....ถ้าใช่แล้วมันเรื่องอะไรกัน??....
.
.
.
.
.
.
.
.    Benz E200 coupe sport สีแดงสดราคาเกือบๆสี่ล้านเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าสตูสำหรับถ่ายรายการในวันนี้ก่อนจะปล่อยให้สต๊าฟของรายการขับไปจอดให้อีกที่....นัยน์ตาสีเขียวมรกตยังจ้องมองตามความภาคภูมิใจอย่างแรกที่เขาสามารถเก็บตังส์ซื้อเองได้ถึงแม้ว่าพ่อของเขาอยากจะซื้อคันที่แพงกว่านี้เกือบเท่าตัวให้ก็ตามทีแต่จะให้นั่งบนรถที่ไม่ได้ซื้อเองมันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกภูมิใจเหมือนเจ้าคันนี้...มือบางล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนจะก้าวขาเข้าไปในสตูถึงจะนึกได้ว่าลืมหยิบมือถือออกมาจากรถได้แต่ก็ขี้เกียจเดินกลับไปเอาเพราะใกล้เวลาถ่ายทำเต็มทีแล้ว

"เดี๋ยวค่อยโทรกลับเอาก็แล้วกัน"

ริมฝีปากบางสีระเรื่อได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองจริงๆแล้วก็ไม่ได้ขี้เกียจอะไรมากมายขนาดนั้นเพราะในใจยังจดจ่อและยังหวังอยู่ลึกๆว่าบางทีคุณรีไวล์อาจจะโทรมาแต่เพราะเขามาสายมากไปจริงๆเดี๋ยวจะถูกว่าเอาได้ว่าดังแล้วหยิ่งหรือไม่ก็กะอีแค่ลูกเศรษฐีโปรโมทตัวเองที่ได้ยินอยู่บ่อยๆให้รำคาญหูอีกแต่จู่ๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อใครบางคนวิ่งเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ทันจะตั้งตัว

"เอเลนเป็นอะไรไปทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉันเป็นห่วงนะรู้มั้ย??"

"ปล่อยแจนอย่ามาทำรุ่มร่ามแถวนี้ฉันขี้เกียจเป็นข่าวกับแกเต็มที!!"

"ทำไมเป็นข่าวกับฉันแล้วมันจะทำไม??...มันเสียหายมากนักเหรอ...ต้องเป็นไอ้เตี้ยนั่นใช่มั้ยถึงจะยอมให้มันกอดนายได้น่ะห๊า!!!!"

นัยน์ตาสีเขียวมรกตถึงกับเบิกกว้างด้วยความโกรธกับสิ่งที่ร่างสูงพูดออกมาจึงหันไปเผชิญหน้าสองมือบางผลักคนตรงหน้าจนเซไปชนผนังอย่างแรง

"แกจะมากไปแล้วไอ้บ้าแจน!!!...แกไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณรีไวลแบบนั้นเค้าเป็นคนดีเป็นผู้มีพระคุณของฉันแกไม่มีสิทธิ์จะมาพูดจาสามหาวกับคุณรีไวล์แบบนี้!!!...ต่อไปนี้แกอย่ามายุ่งกับฉันอีกฉันไม่ได้รักแกไม่เคยมีใจให้แกที่เคยปกป้องแกจากมิคาสะก็เพราะเห็นแก่งานของแกเท่านั้นเผื่อแกจะหลงคิดว่าเป็นเพราะฉันมีใจให้แกแล้วล่ะก็ฉันขอบอกแกตรงนี้เลยว่าแกเข้าใจผิดแกกับฉันมีเพียงฐานะเดียวเท่านั้นคือศิษย์กับครูสอนเต้นเท่านั้น!!!!"

"เฮ้!!...เอเลนเดี๋ยวฉันขอโทษ!!!"

ร่างโปร่งบางผลักนักร้องหนุ่มให้กระเด็นไปอีกครั้งก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆอีกเพราะคำพูดของนักร้องหนุ่มมันรุนแรงเกินกว่าที่จะทำใจยกโทษให้ได้

ใบหน้ามนยืนเป็นหุ่นให้ช่างแต่งหน้าจัดระเบียบและดูแลความเรียบร้อบของตนอีกครั้งก่อนจะออกไปบนเวที

"เอเลนฉันขอ...." 

"คุณแจนไปเตรียมตัวได้แล้วค่ะได้เวลาแล้ว.....เอเลนด้วยนะจ๊ะ"

ใบหน้ามนพยักรับสต๊าฟของงานก่อนจะเดินไปรอที่ประตูที่เข้าเวทีและเป็นโชคดีของเขาที่เด็กหนุ่มร่างสูงต้องไปสแตนบายอีกฝั่งไม่งั้นคงต้องอึดอัดมากกว่านี้อีกเป็นแน่
.
.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
.
    เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของเหล่าพลตำรวจที่โรงอาหารของหน่วยทำเอาคนที่เครียดอยู่แล้วถึงกับกุมขมับและรู้สึกว่าตนคิดผิดมหันต์ที่ตนหลงรับปากจะลงมากินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนสนิทร่างสูงและสองสาวประจำหน่วยแบบนี้

"ชั้นขอตัวละกันแบบนี้ชั้นไม่ไหว"

"น่าๆ...เราเข้าไปกินในห้องโน้นก็ได้ปรกติมันก็ไม่ดังขนาดนี้หรอกนะวันนี้ต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่เลย"

"ชั้นรู้ค่ะหัวหน้าวันนี้มีถ่ายทอดสดรายการแข่งเต้นที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้เลยนะค่ะ"

"จริงเหรอเพทร่างั้นเรารีบเข้าไปดูมั่งเผื่อจะได้แรงบรรดาลใจอะไรขึ้นมาบ้าง"

สองสาวรีบวิ่งเข้าไปในห้องอาหารสำหรับพวกหัวหน้าก่อนจะนั่งจ้องที่หน้าจอเหมือนกำลังจะมุดเข้าไปในจอเลยทีเดียว

"มันไม่มากเกินไปหน่อยรึไงห๊า!!!...เธอสองคนโตๆกันแล้วนะจะมาสนใจอะไรกับรายการของเด็กที่เอาเวลาไปเสียทิ้งเปล่าๆแบบนี้!!"

"ไม่เสียเปล่านะค่ะหัวหน้ารายการนี้เค้ามีครูสอนเต้นเก่งๆหลายคนมาขึ้นเวทีให้ดูด้วยนะค่ะแต่ละคนเต้นเก่งๆทั้งนั้นแถมยังหน้าตาดีๆอีกตะหากเผื่อเราจะหาครูสอนเต้นให้หัวหน้าได้ไงค่ะ"


"งั้นก็ตามใจแต่บอกไว้ก่อนนะว่าอย่าเอาคนงี่เง่ามาสอนชั้น"

"สงบใจบ้างเถอะน่ารีไวล์ยังไงนายก็หนีชะตากรรมนี้ไม่พ้นอยู่แล้ว"

เพื่อนสนิทสาวแว่นพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนร่างกระทัดรัดของเธอเริ่มจะสติแตกหลุดมาดมากเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

"ถูกของฮันซี่นะ...ไม่ต้องกังวลไปหรอกชั้นกับฮันซี่และเพทร่าต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนายอยู่แล้ว"

มือเรียวที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มชะงักค้างจรดอยู่ที่ริมฝีปากครู่หนึ่งก่อนจะกระดกรวดเดียวหมดถ้วยพร้อมกับลุกขึ้นยืน

"โทษที...ชั้นคงจะสติแตกจริงๆนั่นแหละ...ขอตัวก่อนนะ"

นัยน์ตาสีฟ้าครามมองตามเพื่อนสนิทของตนไปจนพ้นประตูที่เป็นกระจกทั้งบานและนั่นมันทำให้เขาเห็นว่าเพื่อนสนิทของเขาล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินตรงไปทางสวนหย่อมข้างๆโรงอาหารเขาจึงได้แต่เหยียดยิ้มบางๆที่มุมปาก

"สงสารหัวหน้าจังเลยนะค่ะคงจะเครียดน่าดู"

"ใช่คงจะเครียดมากๆเลยทีเดียว...แต่ไม่ใช่เรื่องการแสดงหรอกนะเครียดเรื่องอื่นมากกว่า"

"หมายความว่าไงเอลวินเรื่องงานก็ไม่น่าจะใช่มันก็เหลือแต่เรื่องนี้แล้วล่ะ???"

"หึหึ...เครียดเรื่องลูกหมาที่เก็บได้ที่ฝรั่งเศสหายไปน่ะสิชั้นมั่นใจอย่างนั้นนะ"

"จริงดิ!!!!!...โอ้แม่เจ้าชั้นล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจะว่าไปเมื่อคืนรีไวล์ก็ดูกระวนกระวายยังไงชอบกลทั้งๆที่ตอนเช้าบรรยากาศรอบตัวออกจะเป็นสีชมพูนี่นะ"

"เธอสังเกตุเห็นด้วยเหรอ??"

"แน่นอนชั้นฮันซี่ โซเอะเชียวน้า!!!"

"คุยเรื่องอะไรกันอยู่ค่ะหัวหน้าหัวหน้ารีไว์เก็บลูกหมาได้จริงๆเหรอค่ะแล้วไปทำหายที่ใหนออกประกาศตามหารึยังค่ะ??"

"ฮ่าๆๆ...ใจเย็นเพทร่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแต่อีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง...เชื่อชั้นหวังว่าจะไม่เป็นโศกนาฏกรรมเหมือนแฮมเล็ทซะล่ะ"

"เราต้องทำะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้น"

เพื่อนสนิททั้งสองสบตากันอย่างสื่อความหมายปล่อยให้นางฟ้าร่างเล็กนั่งมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างงงๆแต่เธอต้องรีบหันกลับมามองที่จอทีวีอีกครั้งเมื่อพิธีกรประกาศชื่อของครูสอนเต้นคนสุดท้ายที่ว่ากันว่าอายุน้อยที่สุดและเต้นเก่งที่สุดในขณะนี้"เอเลน เยเกอร์"เด็กหนุ่มที่มากความสามารถถึงแม้อายุจะพึ่งขึ้นหลักสองแต่กลับออกแบบท่าเต้นให้กับนักร้องชื่อดังมากมายที่กำลังก้าวขึ้นมาบนเวที

"หัวหน้าค่ะคุณฮันซี่ดูเด็กคนนี้สิค่ะ!!!!"

สายตาทั้งสามคู่จ้องมองร่างบอบบางที่กำลังขยับร่างกายพลิ้วไหวไปตามจังหวะของเสียงเพลงของกลุ่มบอยแบนที่กำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้

"คนนี้แหละ!!!"

สองสาวอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆกันเมื่อสายตาถูกสะกดเอาไว้ที่ร่างโปร่งบางเพียงคนเดียวเท่านั้น

"เข้าท่ามั้ยเอลวิน!!!"

"จัดการติดต่อมาให้ได้แพงเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง"

"รับทราบ!!!"

ทั้งสองสาวทำท่าเคารพหัวหน้าหน่วยพร้อมๆกับวิ่งออกไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายทันทีงานนี้พวกเธอมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นคือต้องได้ตัวเอเลน เยเกอร์มาให้ได้โดยเร็วที่สุด

"เพทร่าโทรไปหาเด็กคนนั้นก่อนนัดเจอที่เอลโฮเทลเดี๋ยวชั้นไปเอารถก่อน"

"ค่ะคุณฮันซี่!!"







ใบหน้ามนกำลังเดินตรงมาที่รถของตัวเองที่สต๊าฟขับมาจอดรอที่ทางออกสตูมือบางยกขึ้นป้องใบหน้าของตนเอาไว้ทันที่เมื่อแสงแดดจ้าซะจนแสบตาแต่ก่อนจะเปิดประตูรถเข้าใครบางคนก็รั้งร่างเข้าไปกอดเอาไว้ซะก่อน

"เอเลนฉันขอโทษอย่าโกรธฉันเลยนะฉันสัญญาว่าจะไม่เรียกอะ...คุณรีไวล์แบบนั้นอีกฉันจะไม่พูดจาสามหาวแบบนั้นอีกแล้ว...เอเลน!!!"


มือบางแกะแขนแข็งแรงของนักร้องหนุ่มร่างสูงออกก่อนจะหันไปเผชิญหน้าอีกครั้ง..บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ที่แจนจะได้เลิกตามตื้อเลิกเข้าข้างตัวเองสักที

"ฉันรักคุณรีไวล์...ฉันไม่เคยคิดเกินเลยกับแกไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนใหนฉันคิดกับแกแค่เพื่อน...เพื่อนสนิทและครูสอนเต้นของนายเท่านั้น...ความสัมพันของเรามันเป็นได้แค่นี้จริงๆแกเข้าใจใช่มั้ย??"

".........ฉันเข้าใจแต่ฉันว่ามันเร็วเกินไปที่นายจะเรียกความสัมพันนั่นว่ารักนายกับเขาเจอกันแค่ไม่อีกวันบางทีนั่นมันก็แค่...."

"ความหลงไหล ..เผลอใจ...ปล่อยเนื้อปล่อยตัว..ก็แล้วแต่แกจะคิดอยากจะด่าว่าฉันมันก็แค่คนใจง่ายก็ตามใจแต่ฉันน่ะ....หลงรักผู้ชายคนนั้นตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วล่ะใบหน้าที่ดูเฉยชาไม่สนใจสิ่งใดแต่ใจดีอบอุ่น....ทุกครั้งที่มองหน้าหรือแม้แต่คิดถึงหัวใจของฉันก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะทุกครั้ง...ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าอะไรแต่คุณรีไวล์น่ะเป็นเหมือนกับแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของฉัน"

"........."

ครืดดด ครืดดด ครืดดดด

"คุณรีไวล์!!!!"


เพียงแค่เสียงมือถือในรถดังร่างบางก็ไม่สนใจสิ่งใดอีกปล่อยให้ร่างสูงของนักร้องหนุ่มยืนนิ่งเหมือนถูกสาปอยู่กับที่เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ร่างบางพูดมามันหมายถึงอะไรทำไมจะไม่รู้ว่านั่นคือ"รักแรกพบ"เหมือนกับที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้หลงรักร่างบางนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจนทนไม่ได้อยู่นี่ไงแต่อย่าหวังว่าเขาจะยอมแพ้ยังไงเขาก็จะอดทนรอเผื่อว่าสักวันผู้ชายคนนั้นจะทำให้ร่างบางนี่เจ็บปวดก็เป็นได้ถึงตอนนั้นเขาจะเป็นคนคอยซับน้ำตาของร่างบางเอง...และความจริงข้อหนึ่งที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีไม่ใช่เล่นถึงจะหล่อและสูงสู้เขาไม่ได้ก็เถอะแต่จะรออดทนรอจนกว่าแสงสว่างของนายจะดับลง...เอเลน...

"สวัสดีครับคุณรี....."

"สวัสดีจ๊ะ...เอเลน เยเกอร์"

ใบหน้ามนหงอยลงอีกครั้งเมื่อปลายสายพูดขึ้นมากลับกลายเป็นเสียงของผู้หญิงไม่ใช่น้ำเสียงทุ้มเข้มของคนที่ตนกำลังคิดถึง

"ครับ....ผมเอเลนครับ"

"คือเราอยากจะคุยเรื่องการสอนเต้นน่ะจ๊ะออกมาพบเราได้รึเปล่าจ๊ะตอนนี้เรารอเธออยู่ที่เอลรบกวนมาพบเราได้มั้ย??"

"งั้นเหรอครับ...คงอีกสักครึ่งชั่วโมงรอผมได้มั้ยครับ??"

"ได้สิจ๊ะแล้วอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน!!"

"ครับ"


Benz E200 coupe sport สีแดงสดเคลื่อนตัวออกจากหน้าสตูทันทีที่วางสายสายตายังเหลือบมองมือถืออยู่เป็นระยะๆใจอยากจะหยุดเช็ดข้อความกับสายที่ไม่ได้รับก่อนแต่ถ้าเขาหยุดเช็คตอนนี้มีหวังไปพบคุณลูกค้าสายแน่ๆเพราะไม่อยากให้การเจอกันครั้งแรกติดลบไม่อยากถูกมองว่าเป็นลูกคุณหนูนึกอยากจะไปตอนใหนก็ได้อย่างนั้นเขาอยากจะทำให้ทุกคนมองที่ความสามารถของเขาจริงๆและมองว่าเขาไม่ได้ใช้เส้นสายของพ่อขึ้นมาโด่งดังแบบนี้

"คุณรีไวล์~"

จู่ๆน้ำใสๆก็ไหลลงมาแบบไม่ได้ตั้งใจเมื่อความคิดถึงบวกกับความน้อยใจมันสุมอยู่ในอกในหัวยังคิดถึงคำพูดที่ตนพูดไว้กับนักร้องหนุ่มเมื่อครู่อยู่ตลอดทั้งๆที่พูดไปแบบนั้นแต่ในตอนนี้แสงสว่างของเขากำลังหายไปหรือว่าดับลงไปแล้วจริงๆก็ไม่รู้
.
.
.
.
.   ใบหน้ามนหันซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาคนที่ตนนัดเอาไว้แต่แขกที่นั่งอยู่ที่ร้อบบี้ส่วนใหญ่ก็มีแต่ชาวต่างชาติหรือไม่ก็คู่รักที่เขาคิดว่าคงไม่สนใจจะเรียนเต้นแน่ๆเท่านั้นมือบางยกขึ้นมาคิดว่าถ้าไม่โทรหาคงไม่เจอเป็นแน่แต่ยังไม่ทันจะได้กดมือถือก็ดังขึ้นซะก่อนจนร่างๆร่างสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ

"ครับผมมาถึงแล้วครับ"

"ขึ้นมาห้อง 3205 เลยจ๊ะพี่รออยู่"

"ครับ"

ร่างบางได้ทำหน้างงเมื่อคนที่นัดบอกให้ตนขึ้นไปเจอบนห้องแทนที่จะนัดเจอกันตามห้องอาหารหรือศูนย์การค้ามากว่าแต่สองขาก็ยังก้าวขึ้นลิฟท์ไปนัยน์ตาสีเขียวมรกตมองหาห้องเป้าหมายอย่างสงสัย

"3203 3204, 320...ถึงแล้ว!!"

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวร่างเล็กวิ่งไปเปิดประตูทันทีและทันทีที่เจอหน้ากันเธอก็วิ่งเข้าไปเกาะแขนร่างบางเหมือนกะคนที่สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีจนน่าตกใจ

"มาแล้วๆ..คุณฮันซี่ค่ะเอเลนมาถึงแล้วค่ะ"



"สะ...สวัสดีครับครับ!!!"

"ว้าวๆๆ..ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีซะอีกไม่สิ....ต้องเรียกว่าสวยมากตะหาก"

สาวแว่นที่วิ่งออกมาจะระเบียงห้องจ้องมองร่างบางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สำรวจร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัวแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อีกทีจนน่าขนลุก

"หวัดดีชั้นฮันซี่ส่วนนี่เพทร่ายินดีที่ร่วมงานด้วยนะจ๊ะเอเลน"

"เอ๋!!!...ดะ...เดี๋ยวนะครับยังไม่ได้คุยรายละเอียดกันเลยนะครับไม่รู้ว่าผมจะทำได้รึเปล่าด้วยนะครับ"

"ได้อยู่แล้วจ๊ะพวกเราเชื่อว่าเอเลนต้องทำได้แน่ๆ"

"ใช่ๆชั้นมั่นใจว่าเอเลนต้องทำได้เรื่องค่าตอบแทนก็แล้วแต่นายจะเรียกจ๊ะเราจ่ายเต็มที่อยู่แล้ว!!"

"ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกนะครับเอ่อคือ...."


นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองเครื่องแบบที่หญิงสาวทั้งสองคนสวมด้วยความตกใจเพราะตอนได้ยินเสียงหวานๆจากปลายสายก็นึกว่าจะต้องมาสอนเด็กนักเรียนตัวเล็กๆเต้นซะอีกแต่พอเห็นเครื่องแบบแล้วทั้งสองคนไม่น่าจะใช่คุณครูแน่ๆเพราะว่านั่นมันเครื่องแบบของตำรวจไม่ใช่รึไง...อย่าบอกนะตนจะต้องไปสอนตำรวจทั้งกรมน่ะ

"พวกคุณเป็นตำรวจใช่มั้ยครับ...ผมคงรับงานนี้ไม่ไหวหรอกนะครับถ้าจะต้องไปสอนตำรวจทั้งกรมแบบนี้ผมไม่ไหวหหรอกครับ"

"ใจเย็นๆสิจ๊ะหนุ่มน้อยอ๊ะๆไม่สิต้องเรียกว่าสาวน้อยถึงจะถูกฮ่าๆๆๆ"


"คุณฮันซี่คุณกำลังทำให้เอเลนกลัวนะค่ะ!!!...จริงๆแล้วไม่ได้ไปสอนคนทั้งหน่วยหรอกนะจ๊ะแต่สอนแค่คนเดียวเท่านั้น...และเป็นคนที่ใจดีมากๆเลยล่ะจ๊ะ"

"งั้นเหรอครับ"

"ถ้าหมอนั่นไม่โมโหล่ะน้า~~ฮ่ะๆๆๆ"

"คุณฮันซี่ค่ะบอกให้เงียบไงค่ะคุณกำลังทำเอเลนกลัวอยู่นะค่ะ"


"อย่าไปฟังที่คุณฮันซี่พูดเลยนะจ๊ะลูกศิษย์ของเธอน่ะเขาแค่รักความถูกต้องและความยุติธรรมมากเท่านั้นเองถึงเขาจะไม่ค่อยพูดหรือพูดน้อยบ้างแต่เขาเป็นคนที่นิสัยดีมากๆเลยล่ะจ๊ะ"

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาชอบเต้นแนวใหนหรือไม่ชอบแนวใหนหรือว่าเขาอยากจะให้ผมออกแบบท่าเต้นให้ใหม่ทั้งหมดถ้าแบบนั้นมันก็ต้องคุยกันก่อนนะครับจะให้คิดให้แล้วค่อยไปสอนมันยุ่งยากต้องคอยตามแก้น่ะครับ"

"งั้นเหรอ..อืมม..อย่างหมอนั่นชั่งเลือกซะด้วยสิ...เพทร่าโทรหาเอลวินทีพาลูกศิษย์ของเอเลนมาที่เเอลด่วนที่สุด!!"

"รับทราบค่ะ!!"

"แต่ถึงอย่างนั้นถ้าหากเขาไม่ชอบการเต้นผมก็คงไปสามารถสอนได้นะครับการฝืนให้เขาทำอะไรที่เขาไม่ชอบมันผิดกฏของผมน่ะครับ"

"ไม่ต้องห่วงจ๊ะหมอนั่นต้องชอบแน่ๆ....ก็นะ...แต่ถ้าเขาปฏิเสธก็ต้องขอโทษนายเอาไว้ตรงนี้ก่อนล่ะนะนิสัยเสียๆของหมอนั่นก็ตรงที่ชั่งเลือกนี่แหละไม่งั้นค...."


"หัวหน้าบอกว่าอีกยี่สิบนาทีจะมาถึงที่นี่ค่ะ"

ใบหน้ามนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งความกังวลทั้งความกลัวต่างก็สุมลงมารุมเร้าให้หนักใจไม่ใช่น้อยที่จะต้องมาสอนคนที่ตงฉินขนาดนี้แถมยังเป็นคนชั่งเลือกอีกแล้วถ้าต้องอยู่ด้วยกันนานๆก็กลัวจะทำอะไรที่เขาไม่ชอบเอาได้...งานนี้จะรอดมั้ยนะ...



















ใบหน้าคมหล่อเหลาขบกรามน้อยๆเมื่อเขาพยายามโทรหาเจ้าด็กเหลือขอบ้านั่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วทั้งๆที่โทรติดแต่กลับไม่มีคนรับซะอย่างนั้น...

"ให้มันได้อย่างงี้สิ....ไอ้เด็กเหลือขอ!!"

นี่รึเปล่าที่คนเขาพูดกันว่า"สามวันจากนารีเป็นอื่น"ตัวเขาในตอนนี้คงจะมีเพียงคำนี้เท่านั้นที่ดูจะเข้ากับตัวเขาที่สุดทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะรับหรือโทรกลับแต่เขาก็ยังกระหน่ำโทรอยู่นั่นเพียงเพราะกลัวว่าเจ้าเด็กบ้านั่นกำลังทำหน้าหงอยคอตกเฝ้ามือถือเพราะกลัวว่าเจ้าลูกหมาขี้อ้อนนั่นจะกำลังนั่งร้องไห้รอเขาอยู่...ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาทำอะไรที่ฝืนตัวเองแบบนี้หรอกนะ...การที่จะกระหน่ำโทรจิกใครมันไม่เคยอยู่ในสมองของเขาเลยด้วยซ้ำ






ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไปทั้งตัวก่อนจะแหงนหน้ามองเพดานสีขาวอย่างครุ่นคิดแต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดึงสติของเขากลับมาอีกครั้ง

ก๊อกๆๆ

"เข้ามา!!"

"ขออนุญาติครับ!!...มีเด็กผู้หญิงมาขอพบหัวหน้าครับ"

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนเป็นปมเพราะไม่คิดจะเด็กผู้หญิงที่ใหนจะมีธุระอะไรกับเขาแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอนุญาติให้เธอเข้ามาได้

"ให้เข้ามา"


แล้วหางตาของชายหนุ่มก็ต้องกระตุกถี่ยิบเมื่อคนที่มาขอพบตนเป็นคนที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เจอกันไวขนาดนี้

"สวัสดีค่ะ...คุณรีไวล์"


"สวัสดีคุณแอคเกอร์แมน.....มีธุระอะไร??"


"คุณไม่ยอมติดต่อกลับไปฉันเลยคิดว่ามาหาคุณเลยจะดีกว่า"

"ถ้าเรื่องนั้นชั้นลืมไปหมดแล้วล่ะเธอไม่ต้องใส่ใจ"

"นั้นก็ส่วนหนึ่งฉันเขียนเช็คเปล่ามาให้แล้วคุณนึกออกเมื่อไหร่ก็กรอกตัวเลขลงไปได้เลยค่ะแต่เรื่องสำคัญที่ฉันมาที่นี่....คุณไม่ยอมติดต่อกลับเอเลนปล่อยให้เขาอดหลับอดนอนรอคุณฉันอยากทราบเหตุค่ะ"

จบประโยคของเด็กสาวหางตาของชายหนุ่มยิ่งกระตุกหนักขึ้นไปอีกถึงจะพอเดาได้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอจะต้องทำแบบนั้นแน่แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมทั้งเที่ยงที่เขาโทรไปเจ้าตัวร้ายถึงไม่ยอมรับสายเขาล่ะงอนหรือว่าจงใจกันแน่

"หึหึ...เธอมาที่นี่เพราะเรื่องของน้องชายต่างสายเลือดงั้นสิ"

"กรุณาอย่าเปลี่ยนเรื่องค่ะคุณหัวหน้าหน่วย"

"ชั้นว่าเธอไปถามเจ้าตัวเอาก็แล้วกันเหตุผลน่ะหมอนั่นรู้ดีที่สุดเลยล่ะ....ถ้าไม่มีอะไรแล้วรบกวนกลับไปได้แล้วชั้นกำลังยุ่ง"

"เกิดอะไรขึ้นค่ะเอเลนทำอะไร??"



"โทษทีชั้นยุ่งจริงๆเธอไปถามน้องชายของเธอเองก็แล้วกัน....เชิญ"

ใบหน้าคมก้มลงอ่านเอกสารที่โต๊ะทันทีที่พูดจบเด็กสาวจึงจำใจต้องก้มโค้งให้ก่อนจะปลีกตัวออกไปจากห้องแต่ไม่ลืมที่จะวางเช็คเปล่าที่มีลายเซ็นต์ของเธอเอาไว้บนโต๊ะด้วยและที่ผิดคาดหนักเข้าไปอีกนั่นก็คือผู้ชายคนนี้เป็นถึงระดับหัวน้าหน่วยไม่ใช่แค่พลตำรวจทั่วไปเพราะถ้าหากเป็นแค่พลตำรวจล่ะก็จะอัดให้หายแค้นเลยคอยดู

ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทเดินเข้ามาในห้องพรางมองกลับไปข้างหลังเมื่อตนเดินสวนกับเด็กสาวเรือนผมสีดำเงางามที่ตรงหน้าห้องพอดี

"นั่นใครน่ะ...ลูกหมาหลงทางเหรอ??"



"เปล่าแค่คนรู้จัก"


"ชั้นไม่ยักรู้ว่านายรู้จักเด็กแบบนี้ด้วย..คบกันอยู่งั้นเหรอ??"


"เลิกเพ้อเจ้อซะทีแค่คนที่พึ่งจะรู้จักเท่านั้น..บอกธุระของนายมา!!"


"เพทร่าโทรมาน่ะอยากให้นายไปคุยรายละเอียดกับครูสอนเต้นซะหน่อยเค้าจะได้ออกแบบท่าเต้นให้นายได้ถูก...แต่บอกไว้ก่อนนะว่าห้ามขู่เด็ดขาด"


"เรื่องมากกันจริง"


"น่าๆ...ทนๆหน่อยก็แล้วกัน.....ไปกันเถอะ"

ชายหนุ่มทำหน้าเซงสุดชีวิตก่อนจะเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วลุกเดินตามหลังเพื่อนร่างสูงไปแต่ยังไม่ทันจะเดินลงบันไดน้ำเสียงสดใสก็ทักขึ้นมาซะก่อน

"จะไปใหนกันเหรอค่ะรีไวล์??"

"ไปจัดการงานด่วนครับคุณยูริ"

คนที่ตอบออกไปกลับไม่ใช่คนที่ถูกถามเมื่อเจ้าของชื่อไม่แม้แแต่จะหันไปมองเพื่อนร่างสูงอย่าง เอลวิน สมิธ จึงจัดการตอบให้เสร็จสับพร้อมกับรอยยิ้มละไมให้กับหญิงสาวที่หน้าซื่อใจเจ้าเล่ห์ที่ใช้เส้นสายของพ่อให้ได้เข้ามาทำงานให้กรมแต่โชคดีที่ได้ไปอยู่หน่วยอารักขาไม่ใช่หน่วยสำรวจไม่งั้นเพื่อนสนิทของเขาคงแย่แน่ๆเพราะขนาดอยู่กันคนละหน่วยแต่เจ้าหล่อนก็ยังหนีงานมาเกาะแกะรีไวล์ตลอดๆจนได้เรื่องเข้าให้

"ระวังตัวด้วยนะค่ะรีไวล์ยูริเป็นห่วง"

"ขอบคุณครับ"

"งั้นเราขอตัวนะครับคุณยูริ"

ร่างสูงก้มโค้งให้กับหญิงสาวก่อนจะเดินตามเพื่อนร่างเล็กที่ออกตัวไปก่อนแล้ว

"เอารถนายไปก็แล้วกันชั้นขี้เกียจขับรถน่ะเดี๋ยวขากลับชั้นกลับกับสองสาวก็ได้...อีกอย่างชั้นบอกพวกนั้นว่าอีกยี่สิบนาทีถึง"

นัยน์ตาสีขี้เถ้าชำเรืองมองเพื่อนร่างสูงน้อยๆแต่ก็ไม่คิดจะพดอะไรเหมือนตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ขับรถไปเองถึงได้ตอบสองสาวไปแบบนั้นเพราะจากหน่วยไปไปถึงเอลถ้าขับอย่างคนปรกติก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงจะให้ไปถึงภายใช้สิบห้าหรือยี่สิบนาทีก็คงต้องใช้เฟอรารี่ของเขาเท่านั้น....หรือกลัวเขาจะไม่ไปกันแน่...
.
.
.
.
.
.
.    เฟอรารี่สีดำสนิทพาทั้งสองคนมาถึงโรงแรมตามที่บอกกับสองสาวแทบจะตรงเวลาเปะเลยทีเดียวทั้งๆที่ระยะทางเกือบห้าสิบกิโลเมตรแต่อย่างที่บอกไว้ถ้ามีเจ้าม้าสีดำตัวนี้บวกกับร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครคนนี้แล้วล่ะก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
.
.
.
..
.สองสาวที่กำลังซักถามร่างบางในห้องอย่างสนุกสนานทำให้ร่างบางคลายความกังวลไปมากทีเดียวบางทีเขาคนนั้นอาจจะไม่น่ากลัวมากมายอย่างที่คิดก็ได้

"อ๊ะ!!!...ได้เวลาแล้วล่ะป่านนี้หัวหน้าคงจะมาถึงแล้วนะค่ะคุณฮันซี่!!!"

"นั่นสินะเตรียมพร้อมที่จะได้เจอลูกศิษย์สุดหล่อของนายได้แล้วเอเลน!!!!"

ก๊อกๆๆ

"เห็นมั้ยไม่มีใครในโลกนี้จะตรงเวลาเท่ากับสองคนนี้อีกแล้วล่ะนะ....ฮ่าๆๆๆ"

เพียงแค่ได้ยินเสียงเคาะประตูใบหน้ามนก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมาอีกครั้งนัยน์ตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปที่ประตูห้องบานใหญ่อย่างไม่กระพริบอย่างน้อยหากถูกชะตากันในแวบแรกที่เห็นก็อาจจะทำให้อะไรๆมันง่ายขึ้นก็ได้

"เชิญเข้าด้านในค่ะหัวหน้า"

หญิงสาวร่างเล็กเปิดประตูก่อนจะก้มโค้งให้ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามา...หรือว่านี่คือคนที่ตนต้องสอนเต้นอย่างนั้นเหรอเอ๊ะไม่สิ....มีใครอีกคนที่ตามหลังเข้ามาติดๆหรือว่าจะเป็นคนที่เข้ามาทีหลังกันแน่แล้วหน้าตาล่ะเป็นยังไง......

"นี่หัวหน้าเอลวิน สมิธจ๊ะส่วนคนนี้.............."


ชั่ววินาทีที่ร่างของคนข้างหลังก้าวเข้ามานัยน์ตาสีเขียวมรกตถึงกับเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่รับรู้แล้วว่าหญิงสาวร่างเล็กเธอพูดอะไรต่อไปอีกเพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าใจทั้งดวงกำลังจะกระเด็นออกมาข้างนอกเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่ตนเฝ้าคิดถึงมาตลอดและดูเหมือนอีกคนก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิดนัยน์ตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างขึ้นเพียงแค่ชั่ววินาทีแต่นั่นมันก็ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองคนไปได้

"เละ.....เลน......เอเลน.....เอเลน!!!"

"อ๊ะ!!!!...ขอโทษครับ!!!"

"เป็นอะไรไปจ๊ะ??"

"เอ่อคะ...คือพอดีคิดอะไรเพลินๆอยู่น่ะครับ...ขอโทษอีกครั้งนะครับ...ยินดีที่รู้จักครับคุณเอลวิน...........คุณรี....ไวล์"

คำพูดสุดท้ายอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัดใหน้ามนก้มลงน้อยๆเมื่อสายตาคมกริบจ้องมองอยู่ทั้งๆที่ดีใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้แต่ความน้อยใจมันกลับถาโถมเข้ามาซะอย่างนั้นจึงไม่อยากสบตาของเขาคนนั้นในตอนนี้เพราะกลัว...กลัวจะร้องไห้ออกมาให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขาเห็นเข้า

"นั่งลงก่อนเถอะค่ะหัวหน้าจะได้คุยรายละเอียดกัน"

"ยินดีที่รู้จักนะ เอเลน ว่าแต่นามสกุลฟังดูคุ้นๆนะเหมือนเคยได้ยินที่ใหนมาก่อน 
เยเกอร์ใช่มั้ย"

"อ้อคะ...ครับคงจะเคยได้ยินจากพ่อมั้งครับ"

"คุณพ่องั้นเหรอ??.....อ่า~~คิดออกแล้วหมอเยเกอร์สินะเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังคนนั้น"
"ว้าวจริงเหรอเอเลนชั้นล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งเลยนะเนี้ยสุดยอดไปเลย"

"ลูกชายคร้าบคุณฮันซี่ผมเป็นผู้ชายนะครับ!!"

นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงจ้องมองร่างบางของเจ้าเด็กเหลือขอตรงหน้าอย่างคาดโทษเมื่อถูกเจ้าตัวร้ายหลบสายตาเขาแต่ยังคุยและหัวเราะกับคนอื่นได้แบบนี้ใบหน้าคมถึงกับขบกรามแน่แถมยังจะมาทำสีหน้าน้อยใจแบบนั้นให้เขาอีกทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นคนผิดแล้วกล้าดียังไงมาทำสีหน้าแบบนี้ใส่เขา

"ชั้นคิดว่าเราจะมาคุยเรื่องรายละเอียดซะอีกกลายเป็นซักประวัติไปแล้วรึไงถ้างั้นชั้นจะได้กลับ"

คำพูดเหน็บแนมของคนตรงหน้าทำเอาริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงนัยน์ตาสีมรกตเงยขึ้นไปสบกับสายตาคู่คมสีขี้เถ้าอย่างตัดพ้อเมื่อประโยคแรกที่ได้ยินกลับเป็นคำพูดร้ายกาจแบบนี้ทั้งสองคนจ้องกันอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครยอมใครอีกคนน้อยใจส่วนอีกคนคาดโทษโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกสองคู่กำลังจับจ้องทั้งสองคนอยู่เหมือนกันและดูเหมือนจะมีเพียงหญิงสาวร่างเล็กเท่านั้นที่สัมผัสไม่ได้ถึงบรรยากาศที่กำลังคุกรุ่นของทั้งสองคน

"หัวหน้าค่ะคุณกำลังข่มขู่เอเลนทางสายตานะค่ะ"

"ชั้นไม่ได้ข่มขู่...แต่ชั้นกำลังคาดโทษ"

"ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยไม่ยอมรับโทษหรอกนะครับ"

"ดูมั่นใจซะเหลือเกินนะ"

"แน่นอนครับ"

เพื่อนสนิททั้งสองคนถึงกับอมยิ้มในความกล้าต่อปากต่อคำของร่างบางแต่เรื่องที่สองคนกำลังคุยไม่สิต้องเรียกว่าประชดประชันกันอยู่นี่สิมันน่าสนสนใจน้อยซะที่ใหน.....หรือว่าเอเลน เยเกอร์คนนี้คือลูกหมาที่หายไปของชายผู้เป็นความหวังของมนุษยชาติคนนี้กัน

"ฮ่ะๆๆๆ...ไม่รู้หรอกนะว่าทั้งสองคนน้อยใจอะไรกันตะ...."

"ไม่ใช่นะครับ/ไม่ใช่ยัยบ้า!!!"

"อ้า~~พร้อมใจกันขนาดนี้ชั้นก็แย่ล่ะสิ...ฮ่ะๆๆๆ"

"ขำอะไรนักหนายัยแว่นผี"

"ฮันซี่เค้าขำเสือกับลูกแมวกำลังงอนกันน่ะสิ....ใช่มั้ยเอเลน"

"มะ...ไม่รู้สิครับ"

ใบหน้ามนได้แต่ก้มมองมือตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไที่เผลอแสดงท่าทางแบบนั้นออกไปแต่จะให้ยอมเงียบอยู่ได้ยังไงก็ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนผิดสัญญาก่อนแล้วยังจะมาหาว่าตนเป็นคนผิดแบบนี้ใครจะยอมรับได้กัน

"หัวหน้ากับคุณฮันซี่พูดเรื่องอะไรกันค่ะเสือกับลูกแมวแถมกำลังงอนกันอีก"





"น่าๆเพทร่าเธอไปสั่งน้ำชามาให้ทั้งสองคนดีกว่านะ ฮ่ะๆ"

หญิงสาวร่างเล็กปลีกตัวออกไปอย่างงงๆเพราะไม่เข้าใจที่ทุกคนกำลังพูดสักอย่างทั้งหัวหน้ารีไวล์กับเอเลนทั้งหัวหน้าเอลวินกับคุณฮันซี่นี่เธอพลาดเรื่องอะไรไปรึเปล่านะ...

"ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ...ว่าแต่ผมจะต้องสอนเต้นให้ใครครับ??"

"แน่นอนต้องเป็นรีไวล์อยู่แล้วไม่ใช่ชั้นหรอกนะ"

"เอ๋!!!!...คะ...คุณรีไวล์เหรอครับ??"

"ทำไมเป็นชั้นแล้วสอนไม่ได้รึไงหรือว่าเกลียด....."

"ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยผมไม่มีวันเกลียดคุณรีไวล์แน่นอน.....แต่คุณรีไวล์ต่างหากล่ะครับที่เกลียดผมน่ะ!!"

ใบหน้ามนจ้องมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่ยังตีสีหน้านิ่งสนิทอย่างไม่ยอมลดละและดูเหมือนทั้งสองคนจะต้องการเวลาเคลียปัญหาส่วนตัวซะแล้ว

"เดี๋ยวพวกชั้นสามคนกลับก่อนก็แล้วกันนายสองคนเคลียกันให้เรียบร้อยซะพรุ่งนี้เราจะไปคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกที...เพทร่าไม่ต้องสั่งแล้ว"

"อ้าวทำไมล่ะค่ะหัวหน้า??"

"น่าๆเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังบนรถก็แล้วกัน"

ทั้งสามคนออกจากห้องไปแล้วปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ในห้องตามลำพังใบหน้ามนจึงเสมองไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวๆที่ขอบตาขึ้นมาทั้งๆที่อยากจะเข้าไปกอดคนตรงหน้าใจจะขาดอยากจะซุกหาความอบอุ่นที่แผงอกแกร่งนั่นมากมายนักแต่สายตาที่เหมือนตนทำอะไรผิดแบบนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนถูกเกลีบดไปแล้วไม่มีผิด

"คุณรีไวล์ใจร้ายจังเลยนะครับ....ถ้าไม่อยากเจอไม่อยากคุยกับผม...ก็บอกกันดีๆก็ได้นี่ไม่เห็นต้องหลบหน้าผมแบบนี้....ถ้าหากคุณรีไวลต้องการแบบนั้นผมจะไม่วุ่นวายกับคุณก็ได้นะครับผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาก็แล้วกันนะครับ"

ร่างบางลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูอย่างอ่อนแรงน้ำใสๆไหลลงมาอาบสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปในเมื่ออีกคนเขาก็ไม่ได้แคร์ตนเลยสักนิด...มือบางบิดลูกบิดประตูก่อนจะแทรกตัวออกไปแต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูชายหนุ่มก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาซะก่อน

"ถ้านายคิดว่าชั้นเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญาขนาดนั้นล่ะก็...ชั้นก็ไม่มีอะไรจะพูด...และไม่มีสิทธิ์รั้งตัวนายเอาไว้..."


ร่างโปร่งบางก้มหัวพิงกับพวงมาลัยเอาไว้อย่างไม่รู้จะทำยังไงทั้งๆที่ควรจะคุยกันให้รู้เรื่องแค่กลับพูดตัดความสัมพันไปทั้งอย่างนั้นนัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้างเมื่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มก่อนที่ตนจะออกจากห้องมามือบางหยิบมือถือของตนขึ้นมาก่อนจะเช็คสายที่โทรเข้าแล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นไปอีกเมื่อมีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้าเกือบห้าสิบสายสลับกับเบอร์ของนักร้องหนุ่มตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนจนถึงตอนเที่ยงของวันนี้

"หรือว่า.......คุณรีไวล์!!!!"

มือบางรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งกลับเขาไปในโรงแรมอีกครั้งด้วยหัวใจที่พองโตในใจยังภาวนาให้ชายหนุ่มยังอยู่ที่เดิมปลายนิ้วกดปุ่มที่หน้าลิฟท์ซ้ำๆแต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันใจสองขาเรียวยาวจึงเลือกที่จะวิ่งขึ้นบันไดแทน..ถึงตอนนี้ก็ได้แต่โทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมเช็คมือถือก่อนจะไปต่อว่าน้อยใจอีกฝ่ายแบบนี้
มือบางรีบผลักประตูห้องที่พึ่งจะออกไปดมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก่อนจะยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อคนๆนั้นยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมๆกับปล่อยโหออกมาอย่างลืมอายดีใจอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้อีกแล้ว

"คุณรีไวล์....ฮือ~~~"

ร่างทั้งร่างโผเข้าไปกอดคนที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาเอาไว้แน่นใบหน้ามนซุกเข้าหาแผงอกแกร่งราวกับจะมุดเข้าไปข้างในให้ได้

"ผมขอโทษ...ฮึก...ฮึก...ขอโทษครับ...ฮึก"

แขนแข็งแรงโอบกอดแผ่นหลังบางเอาไว้ก่อนจะกดจูบที่ขมับสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มซ้ำๆ....ต้องยอมรับว่าตอนที่เด็กนี่ออกจากห้องไปใจของเขาก็ดับวูบลงไปเหมือนกำลังดิ่งลงเหวคิดว่าต้องจากกันจริงๆซะแล้ว...แค่เด็กโง่ๆคนหนึ่งแต่กลับทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนได้ขนาดนี้

"ยังโกรธชั้นอยู่รึไง??"
"ไม่ครับ..ฮึก..ฮึก.."

มือเรียวที่กร้านน้อยๆประคองในหน้ามนขึ้นมาก่อนจะจรดหน้าผากลงไปแนบชิด

"แต่ชั้นยังโกรธนาย....ไอ้เด็กเหลือขอ....โกรธมากซะด้วย"


  • ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเมื่อริมฝีปากคมเคลื่อนเข้าหาอย่างยินยอมพร้อมใจจะรับโทษทัณฑ์ของตัวเองที่ได้ทำเอาไว้และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือไม่ยอมเชื่อใจไม่ยอมเชื่อคำสัญญาที่เขาคนนี้ได้มอบให้กับตนทั้งๆที่ตนควรจะเชื่อแล้วไว้ใจเขาคนนี้มากกว่าใคร

.
..
.
..
..
.
.
..
..
.
.
.
.
..
..
..
.
.
.Tobecontinue............











1 ความคิดเห็น:

  1. รีไวซังคะ รีบสุมหัวจัดการเรื่องยัยคุณหนูตัวดีกับเอลวินเเละฮันซี่ด่วนค่ะไม่งั้นน้องหมาได้หายไปเจน่ๆนะคะ

    ตอบลบ