10 เม.ย. 2557

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow : 06 End.

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow :06 End.

:Rainbow : 06  End.

:Fanfiction Attack on titan [Levi x Eren]

:Romantic

:NC-18



คำเตือน:บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่รู้จักหรือไม่พิศมัยกรุณากดเครื่องหมายกากบาทที่มุมขวาบนขอบคุณค่ะ








.......นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นช้าๆเมื่อแสงแดดอ่อนๆส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่มือของตัวเองสายตาจึงเหลือบลงไปมองน้อยๆก่อนที่นัยน์ตาของตัวเองจะสั่นระริกเมื่อเห็นหัวสีดำสนิทนอนฟุบอยู่ที่ข้างเตียงโดยที่มือเรียวยังกอบกุมมือของเขาเอาไว้แน่นน้ำใสๆไหลรื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่หลากหลายโกรธเกลียดและแสนรัก....แต่สิ่งที่พี่ชายของเขาคนนี้ทำเอาไว้กับเขามันยากที่จะลืมเลือน
เสียงสะอื้นเล็กๆเล็ดลอดออกมาจากลำคอทั้งๆที่พยายามจะกลั้นเอาไว้จนอีกคนที่ยังหลับสนิทรู้สึกตัว
"เอเลน!!! ตื่นแล้วเหรอ...เป็นไงมั้งเจ็บตรงใหนรึเปล่า!!???"
แทนที่จะตอบคำถามใบหน้ามนกลับหันหนีไปอีกทางไม่ยอมเผชิญหน้าแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งที่ขอบเตียงก่อนที่มือเรียวจะประคองใบหน้ามนเอาไว้แล้วใช้หัวแม่มือปาดน้ำใสๆที่อาบสองแก้มออกเบาๆ
"เอเลนพี่ขอโทษ"
"ผมอยากอยู่คนเดียว"
เปลือกตาของร่างบอบบางปิดลงเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าของชายหนุ่มอีก
"ไม่นายจะไล่ยังไงพี่ก็ไม่ไปจนกว่านายจะยอมคุยกับพี่แล้วบอกมาว่าโกรธพี่เรื่องอะไร!!"
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงยังจะมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอว่าโกรธเรื่องอะไรจะทำตัวไม่รับรู้อะไรไปจนถึงเมื่อไหร่กัน
"ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลคนรักของคุณเถอะเลิกยุ่งกับผมได้แล้ว!!!"
"เอเลนพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจคนรักอะไรพี่ไม่เคยมีใครถ้าจะให้ดูแลคนที่พี่รักพี่ก็กำลังทำอยู่นี่ไง!!!"
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างทันทีที่จบประโยคถ้าเมื่อกี้เขาฟังไม่ผิดพี่ชายของเขาพูดว่ากำลังดูแลคคนที่รัก!!....กำลังดูแลเขาหมายความว่า.....จู่ๆก็รู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจจนริมฝีปากบางอยากจะยิ้มออกมากว้างๆ...แต่เพราะมันยังไม่แน่ชัดเขาอาจจะฟังผิดก็ได้!!
"อะ...อะไรใครเป็นคนรักของพี่อย่ามามั่วนิ่มนะ!!"
ใบหน้ามนมุดลงกับหมอนจนแทบจะจมลงไปหมอนแต่กลับรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆเป่ารดที่แก้มใสก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ
"พี่ไม่ได้บอกว่าคนรักของพี่แต่พี่บอกว่าคนที่พี่รัก...รักมากรักมานานแสนนานตั้งแต่แรกพบไม่เคยมีคนอื่นเข้ามาแทรกได้....เพราะว่าพี่รักนายคนเดียว.....เอเลน"
ริมฝีปากคมกดจูบเบาๆลงไปที่แก้มใสแล้วคลอเคลียอยู่อย่างนั้น
"พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำกับนายไม่ว่าจะเมื่อสี่ปีก่อนหรือจะตอนนี้พี่มันก็แค่คนโง่ที่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองไม่ว่านายจะให้อภัยพี่หรือไม่มันก็ไม่สำคัญสำหรับพี่แล้วเพราะตอนนี้พี่มีสิ่งที่สำคัญกว่าเป็นใหนๆต่อให้นายจะเกลียดหรือผลักใสพี่ๆก็จะอยู่ข้างนายเสมอ......เอเลน"
ใบหน้ามนซุกลงไปในหมอนมากขึ้นต่อให้อีกคนจะยังคลอเคลียอยู่ก็ชั่งเพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำหน้ายังไงจะโกรธหรือจะดีใจ...แต่ที่แน่ๆริมฝีปากบางจะฉีกถึงหูอยู่แล้วไอ้ที่พี่ชายเขาพล่ามมาเยอะแยะนั่นมันไม่ได้เข้าหูเลยสักคำแต่มีเพียงหนึ่งคำเท่านั้นที่เขาจำมันจนขึ้นใจ
"ละ...แล้วคุณเพทร่าล่ะ...รีไวล์จะสารภาพรักเค้าไม่ใช่เหรอ"
ใบหน้าคมชะงักค้างกับสิ่งที่ได้ยินคำๆนี้เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ใหนซักแห่งที่บอกว่าจะให้เขาสารภาพรัก....ตอนวันเกิดแต่เพื่อความแน่ใจ
"ไปเอามาจากใหนไอ้เด็กบ้า!!!!"พอโดนตะคอกแค่นั้นใบหน้ามนก็เงยขึ้นมาจากหมอนพร้อมๆกลับจ้องใบหน้าหล่อๆของพี่ชายเขม็งพร้อมๆกับใบหน้างอนๆแล้วแยกเขี้ยวใส่เขาทันที
"ก็คุณฮันซี่บอกวันที่มาที่บ้านว่ากำลังวางแผนให้รีไวล์สารภาพรักกับ...กับคุณเพทร่าตอนวันเกิดนี่!!?"
"ฮันซี่!!???"
ชายหนุ่มหลับตาน้อยๆเหมือนคนที่เพิ่งจะจับต้นชนปลายเรื่องทุกอย่างออก
และนั่นมันเป็นเพราะคำพูดพล่อยๆของยัยแว่นสี่ตากระหายเลือดเพียงคนเดียวที่เที่ยวจับคู่เขากับคนโน่นทีคนนี้ทีแล้วเอาไปฟินเองเป็นเรื่องเป็นราวแถมยังทำให้เขาต้องมานั่งเรียบเรียงคำพูดน้ำเน่าพวกนี้อีกคิดได้แบบนั้นมือเรียวก็ตรงเข้าไปดึงแก้มป่องๆให้มันยืดออกจากกัน
"โอ๊ยย!!!รีไวลเจ็บน้า!!"
"โทษฐานที่หูเบาเชื่อคนอื่นมากกว่าจะฟังฉันทีหลังมีเรื่องคาใจอะไรก็ให้ถามฉันสิอย่าเก็บเอาไปคิดเองเออเองแบบนี้เข้าใจมั้ย!!?"
"โอ้ยย!!!..แล้วไม่ใช่รึไงเล่าก็เห็นออกจะกระหนุงกระหนิงกันดีออกนี่!"
"เอเลนฟังฉันนะ!!"
แล้วร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งว่าใครก็เริ่มเล่าความลับของสาวแว่นกระหายเลือดให้ร่างบอบบางที่ยังนอนอยู่บนเตียงฟังทุกอย่าง
และดูเหมือนอีกคนจะเข้าใจดีก็เล่นนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบอยู่แบบนี้
"เข้าใจมั้ยไอ้เด็กเหลือขอ??"
"อื้อ!!!..."จบประโยคริมฝีปากคมก็ประกบลงโดยไม่รอให้อีกคนมีโอกาสได้พูดริมฝีปากคมที่บดเบียดลงไปไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้าแต่แฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนหวานและเร่าร้อนทำเอาร่างด้านใต้หลับตาปี๋สองแขนผอมบางยกขึ้นมากอดรอบคอของอีกคนเอาไว้แน่นไม่ผลักใสเหมือนก่อนหน้านี้และเต็มใจรับรสจุมพิตหวานล้ำนี้อย่างไร้ข้อกังขาไม่มีความโกรธแค้นใดๆหลงเหลืออยู่ในหัวใจมีเพียงความรู้สึกรักที่ถูกเติมลงมาจนเต็ม....ริมฝีปากคมยังบดเบียดริมฝีปากบางจนไม่มีช่องว่างให้หายใจเรียวลิ้นร้อนยังกวาดต้อนหยอกล้อเรียวลิ้นเล็กอย่างรักใคร่เนิ่นนานกว่าจะละออกมา
"แล้วนี่โทษฐานที่นายปล่อยให้คนอื่นกอดจูบต่อหน้าฉันแล้วห้ามทำแบบนั้นอีกไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลัง...และไม่ยอมบอกฉันว่านายหายป่วยแล้วด้วย!!"
ปล่อยให้เขาหลงหักห้ามใจอยู่เป็นนานสองนานแบบนี้มันน่านักต่อจากนี้เถอะจงเตรียมตัวเตรียมใจของนายซะไอ้เด็กเหลือขอจะเอาคืนให้สาสมเลยทีเดียว!
"ฮะฮะ...ผมพยายามจะบอกรีไวล์ตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไม่ยอมฟังเองเอาแต่สั่งให้หุบปากไม่งั้นก็นอนซะอยู่นั่นแหละ"สองแขนผอมบางรั้งต้นคอของพี่ชายลงมาใกล้มากยิ่งขึ้นก่อนจะจรดหน้าผากให้แนบชิดกันเอาไว้
"ผมรักรีไวล์ที่สุด"
"ฉันรู้......คงจะเจ็บมากสินะรอยแผลที่หลังนาย"
มือเรียวประคองใบหน้ามนเอาไว้ก่อนจะคลอเคลียไปมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ.....เขาดีใจที่ถึงแม้ว่าเขาจะทำร้ายร่างบอบบางนี้แค่ใหนแต่ริมฝีปากบางนี่ก็ยังพร่ำพูดว่ารักเขาออกมาได้อีกเพราะแบบนี้ไงเขาถึงได้รักเจ้าเด็กดื้อคนนี้มากขึ้นทุกวัน
"ไม่เลยสักนิด...แค่คิดถึงหน้าตึงๆของพี่ความเจ็บมันก็หายไปหมดแล้ว...ผมอยากจะรักและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเหมือนที่คนรักเค้าทำกันผมไม่อยากจะเห็นรีไวล์ต้องอดทนที่ต้องรักผมเพราะผมรู้ว่าความรักมันไม่ใช่แค่ลมปากที่พร่ำพูดแต่มันต้องมีความสัมพันทางกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะแบบนั้นต่อให้ผมจะต้องเจ็บปวดร่างกายสักเท่าไหร่ผมก็จะทำ"
"เจ้าเด็กโง่!!!...นายกลายเป็นคนงี่เง่าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหื๋อ!!"
"เคยบอกแล้วไงครับว่าตั้งแต่เจอพี่น่ะ...รีไวล์"
ถึงตอนนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาคงจะกลายเป็นคู่รักที่มีความสุขมากที่สุดจนคนทั้งโลกต้องรู้สึกอิจฉาไปแล้วแน่ๆ
ริมฝีปากของทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันอย่างเชื่องช้าก่อนจะประกบกันเอาไว้แนบชิดไม่ว่าจะกี่ครั้งที่พวกเขาที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความรู้สึกให้แก่กันและกันมันก็จะเต็มไปด้วยความรักเสมอและมีแต่จะมากขึ้นมากขึ้นทุกครั้ง
แต่ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความสุข!!!
"ขอโทษนะจ๊ะทั้งสองคน!!"
ทั้งสองร่างชะงักค้างเมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้น
"แม่!!!....คุณลุง!!!...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ!!???"
ทั้งสองผละออกจากกันช้าๆก่อนที่ร่างบอบบางจะยันตัวเองลุกขึ้นนั่งนัยน์ตาสีมรกตจ้องมองหน้าที่ยังคงนิ่งสนิทของชายหนุ่มสลับกับผู้ปกครองทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความตกใจเพราะถึงยังไงความรักของพวกเขามันก็ผิดจารีตประเพณีแถมยังเป็นสายเลือดเดียวกันอีกใบหน้ามนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะความกังวลใจกำลังเข้าครอบงำ
"ทั้งสองคนตามลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้"
เสียงทุ้มใหญ่ที่ดูจะเข้มขึ้นออกคำสั่งเสร็จแล้วเดินนำลงไปข้างล่างทันทีโดยมีหญิงสาวเดินตามลงไปติดๆ
"รีไวล!!!"
ร่างบอบบางร้องเรียกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงใสๆที่สั่นเครือจนชายหหนุ่มต้องรั้งเข้ามากอดเอาไว้
"ไม่เป็นไรเอเลน.....มันจะผ่านไปได้ไม่ต้องกลัวพี่จะอยู่ข้างๆนายเสมอไม่ต้องกลัว"





"มีใครอยากจะอธิบายให้เราฟังมั้ยทั้งสองคน"
เมื่อความเงียบเข้ามาครอบงำทั้งสี่คนที่ยังนั่งเงียบไม่มีใครปริปากพูดออกมาหญิงสาวสูงวัยจึงเอ่ยถามขึ้น
"อยากรู้เรื่องอะไรก่อนล่ะครับ....ถ้าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นล่ะครับ....ผมรักเอเลน"
ชายหนุ่มพูดขึ้นทำลายความเงียบก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนเป็นพ่อของตัวเองแต่ต้องชะงักค้างน้อยๆด้วยความแปลกใจเพราะแทนที่จะเห็นใบหน้าบึ้งตึงหรือโมโหแต่กลับกลายเป็นใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนกับรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว..
"ผมก็รักพี่นะครับแม่...คุณลุง!!!"
ร่างบอบบางรีบเสริมขึ้นทันทีที่พี่ชายของตัวเองพูดจบพร้อมๆกับคว้ามือของพี่ชายมากุมเอาไว้
"เป็นแบบนั้นจริงๆสินะ"
"หมายความว่าไงครับ??"
"พวกเรารู้อยู่แล้วล่ะจ๊ะว่าทั้งสองคนมีใจให้กันพวกเราเลยคุยกันแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้และแม่เข้าใจดีแต่ลุงกับพ่อเค้าไม่เห็นด้วยที่จะให้ทั้งสองคน....."
ชายหนุ่มเบิกตากว้างน้อยๆถึงจะตกใจและเสียใจขนาดใหนแต่เขาก็เดาเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้จะมีพ่อแม่คนใหนบ้างที่จะยอมรับความรักที่ผิดแผกของลูกตัวเองได้บ้าง...สิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้คือต้องหาหนทางให้ทุกคนยอมรับพวกเขาให้ได้...แต่จะต้องทำยังไง??
ใบหน้ามนถึงกับอ้าปากค้างหัวใจเหมือนกับหยุดเต้นไปชั่วขณะเพราะแบบนี้ก็หมายความว่าเขาจะต้องแยกจากกันอีกครั้งอย่างแน่นอนพ่อคงไม่ยอมให้เขาอยู่ข้างๆพี่ชายของเขาอีกเพราะถ้าหากว่าพ่อของเขาบอกว่าไม่มันก็คือไม่...นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกก่อนจะช้อนมองหน้าลุงของตัวเองอย่างตัดพ้อ
"ทำไมล่ะครับคุณลุง???"
"ถึงอย่างนั้นแต่ผมก็ยังยืนยันนะครับว่าผมรักเอเลนและผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ทุกคนยอมรับ!!!"
"รีไวล์!!!"ร่างบอบบางหันไปมองคนข้างๆด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้างเพราะคำพูดของพี่ชายทำให้หัวใจที่เริ่มอ่อนแรงเต้นเป็นจังหวะอีกครั้งอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถก....มือเรียวบีบกระชับมือบางที่กอบกุมเอาไว้อีกครั้งเขาจะจับเอาไว้ให้แน่นที่สุดจะไม่ยอมให้อะไรต้องมาพรากมือของร่างบอบบางนี้ไปอีกเด็ดขาด
"ใจเย็นๆสิจ๊ะทั้งสองคนฟังแม่พูดให้จบก่อน.....คุณลุงกับคุณพเอของเอเลนตกลงว่าถ้าหากทั้งสองทำตามที่พวกท่านสั่งได้สำเร็จและยังไม่มีใครเปลี่ยนใจมีคนใหม่ไปซะก่อนพวกท่านก็จะยอมรับ...ใช่มั้ยค่ะคาอิล??"
ผู้เป็นแม่หันไปมองพี่ชายของเธอพร้อมๆกับทั้งสองคนที่จ้องมองลุงกับพ่อของตัวเองไม่วางตา
"อะไรเหรอครับคุณลุง!!???"
เป็นร่างบอบบางที่เอ่ยปากถามไปพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระทึกรอลุ้นคำตอบของลุงตัวเอง
"ก็แค่เอเลนต้องกลับไปเรียนต่อโทให้จบก่อนก็เท่านั้น!!"
"เท่านั้นจริงๆเหรอครับคุณลุง....ผมตกลงครับ!!!"
"พูดให้จบสิค่ะคาอิลยังขาดอะไรไปอีกอย่างนะค่ะ"
"เอ๋...ขาดอะไรครับแม่???"
ใบหน้ารีบหันไปมองแม่ของตัวเองด้วยความสงสัยแต่เธอทำเพียงแค่ยิ้มอ่อนโยน
กลับมาเท่านั้นพร้อมๆกับหันไปมองพี่ชายของเธอเหมือนจะบอกว่าให้พี่ชายของเธอเป็นคนตอบ
"นั่นสินะฉันลืมข้อสำคัญไปได้ยังไง.....ฉันกับคริชาตกลงกันว่าห้ามพวกนายติดต่อกันเด็ดขาดตลอดระยะเวลาที่เอเลนยังเรียนอยู่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใหนถ้าหากฉันหรือคริชาจับได้เราจะไม่ยอมให้พวกนายได้เจอหน้ากันอีก....ทำได้รึเปล่า?"
"เอ๋!!!!...แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับคุณลุงผมมะ....."
"ตกลงครับผมจะทำตามนั้น!!!"
ร่างบอบบางได้แต่อ้าปากค้างจับคำตอบของพี่ชายแบบนี้ก็หมายความว่าสามปีต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ได้เห็นหน้าไม่ได้ยินเสียงไม่ได้อ่านแม้กระทั่งข้อความจากเมล์หรืออะไรทั้งนั้นเลยนะพี่ชายของเขาจะยอมเป็นแบบนั้นอย่างเหรอ!!!
"รีไวล์!!!!"
"ดีงั้นตกลงตามนี้ฉันเชื่อว่าแกจะไม่ผิดสัญญารีไวล์เพราะแกเป็นทหารที่ดีอยู่แล้ว...เอาเป็นว่าฉันผ่อนปรนให้ก็แล้วกันฉันจะให้พวกนายติดต่อกันได้ปีละหนึ่งครั้ง....ตกลงมั้ยเอเลน??"
ใบหน้ามนหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดแแต่ก็ต้องจำใจพยักหน้ารับคำของผู้เป็นลุงอย่างช่วยไม่ได้นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่ยังนิ่งสนิทจากด้านข้างด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่ที่แน่ๆคือไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่คัดค้านอะไรเลยทำไมถึงตอบตกลงง่ายๆแบบนั้นอย่างน้อยก็น่าจะต่อรองอะไรบ้าง
.
.
.
.
..
.          ....สองร่างนั่งคลอเคลียกันอยู่นอกระเบียงห้องโดยมีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมกายเอาไว้ในวันสุดท้ายของปีและมันจะวันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน
ใบหน้ามนมุดซุกเข้าไปในแผงอกแกร่งเหมือนอยากจะจมหายเข้าไปในนั้นสองแขนผอมบางกอดรอบแผ่นหลังของชายหนุ่มเอาไว้แน่น....แน่นซะจนแทบจะละลายรวมเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
อีกคนก็ไม่ต่างกันสองแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างบอบบางเอาไว้ใบหน้าคมหล่อเหลาซุกลงไปบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มหนานุ่มสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูอย่างไม่รู้จักพอเหมือนอยากจะจดจำกลิ่นหอมนี้ให้มันฝังลงไปในหัวใจ
"รีไวล์.....ผมไม่อยากไป....ไม่อยากไป....ฮึก"
"เจ้าเด็กโง่....ทำเป็นใจเสาะได้แค่ไม่กี่ปีเองก่อนหน้านี้ยังผ่านมันมาได้เลยนับประสาอะไรแค่สามปี"
ริมฝีปากคมกดจูบลงไปบนหน้าผากมนแผ่วเบาๆแล้วคลอเคลียอยู่อย่างนั้นก่อนที่ใบหน้ามนจะเงยขึ้นมาแล้วริมฝีปากบางก็เคลื่อนเข้าหาริมฝีปากคมของพี่ชายสุดรัก
แล้วค้างเอาไว้แบบนั้นเนิ่นนานกว่าจะละออกมา
"ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไปได้....จำเอาไว้เพียงอย่างเดียบว่าฉันรอนายอยู่เสมอก็พอแล้วเว้นซะแต่.....นายจะเจอคนใหม่"
"ไม่มีทางผมรักรีไวล์คนเดียวเท่านั้นไม่มีวันที่ผมจะเปลี่ยนใจเด็ดขาด
"งั้นก็จำคำของตัวเองไว้ให้ดีล่ะ...ไอ้เด็กเหลือขอ"
ริมฝีปากคมเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากบางสีระเรื่อทันทีที่พูดจบประโยคเพื่อสลักรสสัมผัสของเขาเอาไว้ให้อีกคนจำให้ขึ้นใจว่ายังมีเขารออยู่ทางนี้อีกคน
ทั้งสองร่างกระชับกอดซึ่งกันและกันเอาไว้แน่นพร้อมที่จะข้ามผ่านปีเก่าไปด้วยกัน
ถึงมันจะเป็นวันสุดดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกันแต่มันจะไม่ใช่วันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้....มันก็แค่การจากลาเพื่อที่จะพบกันใหม่อีกครั้งและครั้งนี้พวกเขาจะไม่มีวันแยกจากกันอีกอย่างแน่นอน.......
.
.
.
.
.
.
.
.
..............................................
.
.
.
.          .......นิ้วเรียวกำลังพยายามกดโทรศัพท์โทรออกอย่างหงุดหงิดจนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมยุ่งไปหมดนัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองเบอร์ที่กดโทรออกเหมือนกำลังจะกินเลือดเนื้อเจ้าของเบอร์อย่างนั้นแหละจะใครซะอีกก็ไอ้เด็กเหลือขอที่มันเคยบอกว่ารักเขานักหนานั่นแหละ
ทั้งๆที่เมื่อปีที่แล้วยังคุยกับเขาทั้งวันทั้งคืนอยู่เลยทั้งๆที่ตกลงกันว่าจะโทรหาเขาทุกๆวันเกิดของเขา...แต่ปีนี้กลับเงียบกริบไม่มีแม้แต่ข้อความหรือเมล์ตอบกลับมาสักอย่างนี่ขนาดพึ่งจะสองปีเองนะยังไม่ทันไรเลย......อย่างบอกนะว่าเจ้าเด็กบ้านั่นมีคนใหม่ไปเรียบร้อยแล้วน่ะ
"ไอ้เด็กบ้าอย่าให้ฉันจับได้นะว่าแอบมีคนอื่นไปแล้วไม่งั้นเจอดีแน่ไอ้เด็กเหลือขอ"

"เฮ้รีไวล์ได้เวลาแล้ว!!!!"
เสียงแหลมๆแสบแก้วหูของเพื่อนสาวกระหายเลือดตะโกนมาตั้งแต่ยังไม่เปิดประตูจนกระทั่งมายืนหน้าบานอยู่ข้างๆเขา
"ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อนยัยแว่นผี"
"ฮ่าๆๆ...น่าๆฉันรู้ว่าวันนี้นายไม่มีแขก....ไปกันเถอะทุกคนมาพร้อมแล้วขาดแต่เจ้าภาพของงานนี้แหละ....ยังโทรหาเอเลนไม่ติดอีกเหรอ??"ชายหนุ่มปลายตามองเพื่อนสนิทน้อยๆแล้วพยักหน้าก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้องโดยมีสาวแว่นเดินตามไปติดๆ.....
"อ้าวรีไวล์มาแล้วเหรอ!!"
ยังไม่ทันจะเดินไปถึงห้องจัดเลี้ยงเสียงคุ้นเคยของใครบางคนก็ดังขึ้นให้ต้องหยุดชะงักค้างทันที
"คุณน้า....มาได้ไงครับ!!??"
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหันหน้ากลับไปทางเจ้าของเสียงด้วยความแปลกใจไม่ใช่เพราะเธอไปใหนไกลแล้วพึ่งกลับมาหรอกนะเพราะตัวเธอเองก็ห้ามไม่ให้ไปดูแลน้องชายสุดรักที่ตอนนี้หายหัวไปแต่นั่นก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นข้อตกลงของพวกเขาแต่เล่นติดต่อไม่ได้ทั้งๆที่วันนี้ครบรอบที่จะได้คุยกันแล้วแท้ๆ
"น้าไม่ได้มาคนเดียวนะคุณน้าผู้ชายก็มาคุณพ่อของรีไวล์ก็ด้วยเราอยากจะมาอวยพรให้เธอด้วยน่ะจ๊ะก็ปีนี้เป็นปีที่พิเศษของรีไวล์ไม่ใช่เหรอจ๊ะ"
"งั้นเหรอครับ....ขอบคุณครับคุณน้า"
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบไปมองพ่อกับน้าชายของตัวเองที่ยืนทักทายเหล่าลูกน้องในกองก่อนจะตีหน้านิ่งเหมือนเดิม.......อะไรที่เขาหวังไว้คงจะไม่มีวันเป็นจริงเลยสินะพวกเขาก็คงจะมาแสดงความยินดีที่เขาได้เลื่อนขั้นก็เท่านั้น
ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มมองมือถือในมืออีกครั้งก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าโค๊ตตัวยาวของตัวเองตอนนี้เขาคงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ก่อนหลังจากเสร็จงานแล้วค่อยว่ากันอีกที.....
โดยไม่ทันได้สังเกตุเลยว่าน้าสาวกับเพื่อนสาวของตัวเองกำลังยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ข้างๆ
"เข้าไปข้างในกันค่ะคุณแม่ของเอเลน.....ป๊ะรีไวล์"
สาวแว่นหันมาชวนทั้งสองคนเข้าไปในงานก่อนจะปลีกตัวพาแม่ของร่างบอบบางไปนั่งโต๊ะปล่อยให้พวกผู้ชายเค้าคุยกันตามอัธยาศัย
ร่างที่ไม่ได้ที่สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้าสมทบกับพ่อและน้าชายของตัวเองโดยมีเพื่อนสนิทร่างสูงต้อนรับรออยู่แล้วและไม่นานเสียงพิธีกรของงานก็ดังขึ้น
พร้อมๆกับเชิญเจ้าของวันเกิดออกไปที่หน้าฟลอร์เต้นรำเหมือนทุกปีแต่ที่แปลกไปจากทุกปีก็คือพิธีกรได้กล่าวเชิญพ่อของเขาพร้อมๆกับน้าทั้งสองคนปิดท้ายด้วยเพื่อนสนิทร่างสูงของเขา
"นี่มันอะไรกัน??"
ชายหนุ่มบ่นพึมพำไม่สบอารมณ์ที่พิธีกรของคราวนี้ดูจะทำอะไรใหญ่โตผิดจากทุกปีและดูเหมือนทุกคนที่ถูกเชิญให้ออกไปจะแปลกใจกันทุกคน
"หัวหน้าค่ะออกไปกันเถอะ...ทุกท่านด้วยนะค่ะ"หญิงสาวร่างบอบบางวิ่งมาโค้งให้ชายหนุ่มกับทุกคนที่ถูกเอ่ยนามโดยมีสาวแว่นที่น่าจะเป็นต้นคิดตามมาติดๆ
"ใช่ๆได้เวลามอบของขวัญชิ้นใหญ่แล้วนะค่ะทุกท่าน!!!"
"เล่นอะไรไร้สาระของเธอกันยัยแว่นกระหายเลือด!!"
ชายหนุ่มหันไปตะคอกเพื่อนสาวจอมบงการที่ยืนยิ้มร้ายกาจอยู่ข้างๆเพราะไม่รู้ว่าปีนี้จะเล่นตลกอะไรอีกทุกปีก็ไม่เป็นไรหรอกนะแต่ปีนี้เจ้าหล่อนจะเล่นแรงไปรึเปล่าถึงขนาดให้พ่อกับน้าเขาเอามาเกี่ยวด้วยแบบนี้
"เอาน่ารีไวล์ยังไงก็เล่นกับเค้าหน่อยแล้วกัน"
พ่อของเขาพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเห็นดีเห็นงามไปกับเค้าด้วยอีกคนก่อนจะเดินตามหลังน้าและเพื่อนสนิทของเขาที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
"ใช่ค่ะหัวหน้าขอร้องล่ะค่ะ"
หญิงสาวร่างบอบบางอ้อนวอนหัวหน้าของเธออีกคั้ง
"ชริ!!"
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างขัดใจก่อนจะเดินตามทั้งสี่คนออกไปเพียงเท่านั้นแสงไฟทั้งห้องก็หรี่ลงจนแทบจะมืดสนิทเหลือเพียงแสงสปอร์ตไลฟ์สีส้มที่ส่องไปยังประตูทางเข้างานพร้อมๆเสียงเพลงสะดุดีของกองทหารก็ดังขึ้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างพากันออกมายืนทั้งสองฝั่งของทางเดินไปที่ฟลอร์พร้อมๆกับชักกระบี่ที่เอวยกขึ้นประสานกันเป็นซุ้มยาวจนถึงประตูทางเข้า....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเพื่อนสาวตัวดีที่ยืนยิ้มร่าอยู่ตรงหน้าอย่างนึกโมโหที่ทำอะไรเอิกเกริกขนาดนี้เพราะนี่มันเป็นพิธีสถาปนายศที่เขาพึ่งจะเข้าประดับยศเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองแล้วจะมาจัดทำอะไรอีก
ท่าจะเพี้ยนหนักถึงขั้นเข้าใส้ไปแล้วแน่ๆ
ไม่นานประตูบานใหญ่ของห้องจัดเลี้ยงก็เปิดออกพร้อมๆกับเหล่าทหารในชุดสีขาวกว่าห้าสิบนายก็เดินเรียงแถวกันเข้ามาเป็นสี่แถว....แต่ที่แปลกไปด้านหลังทหารเหล่านั้นมีเด็กหนุ่มสาวกว่าสิบในชุดทักสิโด้สีขาวเดินเรียงแถวกันเข้ามา....และแล้วนัยน์ตาสีขี้เถ้าก็ต้องกระตุกน้อยๆเมื่อเด็กพวกนั้นมันหน้าตาคุ้นๆอยู่หลายคน...เพื่อนๆของเจ้าเด็กเหลือของั้นเหรอมาทำอะไรกันที่นี่???...แล้วหางตาก็ต้องกระตุกถี่ยิบขึ้นเมื่อหนึ่งในนั้นมันคือเด็กหนุ่มร่างสูงที่เขาเคยต่อยหน้ามันไปเมื่อสองปีก่อนใครเป็นคนเชิญมันมา??...
"ไอ้หน้าม้านั่น!!!"
ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พึมพำเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆหลายคนแอบอมยิ้มไปตามๆกันโดยเฉพาะเพื่อนสนิทร่างสูงที่พอจะได้ยินมาจากสาวแว่นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นต้นเหตุให้เพื่อนร่างเล็กของเขาตะบะแตกเมื่อสองปีก่อนนั่นเอง...ดูๆแล้วก็หล่อไม่ใช่เล่นๆก็สมควรจะแตกล่ะนะ
เหล่าทหารเดินมาหยุดที่ตรงหน้าของทั้งสี่คนที่ยืนรออยู่บนฟลอร์ก่อนที่แสงไฟทั้งหมดจะดับลงไม่นานแสงสีนวลของแสงเทียนด็สว่างขึ้นที่ท้ายสุดของแถวพร้อมๆกับเหล่าทหารด้านหน้าเริ่มแยกตัวออกไปทั้งสองฝั่งเหลือเพียงเพื่อนๆของเจ้าเด็กเหลือขอที่ตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว
"ยินด้วยนะครับคุณพันเอก....ผมพร้อมจะปลอบใจและอยู่ข้างๆเอเลนทุกเมื่อหากคุณทิ้งหรือทำให้เขาร้องให้"
หางตาของชายหนุ่มกระตุกถี่ยิบขึ้นทันทีที่เด็กหนุ่มร่างสูงพูดจบ.....มันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่หรือว่ามันจะรู้อะไรมาถึงได้พูดอะไรแบบนี้???
"ฉันจะจำไว้ก็แล้วกัน"ใบหน้าคมหล่อเหลายังคงเก็บอาการโกรธเอาไว้เป็นได้เป็นอย่างดีเพราะจะให้มาต่อปากต่อคำกับเด็กที่อายุห่างกันเกือบรอบต่อหน้าเหล่าเพื่อนฝูงกับผู้ใต้บังคับบัญชาแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปนิดนึ่ง
เด็กหนุ่มร่างสูงปลีกตัวออกไปแล้วก่อนที่เพื่อนๆของร่างบอบบางจะทยอยกันอวยพรให้เขาจนกระทั่งเหลือห้าคนสุดท้ายเด็กหนุ่มร่างเล็กกับเด็กสาวเรือนผมสีดำสนิทเงางามเดินนำหน้าเด็กหนุ่มทั้งสามคนเข้ามาโดยที่เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองอยู่ตรงกลาง...ไม่สิไม่ใช่ห้าคนยังมีเงาของใครอีกคนอยู่หลังสุดของเด็กพวกนี้เพราะแสงเทียนยังไหวไปมาอยู่ด้านหลังของพวกเขา
และทันใดนั้นแสงสปอร์ตไลฟ์ก็ดับลงพร้อมๆกับเด็กทั้งห้าคนแยกตัวออกไปทั้งสองฝั่งเหลือเพียงคนที่ถือเค้กปอนใหญ่ยืนยิ้มบานเป็นดอกทานตะวันอยู่ตรงหน้า!!!!!
.....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างกว่าครั้งใหนๆในชีวิตเมื่อเห็นว่าเจ้าคนที่ยืนยิ้มบานเฉ่งอยู่นั้นเป็นใคร!!!
"สุขสันต์วันเกิดครับ......รีไวล์!"
เสียงใสๆที่แสนคิดถึงเอ่ยออกมาให้หัวใจของอีกคนเต้นแรงจนแทบจะไม่เป็นจังหวะจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอกจึงทำเพียงแค่ยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ไปแล้วจนกระทั่งเจ้าตัวร้ายคนนั้นเดินถือเค้กมาหยุดอยู่ตรงหน้า
"ผมกลับมาแล้วครับ"
ไม่คำพูดใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากคมเหมือนเคย
....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวมรกตของคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาทั้งสองคนจ้องมองกันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีใครละสายตาออกจากกันจนคนทั้งห้องแทบจะหยุดหายใจลุ้นกันจนตัวโก่งเลยทีเดียว
"เป่าเทียนสิครับ...รีไวล์"
เป็นร่างบอบบางที่เอ่ยขึ้นมาก่อนและคนที่ยังตกตะลึงก็ได้สติแล้วก้มลงเป่าเทียนและทันทีที่แสงนวลของเทียนดับลงเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจก็ดังก้องไปทั่วห้องพร้อมๆกับแสงนีออนที่สว่างจ้าขึ้นมาหญิงสาวร่างบอบบางจึงรีบไปรับเค้กจากเด็กหนุ่มร่างบอบบางมาถือเอาไว้และเพียงเท่านั้นร่างบอบบางก็โผเข้ากอดชายหนุ่มที่กางแขนรับได้พอดิบพอดีสองแขนแข็งแรงกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่นเรียกเสียงโห่ร้องให้ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง
"ไอ้เด็กบ้า!!!"
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆก่อนจะพรมจูบซ้ำๆที่ขมับของคนในอ้อมกกอด
"ผมคิดถึงรีไวล์มากเลยนะครับ......ฮึก"เสียงใสๆปนเสียงสะอึกสะอื้นดังอยู่ที่ข้างหูยิ่งทำให้สองแขนกระชับร่างบอบบางให้แนบชิดขึ้นอีกจนไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้อากาศลอดผ่านไปได้อยู่แบบนั้นเนิ่นนานจนลืมไปแล้วว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันแค่สองคนแต่มีสายตากว่าร้อยคู่จับจ้องอยู่
"เฮ้ๆ!!!!...มันจะหวานเกินไปรึเปล่ารีไวล์สงสารคนไม่มีคู่มั่งเถ้อ...ฉันอิจฉาจนตาลุกเป็นไฟแล้วนะเนี้ย"เสียงกังวานแสบแก้วหูของสาวแว่นดังขึ้นขัดจังหวะเรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าผู้คนที่อยู่รอบตัวจนดังลั่นไปทั่วจะยกเว้นก็แต่เด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้นที่จ้องมองทั้งสองคนด้วยความรู้สึกที่หลากหลายทั้งๆที่เขาพยายามทำทุกอย่างให้ร่างบอบบางสนใจแต่สุดท้ายก็ยังเลือกชายหนุ่มคนนั้นอยู่ร่ำไป
"ตัดใจได้แล้วนายก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะเข้าไปแทรกกลางระหว่างพวกเขาได้ไอ้บ้าแจน"
เสียงของเพื่อนสาวเรือนผมสีดำสนิทดังขึ้นข้างๆทำให้เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้ง
"เฮ้ยมิคาสะอย่ามาเงียบๆแบบนี้สิตกใจหมด!!"
"ไอ้บ้าแกนั่นแหละมัวแต่เหม่อฉันเรียกจะครบร้อยอยู่แล้ว"
มือหนักๆของเธอฟาดเข้ากลางหลังของเด็กหนุ่มเต็มๆจนต้องเอ่นตัวงอ
"โฮ่มือรึเท้าเนี้ยแม่คุ๊ณฟาดลงมาได้...แบบนี้ใครเค้าจะอยากได้ไปเป็นแฟนห๊า!!"
"ปากดีนักนะคนเค้าอุตส่าห์มาปลอบเดี๋ยวปล่อยให้เฉาตายอยู่ตรงนี้ซะเลย...ไปล่ะ!!"
"เดี๋ยวก่อนมิคาสะ!!!"
มือหนาคว้าเข้าไปที่ต้นแขนเด็กสาวเอาไว้ก่อนจะรั้งให้มายืนข้างๆตัวเองเหมือนเดิม
"อะไรอีก??"
"อยู่เป็นเพื่อนฉันแป๊ปนึ่งนะ...อยู่ข้างๆเธอแล้วฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย"
นัยน์ตาสีรัตติกาลเหลือบมองใบหน้าของคนพูดน้อยๆถึงจะไม่หันมามองเธอแต่เธอก็สังเกตุเห็นแก้มของอีกคนขึ้นสีน้อยๆ....หึกำลังเขินอย่างนั้นสินะไอ้บ้า...
".........ก็ได้"




"คุณพ่อกับคุณน้าก็สมรู้ร่วมคิดกับเขาไปด้วยนะครับ!?"
ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มน้อยๆเพราะไม่คิดว่าจะต้องมาตกใจอ้าปากค้างแบบนี้...ถึงจะไม่ได้อ้าปากก็เถอะเอ๊ะหรือว่าเผลอ!!
"เอเลนขอร้องเอาไว้น่ะจ๊ะอยากจะเซอร์ไพรส์พี่ชายเค้าเราก็เลยมีเป็นพยานให้ซะด้วยเลย...ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องจากกันไปใหนอีกแล้วสินะทั้งสองคน"
หญิงสาวมองหน้าลูกชายของเธอพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนให้
"หมายความว่าไงครับคุณน้า??"
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะมันพึ่งจะสองปีเองร่างบอบบางนี่ต้องเรียนอีกตั้งปีไม่ใช่รึไง??
"เอเลนเค้าลงเรียนช่วงปิดเทมอเพิ่มน่ะแล้วก็ไปสอบเทียบจนจบมาได้แล้วนี่แหละเค้าอยากจะกลับมาหาเธอไวๆเลยเรียนยาวเลยแม้แต่วันเสาร์วันอาทิตย์ยังไม่ยอมหยุดพักเลยนะ"
ท่านเอกอัคราชทูตใหญ่อธิบายให้ชายหนุ่มฟัง....นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยากจะคว้าร่างบอบบางเข้ามากอดเอาไว้ให้สาสมกับความคิดถึงที่มันขังแน่นจนคับอกอยู่ตอนนี้อยากจะจับมาหยิกแก้มให้หายหมั่นเขี้ยวในความอวดดีทำอะไรเกินตัวตลอดถึงจะผ่านมันมาได้ก็เถอะ
"งั้นเหรอครับ!!"

เสียงหัวเราะสนุกสนานผสมกับเสียงหยอกล้อกันยังดังระงมไปทั่วห้อง
สองมือยังกอบกุมกันเอาไว้เหมือนกับว่าหากปล่อยมือของอีกคนตอนนี้แล้วพวกเขาจะไม่มีวันได้สัมผัสมันอีกยังไงยังงั้นทั้งๆที่ต่างคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือของอีกคนเด็ดขาดถึงแม้ว่าโลกกลมๆใบนี้จะแตกสลายลงไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็จะไม่มีวันปล่อยมันไปเพราะพวกเขาจะก้าวผ่านมันและจะหายไปพร้อมๆกันอย่างแน่นอน
.
..
..
..
..
..
..
      ร่างเปลือยเปล่าของร่างบอบบางกำลังซุกหน้าเข้าหาแผงอกอุ่นของพี่ชายสุดรักจนแทบจะจมลงไปในนั้นให้ได้สองแขนแข็งแรงกระชับให้อีกคนนอนได้ถนัดขึ้นอีก
จมูกคมเป็นสันฝังลงไปบนหน้าผากมนซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้จักพอมือเรียวร้อนเริ่มคืบคลานไล้เลื้อยไปตามแผ่นหลังบอบบางอีกครั้งไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แต่ต่อให้มันจะมากมายขนาดใหนมันก็ยังไม่พอสำหรับเขา
มือข้างนึ่งเชยคางมนขึ้นมารับริมฝีปากของตัวเองก่อนจะบดเบียดลงไปบนริมฝีปากบางที่ตอนนี้บวมเจ่อไปแล้วเพราะแรงบดเบียดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งถึงจะหนำใจของอีกคน
"อื้อ!!....รีไวล์พอแล้วผมไม่ไหวแล้วน้า!!"
มือบางยันแผงอกแกร่งออกน้อยๆด้วยพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่แต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรสักเท่าไหร่เมื่อใบหน้าคมหล่อเหลายังคงซุกไซร้ไปทั่ว
"จะค่อยๆทำครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะ....เอเลน"

"........"

 ไร้เสียงตอบรับใดๆหลุดลอยมาเมื่อร่างกายกำลังถูกปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงถึงแม้ว่าริมฝีปากบางจะพยายามขยับมากสักเท่าไหร่แต่เสียงที่ออกมามันกลับไม่ใกล้เคียงกับคำพูดเลยแม้แต่น้อยและเพราะแบบนั้นจึงเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมหล่อเหลาไปไม่ยาก

"ได้มั้ย.....เอเลน"

"......ตามจะ...อะ...อ้า...ตะ...แต่พรุ่งนี้ห้าม...อึก...ผมแต่เช้านะจะบอกให้!!!"

"หึหึ....ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"

ใครจะปล่อยให้นายหลับง่ายๆกันล่ะเจ้าเด็กเหลือขอนายต้องชดใช้ที่ปล่อยให้ฉันเป็นบ้าเป็นหลังคิดถึงนายขนาดนี้.....อย่างน้อยก็....จนกว่าฉันจะหมดแรงนั่นล่ะนะ

"อ้า...อึก...รี..."

ไม่รู้ด้วยแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลยถ้าเค้าขาดใจตายก่อนก็อย่ามาร้องไห้คร่ำครวญก็แล้วกันไม่รู้ไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากใหนนักหนาอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วด้วยพวกทหารนี่แข็งแรงแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ....เขาจะได้เตือนเพื่อนๆของเขาเอาไว้บ้างว่าอย่าเดินตามรอยเขาเด็ดขาด!!!
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
....
..
...
...........End...............





เย้ในที่สุดก็ลงจบไปแล้วหนึ่งเรื่องฮ่าๆๆๆถึงจะบ้าๆบวมๆก็ต้องขออภัยคุณผู้อ่านอย่างแรงที่เขียนไปตามอารมณ์ของข้าพเจ้า
*****รีมาร์คนิสสสสสนึ่งคือชือของพ่อทั่นท่อนขาเราตั้งเองนะค่ะอย่าซีเรียสน้าาาาาาทุกคน(เราพยายามทาแล้วว่าท่านพ่อท่านแม่ของทั่นท่อนขาชื่ออะไรแต่หาไม่เจอใครรู้ก็ช่วยบอกข้าพเจ้ด้วยเด้อ)..
ขอบคุณเป็นอย่างสูง





Isaya yukimura.......


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น