5 เม.ย. 2557

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow : 04

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow : 04

:Rainbow : 04

:Fanfiction Attack on titan [Levi x Eren]

:Romantic  Drama

:NC-18





คำเตือน:บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่รู้จักหรือไม่
พิศมัยกรุณากดเครื่องหมายกากบาทที่มุมขวาบนขอบคุณค่ะ





.............ร่างบอบบางเดินลงบันไดมาช้าๆเหมือนคนยังตื่นไม่เต็มตาแต่ที่ยังถ่อสังขารลงมานั่นก็เพราะเสียงหัวเราะของใครหลายคนดังขึ้นไปให้ได้ยินตั้งแต่เช้าและมันไม่ใช่เสียงของพี่ชายของเขาอย่างแน่นอนร่างบอบบางเดินลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายสายตาก็สบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานดังลั่นแต่คนที่ดังที่สุดน่าจะเป็นหญิงสาวที่สวมแว่นตาหนาเตอะส่วนผู้ชายอีกสามคนไม่ค่อยจะได้ยินเสียงสักเท่าไหร่
"เพื่อนรีไวล์มางั้นเหรอ...มาทำไมกันแต่เช้า??"
สองขาหมุนตัวกลับขึ้นไปชั้นบนเหมือนเดิมเพราะถึงตัวเองออกไปก็ไม่มีเรื่องอะไรคุยกับพวกเขาอยู่แล้วแต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขา
"อะอะ...นั่นเอเลนน้องสุดรักของรีไวล์นี่"สาวแว่นสายตายาวไกลวิ่งเข้ามาล็อกคอของร่างบอบบางเอาไว้แล้วลากให้ตามไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน
"อ๊ะ...ดะ...เดี๋ยวซิครับผมยังไม่ได้แต่งตัวเลย!!??"ร่างบอบบางยื้อจนสุดแรงแต่ก็สู้แรงฉุดลากของหญิงสาวไม่ไหวจนในที่สุดก็ต้องไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนของพี่ชายทั้งๆที่ยังใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวยาวถึงเข่าแค่ตัวเดียว
"นี่ไงพวกนายหนุ่มน้อยที่ผู้ที่เป็นความหวังของมนุษยชาติของเราคร่ำครวญจะเป็นจะตายจนไม่ยอมขอสาวน้อยของพวกเราซักที"สาวแว่นที่ยังกอดคอของร่างบอบบางเอาไว้แนะนำให้เหล่าชายหนุ่มทั้งสามคนรู้จักเพราะพวกเขาพึ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกและพึ่งจะเคยเจอร่างบอบบางเป็นครั้งแรกด้วยต่างจากสาวแว่น่มาที่นี่บ่อยมากที่สุด
"หน้าตาน่ารักแบบนี้เองนะครับหัวหน้าถึงได้หวงนักหวงหนาใครพูดถึงไม่ได้เลยโดยเฉพาะหัวหน้าหมู่ฮันซี่"ชายหนุ่มที่หน้าตาล้ำอายุที่สุดพูดขึ้นให้อีกสองคนหัวเราะร่า
"เอเลนนี่กุนเธอร์ ชูสส่วนคนที่หน้าตาล้ำอายุหน่อยออลโล่ โบซาร์ดแล้วคนผมยาวนั้นเอลร์ จินลูกน้องของหน่วยรีไวล์"
"สวัสดีครับผมเอเลน เยเกอร์ครับเป็นน้องของรีไวล์"ร่างบอบบางก้มหัวให้กับคนทั้งสามก่อนจะยิ้มแหยๆเพราะรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับทั้งสามคนนี้เลยแถมสายตาที่มองมามันก็แปลกๆคงเพราะเขาแต่งตัวอย่างนี้ล่ะมั้ง
"เอ่อว่าแต่กำลังคุยเรื่องอะไรกันเหรอครับดูครึกครื้นเชียว?"
ร่างบอบบางถามไปตามมารยาทเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายหนุ่มทั้งสาม
"อ๊ะ...ลืมไปเลยเรากำลังคุยถึงคนรักของรีไวล์น่ะจ๊ะพอดีวันนี้เขาก็มาด้วยตอนนี้ช่วยรีไวล์เตรียมของว่างอยู่ในครัวด้วยนะเรากำลังวางแผนให้รีไวล์ขอเธอแต่งงานในวันเกิดที่จะถึงกันอยู่พอดี....สวยมากๆเลยแถมใจดีด้วยเธอต้องชอบเอเลนแน่ๆเลยว่ามั้ย...ฮ่าๆๆๆ"
ร่างทั้งร่างเหมือนกับถูกสต๊าฟเอาไว้ตั้งแต่ได้ยินคำว่า"คนรักของรีไวล์"ประโยคต่อไปสาวแว่นเธอพูดอะไรอีกยืดยาวแต่มันกลับไม่เข้าหูเลยสักนิด
"คะ......คน.........คนรักเหรอครับ!!!!"รีไวล์มีคนรักแล้วอย่างนั้นเหรอทำไม??....ทำไม.....ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!!??
"ใช่จ๊ะเอเลนพอจะมีไอเดียดีๆบ้างรึเปล่า...เค้าสองคนเหมาะสมกันมากเลยนะอ๊ะนั่นไงออกมาพอดีเพทร่า รัลเป็นไงสวยใช่มั้ยล่ะ"
นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆหันไปมองสองร่างที่สูงไล่เลี่ยกันเดินออกมาจากห้องครัวแต่เหนือสิ่งอื่นใดพี่ชายของเขากำลังยิ้ม...ยิ้มให้กับเธอคนนั้นรอยยิ้มที่แม้แต่เขานานๆครั้งถึงจะได้เห็นแต่รีไวล์กลับยิ้มให้หญิงสาวร่างบางคนนั้น
อยู่ดีๆขอบตาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเอาเสียดื้อๆจนไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาเพราะกลัวว่าน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้มันจะล้นออกมาให้เธอคนนั้นเห็น...คนที่รีไวล์รัก!!คนที่ไม่ใช่เขา
"เอเลน!!!...ทำไมลงมาทั้งชุดนอนแบบนั้น?"น้ำเสียงทุ้มเย็นตวาดเสียงดังทันทีที่เห็นน้อยชายของตัวเองลงมาทั้งแบบนั้นก่อนที่ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจะรีบวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินมาคว้าต้นแขนของร่างบอบบางให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลากให้ออกมาจากโซฟาและเพราะแบบนั้นน้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นเอาไว้แทบตายก็ไหลลงมาเป็นเผาเต่า
"ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้!!!!" เสียงตวาดดังลั่นจนทุกคนในห้องได้แต่เงียบกริบไม่มีใครรู้สาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ฉุนเฉียวได้ขนาดนี้ยิ่งกับสาวแว่นยิ่งแล้วใหญ่จะว่าโกรธเพราะใส่ชุดนอนลงมาก็ไม่น่าจะใช่เพราะเธอก็เห็นออกจะบ่อยไป...เอ๊ะหรือว่าจะใช่เพราะวันนี้เพทร่ามาด้วยอย่างนั้นใช่รึเปล่า???.....
นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่นองไปด้วยน้ำตากำลังจ้องมองนัยน์สีขี้เถ้าอย่างไม่ยอมลดละเปล่าให้สาวแว่นคาดเดาสาเหตุไปต่างๆนาๆแต่ที่คิดมันไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริงเลยสักนิดความจริงที่ยังไม่มีใครรู้
"หัวหน้าค่ะใจเย็นๆก่อนนะค่ะ"หญิงสาวร่างบอบบางแตะมือลงไปที่ต้นแขนของชายหนุ่มและนั่นมันยิ่งทำให้ริมฝีปากบางถึงกับขบเม้มเข้าหากันแน่น...ถึงขนาดปล่อยให้เค้าเข้าถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก็แสดงว่ารักเค้าจริงๆสินะ
"มานี่!!!!"
"ไม่ต้องมายุ่ง!!!!!!!"
"อ๊ะ!!!"
ทันทีที่มือเรียวของพี่ชายจับต้นแขนของตัวเองอีกครั้งร่างบอบบางถึงกับสะบัดจนสุดแรงก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนั้นแต่เพราะหญิงสาวร่างบอบบางยืนขวางทางเอเลนจึงผลักเธอเข้าไปเต็มๆจนเธอหงายหลังล้มลงกองกับพื้น
ร่างบอบบางชะงักมองหญิงสาวนิดนึ่งแต่ยิ่งเห็นชายหนุ่มถลาเข้าไปประคองเอาไว้แบบนั้นก็ยิ่งปวดใจใบหน้ามนสะบัดหนีก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษเสียงของพี่ชายสุดรักยังตะโกนตามหลังไปไม่ขาดมือบางผลักประตูห้องเข้าไปสุดแรงก่อนจะผลักปิดเสียงดังสนั่นจนดังลงไปถึงข้างล่าง




...........เอเลนทิ้งตัวลงไปบนที่นอนอย่างอ่อนแรงน้ำตาก็ยังคงไหลอาบสองแก้มเหมือนกับมันไม่เคยเหือดแห้งไปจากดวงตาคู่นี้........ความเจ็บปวดเมื่อครั้งวันวานไหลเข้ามาในหัวเหมือนหนังเรื่องเดิมๆที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกสองขาเรียวยาวค่อยๆหดเข้าหาตัวก่อนที่สองแขนจะรวบมันมากอดเอาไว้...มันก็แค่การปลอบใจตัวเองซ้ำๆจะต้องปลอบตัวเองอย่างนี้อีกสักกี่ครั้งกันทำไมถึงไม่รู้จักจำว่าคนๆนี้ทำเขาเจ็บช้ำมาขนาดใหนกล้าหลงลืมมันไปได้ยังไงกับแค่คำโกหกพวกนั้นอย่าเกลียดฉันงั้นเหรอที่ไม่อยากให้เกลียดก็เพราะแบบนี้ที่ไม่ยอมผูกพันลึกซึ้งก็เพราะแบบนี้
"ผมเกลียด....เกลียดรีไวล์ที่สุดเกลียดๆๆๆๆๆๆ!!!!!"
มือบางข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมที่หน้าอกข้างซ้ายก่อนจะกำเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เอาไว้แน่นเหมือนกับคนที่ถูกเข็มพันเล่มทิ่งแทงลงไปบนรอยแผลเดิมซ้ำๆจนมันพรุนไปหมด่งหัวใจเสียงสะอึกสะอื้นดังระงมไปทั่วทั้งห้องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ปังปังปัง!!!!!! 
"เอเลนเปิดประตู!!!!...ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง!!"
"ได้ยินมั้ยพี่บอกให้เปิดประตู.....เอเลน!!!!"
เสียงมือหนักๆที่ทุบประตูจนแทบจะหลุดกระเด็นสลับกับเสียงเข้มๆที่โกรธจัดดังอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุดเหมือนกับว่าถ้าเขาไม่เปิดจะพังมันเข้ามาซะอย่างนั้น
....เอาเลยอยากจะทำอะไรก็เชิญแต่เขาไม่ยอมเปิดเด็ดขาดจะโกรธแค้นแทนกันยังไงก็ตามใจมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
สองมือบางยกขึ้นมาปิดหูเอาไว้แน่นในตอนนี้แม้แต่เสียงมดเดินเขายังไม่อยากจะได้ยินอยากจะหายไป....หายไปจากตรงนี้จากความเจ็บซ้ำซากนี่ซักที
นัยน์ตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักกำลังหนักอึ้งเปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆเหมือนกับมีเหล็กหนักสิบตันมาทับเอาไว้เสียงทุบประตูกับเสียงตะโกนค่อยๆเบาลงเบาลงจนในที่สุดมันก็เงียบหายไป




.....ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครแทรกตัวออกมาจากห้องน้ำสายตาคู่คมกริบจับจ้องไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่มองเห็นร่างบอบบางนอนคุดคู้อยู่บนนั้นดูจากสภาพแล้วคงจะยังไม่ขยับตัวไปใหนเลยตั้งแต่เช้าข้าวปลาก็ไม่ยอมลงไปกิน
มือเรียววางถาดนมกับซุปครีมข้าวโพดลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างบอบบางที่ยังหลับไหลไม่รู้ตัว
เขาไม่รู้ว่าร่างบอบบางโกรธอะไรเขาหรือว่าโกรธที่เขาตะคอกใส่ต่อหน้าคนอื่น....แต่เพราะเขาไม่อยากให้ร่างบอบบางนี่แต่งตัวล่อแหลมต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น
ใบหน้าคมก้มลงไปที่ข้างหูของคนที่ยังหลับไหลก่อนจะกระซิบเบาๆพร้อมๆกับเขย่าร่างบอบบางไปด้วย
"เอเลน......เอเลนตื่นมากินอะไรรองท้องหน่อย!"
ริมฝีปากคมกดจูบลงที่แก้มใสที่อาบไปด้วยคราบน้ำตาเบาๆก่อนจะกระซิบเรียกชื่อของอีกคนซ้ำแล้วซ้ำอีก
"เอเลน......พี่ขอโทษลุกมาคุยกันก่อน.....เอเลน"
เปลือกตาของคนที่ยังหลับไหลค่อยๆเปิดขึ้นช้าเมื่อรู้สึกถึงอะไรอุ่นๆสัมผัสลงมาที่แก้มของตัวเอง....ลมหายใจ!!....ลมหายใจของคนที่เขาเกลียดที่สุดในตอนนี้!!
"เอเละ......"เขายังไม่ทันจะพูดจบประโยคเสียงใสๆที่ฟังดูแข็งกร้าวก็ขัดขึ้นมาก่อนทำให้ชายหนุ่มได้แต่ชะงักค้าง
"อย่ามายุ่งกับผมออกไป....ผมอยากอยู่คนเดียว!!!!"
ชายหนุ่มละออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียง
"พี่จะไปก็ได้แต่นายกินอะไรหน่อยก็แล้วกัน"
สองขาแข็งแรงก้าวยาวๆหายเข้าไปในห้องน้ำเพราะคิดว่ารอให้อีกคนใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกันจะดีกว่าแต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังคิดผิดมหันต์เพราะยิ่งเขาเงียบไม่ยอมอธิบายอะไรก็ยิ่งทำให้อีกคนแค้นใจหนักขึ้นสองมือกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่สายน้ำที่เหือดแห้งไปไหลลงมาอีกครั้งความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวความน้อยเนื้อต่ำใจมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
มือบางควานหามือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์ของใครบางคนออกไปและทันทีที่ปลายสายกดรับ
"แจนมารับฉันทีเร็วที่สุด!!!"
เพียงแค่นั้นมือบางก็กดวางหูทันทีไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะปฏิเสธหรือไม่เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าเค้าคนนี้ไม่มีวันปฏิเสธตัวเองก่อนจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดอย่างลวกๆมือข้างนึ่งเปิดก๊อกที่อ่างล้างหน้าก่อนจะกวักน้ำใส่หน้าตัวเองแรงๆ
ซักพักเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยก็หยุดอยู่ตรงหน้าบ้านร่างบอบบางคว้ามือถือขึ้นมาแล้วก้าวขายาวๆออกจากห้องไปทันที

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินไปหยุดที่หน้าต่างเห็นรถสปอร์ตสีขาวจอดดอยู่ที่หน้าบ้านตัวเองไม่นานเสียงเปิดประตูห้องข้างๆก็ดังขึ้น
"เอเลน!!!!"
สองขาแข็งแรงก้าวยาวๆไปที่ประตูห้องและทันทีที่เปิดประตูแผ่นหลังบางก็ก้าวผ่านหน้าไปอย่างเฉียดฉิว
"เอเลน!!!...หยุดจะไปใหนมันดึกมากแล้ว!!!!"
สองขาวิ่งลงบันไดตามแผ่นหลังบางไปติดๆก่อนที่มือแข็งแรงจะคว้าเข้าไปที่ต้นแขนของคนด้านหน้า
"ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ได้ยินมั้ยไอ้เด็กบ้า!!!!"
อีกครั้งที่เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วหลุดปากตะคอกร่างบอบบางนี่อีกครั้งมือเรียวจับไหล่มนให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองแต่อีกคนกลับเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นไม่ยอมสบตา
"ฉันถามว่าจะไปใหน!!!"
"มันเรื่องของผมคุณไม่เกี่ยว!!!.....ปล่อย!!!!"
"เอเลน!!!!......"เพราะสัพนามที่ใช้เรียกตัวเองเปลี่ยนไปอีกครั้งร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครถึงกับอึ้งค้างอีกครั้งและเพราะแบบนั้นร่างบอบบางจึงสะบัดตัวหลุดออกมาแล้วรีบก้าวไปหารถสปอร์ตสีขาวที่จอดรออยู่ด้านหน้าทันที
และทันทีที่ตั้งสติได้ชายหนุ่มก็รีบวิ่งออกไปขว้างหน้ารถเอาไว้ทันทีทำเอารถที่กำลังจะออกตัวต้องเหยียบเบรคจนมิดด้าม
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินจ้ำมาฝั่งที่น้องชายของตัวเองนั่งอยู่แล้วระรัวทุบกระจกรถแบบไม่ได้เกรงใจเจ้าของรถเสียงตะโกนเรียกอีกคนยังดังเข้าไปให้ได้ยินแต่ร่างบอบบางกลับยังนั่งเฉยไม่ยอมหันไปมองอีก
"เฮ้ๆ....แบบนี้ถ้ากระจกรถฉันพังใครจะรับผิดชอบวะเอเลน"
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายิ้มแหยๆพร้อมๆกับเหลือบมองคนที่ยังทุบกระจกรถของตัวเองอย่างบ้าคลั้ง
"เค้ามีปัญญาจ่ายถ้าแกมีปัญญาฟ้อง.....พูดมากวะแจนแกจะออกรถได้รึยัง"
"แต่ฉันว่าแกควรจะลงไปคุยกับเค้าให้รู้เรื่องก่อนนะแบบนี้มันเหมือนเมียหนีตามชู้แล้วผัวออกมาอาละวาดยังไงยังงั้นเลยนะเฟ้ย"และที่แน่ๆเขานี่แหละที่เป็นชู้ถึงจะเป็นถึงลูกนักการเมืองแต่จะมาเล่นกับระดับนายพันนายพลมันก็ออกจะร้อนๆหนาวๆแถมหน้าตาพี่แกก็โหดได้ใจซะด้วยถ้าถูกลากคอออกจากรถไปเขามีหวังได้ไปพบบรรพบุรุษที่โลกหน้าแน่ๆ
"ฉันบอกให้ออกรถถ้าแกไม่ออกก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก!!!!"
"คร้าบๆเจ้านาย!!!"ในที่สุดเท้าของเขาก็เหยียบคันเร่ง
"ไอ้เด็กบ้าฉันบอกให้ออกมาไม่มีหูรึไง!!!!.....เอเละ......."โธ่เว้ย!!!"
ชายหนุ่มได้แต่ยืนสบถอย่างหัวเสียเมื่อรถสปอร์ตสีขาวออกตัวไปมือข้างนึ่งยกขึ้นมาบีบหน้าผากของตัวเอง...นี่เขาทำอะไรผิดไปเจ้าเด็กเหลือขอถึงได้โกรธเขามากขนาดนี้สองขารีบก้าวยาวๆเข้าไปในบ้านก่อนจะรีบขึ้นไปบนห้องตัวเองแล้วคว้ามือถือขึ้นมากดโทรออกทันที
"ฮันซี่เปิดสันญาณดาวเทียมให้ฉันที"
"ฮ่าๆๆ...พูดเป็นเล่นตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่ฐานทัพนะค่ะท่านผู้พัน....ว่าแต่น้องชายหายรึงะ...."
"อ้าววางซะละยังทะเลาะกันไม่เสร็จอีกเหรอเนี้ยมันค่อนคืนไปแล้วนะ"


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทั้งๆที่รถออกไปได้ไม่เท่าไหร่นิ้วเรียวเล็กไสลท์ปิดเครื่องทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร
"จะไปใหนดีครับเจ้านาย"
"จอดข้างทางนี่แหละฉันอยากหาที่เงียบๆ"
ริมฝีปากคมยกยิ้มพอใจกับคำตอบของอีกคน
"ถ้างั้นฉันหาให้ก็แล้วกันจอดข้างทางแบบนี้มันอันตรายโอเคมั้ย?"
"ตามใจ"ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าผาจุดชมวิวของเมือง
ร่างบอบบางเปิดประตูรถออกไปทันทีที่รถจอดสนิทก่อนจะไปยืนพิงที่หน้ารถเอาไว้
เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลายิ้มน้อยๆก่อนจะเปิดประปูรถตามออกไป
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองใบหน้ามนข้างๆน้อยๆก่อนจะหันกลับไปสนใจวิวข้างหน้าและเพราะแสงของดวงจันทร์ถึงทำให้เขามองเห็นแววตาเศร้าๆของอีกคน
"อยากจะเล่าให้ฉันฟังมั้ย....อะไรที่นายไม่สบายใจ"
"หุบปากของแกซะ!!"
"ฮะฮะฮะ...ถ้างั้น....ขอรางวัลหน่อยก็แล้วกันที่ฉันอุตส่าห์เสี่ยงตายไปพาเจ้าหญิงราพันเซลมา...ได้รึเปล่า?"ไม่ว่าเปล่าใบหน้าหล่อเหลาย้ายมาเกยที่ไหล่มนเอาไว้แล้วคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอระหงไปมาก่อนจะกดจมูกคมเป็นสันลงไปสูดกลิ่นกายหอมหวานของอีกคนซึ่งร่างบอบบางเองก็ไม่ได้ผลักใสปล่อยให้อีกคนโลมเลียร่างกายของตัวเองโดยไม่คิดจะปัดป้องเพราะแบบนั้นมือหนาจึงกดหัวไหล่มนให้นอนลงไปบนกระโปรงรถแล้วตามมาคร่อมเอาไว้ริมฝีปากคมก้มลงมาประกบจูบที่ริมฝีปากบางแผ่วเบาแต่อีกคนก็ยังเฉยไร้ปฏิกิริยาใดๆตอบโต้
"อะไรกันฉันไม่เร้าอารมณ์ขนาดนั้นเลยรึไง??"
ริมฝีปากคมกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะขบเม้มรุนแรงที่ซอกคอจนขึ้นสีระเรื่อ
"อึก...ฉันบอกให้แกหุบปากอยากจะทำอะไรก็ทำไป!!"
"ฮะฮะฮะ...สงสัยคุณผู้พันจะลีลาเด็ดกว่าฉันซะแล้วแย่จังนะ!!"
ใบหน้าหล่อเหลาละออกมามองใบหน้ามนพร้อมกับรอยยิ้ม
"ทำไมแก!!!"
"ถึงรู้น่ะเหรอ...เอาเป็นว่ากลิ่นของเค้ายังติดอยู่บนตัวนายแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ"
ริมฝีปากคมโน้มลงมาประทับจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากบางอีกครั้งก่อนจะทิ้งตัวลงทับร่างด้านใต้เอาไว้
"ขออยู่แบบนี้สักพักนะเอเลน"
"ทำไม...???"
"นายนี่ชั่งสงสัยจริงต้องให้บอกทุกคำพูดเลยรึไงกัน....ก็เพราะนายไม่มีอารมณ์ไงล่ะฝืนทำไปนายก็เจ็บตัวเปล่าๆถึงนายจะไม่รักฉันแต่ขอแค่นายยินยอมให้ฉันอย่างพร้อมทั้งกายและใจล่ะก็.....ฉันไม่ปล่อยไปแน่เอเลน"
.
.
..
.
..
.
.
..
.
.
.
..
.
.
.
..
.
.
.
..Tobecontinue..............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น