17 เม.ย. 2557

Fic.Attack on titan[LevixEren] Who own my heart?? : 02

Fic.Attack on titan[LevixEren] Who own my heart?? 
: 02

:Who own my heart?? : 02

:Fanfiction Attack on titan

:Romantic

:NC-15




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดค่ะขอบคุณค่ะ









                ร่างโปร่งบางเดินสะพายกระเป๋าเดินทางใบกระทัดรัดของตัวเองเดินตามหลังแอร์โฮสเตสสาวไปยังชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบินแห่งหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังฝรั่งเศสจุดหมายของตัวเองในคราวนี้และที่หิ้วกระเป๋าขึ้นมาด้วยนั่นก็เพราะมันไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดต้องเอาไปเก็บไว้ที่ห้องสัมภาระแต่มันเป็นแค่กระเป๋าใบเล็กที่สามารถเก็บไว้บนชั้นวางของให้ห้องโดยสารได้อย่างไม่ยากลำบากอะไรเพราะในกระเป๋ามีเพียงเสื้อผ้าตัวบางไม่กี่ชุดเท่านั้น

ไม่นานแอร์โฮสเตสสาวก็ผายมือในกับร่างโปร่งบางตรงที่นั่งที่มีใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้วใบหน้ามนจึงก้มโค้งให้กับเธอน้อยๆแทนคำขอบใจก่อนจะหันมาสนใจกับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

"ขอโทษนะครับ"

ใบหน้ามนก้มโค้งให้กับชายหนุ่มที่เบาะริมหน้าต่างพร้อมๆกับเอ่ยคำขอโทษแผ่วเบานั่นก็เพราะเขาคนนั้นกำลังหลับตาเหมือนกำลังหลับหรือแค่พักสายตาก็ไม่อาจรู้ได้ครั้นจะเสียงดังเกินไปก็กลัวจะรบกวนเขาเข้าจึงเอ่ยไปตามมารยาทก่อนจะยกกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปเก็บบนชั้นวางของ...แต่ในขณะที่กำลังยืดตัวอยู่นั้น!!

พลั่ก!!!!!!!

"เหวอ~~!!"

ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเซถลาเข้ามาชนร่างโปร่งบางอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนร่างทั้งร่างหน้าขมำไปด้านหน้าและด้วยความตกใจกลัวจะล้มทับคนที่ยังหลับอยู่ที่เบาะริมหน้าต่างเข้าสองมือบางจึงยันตัวเองเอาไว้กับพนักเก้าอี้แต่ดันพลาดจนใบหน้ามนลงไปซบเข้าที่แผ่นอกของเขาคนนั้นเต็มๆ

"อ๊ะ!!!..ขะ...ขอโทษคระ...อ๊ะ!!!!"

และด้วยความตกใจมือที่พยายามจะยันตัวเองขึ้นแต่กลับพลาดไปยันเข้ากับต้นขาแข็งแรงของเขาคนนั้นเข้าจึงรีบชักมือกลับจนหน้าทิ่มลงไปกับแผ่นอกแกร่งนั้นอีกครั้งแต่ก่อนที่มันจะทิ่มลงไปมือแข็งแรงของคนที่คิดว่าหลับอยู่ก็คว้าเข้าไปที่หัวไหล่มนเอาไว้ได้พอดิบพอดี
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองใบหน้ามนของคนที่บังอาจทำให้เขาตื่นด้วยแววตาที่นิ่งสนิท

"ขะ....ขอโทษนะครับพะ...พอดีผมโดนชนน่ะครับ..."

ใบหน้ามนถึงกับถอดสีทันทีที่สบเข้ากับสายตาเย็นชาของชายหนุ่มเข้าริมฝีปากบางสีระเรื่อพยายามฉีกยิ้มแห้งๆส่งให้แต่ใบหน้าคมหล่อเหลานั้นก็ยังคงนิ่งสนิทจนร่างโปร่งบางถึงกับทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าอีกคนจะโกรธตัวเองบ้างรึเปล่า

"ผม..ขะ..."

".....นายเจ็บตรงใหนรึเปล่า???"

หลังจากนิ่งเงียบอยู่นานประโยคแรกก็หลุดออกมาจากริมฝีปากคมจนได้และมันก็พอจะทำให้ร่างโปร่งบางใจชื้นขึ้นมาโขทีเดียวที่มันไม่ใช่คำด่าทอ

"เจ็บที่.....หัวไหล่....ครับ...อ๊ะ!!!

และเพียงแค่นั้นสองมือแข็งแรงก็ปล่อยหัวไหล่ของอีกคนทันทีแบบไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวใบหน้ามนจึงทิ่มลงไปบนแผ่นอกแกร่งเข้าเต็มๆอีกครั้ง

"อู๊ยยยย....เจ็บนะคร้าบบ"

ร่างโปร่งบางรีบยันตัวเองขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะย้ายมานั่งที่ของตัวเองโดยที่มือบางยังลูบจมูกของตัวเองปอยๆแถมปากยังตัดพ้อชายหนุ่มอยู่ไม่ขาดปากที่จู่ๆก็ปล่อยมือซะอย่างงั้นจะรอให้เขาตั้งตัวก่อนก็ไม่ได้

"หึ...มันเป็นสิ่งที่นายสมควรจะโดนอยู่แล้วไอ้หนู"

"เอ๋!!...แบบนี้จงใจสินะครับ...อุตส่าห์ช่วยเอาไว้แล้วนะครับ"

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ามนข้างๆน้อยๆก่อนจะยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งกับท่าทางขี้งอนนั่งทำแก้มป่องอย่างถือดีมากที่กล้ามาทำหน้าแบบนี้ใส่เขาทั้งๆที่ตอนแรกหน้าซีดจนเป็นไก่ต้มไปแล้วแท้ๆคงจะเป็นประเภทเข้ากับคนง่ายอย่างนั้นสินะ
เด็กสมัยนี้ชั่งไม่รู้จักเกรงกลัวคนแปลกหน้าเอาซะเลย
ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงอีกครั้งแต่แค่พักสายตาเท่านั้นไม่ได้กะจะหลับหรืออะไร

"ไปเที่ยวเหรอครับ??"
จู่ๆเสียงใสๆก็ถามขึ้นมาแบบหน้าตาเฉยทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้ามนที่หันมายิ้มกว้างให้กับเขาถึงตอนนี้เขาก็พึ่งจะสังเกตุว่าเจ้าเด็กชั่งซักเองก็หน้าตาน่ารักไม่ใช่เล่นทั้งๆที่เป็นเด็กผู้ชายแต่ใบหน้ากลับออกแนวน่ารักเหมือนกับเด็กผู้หญิงซะมากกว่าและทั้งๆที่สูงโปร่งแต่กลับเพรียวบางมากกว่าเด็กผู้ชายน่าจะเป็นหรือว่าฟ้ากลั่นแกล้งให้มาเกิดเป็นผู้ชายแทนที่จะเกิดมาเป็นผู้หญิงรึเปล่านะ

"..........ไปทำธุระ"

ชายหนุ่มเงียบอยู่นานกว่าจะตอบออกมาแต่เจ้าเด็กเหลือขอก็ยังคงนั่งจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้นอย่างกับว่ามันแปลกประหลาดกว่าคนอื่นยังไงยังงั้นเลย

"หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง??"

"เอ๋!!..ปละ...เปล่าครับคือผมกำลังคิดว่าคุณหน้าตาดีมากเลยนะครับถึงจะ....."

"เตี้ย???"

น้ำเสียงทุ้มเข้มพูดดักคอของร่างบอบบางขึ้นมากลางคันทำเอาเจ้าตัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพันละวัน

"อ๊ะ!!!...มะ...ไม่ใช่แบบนั้นนะครับผมหมายถึง...ถึงแม้ว่าคุณจะทำหน้าโหดไปหน่อยไม่ได้คิดเรื่องที่คุณเอ่อ......อ้า~~ขอโทษนะครับผมคงจะพูดมากเกินไปแล้ว"

"ชั่งเถอะฉันชินแล้ว"

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆกับท่าทางลุกรี้ลุกรนของอีกคนเพราะท่าทางแบบนั้นก็แสดงว่าคิดเรื่องส่วนสูงของเขาอยู่แน่ๆถึงได้ร้อนตัวขนาดนั้นแต่ชั่งเถอะมันก็แทบจะเป็นเรื่องปรกติของเขาอยู่แล้ว.....หน้าตาดีงั้นเหรอเจ้าเด็กเหลือขอนี่เที่ยวชมคนที่พึ่งจะเจอกันแบบนี้เป็นประจำเลยรึไงกันแปลกคคน

"เคยมีคนบอกว่า.....อ๊ะขอโทษครับ!!"

ร่างบอบบางรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีที่รู้ตัวว่าก้าวก่ายชายหนุ่มมากเกินไปโดยมีสายตาคมกริบจ้องมองตัวเองอย่างไม่วางตา....แต่จะให้ทำไงได้เล่าก็มันอยากรู้มากกว่านี่นา

จู่เสียงใสๆของคนชั่งซักก็หายเงียบไปซะเฉยๆแต่ยังจะไม่ทันได้สงสัยอะไรทั้งนั้นคำตอบก็มาอยู่ที่หัวไหล่ของเขาโดยไม่จำเป็นต้องหันไปหา.....ไอ้เด็กเหลือขอนี่หลับ??
ก็หัวสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มของเจ้าคนชั่งจ้อน่ะสิไหลลงมาซบไหล่ของเขาหน้าตาเฉยเลยไม่ขออนุญาตกันสักคำ.....แต่ถึงอย่างนั้นมือแข็งแรงกลับพับที่วางแขนของเบาะนั่งทั้งของตัวเองและร่างโปร่งบางออกให้อีกคนนอนได้สบายตัวขึ้นมือข้างหนึ่งยกขึ้นไปประคองหัวสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มนั่นเอาไว้ไม่ให้มันขยับไปมา.....ชั่งมันปล่อยไปแบบนี้สักพักก็แล้วกัน.......จู่ๆเปลือกตาของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งก่อนจะค่อยปิดลงเข้าสู่ห้วงนิทราตามเจ้าเด็กเหลือขอไปอีกคน



นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองหัวสีน้ำตาลเข้มที่ไหล่ตัวเองอีกครั้งหลังจากเขาเองก็เผลอหลับไปหลายชั่วโมงแต่ดูเหมือนเจ้าเด็กเหลือขอชั่งจ้อนี่จะขี้เซากว่าที่คิด
ใบหน้าคมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองบอกเวลาทุ่มหนึ่งแล้วและนั่นก็ทำให้เขารู้ว่ามันผ่านไปเกือบสิบชั่วโมงแล้วตั้งแต่เครื่องออกจากสนามาบินนานาชาติชิน่ามาและอีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็จะถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว

"โฮ่ย....เจ้าเด็กเหลือขอตื่นได้แล้ว"

มือที่กร้านน้อยจากการจับด้ามปืนตบเบาๆที่แก้มใสของคนข้างๆแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลในเมื่อเจ้าเด็กชั่งจ้อทำเพียงแค่ดิ้นขยุกขยิกไปมาพร้อมๆกับทำเสียงอืออาในลำคอเท่านั้นจนคนปลุกอดที่จะหมั่นใส้ไม่ได้มือหนาจึงบีบจมูกโด่งที่เชิดน้อยอย่างคนหัวรั้นนั่นก่อนจะโยกไปมาเบาๆ

"ตื่นได้แล้วเจ้าเด็กขี้เซา!!!"

"โอ้ย!!...โอ้ย!!..ตื่นแล้วคร้าบ!!"

มือบางรีบยกขึ้นมาจับมือของคนที่จับจมูกตัวเองโยกไปมาเอาไว้ก่อนจะยกหัวสีหัวตาลเข้มขึ้นมาใบหน้ามนพยายามปรือตาจ้องหน้าของคนใจร้ายทั้งที่ยังงัวเงียอยู่ด้วยแววตาน่าสงสารโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังส่งสายตาออดอ้อนในกับชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีขี้เถ้ากระตุกน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เส้นไหมสีน้ำตาลเข้มเบาๆไม่ว่าเจ้าตัวจะตั้งใจส่งสายตาแบบนั้นให้เขารึไม่ก็ตามแต่มันก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว

"ไปล้างหน้าล้างตาซะสารรูปดูไม่ได้เลยคราบน้ำลายแห้งย้อยจนถึงคางแล้ว"

"เอ๋!!!...จริงเหรอครับ!!!"

เจ้าเด็กเหลือขอรีบยกมืออขึ้นปิดปากของตัวเองด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกตกใจก่อนจะรีบลุกวิ่งไปห้องน้ำทันทีจนชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรแบบนั้นติดอยู่หรอกนะแต่นึกหมั่นไส้ที่บังอาจทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะก็เท่านั้น

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินออกมาจากประตูของผู้โดยสารขาเข้าโดยมีร่างโปร่งบางของเจ้าเด็กชั่งจ้อเดินตามหลังมาติดๆแต่ก่อนที่เขาจะแยกตัวไปรอรับกระเป๋านั้นก็รู้สึกถึงแรงดึงที่แขนเสื้อของตัวเองจึงต้องหยุดเดินกระทันหันจนเจ้าคนที่รั้งแขนเสื้อเขาเบรคไม่ทันใบหน้ามนจึงชนเข้ากับหัวรองทรงสีดำที่ไถเกรียนครึ่งล่างอย่างช่วยไม่ได้

พลั่ก!!!!!

"อู้ยย!!!...หยุดแบบนี้คนข้างหลังก็แย่สิคร้าบ!!"

"ก็นายดึงฉัน....แล้วมีธุระอะไร??"

"อ้อ!!...เอ่อขอบคุณนะครับคุณ....."

"รีไวล์......แล้วจะมาขอบคุณฉันเรื่องอะไร??"

"อ้า..ครับคุณรีไวล์ผมเอเลนนะครับ...ที่ขอบคุณก็ที่คุณให้ผมเอ่อ....ยืมไหล่หนุนน่ะครับแฮะๆ ขอโทษที่รบกวนนะครับหวังว่าขากลับเราจะได้เจอกันอีกนะครับคุณรีไวล์"

"ก็หวังว่าอย่างนั้น...ไปเถอะมันดึกมากแล้ว"

"งั้นผมขอตัวนะครับ!!!"

ชายหนุ่มพยักหน้าให้น้อยๆก่อนที่เจ้าเด็กชั่งจ้อจะปลีกตัวไปเพราะไม่ต้องไปรอรับกระเป๋าเหมือนกับเขา....นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังจ้องมองแผ่นหลังบางของอีกคนจนลับตาไปแต่กว่าจะพ้นสายตาได้เด็กนั่นก็หันมาโบกไม้โบกมือให้เขาเหมือนกับรับรู้ได้ว่าเขายังมองอยู่ยังไงยังงั้นแต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมก้าวขาปสักที...นี่เขาเป็นอะไรไป??...

"เอเลน......"


......ร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดแขนสั้นคอกว้างสีขาวตัวบางกับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มสวมรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้มสูงครึ่งแข้งกำลังยืนรื้อกระเป๋าหาที่อยู่และเบอร์โทรของโรงแรมที่จองเอาไว้อย่างนึกหงุดหงิดกับความขี้ลืมของตัวเองสุดท้ายก็หาไม่เจอมือบางจึงล้วงเอามือถือของตัวเองออกมากะจะโทรไปถามพี่สาวต่างสายเลือดของตัวเองแต่ยังไม่ทันจะได้กดหาเบอร์ใครทั้งนั้นจู่ๆมือแข็งแรงของใครบางคนก็ขว้าเอามือถือพร้อมๆกับกระะเป๋าเป้ของร่างบอบบางแล้ววิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตาจนเจ้าตัวถึงกับตกตะลึงอึ้งค้างไปหลายวินาที

"ฮะ....เฮ้!!!!!....หยุดนะ!!....ช่วยด้วยคร้าบ!!!"

สองขาเรียวยาววิ่งตามชายร่างสูงใหญ่ไปพลางปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไปพลางแต่คงเพราะภาษาที่ใช้ไม่มีใครเข้าใจความหมายจึงมีแค่คนมองตามไปเท่านั้น.....ร่างทั้งร่างทรุดลงนั่งบนฟุตบาตอย่างเหนื่อยล้าไม่รู้ว่าวิ่งตามมาไกลแค่ใหนแล้วยังดีที่เจอตำรวจที่พอจะเข้าใจภาษาอังกฤษได้บ้างติดตามหาเบาะแสช่วยแต่ดูเหมือนจะไร้วี่แววเมื่อเจ้าตัวจำรูปพรรณของชายคนนั้นไม่ได้เลย....มือบางยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้อย่างเหลืออดไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาโดนกระชากกระเป๋ากลางกรุงแบบนี้ทั้งๆที่เมืองนีชเป็นเมืองท่องเที่ยวแท้ๆแต่กลับเจอเรื่องแบบนี้ได้แล้วจะทำยังไงต่อไปดี......เสียงวิทยุสื่อสารที่พูดภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่องดังใกล้เข้ามาจนมาหยุดอยู่ข้างๆร่างโปร่งบางที่ยังก้มหน้าก้มตาร้องไห้หนึ่งในสองตำรวจนั่งลงข้างๆก่อนจะตบหัวไหล่มนเบาๆพร้อมๆกับพูดอะไรบางอย่าง...ถ้าให้เดาก็คงจะกำลังปลอบใจเขาอยู่นั่นแหละแต่ตอนนี้ไม่มีกระจิตกระใจจะพูดหรือฟังอะไรทั้งนั้น


ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครกำลังทอดสายตามองวิวข้างทางที่ดูจะไม่เปลี่ยนไปจากสมัยที่เขาเคยอยู่ที่นี่มากนัก....แต่ในขณะที่กำลังมองอะไรเพลินๆอยู่นั้นสายตาก็ไปสะดุดกับร่างของใครบางคนเข้า....
"เจ้าเด็กเหลือขอ!!!....จอดรถอีวาน!!"

ชายหนุ่มรีบบอกให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาจอดรถทันที....คงต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเด็กชั่งจ้อนั่นแน่ไม่งั้นคงไม่มีตำรวจมายืนคุมถึงสองคนแบบนี้
สองขาเรียวก้าวยาวๆเข้าไปหาร่างโปร่งบางที่ยังนั่นก้มหน้าอยู่นฟุตบาตในหัวก็คิดไปต่างๆนาๆ...อย่าบอกนะว่าพอมาถึงปุ๊ปก็ทำผิดกฏของเมืองปั๊บน่ะและยิ่งเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆก็ยิ่งด้ยินเสียงสะอึกสะอื้นยังขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน

"เกิดอะไรขึ้น!!...เจ้าเด็กเหลือขอ!!"

และเพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นใบหน้ามนก็ค่อยๆเงยขึ้นมามองเขาและนั่นมันก็ทำให้หางตาเขากระตุกถี่ยิบเมื่อใบหน้ามนที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้กลับดูเศร้าหมองทั้งสองแก้มใสก็อาบไปด้วยน้ำตาอีก

".......คุณรีไวล์~ฮือ~~~"

และเพียงแค่เขาย่อตัวลงร่างโปร่งบางก็โผเข้ากอดเขาทันทีพร้อมๆกับปล่อยโฮออกมาอีกยกใหญ่

"เกิดอะไรขึ้น??"

"ฮือ~~ผม....ฮึก...ผม~~"

เมื่อดูท่าว่าเจ้าตัวจะคุยไม่รู้เรื่องซะแล้วชายหนุ่มจึงหันไปถามตำรวจทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆถึงได้รู้ความจริงก่อนจะจัดการลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อนไม่นานตำรวจทั้งสองคนก็ขอตัวกลับหลังจากได้เบอร์โทรเขาสำหรับติดต่อหากมีความคืบหน้าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงหันมาสนใจคนในอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรแล้ว....เอเลน"

"ผม....ผมกลัว...ฮึก..ฮึก"

"ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไม่ต้องกลัวไม่มีใครมาทำอะไรนายได้อีกแล้ว"
.
.
.

          เปลือกตาของร่างโปร่งบางค่อยๆปรือขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกถึงสายลมอ่อนๆหอบเอากลิ่นหอมสดชื่นเข้ามาเตะจมูกเข้า...หัวสีน้ำตาลเข้มค่อยๆยกขึ้นจากหมอนสีขาวใหญ่แต่นุ่มนิ่มน่ากอดอย่างเสียดายก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆห้องสีขาวดูสะอาดสะอ้านที่มีของตกแต่งไม่มากนักมีเพียงโต๊ะสีน้ำตาลเข้มตัวเล็กๆกับเก้าอี้สีเดียวกันตั้งอยู่ตรงหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีม่วงปลิวสะบัดตามแรงลมอ้อยังมีตู้ไม้สีเดียวกันตั้งอยู่ติดผนังข้างๆเตียงสีขาวที่เขากำลังนอนอยู่ตอนนี้ด้วยแต่ถึงแม้ว่าจะมีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้นและไม่มีอุปกรณ์สมัยใหม่อย่างทีวีตู้เย็นหรือแม้แต่กระติกน้ำร้อน...ไม่มีอะไรที่ใช้เสพความบันเทิงพวกนั้นเลยสักชิ้นแต่ห้องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนี่กลับดูลงตัวได้อย่างน่าประหลาดนัยน์ตาสีเขียวมรกตกวาดไปอีกฝั่งของห้องแล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพวาดขนาดใหญ่ที่ยาวจนสุดผนังของห้องเล็กๆนี่...ภาพวาดของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วง?...ใช่มันเป็นภาพวาดไม่ใช่ภาพถ่ายอย่างแน่นอนเพราะที่มุมด้านล่างของภาพมีลายมือหวัดๆของใครบางคนเขียนเอาไว้พร้อมๆกับมีวันที่กำกับเอาไว้ด้วยและเพราะวันที่ในนั้นทำให้เขารู้ว่วามันถูกวาดขึ้นมาเกือบยี่สิบปีแล้ว

"รี??....หรือว่านี่เป็นภาพที่คุณรีไวล์วาดเอาไว้...บ้านของคุณรีไวล์งั้นเหรอ??!!!"

ปลายนิ้วเรียวลากไล้ไปตามภาพวาดอย่างหลงไหลเมื่อสัมผัสได้ถึงร่องรอยของสะดุดที่ปลายนิ้วแม้เพียงเล็กน้อยเพราะนั่นมันบ่งบอกได้ถึงความตั้งใจและให้ความสำคัญกับภาพที่ตัวเองวาดอย่างที่สุดถึงได้บรรจงแต่งแต้มมันอย่างระเอียดละออขนาดนี้....ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงตอนที่เขาวาดภาพสีน้ำแบบนี้ส่งอาจารย์ตอนที่อยู่มหาลัยภาพแย่ๆที่มักจะถูกอาจารย์เอาไปประจานที่หน้าคลาสตลอดถึงความหยาบไร้ความประณีตและความละเอียดอ่อนในการวาดถึงแม้ว่าวิชาอื่นเขาจะทำได้ดีแต่เรื่องศิลปะนี่กลับติดลบอย่างไม่น่าเชื่อ....แต่ในขณะที่คิดอะไร
เพลินๆอยู่นั้นนัยน์ตาสีเขียวมรกตก็เบิกกว้างขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

"ลาเวนเดอร์!!!....หรือว่ากลิ่นหอมๆที่อบอวลอยู่ตอนนี้!!"

คิดได้แบบนั้นสองขาเรียวยาวก็พาตัวเองไปหยุดที่หน้าต่างและก็ต้องแปลกใจเมื่อผ้าม่านที่เขาคิดว่ามันเป็นสีม่วงกลับกลายเป็นสีขาวโปร่งบางขึ้นมาซะอย่างนั้นแต่แสงสีม่วงที่ทอประกายลงไปบนผ้าม่านมันกลับกลายเป็นสีของเจ้าลาเวนเดอร์ที่แข่งกันชูช่อสีม่วงรับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ยาวไปจนสุดลูกหูลูกตาตะหาก

"ว้าว~~~"

สองขาพาตัวเองก้าวเดินอีกครั้งแต่คราวนี้กลับพาตัวเองออกไปนอกตัวบ้านก่อนจะก้าวเดินช้าๆเข้าไปท่ามกลางเจ้าดอกสีม่วงพร้อมๆกับกางแขนจนสุดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักพอก่อนจะหมุนตัวไปรอบๆและมัน
ก็เต็มไปด้วยสีม่วงไปจนไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่กับที่เมื่อร่างของใครบางคนกำลังขี่เจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มวิ่งเยาะๆอยู่อีกฟากหนึ่ง
ร่างของชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี....ร่างโปร่งบางออกตัววิ่งตรงไปยังเขาคนนั้นทันทีจึงจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงทั้งๆที่เมื่อคืนจำได้ว่าตัวเองขึ้นรถมากับคุณรีไวล์แต่หลังจากนั้นก็ไมจำอะไรอีกพอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์แห่งนี้แล้ว

"คุณรีไวล์คร้าบบ!!!"

เสียงใสๆที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มชะลอเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มจนหยุดอยู่กับที่ใบหน้าคมหล่อเหลาหันไปตามทิศทางของเสียงทันทีริมฝีปากคมเหยียดยิ้มน้อยๆเมื่อเจ้าเด็กขี้แยในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของเขากำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเขา...และดูท่าว่าเด็กนั่นจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้ลาเวนเดอร์ของเขาตื่นตระหนกก็เรียวขาขาวผ่องที่โผล่พ้นชายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สั้นเต่อเหนือเข่านั่นแถมยังก้าวขายาวๆวิ่งมาแบบนั้นถ้าไม่มีพุ่มของลาเวนเดอร์บดบังช่วงล่างเอาไว้คงจะเห็นไปถึงใหนต่อใหนก็นะถึงเขาบอกว่าเสื้อตัวนั้นมันยาวและยาวมากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับเขาแต่สำหรับเจ้าคนขี้แยแล้วมันก็นะ....แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นภาพที่น่ามองไม่ใช่น้อย...

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครกระโดดลงจากหลังม้าและไม่นานเจ้าคนขี้แยก็วิ่งมาถึง

"ตื่นสาย...."

"คุณรีไวล์ตื่นเช้าต่างหากละครับ..แฮ่กๆๆ"

"หึ...กลับมาต่อปากต่อคำฉันได้แล้วรึไงเจ้าคนขี้แย?"

"แหม~ก็ผมกลัวนี่คร้าบ.....ว่าแต่ที่นี่ที่ใหนเหรอครับ??"

"ชานเมืองของโพรวองซ์....บ้านฉันเอง"

"ว้าว~ใช่จริงๆด้วย!!!คุณรีไวล์เป็นคนฝรั่งเศสสินะครับภาพทุ่งลาเวนเดอร์ในห้องนั่นคุณวาดใช่มั้ยครับสวยมากเลยนะครับสียังใหม่อยู่เลยทั้งๆที่คุณวาดมันตั้งแต่เกือบยี่สิบปีก่อนคุณรัไวล์วาดมันตอนอายุเท่าไหร่เหรอครับ!!"

"เลิกพล่ามได้แล้วเข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวฉันจะพาไปสถานทูต"

"ไปทำไมเหรอครับ???"

"ทำพาสปอร์ตใหม่นายไงรึจะไม่ทำ??"

"เอ๋!!...ทำสิคร้าบว่าแต่เราจะไปยังไงกันเหรอครับอย่าบอกนะว่าจะขี่เจ้าตัวนี้ไปน่ะ??"

ร่างโปร่งบางทำหน้าฉงนขึ้นมาทันทีเมื่อมองไปรอบๆแล้วก็ไม่ยักกะเจอพาหนะใดที่สามารถออกไปข้างนอกได้นอกจากเจ้าตัวสีน้ำตาลเข้าที่ชายหนุ่มกำลังจูงอยู่ตอนนี้

"ฉันจะให้นายขี่เจ้านี่นั่นแหละ"

"เห๋!!!!!...แต่ผมขี่ม้าไม่เป็นนะครับ!!"

"งั้นก็หัดขี่ซะสิมานี่!!....ใส่นี่ไว้!!"

มือแข็งแรงที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนคว้าต้นแขนของเจ้าเด็กชั่งจ้อเข้ามาใกล้ๆก่อนจะหยิบโค๊ตตัวยาวสีดำสนิทโยนคลุมหัวสีน้ำตาลเข้มเอาไว้....ร่างโปร่งบางเองก็รีบยกมือขึ้นจับเอาไว้ก่อนจะนิ่งค้างอยู่แบบนั้น....เมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆจากโค๊ตลอยมาเตะจมูกเข้ามันไม่ใช่กลิ่นของลาเวนเดอร์และไม่ใช่กลิ่นหอมของน้ำหอมยี่ห้อใหนทั้งนั้นใบหน้ามนซุกอยู่แบบนั้นสักพักจึงสวมโค๊ตตามที่ชายหนุ่มบอกทั้งยังทำหน้าสงสัยไม่หายแต่ในขณะที่ยังที่มาของกลิ่นอยู่นั้นก็รู้สึกว่าร่างกายขอตัวเองลอยขึ้นเหนือพื้นดิน!!

"อ๊ะ!!!!..."

"จับดีๆล่ะ"

รู้ตัวอีกทีก็นั่งสอยขาอยู่บนหลังเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มแล้วนัยน์ตาสีเขียวมรกตจึงได้แต่เบิกกว้างด้วยความแปลกใจก่อนจะมองดูคนที่อุตส่าห์จูงเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มตัวนี้ให้ตัวเองขี่

"ทำไมล่ะครับ???"

"นายไม่ได้ใส่รองเท้าบนนี้หินมันคมจะเจ็บตัวซะเปล่าๆ"

ริมฝีปากบางสีระเรื่อฉีกยิ้มกว้างทันทีจู่ๆก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่อกข้างซ้ายอย่างไม่น่าเชื่อเพราะแค่การกระทำที่ดูใส่ใจกับเรื่องของคนอื่นขอชายหนุ่มแบบนี้จะว่าไปแล้วตั้งแต่เจอกันชายหนุ่มก็ช่วยเหลือตัวเองตลอดทั้งๆที่จะไม่สนใจคนที่เพิ่งจะเจอกันแค่ไม่กี่วันแบบเขาก็ได้แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะยื่นมืออบอุ่นคู่นั้นมาจับตัวเขาเอาไว้
ร่างโปร่งบางจับจ้องด้านข้างของชายหนุ่มอยู่นานกว่าจะละออกแล้วหันไปสนใจกับวิวรอบๆตัวอีกครั้งและพึ่งจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของคุณรีไวล์มีสองชั้นก่อจากอิฐสีขาวนวลมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีเทาเข้มจนเกือบดำหลังใหญ่ไม่ใช่เล่นแถมยังมีโดมอยู่ด้านหน้าอีกต่างหากแบบป้อมเฝ้ายามสมัยก่อนไม่มีผิดแต่ที่สะดุดตาก็คงจะเป็นสีม่วงของลาเวนเดอร์ที่สะท้อนกับผนังของบ้านสีขาวนวลนั้นแหละสวยแปลกตาไปอีกแบบริมฝีปากบางยังคงยิ้มละมัยอยู่อย่างนั้นก่อนที่นัยน์ตาสีเขียวมรกตจะกลับมาจับจ้องคนที่จูงม้าให้ตัวเองขี่อีกครั้ง...เพิ่งจะรู้ว่าการที่มองวิวจากบนหลังม้าแบบนี้มันก็สวยไปอีกแบบแถมยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สูงใหญ่แต่กลับดูดีสมส่วนไปซะหมดทุกอย่างจูงม้าให้แบบนี้ด้วยแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงยังไงยังงั้นแต่แล้วาทุกความคิดก็ต้องหยุดลงเมื่อหอมปริศนาลอยมาอีกครั้งใช่กลิ่นหอมจากโค๊ตของคุณรีไวล์นั่นแหละ...หรือว่าจะเป็นกลิ่นของเจ้าตัวนี้...ใบหน้ามนก้มลงไปใกล้ๆกับแผงคอยาวยวงสีน้ำตาลเข้มก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดไปมาแต่แล้วมันก็ไม่ใช่เพราะถึงเจเาม้าตวนี้จะมีกลิ่นที่สะอาดแต่คงจะเป็นกลิ่นของแชมพูมากกว่า...ถ้างั้นมันก็เหลือที่เดียวแล้วล่ะ...
นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองชายหนุ่มอีกครั้งนี่เขาจะแอบมองคุณรีไวล์ไปถึงใหนกันแต่มันก็สงสัยนี่นะ....จู่ๆก็รู้สึกร้อนผ่าวๆขึ้นมาบนใบหน้าพอคิดว่ากลิ่นหอมนี้เป็นของชายหนุ่ม

"อ๊า~~~"

สองมือบางรีบยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองทันทีที่คิดได้แบบนั้นก็ใครจะทันได้คิดกันว่าล่ะโค๊ตนี่มันเป็นของคุณรีไวล์เขาก็ต้องใส่มันอยู่แล้วถึงได้.....

"เป็นอะไรไปหน้าแดงเชียวไม่สบายรึเปล่า???"

"ปละ...เปล่าครับ!!!"

"งั้นก็ลงมาได้แล้ว!!"

"คระ...ครับ!!"

ชายหนุ่มยกมือขึ้นเหมือนจะรอรับร่างโปร่งบางจึงโน้มตัวลงมาก่อนที่มือแข็งแรงจะคว้าตัวของอีกคนแล้วอุ้มลงมาจากกหลังม้าสองมือบางจึงจับหัวไหล่ของอีกคนเอาไว้แน่นพอรู้ตัวอีกทีก็ลงมายืนที่พื้นแล้วแถมใบหน้าของตัวเองยังซุกลงไปที่ซอกคอของชายหนุ่มอีกและนั่นมันก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นเยี่ยมเลยทีเดียวว่าตัวเองไม่ได้คิดผิดกลิ่นหอมนั่นเป็นกลิ่นของคุณรีไวล์จริงๆ!!
โดยไม่รู้ตัวใบหน้ามนจึงเผลอซบลงกับหัวไหล่ของอีกคนเอาไว้แบบนั้นพร้อมๆกับทำเสียงอืออาไปด้วยสองมือแข็งแรงจึงค่อยๆดันอีกคนออกห่างจากตัวเองน้อยๆด้วยความแปลกใจ

"เป็นอะไรไป??....กลัวรึไงแค่นี้เอะ....."

แต่แล้วทุกคำพูดก็ถูกกลืนลงคอเมื่อหัวสีน้ำตาลโน้มลงมาพิงที่แผ่นอกของเขาอีกครั้งและถึงแม้จะเพียงแค่แว๊บหนึ่งแต่เขาก็สังเกตุเห็นแก้มใสๆนั่นซับสีจัดจนแทบจะแดงกว่าลูกแอปเปิ้ลอยู่แล้ว....เจ้าเด็กชั่งจ้อกำลังเขินอยู่อย่างนั้นสินะแต่เขินเรื่องอะไรกัน???

"ผะ...ผม...ผม...."

".....เอเลน"

ชายหนุ่มดันร่างโปร่งบางออกห่างจากตัวอีกครั้งแต่แทนที่จะผลักไสมือข้างหนึ่งกลับประคองใบหน้ามนเอาไว้ทั้งสองคนสบตากันค้างอยู่แบบนั้นเนิ่นนานไม่มีคำพูดใดๆหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสองคน....และไม่รู้ว่าเป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่อบอวลอยู่รอบกายหรืออย่างไรถึงทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนเข้าหากันอย่างลืมตัว....ร่างโปร่งบางค่อยๆปิดเปลือกตาลงเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของชายหนุ่มเป่ารดใบหน้าของตัวเองไม่นานก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นร้อนแนบชิดที่ริมฝีปากของตัวเองสองแขนผอมบางถึงผวากอดรอบคอของชายหนุ่มเพื่อหาหลักยึดเมื่อจู่ๆหัวใจก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะอีกทั้งยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอีกเมื่อรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นร้อนเปียกแฉะเลียที่ริมฝีปากของตัวเองริมฝีปากบางถึงเผยอน้อยๆอย่างลืมตัวและนั่นยิ่งทำให้หัวใจของตัวเองเต้นไม่เป็นระส่ำเมื่อเรียวลิ้นร้อนของชายหนุ่มสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากของตัวเองสองแขนผอมบางกระชับกอดแน่นขึ้นเมื่ออีกคนกระหวัดกวาดต้อนควานหาความหอมหวานในโพลงปากของตัวเองแต่มันไม่ได้รุนแรงหรือหนักหน่วงแต่กลับเชื่องช้าอ่อนหวานล้ำลึกยิ่งนักและมันกำลังดูดเอาเรี่ยวแรงของคนไม่ประสีประสาไปจนแทบจะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ในตอนนี้ในหัวสมองขาวโพลนไปหมดเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกายราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนดินแดนที่ไม่รู้จักยังดีที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มคอยประคองเอาไว้
และไม่รู้ว่าชายหนุ่มละริมฝีปากออกตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ตอนมืออุ่นแนบที่สองแก้มของตัวเองพร้อมๆกับใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำใสๆที่มุมปากออกให้แล้วแต่สองแขนผอมบางก็ยังกอดรอบคอของอีกคนเอาไว้แน่นเมื่อเรี่ยวแรงของตัวเองยังไม่กลับมาพอที่จะยืนด้วยตัวเองได้นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองใบหน้าคมหล่อเหลาของชายหนุ่มน้อยๆก่อนจะรีบก้มลงมองพื้นอีกครั้งเมื่อสายตาคมกริบคู่นั้นยังจ้องมองตัวเองอย่างไม่กระพริบเหมือนกับว่าเขาทำอะไรผิดอย่างนั้นแหละ

"ขะ...ขอโทษนะครับ"

"จะให้ยืนอยู่แบบนี้ต่ออีกนิดก็ได้มีแรงเดินเมื่อไหร่ค่อยปล่อย"

"เอ๋~~..คระ...ครับ!!!"

ใบหน้ามนก้มมุดลงไปอีกครั้งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบคู่นั้น...โธ่แล้วแบบนี้เขาจะมีแรงขึ้นมาได้ไงเล่าในใจอยากจะบอกว่าให้เลิกมองแบบนั้นซะทีใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป

"อ้าวกลับมากันแล้วเหรอจ๊ะแม่เตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้วนะไปทานกันเถอะจ๊ะ"

"อ๊ะ!!!....หว๋า~~~"

สองแขนผอมบางรีบผละออกทันทีที่เสียงอ่อนโยนของใครบางคนดังขึ้นแต่เพราะขายังอ่อนจึงเซถลาไปด้านหลังจนหกล้มก้นจ้ำเบ้าไปเต็มๆ

"อู้ยยย~~"

"หึหึ....เอ้าจับมือฉันเอาไว้"

"ไม่ตลกเลยนะครับคุณรีไวล์ใจร้าย"

ใบหน้ามนทำค้อนใส่ชายหนุ่มที่ยืนหัวเราะตัวเองหน้าตาเฉยทั้งๆที่เป็นคนทำเขาเป็นแบบนี้เองก่อนจะยื่นมือไปให้อีกคนดึงลุกขึ้น

"เป็นอะไรมากรึเปล่าจ๊ะท่าทางจะเจ็บมากเลยนี่??"

"อ๊ะ...ไม่เป็นไรมากหรอกครับแค่คุณรีไวล์เค้าแกล้งน่ะครับ!!"

"นี่แม่ของฉัน"

"เอ๋!!!....สะ...สวัสดีครับผมเอเลน เยเกอร์ครับคุณป้า!!!"

ร่างโปร่งบางรีบโค้งให้กับหญิงวัยกลางคนด้วยความตกใจทันทีที่ชายหนุ่มแนะนำให้รู้จัก

"หึหึ...เรียกคุณแม่ดีกกว่านะจ๊ะเรียกป้ามันดูห่างเหินกันยังไงไม่รู้หนูนี่เป็นคนแรกเลยนะที่รีไวล์พามาที่นี่ด้วยแม่ดีใจมากเลยแหละที่ในที่สุดเค้าก็มีคนที่ชอบกับคนอื่นสักที"

"มะ...ไม่ใช่แบบนั้นนะครับพวกเราเจอกันโดยบังเอิญน่ะครับพอดีผมโดนกระชากกระเป๋าคุณรีไวล์ก็เลยพามาด้วยต่างหากล่ะครับคุณปะ..คะ..คุณแม่ของคุณรีไวล์"

"หึหึหึ...ไม่ต้องเขินหรอกจ๊ะคนกันเองทั้งนั้นเดี๋ยวแม่จะไปบ้านข้างๆนี่หน่อยตามสบายเลยนะจ๊ะไม่ต้องเกรงใจ"

"คระ...ครับ"

คุณแม่ของชายหนุ่มปลีกตัวไปแล้วนัยน์ตาสีเขียวมรกตจึงมองตามไปและทั้งๆที่เธอบอกว่าไปบ้านข้างๆแต่ทางที่เธอเดินไปมีแค่หลังคาบ้านหลังหนึ่งที่มองเห็นอยู่ลิบๆ...แบบนี้ที่บ้านเขาไม่ได้เรียกว่าข้างๆนะแต่เรียกว่าไกล๊ไกลต่างหาก...หลังจากคุณแม่ของชายหนุ่มเดินห่างออกไปมากแล้วใบหน้ามนจึงหันมาค้อนขวับให้คนข้างๆก็จะบ่นอุบอิบให้อีกที

"คุณรีไวล์ไม่ช่วยผมเลยนะครับทั้งๆที่ถูกเข้าใจผิดแบบนั้นเข้าแล้วน่ะผมเสียหายนะครับ"

"ฉันจะรับผิดชอบให้ก็ได้นายอยากให้รับผิดชอบแบบใหนล่ะจะให้ฉันเป็นแฟนนายรึว่านายจะมาเป็นแฟนฉันก็ได้นะ"

"เห๋!!...พะ....พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลยครับแบบใหนผมก็เสียหายอยู่ดีนั่นแหละอีกอย่างผมเป็นผู้ชายนะครับไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย....ไม่คุยด้วยแล้วผมไปอาบน้ำดีกว่า"

นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองตามแผ่นหลังของคนขี้งอนไปจนลับตาก่อนจะเหยียดยิ้มน้อยๆอย่างพอใจที่ได้แกล้งอีกคนแบบนี้รู้สึกจะหัวช้าไม่รับมุกเขาสักเท่าไหร่พูดอะไรไปก็ถือเป็นจริงเป็นจังไปซะหมด...คนแบบนี้มันน่าแกล้งน้อยซะที่ใหน...
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
.......Tobecontinue.................

แปะรูปบ้านของรีไวล์ที่โพรว็องซ์กับทุ่งลาเวนเดอร์สวยๆมาให้ดูค่ะเป็นรูปจากในเน๊ตนะก๊ารูปตอนที่เราไปมาถูกน้ำท่วมไปหมดแว้วว







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น