: 03
:Who own my heart?? : 03
:Fanfiction Attack on titan[LevixEren]
:Romantic
:NC-15
คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดทันทีขอบคุณค่ะ
ใบหน้ามนจ้องมองทุ่งลาเวนเดอร์ที่ยาวสุดลูกหูลูกตาตลอดสองข้างทางที่ชายหนุ่มขับรถผ่าน...พูดถึงรถคุณรีไวล์ไปยืมของลูกพี่ลูกน้องบ้านข้างๆมาจริงๆแล้วก็หลังที่เห็นหลังคาลิบๆหลังนั้นนั่นแหละตอนแรกตกใจแทบแย่ที่คุณรีไวล์พาขี่ม้าออกมาจากบ้านนึกว่าจะต้องไปปารีสด้วยม้าจริงๆซะแล้วไม่รู้ว่ามันใกล้หรือไกลขนาดใหนแต่พอไปหยุดที่บ้านหลังดังกล่าวถึงได้ใจชื้นขึ้นมามากโขเลยทีเดียวมารู้เอาทีหลังว่าเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มตัวนั้นไม่มีทางไปถึงปารีสภายในวันเดียวได้อย่างแน่นอนเพราะมันไกลเกือบพันกิโลเมตรเลยที่เดียว...แต่ที่นั่งอยู่บนรถแบบนี้ก็แค่จะไปสนามบินหรือสถานีรถไฟความเร็วสูงTGVเท่านั้นแหละว่าแล้วก็....
"ขึ้นรถไฟไปกันนะครับ"
"ทำไมกลัวฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าเครื่องบิน??"
"มะ....ไม่ใช่แบบนั้นนะครับผมแค่ไม่อยากจะรบกวนคุณไปมากกว่านี้เท่านี้ก็มากมายเหลือเกินแล้วนะครับ...เอาไว้กลับไปเมื่อไหร่แล้วผมจะใช้คืนให้นะครับ...อีกอย่างผมอยากดูวิวสองข้างทางด้วยไปเครื่องบินมันก็เห็นแต่ก้อนเมฆเท่านั้นนี่ครับ"
"ตามใจ!!"
"ขอบคุณครับ!!!"
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ามนที่ดีใจจนออกนอกหน้าแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้แต่ก็จริงของเด็กนี่เพราะเจ้าตัวมาเที่ยวถึงได้อยากจะสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ให้มากที่สุดถ้าไม่โดนกระชากกระเป๋าซะก่อนก็คงไม่ได้มานั่งจ้ออยู่กับเขาแบบนี้ป่านนี้คงไปลั้นลาอยู่ที่ใหนสักแห่งแล้วคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มจึงเปิดลิ้นชักหน้ารถก่อนจะหยิบกล้องดิจิตอลยี่ห้อดังโยนใส่ตักของคนข้างๆทันที
"เอ๋!!!!.....ให้ผมเหรอครับ!!!!"
"แค่ให้ยืมไม่ได้ให้เลยกลับไปก็ค่อยเอามาคืนฉันก็แล้วกัน"
"ขอบคุณมากครับคุณรีไวล์!!!!"
"หึ...."
ถึงจะหัวเราะแต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ใส่ใจเด็กนี่มากนักเพราะความสงสารงั้นรึเปล่า??
.
.
.
.
.
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินนำหน้าเจ้าเด็กชั่งจ้อออกจากสถานทูตหลังจากจัดการธุระเสร็จแต่ต้องรออีกสามวันถึงจะมารับพาสปอร์ตของเจ้าเด็กนี่ได้ดังนั้นต่อจากนี้ไปเขาก็คงต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปก่อน
"เดี๋ยวสิครับคุณรีไวล์เดินช้าๆหน่อยได้มั้ยครับผมอยากถ่ายรูปตรงแม่น้ำตรงนั้น"
เสียงสดใสของร่างโปร่งบางทำให้ชายหนุ่มชะลอความเร็วลงก่อนจะหยุดพิงราวสะพานรอให้อีกคนเก็บภาพให้หนำใจ
"ฉันให้เวลาสิบนาที"
"แหม...จับเวลาทุกอย่างเลยนะคร้าบ..แต่ก็ขอบคุณครับ"
ถึงจะบ่นเล็กบ่นน้อยบ้างแต่ใบหน้ามนก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา...หึการดูแลเด็กมันก็ไม่เลวร้ายเสมอไปหรอกนะมันยังมีเรื่องดีๆให้หายเครียดได้เหมือนกัน
"อยากไปใหนอีกรึเปล่ายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย"
"ได้เหรอครับ!!!...ผมอยากไปพิพิธภัณฑ์ลูฟร์...ได้มั้ยครับ"
"ก็ได้อยู่แต่นายต้องเดินเร็วกว่านี้"
"ครับ!!!"
.
.
.
.
ไม่นานทั้งสองคนก็เข้ามาเบียดเสียดกับผู้คนมากมายในลูฟร์เพราะช่วงนี้นักท่องเที่ยวมาเยอะเป็นพิเศษจากปรกติผู้คนก็ค่อนข้างแน่นอยู่แล้วแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะแน่นกว่าปรกติเป็นสองเท่า
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งว่าใครเดินเบิกทางให้เจ้าเด็กชั่งจ้อเดินตามแต่ดูเหมือนจะเป็นการวกกลับไปหาซะมากกว่าเพราะหลายๆครั้งที่พวกเขาคลาดกัน
"มานี่!!"
"อ๊ะ!!!....ครับ!!"
มือที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนคว้าเข้าไปที่ข้อมือบางก่อนจะดึงให้เดินตามหลังไปสำหรับในตอนนี้วิธีนี้คงจะดีที่สุดแต่ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังทำให้ใครบางคนรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอีกครั้งใบหน้ามนซับสีระเรื่อขึ้นมาทันทีที่มือของชายหนุ่มสัมผัสข้อมือตัวเองเพราะภาพเมื่อตอนเช้าดันลอยเข้ามานหัวเอาดื้อๆจนเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างงั้น
"เอ่อ...ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณยุ่งยาก"
"วันนี้นายขอโทษฉันกี่ครั้งแล้วเจ้าเด็กเหลือขอนับบ้างรึเปล่ามันเยอะเกินไปแล้วเข้าใจมั้ย??"
"คระ...ครับขอโทษนะครับ"
ริมฝีปากคมได้แต่เหยียดยิ้มน้อยๆเพราะทั้งๆที่เขาเพิ่งจะบอกไปหยกๆแต่เจ้าตัวดีก็ยังจะขอโทษอยู่ร่ำไปคงจะห้ามกันไม่ได้จริงๆสินะชั่งเป็นเด็กขี้เกรงใจเกินไปแล้ว
หลังจากใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกว่าจะเข้าไปหาโมนาลิซ่าได้ทั้งสองร่างก็ย้ายตัวเองเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆที่เน้นการตกแต่งให้เหมือนกับอยู่ที่บ้านของตัวเองโดยเลือกที่จะนั่งรับลมยามเย็นในส่วนเอ้าดอร์ของร้าน
"อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ"
มือบางยกเมนูขึ้นดูสักพักก่อนจะลดมันลงมาบังไว้ครึ่งหน้าก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะจ้องมองคนตรงข้ามอยู่นานจึงตัดสินใจพูดออกไป
"ผมเอาเหมือนที่คุณรีไวล์สั่งได้มั้ยครับ??"
ใบหน้าคมหล่อเหลาละออกจากเมนูแล้วมองใบหน้ามนก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆอย่างสงสัยแต่ท่าทางแบบนั้นก็คงจะอ่านเมนูไม่ออกอย่างงั้นสินะ
".....มานี่สิ"
"ครับ!!!"
"ชี้ให้ฉันดูแล้วจะสั่งให้"
"แต่ผมไม่รู้ว่ามันทำจากอะไรนี่ครับ?"
"ถึงได้บอกให้มานี่ไง"
"ขอบคุณนะครับคุณรีไวล์!!"
ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนที่เจ้าเด็กเหลือขอจะย้ายมานั่งข้างๆเขาและตัวเองก็ลดเมนูให้อีกคนดูด้วยทั้งๆที่จะเปิดอีกอันแล้วค่อยให้เขาดูก็ได้แต่กลับเลือกที่จะดูอันเดียวกันซะอย่างนั้น
"อันนี้คืออะไรครับ???"
"เป็ดราดซอสไวท์แดง...กินได้รึเปล่า??"
"หว๋า~~ไม่ไหวครับคือผม...."
"ไม่กินเป็ด...แล้วมีอะไรที่นายไม่กินอีก??"
"ก็มีพวกเครื่องในผักที่มีกลิ่นแรงๆแล้วก็ของที่มีไขมันเยอะๆอย่างเช่นของผัดของทอดแล้วก็เป็ดอ้ออีกอย่างหนึ่งก็แตงโมครับทานทีไรท้องเสียประจำเลยแหะๆ"
"ฉันคงจะถามผิดไปควรจะถามว่านายกินอะไรได้บ้างมากกว่า...เลือกกินแบบนี้ไงถึงได้ผอมเป็นตะเกียบแบบนี้น่ะเจ้าเด็กขี้แย"
"ฮะฮะฮะ...ก็มันต้องทำเพราะงานนี่ครับถ้าเกิดอ้วนเป็นตุ่มก็ไม่มีใครจ้างกันพอดี.....อีกอย่างผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับผมยี่สิบสามแล้วด้วย"
"หึ...แต่ก็ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ..ฉันว่าต่อให้นายกินแต่ไขมันไปทั้งชาติก็ไม่ทำให้นายอ้วนขึ้นมาได้หรอก"
ชายหนุ่มพับเมนูเก็บก่อนจะหันไปสั่งเด็กในร้านโดยที่ไม่ต้องถามแล้วว่าอีกคนอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษเพราะดูท่าก็คงจะกินแต่ผักกับหญ้าอย่างเดียวเท่านั้น...อ้อยกเว้นผักกลิ่นแรงๆด้วยสินะ
"เอ๋!...ไม่ดูแล้วเหรอครับ???"
"ไม่ต้องแล้วฉันสั่งไก่อบซอสให้ไม่ใส่กระเทียมแค่โรสแมรี่คงกินได้นะ"
ใบหน้ามนหันไปมองคนข้างด้วยรอยยิ้มที่บานอยู่เต็มหน้า...ผู้ชายคนนี้ใส่ใจเขามากจริงๆทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นพิเศษแต่ก็ยังทำราวกับว่าเขาเป็นคนพิเศษยังไงยังงั้นนี่ถ้าหากเป็นไอ้บ้าแจนก็ต้องแขวะเขาทุกครั้งแถมยังชอบบังคับให้เขากินอีกทั้งๆที่บอกว่ารักเขาแต่คุณรีไวล์คนนี้ไม่ใช่ทั้งๆที่ไม่ได้บอกว่ารัก.......
"ขอบคุณนะครับ...ใจดีจังเลยนะครับ"
ชายหนุ่มชำเรืองมองคนข้างๆนิดนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองแสงสียามพลบค่ำอีกครั้งใจก็อยากจะมองใบหน้าสวยๆที่เปื้อนยิ้มนั่นอยู่หรอกนะแต่กลัวจะอดใจไว้ไม่อยู่สู้ทนมองแสงไฟแบบนี้จะดีกว่าอีกถ้าหากทำเจ้าเด็กนี่จิตหลุดตอนนี้คงจะลำบากพอดู
ไม่นานอาหารที่สั่งไปก็มาวางอยู่ตรงหน้า.....และดูเหมือนว่าร่างโปร่งบางจะตื่นเต้นกับมันเป็นพิเศษแต่แล้วจู่ๆนัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบไปเห็นเจ้าน้ำสีแดงอมม่วงในแก้วของชายหนุ่มเข้าและด้วยความอยากรู้อยากลองของตัวเง
"ขอผมลองชิมไอ้นั่นได้มั้ยครับ!!"
ไม่ว่าเปล่านิ้วเรียวเล็กยังชี้ปที่แก้วของชายหนุ่มอีกตะหากทำเอานัยน์ตาสีขี้เถ้ากระตุกนิดหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปรกติ
"ไม่ได้นายยังเด็กเกินไปไม่เหมาะ"
"โธ่!!...ผมยี่สิบสามแล้วนะคร้าบก็บอกไปแล้วนี่ถ้ากระเป๋าผมไม่โดนกระชากไปผมจะให้ดูไอดีผมก็ได้คุณจะได้เชื่อผมน่ะ"
"ไม่ต้องบ่นสำหรับฉันนายก็แค่เด็กขี้แยคนหนึ่งเท่านั้น"
"ใจร้ายจังเลยนะครับขอชิมนิดหนึ่งก็ไม่ได้"
และแล้วใบหน้ามนก็ทำหน้างอแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาออดอ้อนให้กับคนข้างๆ...ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆให้กับตัวเองที่ยอมแพ้ให้กับสายตาแบบนั้นของเจ้าเด็กชั่งจ้อนี่
"ตามใจ!!!"
"ขอบคุณครับ!!...คุณรีไวล์ใจดีที่สุดเลยล่ะครับ"
หึ...เพิ่งจะบอกว่าเขาใจร้ายไปหยกๆชั่งเป็นคนที่เปลี่ยนท่าทีเร็วซะจริงไอ้เด็กเหลือขอนี่ถ้าเมาเดินไม่ไหวขึ้นมาจะปล่อยทิ้งที่นี่เลยคอยดู
"อร่อยจังเลยนะครับหวานๆอมขมนิดๆแบบนี้ว่าแต่มันทำจากอะไรเหรอครับ!!!"
"องุ่น"
"อย่างงั้นเหรอครับงั้นขออีกแก้วนะครับ!!"
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองเจ้าคนอวดดีที่ยังรินไวท์ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจากหนึ่งกลายเป็นสองสามสี่และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแถมแก้มใสๆนั่นก็เริ่มจะซับสีจัดขึ้นเรื่อยๆๆชายหนุ่มจึงได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆเห็นทีจากเจ้าเด็กชั่งจ้อเหลือขอคงได้กลายเป็นเมรีขี้เมาไปแล้วล่ะตอนนี้
"พอได้แล้วไอ้เด็กเหลือขอ!!"
มือที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนคว้ามือบางๆที่ยังยกแก้วขึ้นดื่มไม่ยอมหยุดแถมยังยื้อยุดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอีก
"อีกก...อึก....แก้ววนะคร้าบบ...อึก"
"ไม่นายเมาแล้วพอแค่นี้....หยุดเอเลน!!"
"ผมม...ยังไม่เมาซะหน่อยยย..คร้าบบ..อึก"
"พูดจนไม่เป็นภาษาแล้วยังจะปากดีอีกเอาแบบนี้ก็แล้วกันถ้านายเห็นว่าฉันชูกี่นิ้วแล้วฉันจะให้นายดื่มอีกตกลงมั้ย??
"ก้ออด้ายครับ!!!"
"....ถ้างั้นนี่กี่นิ้ว??"
ชายหนุ่มยกมือขึ้นแล้วโบกไปมาให้อีกคนดูแล้วก็ต้องอมยิ้มน้อยๆเมื่อเจ้าคนขี้เมาหรี่ตาลงแล้วเพ่งมองตามมือของเขาแต่แล้วใบหน้ามนก็โน้มเข้ามาหาเขาทีละนิด...ทีละนิดก่อนจะหยุดลงและมันก็ห่างจากใบหน้าของเขาไม่กี่เซ็นเท่านั้นแล้วลมหายใจอุ่นกลิ่นองุ่นนิดๆก็เป่ารดใบหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้
"ผม....มองไม่....เห็นนิ้ว...ของคุณรีไวล์...เลยครับ"
ใบหน้ามนเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนในที่สุดริปากบางรสองุ่นก็แตะลงไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่มแผ่วเบาจนนัยน์ตาสีขี้เถ้ากระตุกอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปมกับการกระทำของอีกคน
"แต่ผมเห็น....ริมฝีปากของคุณ...รีไวล์นะครับ"
ริมฝีปากบางรสองุ่นเอ่ยออกไปแผ่วเบาก่อนจะทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปอีกครั้งเท่านั้นยังไม่พอปลายลิ้นเรียวเล็กยังเลียริมฝีปากของชายหนุ่มไปมาอีกด้วยก่อนจะละออกมาจ้องหน้าหล่อเหลาที่ขมวดคิ้วจนเป็นปมไปแล้วอีกครั้งและทั้งๆที่ใบหน้ายังแนบชิดจนปลายจมูกของทั้งสองคนชนกันก่อนที่ร่างโปร่งบางจะคลอเคลียจมูกของตัวเองไปมาจนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าอาการแบบนี้มันเหมือนกับเจ้าลูกหมาตัวเล็กๆกำลังอ้อนเจ้าของยังไงยังงั้น
"หวานจังเลยนะครับ....ริมฝีปากของคุณ!!"
"เมาแล้วเพ้อเจ้ออะไรของนายไอ้เด็กเหลือขอ"
"ฮะฮะฮะ....หวานจริ.....อืออ"
ไม่ต้องรอให้อีกคนพูดจบแต่เขาจะยืนยันมันอีกครั้งเอง...มือแข็งแรงช้อนท้ายทอยของเจ้าคนขี้เมาลงมารับจูบของตัวเองและดูเหมือนว่าเจ้าคนขี้เมาเองก็ไม่ได้ขัดขืนรึตกใจเหมือนก่อนหน้าแต่ปล่อยให้เขากวาดต้อนควานหาความหอมหวานตามแต่เขาจะปรารถนาแถมปลายลิ้นเรียวยังคอยหลบหลีกเหมือนกำลังหยอกล้อเขาซะอย่างงั้น...นี่เมาแล้วใจกล้ามากขึ้นอย่างงั้นสินะ...ชายหนุ่มละฝีปากออกมาช้าๆอย่างหักห้ามใจตัวเองเพราะหากปล่อยให้เด็กนี่ยั่วอยู่แบบนี้เขาคงหมดความอดทนจนได้ก่อนจะควักตังส์จำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะแล้วช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมาแล้วพาเดินออกจากร้านไปโดยที่สองแขนผอมบางยังโอบรอบคอเขาเอาไว้แน่นแต่ใบหน้ามนที่ซุกอยู่ที่แผงอกเขากลับไม่อยู่เฉยๆเขารู้สึกได้ถึงริมฝีปากบางๆนั่นคลอเคลียสลับกับขบเม้นที่ซอกคอของเขาเบาๆอยู่ตลอดทาง
"ให้มันได้อย่างงี้สิไอ้เด็กบ้าถ้าฉันทำอะไรไปก็อย่ามาโทษกันทีหลังก็แล้วกัน"
ในตอนนี้ที่ทำได้มีแค่บ่นให้ตัวเองเท่านั้นในใจยังนึกโมโหเจ้าเด็กขี้เมาแล้วบ้าเลือดใจกล้ามาปั่นหัวเขาแบบนี้ไม่หาย
ไม่นานทั้งสองคนก็อยู่บนรถไฟความเร็วสูงแล้วและเขาเลือกที่จะนั่งห้องVIPเพราะมันจะความเป็นส่วนตัวสูงทำไมน่ะเหรอก็เด็กเจ้าปัญหานี่น่ะสิยังไม่ยอมปล่อยคอเขาเลยสักนิดแถมยังพรมจูบไปทั่วหน้าเขายั่วเขาหลอกล้อให้อารมณ์เขาพุ่งพล่านอยู่แบบนี้อีก
"พอได้แล้วเจ้าคนขี้เมา!!"
"หื๋อ...ก็ผม...มองไม่เห็นนี่ครับว่า...อึก...คุณรีไวล์ชูกี่นิ้ว..อึก..."
และเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจอีกครั้งเพราะไอ้ที่ออดอ้อนยั่วยวนเขาอยู่นี่คือกำลังหานิ้วของเขาอยู่สินะ....แต่จะว่าไปเขาก็ผิดเองนั่นแหละที่ลดมือลงเพราะคิดว่าถ้าเจ้าเด็กเหลือขอมองไม่เห็นแล้วจะยอมแพ้เขาซะอีกแต่จนถึงตอนนี้เจ้าตัวร้ายก็ยังไม่ยอมแพ้เลยสักนิดเพิ่งจะรู้เอาตอนนี้เองว่าเจ้าคนหน้าซื่อตาใสนี้หัวรั้นไม่ใช่เล่นคิดได้แบบนั้นสองมือที่กร้านจากการจับด้ามปืนถึงประคองใบหน้ามนเอาไว้ก่อนจะบอกความจริงกับเจ้าเด็กขี้เมา
"ไม่ต้องหาแล้วเอเลน...มือของฉันก็อยู่ตรงหน้านายนี่ไง"
ชายหนุ่มพูดพร้อมๆกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าของอีกคน....และเพียงแค่เห็นมือของเขาเท่านั้นริมฝีปากบางสีระเรื่อก็ฉีกยิ้มกว้างทันทีมือบางข้างหนึ่งยกขึ้นมาจับมือของเขาแล้วเอากลับไปแนบที่แก้มของตัวเองอีกครั้ง
"ห้า....ใช่มั้ยครับ??"
"......ใช่"
"เห็นมั้ย....ผมบอกแล้วว่าผม....ไม่ได้เมารางวัลของผมล่ะครับ??"
"หึ...กล้าทวงฉันงั้นเหรอไอ้เด็กเหลือขอ"
ริมฝีปากคมประทับลงบนริมฝีปากบางรสองุ่นแนบชิดก่อนจะยกร่างโปร่งบางที่เบาจนแทบจะเหมือนนุ่นมาคร่อมที่หน้าขาของตัวเองก่อนจะสอดมือเข้าไปในชายเสื้อเชิ้ตตัวบางของร่างโปร่งบางและทันทีที่มือร้อนของเขาสัมผัสผิวกายนวลเนียนไร้รอยสะดุดของเจ้าเด็กขี้เมาร่างทั้งร่างถึงกับกระตุกน้อยๆเหมือนกับไม่เคยถูกมือของใครสัมผัสมาก่อนแบบนี้มันก็ยิ่งกระตุ้นสัญชาติญาณดิบในตัวเขาได้เป็นอย่างดี...สามชั่วโมงต่อจากนี้ไปคงต้องให้รางวัลกับความพยายามของเจ้าเด็กเหลือขอซะหน่อยแล้วที่มีความมุ่งมั่นเป็นเลิศแบบนี้...และคงต้องโทษไวท์เจ้าปัญหานั่นก็แล้วกันที่ทำให้เรื่องมันจบลงแบบนี้......
..
..
..
..
..
..
..
....นัยน์ตาสีขี้เถ้าคู่คมกริบจ้องมองใบหน้ามนที่หลับสนิทที่เบาะข้างๆอย่างโมโห
นิดๆที่สุดท้ายแล้วจิตสำนึกด้านดีของเขาก็ทำให้เขาหยุดยั้งกการที่จะดึงเด็กนี่ให้ลงมาแปดเปื้อนด้วยมือของเขา...จริงๆแล้วก็ต้องขอบใจคนตรวจตั๋วละนะที่มาตรวจได้ทันเวลาก่อนที่เขาจะทำอะไรเกินเลยไปซะก่อนและโชคดีของเจ้าตัวร้ายด้วยแหละที่หลับทันทีที่ตัวเองได้ปลดปล่อยทิ้งให้เขาค้างเติ่งอยู่คนเดียวแบบนี้...
แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถลงไปเจ้าคนที่เขาคิดว่าหลับสนิทก็ดิ้นขยุกขยิกก่อนจะยกมือบางๆมาปิดที่ปากของตัวเองด้วยท่าทางที่ทรมาน...อย่าบอกนะว่า!!
"โฮ่ย!!...เอเลนรอเดี๋ยว!!"
มือแข็งแรงรีบเอื้อมไปเปิดประตูให้ทันทีและเพียงแค่นั้นร่างโปร่งบางก็ตะเกียดตะกายออกไปนอกตัวรถแล้วปล่อยเอาของเก่าออกมาทันที
ชายหนุ่มก็ได้แต่เอามือกุมหน้าผากตัวเองอย่างเซงๆก่อนจะรีบเดินไปประคองเจ้าคนขี้เมาเอาไว้ไม่ให้หน้าทิ่มลงไปกับพื้นพร้อมๆกับลูบแผ่นหลังบางให้เบาๆ
"ดีขึ้นรึยัง??"
"ปวด....ผมปวดหัวมากเลยครับ...ฮึก..."
ร่างโปร่งบางโผเข้ากอดชายหนุ่มเอาไว้ทันทีอีกทั้งยังร้องไห้ไม่ยอมหยุดเมื่อรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดแถมยังเหมือนกับโลกทั้งใบกำลังหมุนคว้างไร้หลักเอาไว้ยึดเหนี่ยวและหลักเพียงหนึ่งเดียวก็คือเขาคนนี้สองแขนผอมบางจึงกระชับกอดเอาไว้แน่น
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันหายาให้กินแป๊ปเดียวก็หายแล้ว"
มือที่กร้านน้อยๆลูบหัวสีน้ำตาลเข้มเบาๆแทนคำปลอบโยนก่อนจะอุ้มอีกคนเข้าบ้านไป
ไม่นานร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็วางร่างของเจ้าคนขี้เมาเอาไว้บนเตียงก่อนจะออกไปหายาแก้แฮงค์มาให้
ชายหนุ่มเดินถือแก้วน้ำกับกระปุกยาเล็กๆเข้ามาในห้องหลังจากหายออกไปได้สักพักแต่นัยน์ตาสีขี้เถ้าก็ต้องเบิกกว้างเมื่อคนที่ต้องนอนอยู่บนเตียงหายตัวไป
"เอเลน!!!"
สองขาเรียวจึงรีบก้าวยาวๆเข้าก่อนจะวางแก้วน้ำกับกระปุกยาไว้ที่หัวเตียงแล้วรีบเข้าไปดูในห้องน้ำทันทีแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
"เอเลนนายอยู่ใหน!!???"
และทันทีที่ก้าวขาออกมาจากห้องน้ำสายตาคู่คมก็ไปสะดุดเข้ากับขายาวๆของเจ้าตัวร้ายเหยียดอยู่บนพื้นข้างเตียงอีกฝั่งสองขาจึงรีบก้าวเข้าไปประคองร่างที่นอนอยู่กับพื้นไม่ไหวติงขึ้นมาพร้อมๆกับร้องเรียกอีกคนซ้ำๆเพราะกลัวจะเป็นอะไรไป
"เอเลน!!!...เอเลนตื่นสิเจ้าเด็กบ้า!!"
มือที่กร้านน้อยๆตบใบหน้ามนเบาๆหลายต่อหลายครั้งกว่าเจ้าตัวร้ายจะได้สติพร้อมกับทำเสียงอืออาในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นน้อยๆเพ่งมองคนตรงหน้าและพอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นสองแขนผอมบางก็โอบรอบคอของชายหนุ่มทันที
"อือ~~คุณรีไวล์~~~"
"เจ็บตรงใหนรึเปล่า!!??"
"เจ็บ....ที่ก้นครับ"
"ไอ้เด็กบ้านอนยังไงถึงได้ตกลงมาแบบนี้ห๋า!!"
เสียงทุ้มเข้มตวาดร่างโปร่งบางอย่างลืมตัวที่ทำให้เขาเป็นกังวลขนาดนี้ถึงแม้ว่าอีกคนจะไม่ได้สนใจเขาเลยก็เถอะใบหน้าที่สะลึมสะลือพยายามจะปรือตามองเขาในตอนนี้ก็ดูจะสุดกำลังของเจ้าตัวเต็มทีแล้วใหนจะมือบางๆที่ลูบก้นตัวเองปอยๆแบบนั้นอีกคงจะเจ็บมากพอดูอยู่แล้ว
ชายหนุ่มช้อนร่างเจ้าเด็กเหลือขอขึ้นไปวางบนเตียงอีกครั้งก่อนจะประคองให้ลุกกินยาอีกทีนัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองร่างโปร่งบางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากันจนเป็นปม
"ให้นอนทั้งอย่างงี้ไม่ได้แน่....เจ้าเด็กจอมป่วนฉันต้องเอาคืนแกแน่ๆคอยดู"
"ขอ....โทษนะครับ...คุณรีไวล์"
น้ำเสียงใสๆดังขึ้นมาแผ่วเบาจนเขาต้องหันกลับมามองทั้งๆที่กำลังจะไปหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นร่างโปร่งบางของเจ้าเด็กชั่งจ้อนอนขดตัวหันมามองเขาด้วยแววตาออดอ้อนแบบนั้นถึงมันจะปรือเต็มทีแล้วก็เถอะ
"อย่านอนดิ้นอีกหล่ะเดี๋ยวฉันมา"
".....ครับ"
ชายหนุ่มยิ้มให้กับคนที่กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักก็กลับมาพร้อมกับชามใบใหญ่กับผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆแต่ก็ต้องแปลกใจที่เจ้าตัวร้ายยังนอนทำตาปริบๆอยู่เหมือนเดิมทั้งๆที่น่าจะหลับไปแล้วซะอีก
"ทำไมยังไม่นอนอีกยังปวดหัวอยู่รึไง??"
"นิดหน่อยครับ.....แต่กลัวจะตกลงไปอีกมากกว่า"
น้ำเสียงเนือยๆแทบจะหมดแรงเต็มทีทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆทั้งๆที่ง่วงขนาดนั้นแต่ก็ยังฝืนสังขารตัวเองอยู่ได้อีก
"นอนเถอะมันดึกมากแล้วเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเองจะได้ไม่ตกลงไปอีก"
ชายหนุ่มขยี้หัวสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มเบาๆด้วยความเอ็นดูแต่มือบางของเจ้าเด็กเหลือขอกลับคว้ามือของเขาไปแนบที่แก้มของตัวเองเอาไว้
"ขอบคุณครับ.......คุณ........รีไวล์"
และเพียงแค่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากมือของชายหนุ่มเปลือกตาสีเขียวมรกตก็หนักอึ้งขึ้นมาทันทีไม่นานนักเจ้าเด็กเหลือขอก็จมลึกลงไปในห้วงนิทราชายหนุ่มจึงค่อยๆดึงมือออกมาแล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางของคนที่หลับลึกออกช้าๆทีละเม็ด..ทีละเม็ดไม่นานนักมันก็ถูกโยนลงไปกองในตะกร้าแล้วจัดการกับเจ้ากางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มที่มีคราบน้ำสีขาวขุ่นของเจ้าตัวเลอะอยู่ประปรายไปกองเป็นเพื่อนเสื้อเชิ้ตตัวบางแม้แต่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ไม่เว้นเพราะแบบนั้นตอนนี้เจ้าเด็กเหลือขอจึงไม่มีอาภรณ์ใดๆห่อหุ้มร่างกายเลยสักชิ้น....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้งมองเรือนร่างขาวผ่องอย่างไม่วางตาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะแตะลงไปบนร่องรอยสีกุหลาบตามลาดไหล่ขึ้นไปที่ซอกคอระหงแผ่วเบาร่องรอยที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงหน้าของเจ้าตัวร้ายตอนที่เห็นมันเข้าจะทำหน้าแบบใหนจะจำได้มั้ยว่าเขาทำอะไรกับตัวเองบ้าง...ถ้าจำได้แล้วจะเกลียดเขารึเปล่าจะยังมีรอยยิ้มสดใสแบบนั้นให้เห็นอยู่มั้ยแล้วพรุ่งนี้พวกเขาจะยังมองหน้ากันได้อยู่มั้ยเขาไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน...ใบหน้าคมหล่อเหลาสะบัดไปมาสองสามทีเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหันไปบิดผ้าขนหนูสีขาวมาเช็ดตัวให้กับคนที่ยังหลับไหลใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะจัดการกับเจ้าตัวร้ายเสร็จ.ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมกายให้เพราะถึงจะเป็นช่วงหน้าร้อนแต่อากาศตอนกลางคืนก็เย็นไม่น้อยเพราะอยู่ใกล้กับเทือกเขาอยู่พอสมควร...ก่อนจะไปจัดการกับตัวเองอีกที
ชายหนุ่มยิ้มให้กับคนที่กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักก็กลับมาพร้อมกับชามใบใหญ่กับผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆแต่ก็ต้องแปลกใจที่เจ้าตัวร้ายยังนอนทำตาปริบๆอยู่เหมือนเดิมทั้งๆที่น่าจะหลับไปแล้วซะอีก
"ทำไมยังไม่นอนอีกยังปวดหัวอยู่รึไง??"
"นิดหน่อยครับ.....แต่กลัวจะตกลงไปอีกมากกว่า"
น้ำเสียงเนือยๆแทบจะหมดแรงเต็มทีทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆทั้งๆที่ง่วงขนาดนั้นแต่ก็ยังฝืนสังขารตัวเองอยู่ได้อีก
"นอนเถอะมันดึกมากแล้วเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเองจะได้ไม่ตกลงไปอีก"
ชายหนุ่มขยี้หัวสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มเบาๆด้วยความเอ็นดูแต่มือบางของเจ้าเด็กเหลือขอกลับคว้ามือของเขาไปแนบที่แก้มของตัวเองเอาไว้
"ขอบคุณครับ.......คุณ........รีไวล์"
และเพียงแค่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากมือของชายหนุ่มเปลือกตาสีเขียวมรกตก็หนักอึ้งขึ้นมาทันทีไม่นานนักเจ้าเด็กเหลือขอก็จมลึกลงไปในห้วงนิทราชายหนุ่มจึงค่อยๆดึงมือออกมาแล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางของคนที่หลับลึกออกช้าๆทีละเม็ด..ทีละเม็ดไม่นานนักมันก็ถูกโยนลงไปกองในตะกร้าแล้วจัดการกับเจ้ากางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มที่มีคราบน้ำสีขาวขุ่นของเจ้าตัวเลอะอยู่ประปรายไปกองเป็นเพื่อนเสื้อเชิ้ตตัวบางแม้แต่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ไม่เว้นเพราะแบบนั้นตอนนี้เจ้าเด็กเหลือขอจึงไม่มีอาภรณ์ใดๆห่อหุ้มร่างกายเลยสักชิ้น....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้งมองเรือนร่างขาวผ่องอย่างไม่วางตาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะแตะลงไปบนร่องรอยสีกุหลาบตามลาดไหล่ขึ้นไปที่ซอกคอระหงแผ่วเบาร่องรอยที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อนึกถึงหน้าของเจ้าตัวร้ายตอนที่เห็นมันเข้าจะทำหน้าแบบใหนจะจำได้มั้ยว่าเขาทำอะไรกับตัวเองบ้าง...ถ้าจำได้แล้วจะเกลียดเขารึเปล่าจะยังมีรอยยิ้มสดใสแบบนั้นให้เห็นอยู่มั้ยแล้วพรุ่งนี้พวกเขาจะยังมองหน้ากันได้อยู่มั้ยเขาไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน...ใบหน้าคมหล่อเหลาสะบัดไปมาสองสามทีเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหันไปบิดผ้าขนหนูสีขาวมาเช็ดตัวให้กับคนที่ยังหลับไหลใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะจัดการกับเจ้าตัวร้ายเสร็จ.ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมกายให้เพราะถึงจะเป็นช่วงหน้าร้อนแต่อากาศตอนกลางคืนก็เย็นไม่น้อยเพราะอยู่ใกล้กับเทือกเขาอยู่พอสมควร...ก่อนจะไปจัดการกับตัวเองอีกที
..
..
..
..
..
..
..
รถสปอร์ตสีแดงสดคันหรูของนักร้องหนุ่มชื่อดังเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่จนเกือบจะเทียบเท่าคฤหาสน์ของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอย่างตระกูลเยเกอร์ก่อนจะบีบแตรเสียงดังลั่นไม่ได้มีความเกรงใจเจ้าของบ้านเลยสักนิดและไม่นานประตูหน้าบ้านที่ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรก็ค่อยๆเปิดออกแต่มันไม่ได้ทันใจนักร้องหนุ่มชื่อดังสักเท่าไหร่เจ้าตัวจึงสบถออกมาเป็นระยะๆจนคิดว่ามันพ้นรถของตัวเองแล้วฝ่าเท้าหนักๆจึงเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วปัดท้ายดริฟอย่างไม่คิดจะสงสารล้อรถเลยแม้แต่น้อยจนเด็กในบ้านไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวเลยสักคน
สองขายาวๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดจะทักทายใครและทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กเรือนผมสีทองนั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกและเพื่อนอีกสองสามคนแต่เขาไม่คิดจะสนใจใครทั้งนั้นเพราะในตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดอยู่ในหัวของเขาตอนนี้
"ใครตอบฉันได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมฉันถึงติดต่อเอเลนไม่ได้!??...อาร์มิน!!!"
"ใจเย็นๆหน่อยเถอะครับแจนพวกเราทุกคนก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกันและลองทำทุกวิธีแล้วด้วย"
"ฉันไม่สนมิคาสะไปใหน!!!!"
เสียงทุ้มกังวานของเด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตวาดลั่นร้องหาเด็กสาวเรือนผมสีรัตติกาลอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อพี่สาวต่างสายเลือดที่หวงน้องชายนักหนาหายตัวไปดื้อๆ
"มิคาสะไปเดินเรื่อะ....."
"ฉันอยู่นี้!!!!"
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกและนิ่งสนิทของเด็กสาวเรือนผมสีรัตติกาลดังขึ้นจากประตูทางเข้าและนั่นทำให้เด็กหนุ่มนักร้องดังตรงดิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของเธอทันที!!
"เธอปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงน้องของเธอหายไปสองวันแล้วนะติดต่อไม่ได้แบบนี้เธอยังจะอยู่เฉยดะ...."
พลั้ว!!!!!!
หมัดเล็กๆกว่าผู้ชายแต่หนักหน่วงยิ่งกว่าหลายเท่าลอยเข้าใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง
จนร่างที่สูงกว่าหลายเซ็นล้มกลิ้งไปกับพื้นจนเด็กหนุ่มและเด็กสาวเรือนผมสีทองทั้งสามรีบวิ่งเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อนจะบานปลายกว่านี้
"หุบปากเน่าๆของแกซะไอ้หน้าม้าอย่าให้ฉันต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง!!!"
เด็กสาวเรือนผมสีรัตติกาลกราดด่าสุดเสียงเมื่อถูกหาว่าไม่ใส่ใจกับน้องชายที่เธอรักยิ่งกว่าใครแบบนี้
"ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับทั้งสองคนเราทุกคนก็ร้อนใจกันทั้งหมดนี่แหละครับทั้งผมทั้งคริสต้าทั้งแอนนี่ไม่งั้นก็ไม่มารวมตัวกันแบบนี้หรอกนะครับแจน"
"นิสัยแย่ชะมัดยังคิดว่าเอเลนจะรักตัวเองอยู่รึไงโง่เง่าสิ้นคิด!!"
"หุบปากของเธอสะแอนนี่ฉันจะทำให้เอเลนรักฉันให้ได้คอยดูเถอะ!!!!"
"ใจเย็นๆค่ะแจนแอนนี่ด้วยอย่างพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะค่ะตอนนี้คิดเรื่องไปตามหาเอเลนกันดีกว่าค่ะเรื่องอื่นพักยกชั่วคราวนะค่ะทุกคน"
เด็กสาวร่างเล็กร้องขอขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะออกนอกประเด็นกันอีกรอบ
"ว่าแต่คุณลุงว่าไงบ้างครับมิคาสะ??"
"เอเลนไปแจ้งทำพาสปอร์ตใหม่ที่ปารีสเพราะโดนกระชากกระเป๋าน่ะแต่มีผู้ชายคนหนึ่งพาไปเดินเรื่องทำเอกสารพร้อมกับให้เบอร์ของเขาเอาไว้แต่มีปัญหาว่าเขาใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวเอาไว้สถานทูตเลยให้เบอร์เขากับเราไม่ได้"
"ทำไมไม่ให้สถานทูตโทรไปถามเขาให้ล่ะเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ยังจะรออะไรอีก!!!"
"ไม่ได้หรอกนะครับแจนกฏก็ต้องเป็นกฏเขาไม่ได้ดูแลแค่พวกเรานะครับต้องเข้าใจเขาด้วยนะครับความเป็นส่วนตัวใครก็อยากมีกันทุกคน"
"แม้แต่เอเลนเองก็เถอะฉันว่าเอเลนคงจะบอกนายอยู่บ่อยๆนะว่าอยากอยู่คนเดียวน่ะใช่มั้ย...แจน??"
"พอเถอะค่ะแอนนี่อย่าเริ่มอีกเลย"
"ฉันว่าแอนนี่พูดถูก!!"
พี่สาวต่างสายเลือดของร่างโปร่งบางพูดเสริมขึ้นมาทันทีและแน่นอนว่าเด็กหนุ่มร่างสูงเองก็รีบแย้งขึ้นมาทันทีทันใดเช่นกันทำเอาสองคนที่คอยห้ามปรามถึงกับทำหน้าเซงๆอย่างไม่รู้จะห้ามยังไงแต่ที่แน่ๆพรุ่งนี้พวกเขาคงต้องไปฝรั่งเศสกันบ้างแล้ว
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
........Tobecontinue..............
"เธอปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงน้องของเธอหายไปสองวันแล้วนะติดต่อไม่ได้แบบนี้เธอยังจะอยู่เฉยดะ...."
พลั้ว!!!!!!
หมัดเล็กๆกว่าผู้ชายแต่หนักหน่วงยิ่งกว่าหลายเท่าลอยเข้าใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง
จนร่างที่สูงกว่าหลายเซ็นล้มกลิ้งไปกับพื้นจนเด็กหนุ่มและเด็กสาวเรือนผมสีทองทั้งสามรีบวิ่งเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อนจะบานปลายกว่านี้
"หุบปากเน่าๆของแกซะไอ้หน้าม้าอย่าให้ฉันต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง!!!"
เด็กสาวเรือนผมสีรัตติกาลกราดด่าสุดเสียงเมื่อถูกหาว่าไม่ใส่ใจกับน้องชายที่เธอรักยิ่งกว่าใครแบบนี้
"ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับทั้งสองคนเราทุกคนก็ร้อนใจกันทั้งหมดนี่แหละครับทั้งผมทั้งคริสต้าทั้งแอนนี่ไม่งั้นก็ไม่มารวมตัวกันแบบนี้หรอกนะครับแจน"
"นิสัยแย่ชะมัดยังคิดว่าเอเลนจะรักตัวเองอยู่รึไงโง่เง่าสิ้นคิด!!"
"หุบปากของเธอสะแอนนี่ฉันจะทำให้เอเลนรักฉันให้ได้คอยดูเถอะ!!!!"
"ใจเย็นๆค่ะแจนแอนนี่ด้วยอย่างพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะค่ะตอนนี้คิดเรื่องไปตามหาเอเลนกันดีกว่าค่ะเรื่องอื่นพักยกชั่วคราวนะค่ะทุกคน"
เด็กสาวร่างเล็กร้องขอขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะออกนอกประเด็นกันอีกรอบ
"ว่าแต่คุณลุงว่าไงบ้างครับมิคาสะ??"
"เอเลนไปแจ้งทำพาสปอร์ตใหม่ที่ปารีสเพราะโดนกระชากกระเป๋าน่ะแต่มีผู้ชายคนหนึ่งพาไปเดินเรื่องทำเอกสารพร้อมกับให้เบอร์ของเขาเอาไว้แต่มีปัญหาว่าเขาใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวเอาไว้สถานทูตเลยให้เบอร์เขากับเราไม่ได้"
"ทำไมไม่ให้สถานทูตโทรไปถามเขาให้ล่ะเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ยังจะรออะไรอีก!!!"
"ไม่ได้หรอกนะครับแจนกฏก็ต้องเป็นกฏเขาไม่ได้ดูแลแค่พวกเรานะครับต้องเข้าใจเขาด้วยนะครับความเป็นส่วนตัวใครก็อยากมีกันทุกคน"
"แม้แต่เอเลนเองก็เถอะฉันว่าเอเลนคงจะบอกนายอยู่บ่อยๆนะว่าอยากอยู่คนเดียวน่ะใช่มั้ย...แจน??"
"พอเถอะค่ะแอนนี่อย่าเริ่มอีกเลย"
"ฉันว่าแอนนี่พูดถูก!!"
พี่สาวต่างสายเลือดของร่างโปร่งบางพูดเสริมขึ้นมาทันทีและแน่นอนว่าเด็กหนุ่มร่างสูงเองก็รีบแย้งขึ้นมาทันทีทันใดเช่นกันทำเอาสองคนที่คอยห้ามปรามถึงกับทำหน้าเซงๆอย่างไม่รู้จะห้ามยังไงแต่ที่แน่ๆพรุ่งนี้พวกเขาคงต้องไปฝรั่งเศสกันบ้างแล้ว
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
........Tobecontinue..............
เอเลนจ๊ะ มองหาเเค่นิ้วจริงๆเหรอจ๊ะ
ตอบลบยั่วคนอายุมากกว่าได้เนียนมากค่ะ!!
คนตรวจตั๋วจะรีบมาตรวจทำไมคะรออีก1ชั่วโมงก็ได้!!!!!!(อีนี่เเอบหวังมากค่ะ)