15 เม.ย. 2557

Fic Attack on titan [LevixEren]Who own my heart?? : 01

Fic Attack on titan [Levi x Eren] Who own my heart?? : 01

:Who own my haert ?? : 01

:Fanfiction Attack on titan [Levi x Eren]

:Romantic

:NC-15




คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่รู้จักหรือไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดเลยนะค่ะขอบคุณค่ะ


******Remark : ตัวใหญ่ๆเนื่องจากเกิดข้อผิดพลากเล็กน้อยตอนที่สองมันจึงเด้งไปอยู่หลังตอนที่สี่ต้องขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะค่ะ










...ใครเป็นเจ้าของหัวใจฉัน??
...ความรักใช่มั้ย??...หรือว่ามันเป็นศิลปะ??
...เพราะที่เธอเคลื่อนไหวเรือนร่าง..
...ในแบบนั้น....มันทำให้ฉันสับสน..
.....และฉันบอกไม่ได้ว่า..........อันใหนเป็นจังหวะหัวใจ.....
.....และอันใหนเป็นประกายไฟ...


.



.....และมันจู่โจมฉัน.....
...เหมือนดั่ง...คลื่นสึนามิ...
...เธอรู้สึกถึงฉัน.....รึเปล่า...
...หรือว่าต้องโทษเสียงเพลง??
....ใครเป็นเจ้าของหัวใจฉันกันแน่??










        ....เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกระหึ่มไปทั่วห้องกว้างที่มีกระจกบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานรายล้อมอยู่รอบทิศทางและแทบจะทั้งหมดเป็นกระจกแบบโปร่งใสมองเห็นวิวด้านล่างได้แทบจะสามร้อยหกสิบองศามีเพียงแค่ฝั่งผนังกว้างด้านเดียวเท่านั้นที่เป็นแบบสะท้อนเงา
และมันกำลังสะท้อนเงาของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะของเสียงเพลง.....ไม่สิตามร่างโปร่งบางที่อยู่ด้านหน้าสุดต่างหากที่กลุ่มเด็กหนุ่มทั้งห้าคนกำลังเคลื่อนไหวตาม
เหล่านักร้องแนวป๊อปร็อคหน้าใหม่ที่กำลังดังเป็นพลุแตกในตอนนี้กำลังตั้งใจซ้อมท่าเต้นสำหรับอัลบั้มใหม่ของพวกเขาที่กำลังจะวางแผงปลายเดือนนี้แล้ว
โดยมีร่างโปร่งบางด้านหน้าเป็นครูสอนให้แต่ดูเหมือนว่าสายตาของสองในสามคนในกลุ่มจะไม่ค่อยสนใจจังหวะท่าเต้นอะไรมากนักเพราะพวกเขาจำมันได้จนขึ้นใจแล้วนั่นเองแต่สายตาของพวกเขาจับจ้องร่างโปร่งบางยามที่เคลื่อนไหวร่างกายไปตามเสียงเพลงที่มันชั่งเหมือนกับเจ้าหญิงในการ์ตูนที่พวกเขาเคยอ่านตอนเด็กๆกำลังร่ายรำยังไงยังงั้นใหนจะเส้นผมสีน้ำตาลเข้มละเอียดที่ดูนุ่มนิ่มนั่นสะบัดไปมายามที่เคลื่อนไหวอีกมันให้ความรู้สึกเหมือนภาพวาดจากจิตรกรมือเอกเลยทีเดียว

"เฮ้!!!...แจนแกดูจังหวะเพื่อนมั้งสิวะจะล้ำหน้าเกินไปแล้ว!!"
เด็กหนุ่มร่างสูงหัวสีทองตะโกนขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมวงเริ่มจะนำจังหวะไปเร็วกว่าคนอื่นๆ

"อะไรวะไรเนอร์ฉันก็เต้นเหมือนๆกับคนอื่นนั่นแหละรึนายอยากจะมีเรื่อง"
เด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนรีบหันไปแขวะเพื่อนร่างสูงใหญ่ทันทีเพราะทั้งๆที่ตัวเองก็เต้นไปตามจังพร้อมๆกับคนอื่นๆแต่ก็ยังไม่วายจะโดนจิกกัดอยู่เรื่อย...นี่คงจะโมโหที่เมื่อวานเค้าไปกินข้าวกับครูสอนเต้นงั้นสิโธ่
"แกเต้นนำจังหวะคนอื่นถ้าไม่เชื่อก็ถามมาร์โคหรือเบลทรูธหรือโคนี่ดูก็ได้ไอ้บ้าแจน"
และดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่จบลงง่ายๆเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของอีกคนอย่างแรง
"ทำไม??...ที่แกหงุดหงิดที่ฉันเนี้ยเรื่องที่ฉันเต้นผิดหรือว่าหงุดหงิดที่ฉันไปกับเอเลนเมื่อวานกันแน่ไรเนอร์??"
"ไอ้ปากเสีย!!!..แก๊!!"
"พอเลยทั้งสองคนนี่มันเรื่องงี่เง่าอะไรของพวกนาย...อยู่วงเดียวกันไม่ใช่รึไงจะทะเลาะกันให้มันได้อะไรขึ้นมา....ฉันเห็นแล้วว่าแจนเริ่มจะออกนอกจังหวะฉันแค่จะดูว่าเค้าจะกลับมาได้มั้ยก็เท่านั้นพอใจรึยัง....หยุดพักแค่นี้ก่อนอีกสิบนาทีค่อยกลับมาซ้อมต่อ!!!"
ร่างโปร่งบางของครูสอนเต้นเข้ามาคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เอาไว้ได้ก่อนที่หมัดดุ้นๆจะลอยไปใส่หน้าหล่อๆของร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเข้าก่อนจะปลีกตัวออกจากห้องไปทันทีปล่อยให้เด็กหนุ่มทั้งห้าคนอยู่ในห้องซ้อมกันตามลำพังแต่ดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นไม่คิดจะอยู่กับเพื่อนของตัวเอง...ร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนรีบออกจากห้องตามครูฝึกของตัวเองออกไปทันทีโดยมีสายตาอาฆาตของอีกคนจ้องมองตามหลังไปติดๆเพราะรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นเพราะดูท่าว่าร่างโปร่งบางจะให้ความสำคัญกับอีกคนมากกว่าอย่างเช่นตอนนี้ยังแก้ต่างให้อีกคนโดยไม่ได้สนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย
"ใจเย็นๆน่าไรเนอร์....ทำใจซะเถอะยังไงนายก็สู้ไอ้แจนมันไม่ได้อยู่แล้วลูกตื้อมันสุดยอดเลยนะจะบอกให้"
เพื่อนหัวปิงปองเดินเข้ามาตบไหล่อีกคนเบาๆ...ก็ได้แต่หวังล่ะนะว่าเจ้านี่มันจะตัดใจได้เร็วๆนี้น่ะหากยืดเยื้อไปมากกว่านี้คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือตัวมันเองทั้งนั้น
"หุบปากไปเลยโคนี่ฉันรู้แล้ว...แต่มันก็ยังทำใจไม่ได้นี่หว่า...ว่าแต่พวกแกไม่คิดอะไรกับเอเลนเลยเหรอวะทนได้ไง??"
เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเพื่อนทั้งสามคนของเขาถึงได้ทำนิ่งเฉยอยู่ได้ทั้งๆที่เขากลับหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดร่างโปร่งบางหรือแม้แต่แค่เดินผ่านไปเฉยๆก็เถอะ
"ฮ่าๆๆ....คิดสิทำไมจะไม่คิดล่ะ"
"ช่ายๆ...แต่พวกเราก็รู้ว่าเอเลนไม่มีทางสนใจพวกเราแน่ๆอยู่แล้วใหนจะ...ยัยพี่สาวหวงก้างนั่นอีกแค่คิดก็แหยงแล้วว่ะ"
เด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีดำทั้งคู่พูดเสริมขึ้นทำเอา
อีกสองคนทำหน้าแหยไปตามๆกันพอนึกถึงหน้าสวยๆที่ออกแนวโหดจัดคนนั้น
"เออว่ะ...คิดแล้วขนลุกชะมัด!!"

"พวกนายกำลังพูดถึงฉันงั้นสิ??"

เด็กหนุ่มทั้งสี่คนถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเย็นเฉียบของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางประตูห้องใบหน้าของพวกเค้าค่อยๆหันไปตามทิศทางของเสียงก่อนจะยิ้มแห้งๆออกมาทันทีที่เห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงเยือกเย็นนั่น
"แฮะๆ...มิคาสะ..."
"เอเลนไปใหน???....ไอ้หน้าม้านั่นด้วย??"
ทันทีที่สังเกตุเห็นว่าน้อยชายต่างสายเลือดของเธอไม่อยู่ในห้องพร้อมๆกับเจ้าคนชั่งตื้อก็หายหัวตามไปอีกคนนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่สวยจึงตวัดกลับไปยังห้องพักส่วนตัวของน้อยชายของเธอทันที




...."ฉันได้ข่าวว่านายจะไปฝรั่งเศสงั้นเหรอเอเลน....ทำไมนายไม่บอกฉัน???"
เด็กหนุ่มร่างสูงเดินเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของครูฝึกโดยที่ไม่คิดจะขออนุญาติเจ้าของห้องสักคำ
นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันมาค้อนคนที่เข้าข่ายบุกรุกน้อยๆก่อนจะเดินไปหยุดมองรถราที่วิ่งสวนกันไปมาบนถนนด้านล่างเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองเพราะการที่ได้มองสีสันของหลังคารถเหล่านั้นจากชั้นห้าของตึกแบบนี้มันก็ไม่เลวเท่าไหร่นัก
"จำเป็นต้องรายงานนายทุกเรื่องรึไง???.....ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวบ้าง...อย่างเช่นตอนนี้ฉันก็อยากจะอยู่คนเดียว"
"ไม่เอาน่าเอเลน...นายก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับนาย...ให้โอกาสฉันบ้างสิ"
ร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเดินเข้าไปสวมกอดร่างโปร่งบางจากด้านหลังพร้อมๆกับพูดความในใจของตัวเองด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างที่สุดเพราะเขาหลงรักร่างโปร่งบางนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบและเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบและรักร่างโปร่งบางนี่ขนาดใหน
"ปล่อยฉันไอ้บ้าแจน!!...ฉันคิดกับนายแค่ลูกศิษของฉันคนนึ่งเท่านั้นและมันจะไม่มีทางมากเกินไปกว่านี้"
"โธ่!!....อย่าใจแข็งนักสิฉันรักนายจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะเอเลน"
ร่างสูงเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนพยายามจะฝังจมูกลงไปบนแก้มใสสีระเรื่อแต่อีกคนก็พยายามปัดป้องอย่างสุดความสามารถอีกทั้งยังร้องห้ามไม่ขาดปากแต่เพราะเรี่ยวแรงที่มีน้อยกง่าจึงทำให้สู้แรงของอีกคนไม่ได้แต่ในขณะที่จมูกคมจะฝังลงไปบนแก้มใสนั้น!!!

"แกจะปล่อยเอเลนได้รึยังไอ้บ้าแจน!!!!"

มือเรียวที่ทรงพลังของเด็กสาวเรือนผมสีรัตติกาลกระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนออกมาจากน้องชายต่างสายเลือดของตัวเองอย่างไม่มีคำว่าปราณี

"มิคาสะอย่า!!!!"

เป็นร่างโปร่งบางที่ร้องห้ามเด็กสาวที่กำลังจะต่อยหน้าไอ้คนที่กล้าเข้ามาแตะต้องน้องชายของเธอ...แต่ดูเหมือนคนที่เกือบจะโดนต่อยยังยิ้มยียวนกวนประสาทเด็กสาวอย่างเปิดเผยไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้เกรงกลัวเด็กสาวเลยหรือเพราะรู้ว่าร่างโปร่งบางจะต้องห้ามเด็กสาวอยู่แล้วกันแน่หรือว่าจะทั้งสองอย่างก็เป็นได้....และเพราะร่างโปร่งบางคอยกันเด็กสาวให้แบบนี้มันถึงได้ทำให้เขามีความหวังในตัวร่างโปร่งบางจนบางครั้งก็เผลอคิดไปว่าอีกคนมีใจให้กับตัวเองแล้วด้วยซ้ำ

"ขอบใจเอเลน!!"

"อย่ามาเข้าใจผิดที่ห้ามนี่ก็เพราะแกมีอีเว้นอาทิตย์หน้าหรอกไอ้บ้าแจน!!"

"ที่จริงให้ฉันสั่งสอนมันบ้างก็ได้นะตาเขียวออกสื่อบ้างมันก็ดีเหมือนกัน"

เด็กสาวแย้งขึ้นพร้อมๆกับผลักอีกคนให้ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างโปร่งบางโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มเรือนสีน้ำตาลอ่อนอีกมือเรียวจับใบหน้ามนหันซ้ายทีขวาทีเพื่อสำรวจว่าอีกคนไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลใดๆ....ก็แน่ละมันจะไปมีร่องรอยอะไรได้ไงก็ไอ้หน้าม้านั่นมันไม่ได้ตบดีซะน่อยแต่มันกำำลังจะ.....คิดแล้วก็เจ็บใจไม่หายถ้าเธอมาช้ากว่านี้อีกแค่นิดเดียวน้องชายของเธอต้องมีมลทินไปตลอดชีวิตแน่ๆ

"มันทำอะไรนายรึเปล่าเจ็บตรงใหนบ้าง??"

"ไม่เป็นไรแค่ล้อเล่นกันเท่านั้นแหละไม่ต้องห่วง"

หึ...ก็เพราะแบบนี้ไงจะไม่ให้เขาเข้าข้างตัวเองได้ยังไงไหวถ้าไม่รักไม่มีใจให้กันจริงป่านนี้ฟ้องพี่สาวจอมโหดไปแล้วว่าเขากำลังจะลวนลามตัวเองแต่นี่ยังจะมาบอกว่าแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น.....อย่างนี้จะไม่ให้เข้าใจข้างตัวเองยังไงไหวก็แบบนี้มีใจให้เขาชัดๆ
เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเหยียดยิ้มร้ายก่อนจะยันกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาร่างโปร่งบางทันทีพร้อมกับพูดยียวนยั่วอารมณ์ของเด็กสาวอีกครั้ง

"เธอนี่กลายเป็นคนพูดมากตั้งแต่เมื่อไหร่มิคาสะ"

แขนยาวๆยังเอื้อมไปโอบไหล่ของร่างโปร่งบางอีกด้วยแต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสโดนตัวของอีกคนเลยด้วยซ้ำ

เพี้ยยย!!!!

"ห้ามยุ่งห้ามจับ!!!"

มือเรียวที่แข็งแรงยิ่งกว่าผู้ชายอกสามศอกฟาดเข้าที่แขนปลาหมึกของเด็กเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเต็มแรงก่อนจะลากแขนน้องชายให้เดินตามออกไปจากห้องทันทีทิ้งให้เจ้าคนที่ชอบฉวยโอกาสยืนยิ้มร้ายอยู่คนเดียว...เห็นทีวันนี้เธอคงต้องอยู่เฝ้าจนกว่าจะซ้อมเสร็จแล้วกระมัง









.
.
.
.
.
.
.
       ..............ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั่งห้อยขาลงไปบนขอบกำแพงสูงกว่าห้าสิบเมตรก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าคู่คมกริบจะทอดมองไปข้างหน้าอย่างไม่ได้แยแสอะไรในโลก......ซากอารยธรรมของประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากว่าสองพันปีแต่ก็ยังถูกกล่าวขานกันจนถึงทุกวันนี้ว่าทำไมมันถึงยังไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา.....แต่ชั่งเถอะเพราะยังไงซะเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ซะหน่อย....มือเรียวที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนยกกล้องส่องทางไกลขึ้นก่อนจะกวาดสายตาไปยังโกดังร้างของเมืองที่ถึงจะอยู่ไกลจนสุดขอบกำแพงแต่ด้วยกล้องที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เพื่อนสาวจอมเพี้ยนของเขาประดิษฐ์ขึ้นมามันจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะสอดแนมโกดังที่อยู่ไกลขนาดนั้นได้....สายตาคมกริบสีขี้เถ้ากวาดมองไปจนรอบทิศทางของเป้าหมาย


"เจออะไรมั้ยรีไวล์??"
นัยน์ตาสีขี้เถ้าชำเรืองมองเพื่อนสนิทร่างสูงข้างๆน้อยๆก่อนจะหันกลับไปสังเกตุการณ์เป้าหมายต่อ
"มีแต่พวกน่าขยะแขยงชะมัด...อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปจับไอ้ขยะพวกนั้น??"
"หึหึ....ก็นั่นมันงานของนายไม่ใช่รึไง??....ว่าแต่เสร็จงานนี้แล้วนายจะไปใหนต่อถึงได้ลาหยุดยาวขนาดนั้น??"
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองหย่อนกายลงข้างๆเพื่อนสนิทร่างเล็กพร้อมๆกับถามเปรยๆออกไปเมื่อเห็นว่าอีกคนยื่นใบลาหยุดจนเกือบจะทั้งอาทิตย์ทั้งๆที่นานทีปีหนจะไม่เคยขอหยุดยาวขนาดนี้มาก่อนจะหยุดยาวอีกทีก็แค่สิ้นปีเท่านั้น

"ฝรั่งเศส....ต้องบอกมั้ยว่าไปทำอะไร??"
"หึหึ...ไม่ล่ะเราควรจะมีความลับต่อกันบ้าง...ถูกมั้ย?"
เพราะพวกเขารู้จักและคบกันมานานจนไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะส่วนตัวหรือเรื่องงานจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพวกเขา
บทสนทนาที่ดูเหมือนจะเป็นการถามกันไปมามากกว่าการคุยกันแบบที่คนปรกติเค้าคุยกันยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมก่อนจะบุกทลายแก้งค้ายาข้ามชาติที่บังอาจใช้พื้นที่ในความรับผิดชอบของพวกเขาเป็นที่พักสินค้า
"ฉันว่าจะถามนายเรื่องยูริ.....จะเอายังไงกับเธอ??"
จู่ๆเพื่อนร่างสูงก็เอ่ยถึงบุคคลที่สามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเล่นเอาอีกคนถึงกับชะงักนิดนึ่งก่อนจะเรียกสมาธิของตัวเองกลับมาเหมือนเดิม
"ก็คงต้องรับผิดชอบทำไงได้ก็มันพลาดไปแล้ว"
"แล้วนายแน่ใจเหรอว่านายทำ....แบบนั้นกับเธอจริงๆ??"
"ฉันรู้ตัวดีว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ...แต่ข่าวมันออกไปแบบนั้นปฏิเสธไปมันก็ทำให้ผู้หญิงเสื่อมเสียเปล่าๆนอกจาก.......เธอจะออกมาแก้ข่าวด้วยตัวเองล่ะนะ"
ซึ่งมันไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนั้นจะออกมาแก้ข่าวเด็ดขาดนัยน์ตาสีขี้เถ้าดูเหม่อลงน้อยๆเมื่อนึกถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา....จริงๆแล้วการที่เขาจะนอนกับผู้หญิงซักคนมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายนักก็แค่แยกย้ายกันไปหลังจากกิจกรรมทุกอย่างมันจบลงถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของผู้บัญชาการสูงสุดแบบนี้ล่ะนะถึงเขาจะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรเธอแต่เขาคงจะถูกวางยาซะมากกว่าถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแถมทันทีที่เปิดประตูห้องออกมากองทัพนักข่าวกว่าร้อยชีวิตก็กรูกันเข้ามาเหมือนกับนัดเอาไว้ยังไงยังงั้น....มันก็แค่การจัดฉากของใครบางคนก็เท่านั้น

"สุภาพบุรุษจริงนะ....ถ้าหากเป็นฉันนะฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความจริงเปิดเผยไม่ว่าเธอจะเสื่อมเสียหรือไม่ก็ตาม"
"มันก็ทำได้...แล้วนายคิดดว่าฉันไม่ทำอะไรเลยรึไง.....ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ"
"หึ...บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นสินะ...แล้วจะช่วยอีกแรงก็แล้วกัน"
"......ขอบใจ"

"เฮ้ๆ...พวกเราก็จะช่วยอีกแรงน้าาาอย่าลืมพวกเราซี้!!!!"
เสียงเจื้อยแจ้วแสบแก้วหูของเพื่อนสาวดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วที่หูขัดจังหวะสองคนอย่างช่วยไม่ได้...ใบหน้าคมหล่อเหลาแสดงออกถึงความเอือมระอานิดๆก่อนจะหันไปสนใจเป้าหมายอีกครั้ง....และจะจำเอาไว้ว่าการที่จะคุยอะไรโดยที่ไม่ระวังยัยเพื่อนซี้จอมเพี้ยนแบบนี้มันก็ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงเหมือนกัน.......


       การเข้าทลายพวกค้ายาที่บังอาจมาเหยียดจมูกพยัคฆ์ร้ายอย่างพวกเขาจบลงอย่างไม่ยากเย็นหลังจากซุ้มรอเวลาอยู่นาน
ร่างที่ไม่ได้สูงแต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินออกมาโกดังร้างที่แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมด้วยความหงุดหงิดซะเต็มประดากับคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามร่างกายของตัวเองจนอดที่จะสบถออกมาไม่ได้

"ชริ!!....สกปรกชะมัด!!"

"ใจเย็นๆน่ารีไวล์นายไม่ยั้งมือเองนะ...ผู้ต้องหาของฉันไม่ตายก็บุญเท่าไหร่แล้วพ่อคุ๊ณมือไม้จะหนักไปถึงใหนกันน่าสงสารเด็กๆของฉันที่สุดที่ต้องมาเจอกับบุคคลผู้เป็นความหวังแห่งมนุษยชาติแบบนี๊!!"

สาวแว่นเพื่อนสนิทแห่งกองพิสูตรหลักฐานคร่ำครวญอยู่ข้างๆกับเหล่าผู้ต้องหาที่มีสภาพแทบจะไม่ต่างจากศพเท่าไหร่นัก...นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคำสึ่งให้จับเป็นละก็คงจะมีใครสักคนไปเฝ้ายมบาลแล้วเป็นแน่

"ใจร้ายที่สุดเล้ย!!!!...รีไวล์บ้า!!"

"หุบปากของเธอซะยัยแว่นผี!!!"

ชายหนุ่มอดที่จะตะคอกใส่เพื่อนสาวจอมกระหายเลือดของเขาไม่ได้เพราะทุกครั้งที่เขาเผลอทำร้ายผู้ต้องหาที่สาวแว่นรักเป็นชีวิตจิตใจทีไรคุณเธอก็จะร้องคร่ำครวญแบบนี้ประจำ....แต่อย่าคิดนะว่าเจ้าหล่อนจะรักเจ้าพวกนั้นจริงน่ะเพราะมันเป็นแค่ภาพลวงตาตะหากที่เจ้าหล่อนคร่ำครวญอยู่ในตอนนี้เพราะเสียใจที่จะไม่ได้สอบสวนเจ้าพวกนั้นทันทีทันใดเลยตะหากรับรองได้ว่ายัยแว่นเพื่อนสนิทของเขาก็โหดไม่แพ้เขาเลยทีเดียว...ไม่สิอย่างเจ้าหล่อนต้องเรียกว่าป่าเถื่อนมากกว่าเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องคิดว่าไม่มีหญิงสาวรายใดในโลกจะกล้าดึงฟันของคนเป็นๆโดยที่ไม่ฉีดแม้แต่ยาชาได้หรอกนอกจากหมอฟันล่ะนะใหนจะถอดเล็บมือเล็บเท้ากันสดๆแล้วยังหัวเราร่าชอบอกชอบใจได้อีก..อึ๋ยยคิดแล้วขยะแขยงผู้หญิงโรคจิตแบบนี้ขอให้มีแค่คนเดียวในโลกนี้ด้วยเถอะ...

"หึหึ....พวกนายนี่นะอยู่ใกล้กันไม่ได้เลยจริงๆ...ว่าแต่เธอคิดการแสดงของงานเฉลิมฉลองประจำปีรึยังล่ะฮันซี่ปีนี้หน่วยเราต้องขึ้นแสดงนะและที่สำคัญ..."

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหลือบมองเพื่อนสนิทร่างเล็กของตัวเองที่กำลังสาระวนอยู่กับการเช็ดคราบเลือดแล้วเหยียดยิ้มเหมือนจะสื่อความหมายแและสาวแว่นเองก็รับมุกเข้าขั้นสุดยอดซะด้วย

"แน่นอน!!!....ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าเราจะแสดงละครเวทีกันแต่ตอนนี้ฉันกำลังหาบทที่เข้ากับผู้ที่เป็นความหวังของมนุษยชาติอยู่น่ะสิเอลวินถ้านายมีคำแนะนำดีๆก็บอกฉันด้วยน้าา!!!"

"ใครจะแสดงให้เธอกันยัยแว่นกระหายเลือด....ฉันไม่เล่นด้วยหรอกนะจะบอกให้!!"

เสียงทุ้มเข้มออกแนวจริงจังของบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงดังขึ้นมาทันทีที่เพื่อนสาวพูดจบเพราะเขาไม่มีวันขึ้นไปเต้นแร้งเต้นกาอยู่บนเวทีให้คนนับพันดูเด็ดขาด

"ฮ่าๆๆ...เห็นทีคราวนี้จะปฏิเสธไม่ได้นะเจ้าค่ะคุณชายเพราะมันเป็นบัญชาของท่านผู้บัญชาการสูงสุดหากคุณชายไม่ทรงขึ้นเวทีเห็นทีหน่วยของเราคงต้องจบเห่กันแน่แล้วครานี้"

"ฉันไม่สน!!!"

"น่าๆรีไวล์แล้วฉันจะช่วยหาตัวละครที่มีบทพูดน้อยๆให้ก็แล้วกัน"

"โห.....บทแบบนั้นมันก็มีแต่ต้นไม้แล้วเอลวินอย่างรีไวน่ะต้องรับบทเป็นคนแคระทั้งเจ็ดที่หน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าเจ้าชายอะไรแบบนี้สิถึงจะถูก"

"หุบปากของเธอซะแว่นผี!!!"

"หึหึหึ...อย่างนายต้องภูตจิ๋วถึงจะถูก"

"นายก็เป็นไปกับยัยแว่นผีอีกคนเอลวิน!!"

เสียงถกเถียงกันของเหล่าหัวหน้าหน่วยทั้งสามคนยังดังอยู่ต่อเนื่องโดยมีเหล่าลูกน้องแอบฟังบทสนทนานั้นอย่างลุ้นระทึกว่าอนาตดของพวกเขาจะดับวูบลงแทบเท้าหัวหน้าร่างกระทัดรัดหรือจะยังส่องสว่างต่อไปได้อีก....ก็นะการขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชามันก็เหมือนกับการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆแล้วถ้ายิ่งเป็นถึงระดับหัวหน้าหน่วยด้วยแล้วแทบไม่ต้องสงสัยว่าชั้นผู้น้อยอย่างพวกเขาก็ต้องโดนถีบลงไปในหลุมนั้นด้วย...ก็ได้แต่ภาวนาให้หัวหน้าร่างกระทัดรัดของพวกเขายังพอมีความเห็นใจพวกอยู่บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี...
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..Tobecontinue............



ฮ่าๆๆๆๆๆๆนี้คือฟิค titan เรื่องที่สองของข้าพเจ้านะจะบอกให้แรงบรรดาลใจก็มาจากเพลงของMilay Cyrus ที่ชื่อเดียวกับเรื่องเลยค่ะ Who own my haert???นั่นแหละเจ้าค่ะและหลังจากดูMMDของท่านท่อนขากับหนูเอเลนมาหลายต่อหลายเพลงและที่เราชอบมากที่สุดก็คือ MMD love letterกับMagnet ที่ท่านท่อนขากับหนูเอเลนเปลือยท่อนบนนั่นแหละเจ้าค่ะดูแล้วกรี๊ดดดดดด///โดนโบกo_O
เราก๊อยากจะอัพโหลดมาให้ดูอยู่หรอกนะเจ้าค่ะแต่ติดปัญหาว่าเราอัพโหลดไม่เป็นฮ่าๆๆๆๆๆๆ///โง่ได้โล่กันเลยทีเดียวx-(
ยังไงซะก็ไปหาดูเอาเองโล้ดใน youtubeน่ะท่านทั้งหลาย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น