9 เม.ย. 2558

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 05

Attack on titan Au.Fic [Levi x Eren] Black Lies : 05

:Fanfiction Attack on titan

:Drama,Action-Sci-Fi

:PG-15

คำเตือน :บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ









"ระยะห่าง250เมตร"  ร่างเล็กๆนอนราบไปกับพื้นหิมะสีขาวโพลนมือกระชับด้ามโลหะสีดำสนิทของเหล็กกล้าเอาไว้มั่นดวงตาข้างหนึ่งปิดลงเพื่อให้อีกข้างที่กำลังมองผ่านกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กที่เส้นเล็งเรืองแสงกำลังกระพริบปรับระยะทางอัตโนมัติโดยไม่ต้องเสียเวลาหมุนปรับเองเหมือนเมื่อในอดีต ยุคสมัยที่วิวัฒนาการล้ำหน้าไปไกลขนาดนี้ไม่ว่าจะอุปกรณ์อะไรก็ใช้แค่เสียงออกคำสั่งอย่างเดียวก็พอแต่เสียงที่กำลังออกคำสั่งอยู่นั้นกลับไม่ใช่ของร่างเล็กที่กำลังนอนราบอยู่กับพื้นดวงตากลมโตสีเขียวมรกตกำลังมองเจ้ากวางผู้เคราะห์ร้ายที่อยู่ในวิถีกระสุนผ่านลำกล้องติดไรเฟิลด้วยดวงตาที่สั่นระริก...ไม่อยากยิง!...คำพูดที่ได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ...

"ความเร็วลม1.5จากขวาไปซ้าย"

แต่คำสั่งจากชายสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างๆกลับยังคงหนักแน่นไร้ความปราณี

"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ...กลั่นหายใจแล้ว...ยิง!!"

"เฮือก!!!..."  ใบหน้ามนสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดผวายิ่งกว่าครั้งใหนๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ร่างโปร่งบางมักจะฝันถึงเรื่องแปลกๆแต่เมื่อกี่มันอะไรกัน??...เหมือนกับเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ?...เมื่อกี้มันตัวเขางั้นเหรอ!?...หรืออัลฟา!?...

เอเลนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงทั้งๆที่ยังหอบหายใจติดขัดมือที่ยังสั่นระริกเขย่าร่างที่ยังหลับสนิทด้วยสีหน้าร้อนรนความรู้สึกทั้งสับสนทั้งกลัวในสิ่งที่ตนไม่เคยรับรู้มาก่อนทำเอาดวงตากลมโตถึงกับคลอน้ำจนแยกความฝันกับความจริงไม่ออกมือบางเขย่าเรียกพี่ชายที่ยังหลับสนิทอย่างลืมตัว เมื่อก่อนหากฝันอะไรแบบนี้ก็มีแต่จะต้องทนอยู่กับมันให้ได้แต่ตอนนี้กลับอยากได้คำปลอบใจจากพี่ชายอย่างกับเด็กไม่รู้จักโตไปซะได้

"อะ...อัล!..อัลฟา!" 

"เป็นอะไรไป?...ไข้ขึ้นงั้นเหรอ?"

อัลฟาเด้งตัวลุกขึ้นมาทันทีที่รู้สึกตัวมือเย็นๆแตะลงไปตามแก้มและหน้าผากของน้องชายด้วยสีหน้าที่ดูตกใจกว่าแต่เอเลนกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกุมมือของเขาเอาไว้แทนแล้วคำพูดเหมือนยังจมอยู่กับความฝันก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตากว้าง...

"กวะ...กวาง...ไรเฟิลติดลำกล้อง....ฉัน....นั่นฉันใช่มั้ย?..."

".....!?"  นั่นมัน!?...ทำไมถึงมานึกออกตอนนี้ล่ะ?...

"นั่นคือฉันจริงๆใช่มั้ยอัล!...ที่ใหนซักแห่งที่มีแต่หิมะสีขาวโพลน!"

"อะ...อะไรกันเนี้ยฝันร้ายหรอกเหรอเล่นเอาชั้นตกอกตกใจตามไปด้วยเลยแฮะ"

กว่าจะพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติได้ก็อีกหลายนาทีต่อมาโชคดีที่ห้องยังมืดเอเลนถึงได้ไม่เห็นสีหน้าตอนนั้นของเขา...เขาไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบใหนออกไปแต่คงไม่ใช่สีหน้าที่ดีแน่ๆถึงไม่อยากให้เอเลนเห็น

"มันไม่ใช่ฝัน...ฉันรู้สึกได้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงๆ...นายไม่เชื่อฉัน" แต่เอเลนยังพยายามจะนึกมันให้ออกทั้งๆที่เขาพยายามจะปิดบังเอาไว้...นั่นน่ะมันตอนที่พวกเขาหัดยิงปืนที่ไซบีเรียก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น!...ถ้าเอเลนรู้เรื่องพวกนี้เข้าทุกอย่างที่เขาทำมาคงพังครืนลงมาแน่

"อัล!...นายไม่เชื่อฉันใช่มั้ย?"

"เชื่อสิ...เชื่อว่านายต้องฝันเหมือนจริงมากๆเลยใช่มั้ย?...ฮะฮะ"

นี่เขาต้องฝืนทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ใหนกัน?...เกลียดตัวเองตอนนี้จริงๆ...

"ไม่ตลกนะ!...นายต้องกำลังปิดบังอะไรอยู่แน่ๆอัลฟา!"

"อืม...นั่นสิน้า...ชั้นกำลังปกปิดอะไรเอาไว้นายรู้รึเปล่า?"  

"อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!"

"แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าชั้นปิดบังอะไรไว้"

"นายก็เอาแต่เลี่ยงแบบนี้ตลอด...เห็นฉันเป็นอะไรกันไปหมดทั้งพ่อทั้งนายทำไมถึง...มันน่ากลัวมากนะที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองในอดีตเลยฉันรู้ว่าที่นายเล่ามามันไม่ใช่ทั้งหมดทำไมล่ะอัล?..."

น้ำเสียงตัดพ้อแบบนี้ของเอเลนเขาไม่อยากได้ยินมันเลย...มันเหมือนกับยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันผิด...ถ้ามีทางเลือกอื่นให้เขามันคงจะดีกว่านี้

"ไปกันใหญ่แล้ว...ชั้นไม่ได้...อยากจะปิดบังอะไรนายเลยนะเอเลนบางเรื่องมันก็ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้...ขอเวลาชั้นหน่อยได้มั้ย?"  เพราะตัวเขาเองก็เหนื่อยที่จะโกหกเต็มทน....บางทีมันคงจะถึงจุดอิ่มตัวของเขาแล้วเช่นกัน

"...เรื่องของฉันมันมากมายขนาดนั้น?"

"ใช่....หลายๆเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน...อย่าใจร้ายกับชั้นนักสิเจ้าเด็กน้อย...อีกไม่นานแล้วล่ะที่นายจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายบ้าง"

"อีกไม่นาน?"

"อื้อ...อดทนอีกนิดได้มั้ย?"

เอเลนเสมองไปทางอื่นเมื่อใบหน้าของพี่ชายเคลื่อนเข้ามาใกล้อยากจะบอกว่าเขาไม่อยากรอเวลาอีกแล้วคำว่าอีกนิดของพี่ชายไม่รู้ว่าระยะเวลาจะเท่ากันกับเขารึเปล่าหรืออีกนิดที่ว่ามันต้องอีกหนึ่งปีสิบปีหรือต้องรอไปตลอดชีวิตถ้าแบบนั้นสู้เขาคาดคั้นเอาตอนนี้เลยไม่ดีกว่ารึไง?

"แค่....ไม่ฉันไม่อยากรออีกแล้ว...บอกฉันสิอัลเท่าที่นายบอกได้ตอนนี้"

"ใจร้ายจริงๆด้วยสินะ...ฮะฮะ"

"พูดมาสิ...ฉันรอฟังอยู่"

"แน่ใจนะ?"  อัลฟาจรดหน้าผากลงไปบนหน้าผากมนพร้อมกับถามให้แน่ใจอีกครั้งแน่นอนว่าเอเลนยังยืนยันคำตอบเดิมอย่างหนักแน่น  ริมฝีปากแตะลงไปบนกลีบปากอิ่มเบาๆก่อนจะหันไปกระซิบที่ข้างหูด้วยคำที่เขาอยากพูดมันออกมามากที่สุดและเป็นความจริงเพียงอย่างเดียวที่อยากให้เอเลนได้รับรู้เอาไว้

"ชั้น...รักนาย"

"ห๊ะ!?...."  ใบหน้ามนดูจะตกตะลึงไปในทันทีและเขาดูไม่ออกเลยว่านั่นมันเป็นอาการดีใจหรือเสียใจกันแน่?

"ยะ...อย่ามาล้อเล่นนะใครจะเชื่อนายกันคนบ้า!!"

ไม่ว่าเปล่ามือยังผลักพี่ชายจนเกือบจะหงายหลังกลิ้งลงไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะดึงผ้านวมมาคลุมโปงเอาไว้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงแต่...ทำไมริมฝีปากถึงหุบยิ้มไม่ลงกัน?...

"ฮะฮะ...เด็กจริงๆนะนายเนี้ย"

ถึงน้ำเสียงจะฟังดูร่าเริงทั้งๆที่ตอนนี้ควรจะมีความสุขแต่สีหน้ากลับดูกล่ำกลืนแปลกๆ...ชักจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วนะนายน่ะอัลฟา!...ถึงกับแสดงความวิตกกังวลออกมาแบบนั้นความสุขุมเยือกเย็นของนายมันหายไปใหนหมดแล้วล่ะเจ้าบ้า!...มือยกขึ้นมากุมขมับทั้งๆที่ยังด่าตัวเองในใจ

มันคงจะมาถึงทางตันแล้วก็เป็นได้เอเลนเเห็นภาพในอดีตมากขึ้นทุกวันๆแบบนี้ไม่นานคงนึกเรื่องราวทุกอย่างออกจนได้...ถึงจะทำใจยอมรับไว้แล้วว่าคงโดนเกลียดเข้าสักวันแต่ตอนนี้ตัวเขากลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาซะเอง...ความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับร่างโคลนอย่างเขา....




    ร่างโปร่งบางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดงจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้เมื่อรู้สึกว่ามันร้อนจวนเจียนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆทั้งๆที่พยายามจะนึกถึงความฝันเมื่อคืนให้ออกแท้ๆทั้งๆที่มีอีกตั้งหลายเรื่องให้ต้องคิดแต่คำพูดของพี่ชายกลับลอยวนเวียนเต็มหัวไปหมดยิ่งทุกครั้งที่นึกถึงใจมันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอย่างกับคนเป็นโรคหัวใจ?

"หวัดดีเอเลน!"

"อื้อ...หวัดดี" 

ถึงจะหายไปหนึ่งวันแต่คลาสของเขากลับยังครึกครื้นเสมอหลายคนเดินเข้ามาทักทายบ้างก็ขยี้หัวสีน้ำตาลเล่นอย่างเมามันทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงซุกหน้าเอาไว้กับฝ่ามือตัวเองกว่าครึ่ง...ก็นะจะไปเอาอะไรกับเจ้าพวกเกรียนนี่กัน เอเลนสะบัดหัวสองสามครั้งไล่ความคิดฟุ่งซ่านของตัวเองจนลืมสังเกตุความผิดปรกติข้างกายกระทั่งเวลาล่วงเลยไปอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงชั่วโมงเรียนอยู่แล้วแต่โต๊ะข้างๆฝังขวามือทั้งสองตัวกลับว่างเปล่า...



"นี่เห็นแจนกับอาร์มินมั้ย?"

ใบหน้ามนยื่นหน้าไปถามเพื่อนข้างหน้าด้วยความที่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ผ่านมาจนถึงคาบสุดท้ายของวันแล้วแต่ยังไร้วี่แววของทั้งคู่แต่ไม่ว่าจะถามใครทุกคนกลับทำเพียงส่ายหน้าไปมา?...นี่มันอะไรกัน?...สองคนนั้นไม่สบายรึเปล่านะหรือเกิดอะไรขึ้น?

"บางทีสองคนนั้นอาจจะไปเล่นจ้ำจี้กันอยู่ก็ได้นะเอเลน"  เจ้าเพื่อนตัวเล็กหัวเกรียนหันมากระซิบกระซาบด้วยท่าทางยิ้มๆแต่เอเลนกลับขมวดคิ้วเข้าหากันไม่เข้าใจในความหมายนั่นจึงถามออกไปด้วยสีหน้าที่ใครๆเห็นก็อยากจะแกล้งไม่เว้นแม้แต่เจ้าเพื่อนหัวเกรียนนี่รอยยิ้มร้ายถึงได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมันให้คนที่ช่างสงสัยยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก

"เล่นจ้ำจี้?"

"เซ็กส์ไง...สองคนนั้นต้องเคยทำแบบนั้นแล้วแน่...."

"บะ...บะ...บ้าเหรอ!..สองคนนั้นจะไป....เป็นไปไม่ได้!...ไม่มีทาง!"  ได้ยินแบบนั้นร่างโปร่งบางจึงรีบปฏิเสธแทนเพื่อนเป็นพัลวันทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มจะแดงเถือกขึ้นมาอีกครั้ง...ไม่ได้อายแทนเพื่อนแต่ดันไปนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาซะงั้น

ครืดด!!

เสียงลากเก้าอี้ที่ดังอยู่ข้างทำให้สองคนที่กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ต้องหยุดชะงักร่างเล็กของเพื่อนสนิทปรากฏแก่สายตาแต่ใบหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มแบบคนขี้เกรงใจกับแววตาที่มุ่งมั่นนั้นหายไปใหนแล้ว?...


"อา....."

"คุณอาเรลโต้นี่มันใกล้จะหมดคาบเรียนอยู่แล้วทำไมถึงมาเอาป่านนี้!"

"ขอโทษครับ"

อาจารย์ถามขึ้นมาก่อนที่เอเลนจะถามออกไปและใบหน้าน่ารักที่ดูเย็นชาจนน่ากลัวก็ตอบออกไปเพียงสั้นๆด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นจนเอเลนได้แต่ขนลุกซู่อาร์มินที่นั่งอยู่ข้างๆเขาตอนนี้ราวกับเป็นคนละคนกับอาร์มินที่เขารู้จักอาการแบบนี้มัน!?....เขาเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนไม่ผิดแน่!...เหมือนตอนที่เจอกับอัลฟาครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน!...

แต่ทำไมถึงนึกถึงตอนนั้นขึ้นมาล่ะ!?....

มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป!.....


เอเลนเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบหวังจะตามไปให้ทันเพื่อนร่างเล็กที่ก้าวฉับๆออกจากคลาสไปทันทีที่หมดคาบเรียนถึงจะรั้งไว้ยังไงก็ดูเหมือนจะไม่ฟังเอาซะเลยไม่สิ!...อาร์มินทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเลยต่างหาก!

"เอเลนเร็วเข้า!"

"พวกนายตามไปก่อนเลย!"  เพื่อนสนิทของเขาอีกสามคนที่สังเกตุเห็นพฤติกรรมแปลกๆของอาร์มินตัดสินใจจะตามไปด้วยกันวิ่งตามอาร์มินไปก่อนตามที่เขาบอกขาเตรียมตัวจะวิ่งตามไปแต่ข้อมือกลับถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ซะก่อน!

"เฮ้ยปล่อยสิวะ!"

เพราะคิดว่าถูกเพื่อนคนอื่นแกล้งถึงไปเผลอหลุดากพูดคหยาบคายออกไปแต่ทันทีที่สะบัดหน้ากลับไปมองก็ต้องชะงักแทบจะทันที

"คุณ!?..."

"นายตามไปไม่ได้นั่นมันกับดัก"

"ทำไมจะไม่ได้นั่นมันเพื่อนผม!"  จบประโยคเอเลนสะบัดข้อมือจนหลุดจากการจับกุมจนได้ร่างโปร่งบางวิ่งออกไปจากคลาสโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนสบถอยู่ด้านหลัง

รีไวล์ก้าวฉับๆตามอีกฝ่ายไปอย่างหัวเสียหากเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากตัวตลกเด็กนั่นไม่ยอมเชื่อเขาแน่นอน!

ไม่นานเก๋งสีดำก็พุ่งตัวออกจากลานจอดรถของมหา'ลัยแต่แทนที่จะตามเจ้าเด็กเหลือขอนั่นไปเขากลับเลี้ยวรถไปฝั่งตรงข้ามแทนคงต้องให้รู้ให้เห็นความเป็นจริงซะบ้างแบบนั้นมันคงจะง่ายทั้งกับเขาและเจ้าเด็กหัวดื้อนั่นด้วยถึงจะคิดแบบนั้นแต่มืออีกข้างกลับคว้ามือถือขึ้นมาหาเบอร์ที่คุ้นเคยก่อนจะกดโทรออกไป...

"ฟาลัน..."

ดูเหมือนปลายสายจะรู้ดีว่าเขาต้องการอะไรถึงได้หัวเราะออกมาพร้อมกับคำตอบสั้นๆว่า"โอเค"....ยังไงซะพวกเขาก็ทำงานด้วยกันมานานจนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดียิ่งกว่าความคิดของตัวเองซะอีกจะยกเว้นก็แต่ยัยเด็กหัวแดงนั่นแหละที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย


เอเลนวิ่งมาถึงทางแยกแล้วขาทั้งสองข้างจำต้องหยุดชะงักเมื่อไร้วี่แววของกลุ่มเพื่อนๆ

"หายไปใหนกันหมดเนี้ยบ้าจริง!"  นึกโกรธคนที่เข้ามาขวางเอาไว้ขึ้นมาตะหงิดๆถ้าคนโรคจิตนั่นไม่มารั้งเขาไว้คงไม่คลาดกับทุกคนแบบนี้!

ครืดด~~

แต่ยังไม่ทันจะสุ่มเลือกทางมือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาซะก่อน

"ไรเนอร์!พวกนายอยู่ใหนแล้ว!?"

[ยะ...อย่ามาที่นี่....เอเลน...อัก!...]

"ไรเนอร์เกิดอะไรขึ้น!?...นั่นเสียงอะไรน่ะ!?...ไรเนอร์ๆ!!!"

จู่ๆปลายสายก็ตัดไปยิ่งทำให้ใบหน้ามนเป็นกังวลหนักเข้าไปอีกสองขาเลือกที่จะวิ่งไปบนถนนเส้นเล็กๆตามสัญชาตญาณแทนที่จะวิ่งตรงเข้าไปในตัวเมืองถึงจะไม่เข้าใจตัวเองนักที่ไม่หยุดคิดไตร่ตรองแต่ขามันกลับก้าวไปเอง

ถึงร่างกายจะเริ่มรู้สึกล้าแต่ร่างโปร่งบางกลับไม่คิดจะหยุดพักเมื่อความกังวลในใจกลับมีมากกว่าเป็นเท่าตัวเมื่อยังไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต?...หรือเขาจะมาผิดทาง?...ขาเตรียมจะหันหลังกลับแต่.....

"อ๊ากกกก!!!!!!"  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้ใบหน้ามนหันควับไปทิศทางของเสียงด้วยความตกใจระคนตื่นตระหนกเพราะเขาจำได้ดีว่าเสียงนั่นมัน!

"โคนี่!!"

เอเลนรีบวิ่งไปตามเสียงนั้นด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เสียงทรมานแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีแน่ในใจได้แต่ภาวนาว่าอย่างให้ใครเป็นอะไรไปถึงจะไม่รู้ว่าตนจะช่วยอะไรได้แต่อย่างน้อยก็ของให้พระเจ้าองค์ใหนก็ได้ช่วยคุ้มครองเพื่อนๆของเขาที!

แต่ดูเหมือนว่าคำอธิฐานนั้นมันจะไม่เป็นผล.....

ภาพของโคนี่ที่ถูกเพื่อนร่างเล็กคร่อมเอาไว้อยู่นั้นทำเอาใจดวงน้อยถึงกับหยุดเต้นไปชั่วขณะใบหน้าที่เคยทะเล้นอาบไปด้วยสีแดงฉานหนำซ้ำฝ่ามือที่ถูกอาร์มินกดเอาไว้ยังมีอะไรบางอย่างปักเอาไว้กับพื้นเพราะทั้งหมดนั่นมันอาบไปด้วยสีแดงถึงดูไม่ออกว่ามันคืออะไรแต่ที่ช็อคยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือคนที่กระทำการอุกอาจนั่น!

"อาร์มิน!!!...ทำบ้าอะไรของนาย!!!"

ใบหน้าน่ารักที่เคยแต่เอียงอายค่อยๆหันกลับมาด้วยแววตาที่แข็งกร้าวยิ่งไปกว่านั้นดวงตาสีฟ้าครามที่เคยสดใสมันไม่สะท้อนสิ่งใดเลยซ้ำแม้แต่เงาของเขา ขาก้าวเข้าไปหาเพื่อนรักทั้งๆที่มันแทบจะไม่มีแรงให้ขยับดวงตากลมโตเหลือบไปมองร่างของไรเนอร์กับเบลทรูธที่มีสภาพไม่ต่างกันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของเพื่อนร่างเล็กที่กำลังลุกออกจากร่างของโคนี่อย่างไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเอง...นั่นใช่อาร์มินที่เขารู้จักแน่เหรอ!?...สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน?...

"เอ...เลน...อึก...หนีไป!...หนีไป!..."  ใบหน้ามนมองเพื่อนหัวปิงปองด้วยสายตาที่เจ็บปวดก่อนที่ดวงตาสีมรกตจะกลับมาแข็งกร้าวไม่แพ้เพื่อนร่างเล็กที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยสีแดงฉาน

"ทำไมล่ะอาร์มิน!!??...นายทำแบบนี้ทำไมพวกเค้าไปทำอะไรให้นายเจ็บแค้นงั้นเหรอ!!?"

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปริปากพูดอะไรขาที่เคยก้าวช้าๆเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นๆจนกลายเป็นวิ่งแต่ความเร็วที่มองตามแทบไม่ทันนั่นทำเอาใบหน้ามนได้แค่เบิกตากว้างประกายคมกล้าบางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาให้ขาจำต้องรีบถอยหลังแต่ยังช้ากว่าเพื่อนร่างเล็กหลายเท่าลมหายใจขาดห้วงไปในทันที!!...

ชั่ววินาทีที่คิดว่าไม่มีทางหลบพ้นเอเลนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกันใบหน้าของตัวเองพร้อมกลั้นลมหายใจเตรียมตัวรับความเจ็บปวดจนต้องปิดตาแน่นใจในได้แต่คิดว่าร่างกายของเขาคงถูกจิ้มเป็นรูสักที่แล้วแน่ๆทว่า!

"เอ๊ะ!?!..."  รอบเอวถูกวัตถุบางอย่างพันเอาไว้ก่อนที่ร่างกายจะลอยวืดขึ้นไปบนอากาศจนดวงตาได้แต่เบิกกว้างความรู้สึกอันคุ้นเคยทำให้ใจดวงน้อยที่กำลังหมอดลงมีประกายไฟขึ้นมาอีกครั้ง!

"คุณรีวะ....อะ...??"

ใบหน้ามนหันขวับไปมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจแต่กลับต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อคนที่เขาคิดว่าคือคนๆนั้นมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป

"โทษทีที่ชั้นไม่ใช่รีไวล์แต่หมอนั่นก็ส่งชั้นมาช่วยนายนะถึงจะมาสายไปนิดก็เถอะ"

ใบหน้ามนได้แต่นิ่งงันไปชั่วขณะที่รู้ว่าไม่ใช่คนๆนั้นทำไมถึงได้รู้สึกผิดหวังแบบนั้นล่ะ?...ทั้งๆที่เจอหน้ากันก็เอาแต่แกล้งเขาเป็นประจำทั้งๆที่พวกเขาไม่มีความทรงจำดีๆต่อกันเลยสักครั้งแต่วินาทีที่คิดว่าเป็น...?...

"รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะชั้นขอจัดการเพื่อนนายก่อน"

"ยะ...อย่าฆ่านะ!"

"โอเค...ไม่ฆ่า"  ชายหนุ่มร่างสูงผมสีอ่อนตอบออกมาด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะหันไปประจันหน้ากับอาร์มินที่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับคู่ต่อสู้ที่ตัวโตกว่ามากทั้งคู่พุ่งเข้าปะทะกันด้วยความเร็วที่มองตามแทบไม่ทันใบหน้ามนจึงได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นหุ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อตาด้วยเอง..นั่นมันความเร็วของมนุษย์แน่เหรอ!?

ประกายไฟจากการกระทบกันของโลหะทั้งๆที่เป็นตอนบ่ายแก่ๆแบบนี้ยิ่งสะกดให้ดวงกลมโตมองการต่อสู้อันเกินจะเชื่อได้นั่นตาไม่กระพริบต้องใช้แรงมากขนาดใหนกันถึงจะทำให้เกิดประกายไฟจนเห็นได้ชัดเจนขนาดนั้นได้...อาร์มินไปเอาเรี่ยวแรงมาจากใหน?...ไปหัดต่อสู้แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?...

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงใหนและใครจะเป็นคนไขข้อข้องใจพวกนี้แต่แล้วใบหน้ามนก็หยุดชะงักไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมายินเหม่อ

"โคนี่!"  เอเลนวิ่งไปประคองเพื่อนหัวปิงปองขึ้นมาดวงตากลมโตเหลือบมองลงไปที่มือของเพื่อนถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ปักยึดมือของโคนี่เอาไว้คือมีดพกขนาดประมาณเจ็ดนิ้ว!?

"ทำใจดีๆไว้นะฉันจะโทรตาม...."

"ไม่!...ไม่ต้องสนใจฉันเอเลน...หนีไป!...อะ...อาร์มินต้องการนาย...หนีไป!"

"ไม่!!.ฉันไม่ไปใหนทั้งนั้นฉันจะอยู่กันพวกนาย!!"  เอเลนยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆดวงตายังสั่นระริกคลอไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะพังครืนลงมาได้ทุกเมื่อความกลัวกอบกุมใจดวงน้อยจนเกินกว่าจะสลัดมันทิ้งออกไปแต่ยังฝืนพยายามยึดสติของตัวเองเอาไว้ในเวลาแบบนี้ถ้ามัวแต่ทำตัวอ่อนแอทุกอย่างก็จบทั้งๆที่ยังไม่ลองพยายาม...

"อดทนไว้โคนี่...อดทนอีกนิดเดียว!"  มือบางกลั้นใจดึงมีดออกมาท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของคนถูกกระทำเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวนอกถูกถอดออกมาฉีกเป็นริ้วๆมัดปากแผลที่เลือดยังไหลทะลักออกมาไม่หยุดก่อนจะประคองโคนี่ไปหาอีกสองคนก่อนจะรีบควานหามือถือในกระเป๋ากางเกงแต่ยังไม่ทันจะกดโทรออกมีดสั้นจากที่ใหนสักแห่งก็พุ่งมาปักมันจนกระเด็นไปไกลใบหน้าตวัดกลับไปมองสองคนที่กำลังสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครจึงทันได้เห็นว่าใบหน้าน่ารักของอาร์มินหันมาจ้องตนเขม็งและเพราะแบบนั้นชายหนุ่มร่างสูงจึงฉวยโอกาสตอนอาร์มินเผลอเข้าชาร์ตทันทีเชือกสีเงินมากมายพุ่งออกมาพันรอบร่างเล็กๆนั่นเอาไว้?...เหมือนที่เคยพันรอบตัวเขาแต่จำนวนเยอะกว่ามากเพราะตอนนี้อาร์มินถูกมันพันเอาไว้จนแทบจะกลายเป็นดักแด้อยู่แล้ว?

"เฮ้อ~...เก่งใช้ได้เลยน้า...ตัวแค่นี้เล่นเอาเหนื่อยเลย"

ชายหนุ่มผมสีอ่อนนั่งยองๆลงตรงหน้าอาร์มินด้วยท่าทางสบายๆดูไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอย่างที่พูดเลยซักนิดเดียวมือภายใต้ถุงมือหนังสีดำเชยปลายคางของอาร์มินขึ้นมาแต่ใบหน้าน่ารักนั่นกลับสะบัดหนีอย่างไม่คิดจะเกรงกลัวทั้งๆที่ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบท่าทางไม่ยี่ระต่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปแบบนั้นยิ่งทำให้เอเลนทนต่อไปไม่ไหว ร่างโปร่งบางวิ่งเข้าไปตบหน้าอีกฝ่ายสุดแรงหวังจะเรียกสติของอีกคนให้กลับมาแต่ใบหน้าน่ารักกลับทำเพียงค่อยๆหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามเดิม?

"ทำไมล่ะอาร์มิน!!...นายทำแบบนี้เพื่ออะไร!?"

ไร้เสียงตอบรับใดๆหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากบางนั่นอาร์มินแล่บลิ้นออกเลียที่มุมปากของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มเยาะรสเค็มนิดๆทำให้รู้ว่ามันคงจะแตกเพราะแรงตบเป็นแน่

"ตอบมาเซ่!!"

"เพราะนายไง!....ฉันเกลียดนายพอใจรึยัง!!"

แต่คำตอบที่ได้ฟังกลับทำให้ใบหน้ารู้สึกชายิ่งกว่าโดนตบเป็นร้อยเท่าริมฝีปากขยับขึ้นลงคล้ายจะพูดอะไรแต่กลับไม่มีเสียงออกมา...จุกจนไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงออกมา...

เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามาทุกทีทำให้ชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีอ่อนแตะหัวไหล่บางเรียกสติคนที่ดูจะช็อคไปเลยให้กลับมาเข้าร่างอีกครั้ง

"เราต้องไปแล้วเอเลน"

"ไป!?...ตะ...แต่เพื่อนของผม!!"

"ฟังสิ...ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วเพื่อนนายจะไม่เป็นไร"

ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ของเอเลนขึ้นมาสะพายเอาไว้ก่อนจะกลับมาช่วยพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงให้ลุกขึ้น

"แต่ฉันไม่เคยเกลียดนายเลยอาร์มิน!!"  เอเลนหันมาตะโกนใส่เพื่อนร่างเล็กก่อนจะเดินไปตามแรงลากของชายหนุ่มอย่างกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างร่างกายมันล้าจนแทบจะขยับขาก้าวออกไปไม่ไหวหลายครั้งที่แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็ช่วยพยุงร่างโปร่งให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง...

"ทำไม...ถึงมาช่วยผมล่ะ?"

"มันเป็นหน้าที่น่ะถ้ารีไวล์สั่งฉันก็ต้องทำ"

"รีไวล์~..."  จริงสิเค้าก็บอกไปแล้วนี่นะว่าผู้ชายคนนั้นส่งมาแถมตัวเขายังเผลอคิดว่าเป็นคนๆนั้นซะอีกเพราะเส้นโลหะสีเงินที่มักจะพันแข้งพันขาบ้างรอบตัวบ้างนั่นแต่ทำไมถึงมาช่วยล่ะ?

"คุณ?..."

"ฉันฟาลันยินดีที่รู้จักเอเลน"

"คุณฟาลัน...เป็นลูกน้องของ...คุณรีไวล์เหรอครับแล้วทำไมถึงมาช่วยผม?"

"อืมเราเป็นเพื่อนกันน่ะแต่หมอนั่นก็คล้ายๆหัวหน้าทีมของฉันนั่นแหละส่วนเหตุผลที่มาช่วยเอาไว้ถามเจ้าตัวเองก็แล้วกัน"

"...ครับ..."  เอเลนได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจทั้งๆที่คิดว่าคงจะไม่ได้เจอคนๆนั้นอีกเป็นครั้งที่สองใบหน้ามนจึงได้แต่เหม่อลอยคืดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นอีกครั้งป่านนี้เพื่อนๆของเขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้แต่ที่ปวดใจมากที่สุด.....

"อย่าคิดมากเลยเพื่อนของนายไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอกเพราะถูกกระตุ้นด้านมืดในจิตใจน่ะแต่เค้าคงกลับไปเป็นคนเดิมไม่ได้อีกแล้ว"

"ครับ?.."

ถึงจะมีแต่คำถามผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมดแต่เอเลนกลับไม่มีแรงจะถามมันออกมาสองขาจึงได้แต่เดินไปตามที่ชายหนุ่มพยุงพาไป คุณฟาลันพาเขาเดินลัดเลาะไปตามชายป่าจนกระทั่งไปโผล่บนถนนสายเล็กๆและที่ถนนสายนั้นก็มีเก๋งสีดำคุ้นตาจอดรออยู่ก่อนแล้วและคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นและเพราะแบบนั้นทั้งความโกรธทั้งความน้อยใจถึงไปสุมเข้ามาจนใบหน้ามนได้แต่เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น....รู้อยู่แล้วสินะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดยับยั้งเอาไว้!...ใจร้ายที่สุด!!...

เอเลนถูกพาไปนั่งเบาะหลังของรถแต่ทั้งๆที่คิดว่าคุณฟาลันจะไปนั่งที่เบาะข้างคนขับกลับเดินไปที่ฝั่งคนขับแทน?..จะสลับที่นั่งกัน?

ใบหน้ามนมองทั้งสองคนด้วยความสงสัยแต่ไม่นานประตูที่เบาะหลังอีกฝั่งก็เปิดออกพร้อมๆกึบร่างสันทัดนั่นก้าวเข้ามานั่งข้างๆเขา!?...ใจอยากจะกระโดดลงจากรถไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่คุณฟาลันก็ออกรถไวซะจนใบหน้ามนแทบจะทิ่มเบาะตรงหน้าใบหน้ามนจึงได้แต่นั่งตัวลีบชิดประตูฝั่งของตัวเอง

นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเจ้าเด็กเหลือขอที่เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวเข้ารูปเปรอะไปด้วยเลือดนั่นอย่างไม่คิดจะเกรงใจสายตาไล่ต่ำลงมาจากใบหน้ามาหยุดที่แถวๆซอกคอและไหปลาร้าที่โผล่พ้นคอเสื้อจนเห็นไปถึงใหนต่อใหนนั่นเมื่อสายตาไปสะดุดกับร่องรอยบางอย่างเข้า ดูจากลักษณะของมันคงจะเป็นรอยจูบไม่ผิดแน่ถึงมันจะไม่ได้แดงช้ำเพราะคนที่ฝากมันเอาไว้คงไม่ได้ตั้งใจจะสร้างอาณาเขตแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแต่คงจะเผลอหรือลืมตัวไปตามแรงอารมณ์มากกว่าถึงมันจะบางเบาแต่กับผิวกายที่ขาวผ่องของเจ้าเด็กนี่แล้วมันกลับเด่นชัดจนอยากจะหัวเราะ

มีมลทินแล้วสินะเจ้าเด็กนี่?...

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร...มือถอดแจ็คเก็ตเข้ารูปสีน้ำตาลเข้มของตัวเองโยนไปคลุมหัวสีน้ำตาลทั้งๆที่ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกไปและแน่นอนว่าร่างโปร่งคว้ามันปากลับมาให้เขาอย่างไม่ใยดี

"หึ...ชั้นก็แค่ทนอุจาดตาไม่ไหวก็เท่านั้น"

"ผมไม่ตะ.....!?!"

คำพูดคำจาที่ไม่คิดจะรักษาน้ำใจกันทำให้ใบหน้ามนตวัดกลับมาจ้องอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพร้อมกับตวาดเสียงดังแต่ยังไม่ทันจะถึงครึ่งประโยคที่อยากจะว่าออกไปก็จำต้องหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายชี้ไปที่ซอกคอของตัวเองแต่สายตากลับมองมาที่!?...ซอกคอของเขา!?...

"เอ๊ะ!!?..."

กว่าจะรู้ตัวมันก็มักจะสายเกินไปเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้มือบางรีบควาเอาแจ็คเก็ตที่ตนเพิ่งจะปามันทิ้งมาคลุมตัวเองเอาไว้ด้วยใบหน้าที่แดงเถือกทั้งๆที่เมื่อเช้าอุตส่าห์ใส่เสื้อเชิ้ตทับมาแล้วแท้ๆแต่ดันมาลืมซะได้ว่าที่คอของตัวเองมี!.....อ๊ากกกก~บ้าที่สุดทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้ด้วยที่สังเกตุเห็น!!...ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้ด้วยที่ทำให้เขาขายหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก!...อย่างอิตานี่ต้องดูออกแน่ๆ!!!

บ้าจริงๆๆๆๆๆ!!!!!

มือบางดึงแจ็คเก็ตขึ้นมาปิดไปกว่าครึ่งของใบหน้าได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากหน้ารถส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆกลับไม่ยอมพูดหรือหัวเราะออกมาแต่คงต้องทำหน้าดูถูกอยู่เป็นแน่




เก๋งสีดำเลี้ยวเข้าไปจอดในโกดังร้างทางใต้ที่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรฟาลันลงจากรถไปแล้วเหลือเพียงเขากับร่างที่สลบไสลไปแล้วของเด็กนี่ถึงจะหลับไปแล้วแต่เจ้าตัวยังคงขดตัวอยู่ที่ประตูด้านข้างราวกับกำลังจะหลอมรวมกับมันแบบนั้นยิ่งทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจหน่ายๆก่อนจะจัดการช้อนร่างโปร่งนั่นขึ้นมาแล้วลงจากรถตามไปอีกคนด้วยท่าทางสบายๆทั้งๆที่อุ้มคนอยู่ทั้งคนแต่แทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย...เป็นนุ่นรึไงนะเด็กนี่?...ปรกติก็เป็นอยู่แล้วล่ะว่าดูบอบบางแทบจะไม่ถึงครึ่งของเขาแต่ไม่คิดว่าจะผอมแห้งได้ขนาดนี้ดูท่าว่ายัยเด็กหัวแดงที่อยู่กับเขายังจะหนักซะกว่า...

"มาแล้วๆ...เอ๋หลับไปหรอกเหรอเนี้ยว้าแย่จังว่าแต่เราจะไปกันเลยรึเปล่าล่ะรีไวล์~"

นึกถึงปุ๊บโผล่หัวมาปั๊บ...ยัยเด็กหัวแดงที่กำลังเกาะแขนเขาอยู่นี่แหละที่เขาพูดถึง

"อืม..เราจะไปแต่ต้องรอสักพัก"

ขาแข็งแรงพาเจ้าเด็กในอ้อมแขนเลี้ยวเข้าไปในห้องกระจกเล็กๆที่คาดว่าน่าจะเป็นออฟฟิศของที่นี่จะเรียกว่าห้องกระจกก็คงไม่ถูกนักเพราะมันเหลือแค่เศษซากเล็กๆตามกรอบหน้าต่างเท่านั้นแต่ที่ยังเห็นเป็นแผ่นใสๆอยู่นั่นเพราะฟาลันไปเอาม่านพลาสติกมาติดเอาไว้แทน

ร่างโปร่งถูกวางลงที่มุมห้องที่ฟาลันปูถุงนอนเอาไว้ให้และใช้กระเป๋าเป้ของเจ้าตัวแทนหมอนก่อนที่ทั้งสามคนจะยืนกอดอกมองไปที่ร่างที่ยังหลับไหลเป็นตาเดียวแต่คนละความรู้สึก

"หว๋า~...น่ารักมากๆเลยเน้อะฟาลันเสียดายไม่น่าหลับก่อนเลยฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนะ" เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มกระซิบกระซาบขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุ

"คงจะทั้งเหนื่อยทั้งอายน่ะเลยหลับลึกไปหน่อย"  เป็นชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีอ่อนที่พูดขึ้นด้วยใบหน้าอมยิ้มพรางเหล่มองเพื่อนร่างสันทัดตัวต้นเหตุไปด้วย

"หื๋ออ?...รีไวล์ทำอะไรงั้นเหรอ?"

"ไร้สาระน่าชั้นไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว!"

และไม่มีใครกล้าขัดขืนคำสั่งที่เปรียบเสมือนประกาศิตนั่นเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวเดินไปประจำหน้าแล็ปท็อปทั้งสามเครื่องของตัวเองทั้งๆที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสงสัยส่วนอีกคนเดินไปประจำเครื่องมือสื่อสารที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเหลือเพียงรีไวล์ที่ยังยืนกอดอกมองร่างโปร่งนั่นด้วยแววตาไร้อารมณ์ก่อนจะขยับกายไปนั่งลงข้างๆเพื่อนร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการจุลคคลื่นวิทยุ

"ฉันรู้นะว่านายเก่งแต่ไม่ใจเย็นไปหน่อยเหรอพวกนั้นรู้ตัวแล้วด้วยทางหนีของเรามันยิ่งจะน้อยลงนะ"

"ไม่หรอก...เราจะออกไปจากที่นี่พรุ่งนี้เช้า...หมอนั่นจะเปิดทางให้เรา"

"หมอนั่นจะเปิดทางให้เรา?...หมายถึงพี่ชายของ..."

"ใช่..."

"เอ๋~...จะเชื่อได้เหรอรีไวล์เรากำลังจะเอาตัวน้องชายเค้าไปนะ...เป็นกับดักม้าง~"

"ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่"

"งั้นก็แสดงว่าหมอนั่นกำลังจะหักหลังองค์กรงั้นเหรอ?..แล้วจะให้เราคุ้มกันเอเลนออกนอกประเทศให้ค่อยไปชิงตัวเอาหลังจากที่เราพาหนีออกไปได้แล้วอย่างงั้นใช่มั้ยรีไวล์"  ยัยเด็กหัวแดงยังวิเคราะห์สถานะการได้เฉียบคมเสมอถึงจะพูดมากไปบ้างแต่ถ้าหักลบกันแล้วก็ถือว่ายังพอรับไหว

"เด็กนั่นใจเด็ดมากแฮะที่คิดจะปิดฉากองค์กรด้วยตัวคนเดียว"

"เพราะ....ไม่สิทำไมนายไม่คิดในทางกลับกันบ้างล่ะฟาลันบางทีหมอนั่นอาจจะมีกองกำลังอยู่เป็นกองทัพเลยก็ได้นะหรือไม่ก็มีคคนฝีมือดีเทียบเท่ากันหนึ่งกองทัพก็ได้นายประมือมาแล้วหนิเป็นไงบ้างล่ะเด็กนั่น?"

"อา...ฝีมือพอตัวเลยถ้าเอเลนไม่ดึงความสนใจของเด็กนั่นออกไปฉันคงแพ้แน่"

"หว๋ากับคนที่ล้มทหารทั้งหนึ่งกองร้อยได้อย่างฟาลันยังสู้ไม่ไหวเลยเหรอเนี้ยสุดยอดๆ...แล้วพี่ชายของเอเลนล่ะรีไวล์!?"

"ก็สูสี.."

"พอๆกับรีไวล์เลยงั้นเหรอ?...เพราะแบบนั้นถึงได้มั่นใจสินะว่าจะชิงตัวเอเลนไปจากเราได้ทำไงดีล่ะ?"

"คิดว่าชั้นจะแพ้รึไง?...มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกน่า"

บบทสนทนายังดำเนินต่อไปทั้งๆที่พวกเขารู้สึกได้ว่าสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัย...เขาก็แค่เบื่อที่จะต้องอธิบายอะไรให้ใครฟังหัวดีอย่างเด็กนั่นคงพอจะจับต้นชนปลายหรือประติดประต่อเรื่องเองได้เพราะแบบนั้นใบหน้ามนถึงได้ขมวดคิ้วจนเป็นปม...

หมอนั่นที่พวกเขาหมายถึงคืออัลฟาไม่ผิดแน่แต่เก่งกาจอะไร?...ปิดฉากองค์กรหมายความว่าไง?...มีคนเท่ากับหนึ่งกองทัพนั่นมันอะไร?...อัลไปรู้จักคนมากมายขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?...หนึ่งกองทัพน่ะมัน45,000 คนเลยนะ?...ใหนจะเรื่องชิงตัวเขาอีกแล้วคนพวกนี้กำลังจะพาเขาไปใหนกันแน่?...

คิ้วเรียวยิ่งขมวดมากขึ้นเมื่อเรื่องที่ต้องหาคำตอบมันเต็มหัวไปหมดจนไม่ทันสังเกตุว่ามีใครมายืนอยู่ตรงหน้าตนจนกระทั่ง.....

ตุ่บ!

ถุงกระดาบสีขาวคาดดำหล่นลงมาตรงหน้าให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกและคนที่ไร้มายาทแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ชายหน้าปลาตายคนนี้ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นไปมองอย่างไม่สบอารมณ์นักแต่ก็ยอมยันตัวเองลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี

"ชั้นจะพาไปอาบน้ำ"

"บอกผมดีๆก็ได้นิไม่เเห็นต้องทำแบบนี้ผมไม่ใช่นักโทษของคุณนะ!"

"พอดีมันหลุดมือน่ะ...ไม่ได้ตั้งใจ"

"โกหก!"

อีกครั้งที่ผู้ชายคนนี้แค่ยักไหล่ใส่เขาก่อนจะเดินนำออกไปใบหน้ามนจึงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำหน้าย่นลุกตามไป ขาก้าวยาวๆให้ทันคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าแต่สายตากลับสอดส่องรอบๆตัวไปด้วยเท่าที่จะสามารถจดจำได้เพราะแสงไฟจากหลอดนีออนมันติดๆดับๆจนชักจะรู้สึกเวียนหัวสภาพระเกะระกะไม่เป็นระเบียบกับกลิ่นสาบแปลกๆที่ลอยมาเตะจมูกทำเอารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเอเลนรีบก้าวขาไปเดินข้างๆร่างสันทัดตรงหน้าเพราะรู้สึกอุ่นใจกว่าถ้าจะต้องเดินตามหลัง ในหนังแนวสยองขวัญไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องที่คนที่เดินอยู่ข้างหลังถูกลากตัวไปน่ะบางที....

"หึ.....ไม่มีเอเลี่ยนโผล่ออกมาหรอกน่า"

"ตะ...แต่อาจจะมีผีก็ได้ใครจะรู้!"

"เพ้อเจ้อ"

"คุณนั่นแหละ!"

ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านถูกหยุดเอาไว้ด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนจนได้แต่นึกเจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายรู้ทันแต่คนบ้าที่ใหนจะคิดว่าที่แบบนี้จะมีเอเลื่อนกันเล่า!

ขาทั้งสองคู่หยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำเก่าคร่ำครึที่มีเพียงคบเพลิงจุดเอาไว้มือหนาหยิบคบเพลิงขึ้นมาก่อนจะเดินนำเข้าไปที่ด้านในก่อนจะจุดอีกอันขึ้นในส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำที่มีเพียงเศษผ้าม่านที่เจ้าฟาลันหามาปิดเอาไว้แทนประตูเพราะประตูมันพังไปหมดแล้วถึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเปิดให้ยุ่งยากสายตาตรวจดูความเรียร้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรจึงหันมาผายมือให้กับคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องพร้อมกับเสียบคบเพลิงอีกอันไว้ให้

"นั่นคุณจะไปใหน?"  ขาที่กำลังจะก้าวออกไปข้างนอกจำต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าเด็กที่เพิ่งจะเข้าไปในห้องอาบน้ำโผล่หน้าออกมา

"ชั้นจะออกไปรอข้างนอก"

"ไม่นะ!...คุณต้องรออยู่หน้าห้องนี้สิถึงจะถูก!"

"ชั้นจะรอตรงใหนมันก็เรื่องของชั้นผิดตรงใหน?"

"ผิดสิ!...ก็ผมกลัวหนิถ้าคุณออกไปรอข้างนอกผมก็จะออกไปด้วย!"

ใบหน้าคมหล่อขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์ได้อยู่แล้วกับคำพูดเอาแต่ใจนั่นแต่ก็ยอมกลับมายืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างหน้าที่ตรงหน้าเจ้าเด็กแสบแต่โดยดี

"เร็วๆเข้าล่ะ!"  เขาบอกออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆแต่เด็กนั่นกลับมีรอยยิ้มซะใจอยู่บนหน้า?...ไม่ผิดแน่เจ้าเด็กแสบกำลังแกล้งเขาอยู่แน่!

ใบหน้ามนชะโงกหน้าลงไปดูในเจ้าถุงกระดาษใบใหญ่แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อในนั้นมีเสื้อกับกางเกงและของใช้ส่วนตัวไม่เว้นแม้กระทั่งชั้นใน?...ดวงตากลมโตหันกลับไปค้อนขวับให้กับคนที่อยู่หน้าห้องถึงเจ้าตัวจะไม่เห็นก็ตามที...ถ้าใส่ไม่พอดีละพ่อจะวีนให้กระจายเลยคอยดู!


  เงาไหววูบที่สะท้อนบนผืนผ้าหน้าห้องอาบน้ำทำให้ใบหน้าที่กำลังคิดแผนสำรองที่จะหลบหนีออกไปจากเมืองนี้ถ้าเกิดพรุ่งนี้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เงยขึ้นมามองแต่แล้วเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่ามันคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่!...เงาสะท้อนบนเศษผ้าที่กั้นประตูเอาไว้ทำเอาเขาถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นภาพของเด็กนั่นที่กำลังลูบไล้ฟองสบู่ไปตามเรือนร่างของตัวเองมันช่างเป็นอะไรที่.....รีไวล์สะบัดหน้าไปทางอื่นพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเองอย่างหัวเสีย...ไม่น่าหันกลับมามองเลยจริงๆให้ตายสิ!...แล้วทำไมต้องทำท่าอ่อยอิ่งขนาดนั้นด้วยเจ้าเด็กบ้า!...ที่ต้องหาเศษผ้ามากั้นไว้แบบนี้เพราะยัยหัวแดงนั่นทำใจอาบไม่ลงถ้าไม่มีประตูแต่นั่นน่ะผู้หญิงมันก็พอจะเข้าใจแต่กับผู้ชายเขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรถ้าอย่างเจ้าฟาลันหรือเขาจะมีเงาสะท้อนบนผืนผ้าแบบนี้ร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อแข็งๆแบบนั้นมันไม่น่ามองเลยสักนิดแต่เด็กนี่กลับต่างออกไปร่างกายที่เขาก็ได้เห็นได้สัมผัสมาแล้วและรู้ว่าผอมแห้งไม่มีอะไรน่าพิศมัยเลยสักที่แต่พอถูกมิติเคลื่อนไหวของคบเพลิงไปด้วยแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวแรกรุ่นเลยจริงๆถึงจะไม่มีส่วนที่นูนออกมาแต่ส่วนโค้งเว้าของเด็กนี่ธรรมดาเสียที่ใหน!!

"โฮ่ย...รีบๆเข้าเดี๋ยวก็ปอดบวมตายหรอก!"

"ห๊ะ!....ช่วยไม่ได้หนิตัวผมมันเปื้อนไปหมดเลยถ้าแค่อาบน้ำเข้านอนธรรมดาก็ไม่นานขนาดนี้หรอก"

ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!...แบบนี้มันบ้าจริง!...ใครไม่เป็นเขาไม่รู้หรอกว่าการเฝ้าเด็กนี่อาบน้ำมันน่าอึดอัดขนาดใหนไม่อยากรู้ไม่อยากมองเลยสักนิดแต่ทำไมดวงตากลับหรี่มองผ่านง้ามนิ้วไปจนได้ก่อนจะไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆๆจนมาหยุดที่เรียวขาที่โผล่พ้นชายผ้ามาจนเกือบถึงเข่านั่นก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกครั้ง

"ชั้นนับหนึ่งถึงสิบถ้านายไม่ออกมาล่ะก็!..."

"เสร็จแล้วๆ!!"  ได้ยินเสียงบิดก๊อกน้ำดังเอียดๆและเสียงกุกกักอยู่พักใหญ่และการรอคอยอันชวนหงุดหงิดของเขาก็สิ้นสุดลงเมื่อเจ้าเด็กแสบก้าวออกสายืนตรงหน้าเขา

"คุณไม่อาบเหรอ?...ผมรอได้นะ"

"ไม่เป็นไร...เดี๋ยวชั้นมาอาบทีหลัง"

"เถอะน่า...ผมไม่หนีไปหรอกถ้าคุณกลัวแบบนั้นล่ะก็"

"เดินไปได้แล้ว!...ชั้นไม่ได้กลัวอะไรแบบนั้นซะหน่อย"

มือหนาดันแผ่นหลังบางให้เดินนำหน้าออกไปใบหน้ามนจึงได้แต่หันมามองด้วยความสงสัยจนน่าหมั่นไส้!

"ดูนายจะไม่สะทกสะท้านเลยหนิ...ทั้งๆที่เจอเรื่องแบบนั้นมา"

"....!?"

ใบหน้ามนดูจะชะงักค้างไปแต่ไม่นานริมฝีปากอิ่มนั่นก็พูดออกมา...

"ไม่รู้สิ...ผมรู้สึกเศร้ามากๆเลยแต่ทำไมเรื่องพวกนั้นถึงค่อยๆหายออกไปจากใจของผมแปลกคนใช่มั้ยล่ะ?...ความสุขความเศร้าของผมอยู่กับตัวผมได้ไม่นานแต่ความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรกลับพยายามจะแทรกออกมาตลอดเวลา...และนั่นมันก็ทำให้ผมสับสนตลอดเวลาด้วยเช่นกัน"

"หึ...เพ้อเจ้อดูท่าว่านายคงจะดูหนังมากไปจริงๆนั่นแหละเหลวไหลจนกู่ไม่กลับแล้ว"

"คุณคิดว่างั้นเหรอ?"

"อื้อ"

เขารู้ดีอยู่แล้วว่าทำไมเด็กนี่ถึงได้รู้สึกแบบนั้นนั่นก็เพราะตัวตนอีกด้านกำลังหาพื้นที่ให้กับตัวเองไม่ผิดแน่...และเมื่อถึงตอนนั้นเอเลนที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็จะหายไปตลอดกาล...เหมือนกับเขา... .
.
.
.
.
.
.
.
....Tobecontinue!.......

กลับมาแล้วค่ะฮี่ๆ...รู้สึกผิดชอบกลแฮะที่หายไปเป็นอาทิตย์
นั่นก็เพราะเจ็บตามากค่ะ!...อิสยาเผลอหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ถอดคอนแทคเลนส์พอตื่นขึ้นมางี้เจ็บๆแสบๆมากๆๆค่ะจนต้องหยุดงานแทบจะทั้งอาทิตย์เลย..ตอนนี้ก็ยังมีอาการอยู่บ้างแต่เวลานั่งมองจอคอมหรือมือถือนานๆตามันก็จะแห้งและแสบๆคันๆขึ้นมาอีกหยอดตาไม่ได้ด้วยนะคะเพราะแสบมากตอนน้ขอบอกว่าตาแดงเป็นไฮเสะเลยอ่ะ...ใครที่ใส่คอนแทคเลนส์พึงระวังเอาไว้ด้วยนะคะมันทรมานจริงๆไม่ใช่เล่นเลยหมอบอกว่าถึงขั้นตาบอดได้เลยนะเออ...ตอนนี้ต้องใส่แว่นค่ะงดใส่คอนแทคไปอีกพักใหญ่เลยด้วยเหตุนี้คงต้องขออนุญาติเว้นระยะในการอัพฟิคเอาไว้อาทิตย์ละครั้งนะคะจนกว่าจะดีขึ้นโน่นแหละฮ่าๆๆๆ

อ้อ.อันนี้นี่ลืมไม่ได้เลยค่ะสำหรับคอมเม้นของชาวเด็กดี!!
ดีใจจนลอยได้จริงๆนะคะที่มีคนชอบคนติดตามผลงานเรายิ้มงี้แก้มปริเลยฮะฮะฮะ...แต่มันก็ทำให้ชักจะหวั่นใจว่าจะโดนดักตบป่าวว้าสำหรับใครที่จิ้นอัล???

แบบอัลฟานี่คิดขึ้นมาเพื่อเอาไว้ฆ่า?โดยเฉพาะจะได้ไม่รู้สึกเสียดายแต่ตอนนี้ชักจะฆ่าไม่ลงแบ้ววววฮือออ~~~~~จนตอนนี้คิดหนักมากค่ะว่าจะจัด3Pไปเลยเป็นไงแต่ไม่ไหวค่ะขนาดแค่คนเดียวก็แทบจะลากเลือดแล้นนนนนน~~
//หมายถึงฉากNCอ่ะนะคะ///ดูจากความสามาอันน้อยนิดของตัวเองแล้วเลยตัดทิ้งไปโดยปริยายยย...ส่วนรีไวล์นี่น่าหมั่นไส้ทั้งเรื่องค่ะต้องขอภัยถ้าไม่ใช่พระเอกในอุดมคติของใครหลายๆคนเพราะงั้นช่วยทนๆกับความติ้สของมันหน่อยนาคะ!!






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น