2 เม.ย. 2557

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow : 01

S.Fic Attack on titan [Levi x Eren] Rainbow : 01

:S.Fic Attack on titan Levi x Eren

:Rainbow  : 01

:Romantic

:NC-18





คำเตือน:บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายหากท่านใดไม่รู้หรือไม่พิศมัยกรุณากดเครื่องหมายกากบาทที่มุมขวาบนขอบคุณค่ะ






........คุณเคยหลงรักญาติของตัวเองมั้ย....
.
.
.
.
.
.....ผมหมายถึงญาติจริงๆสายเลือดเดียวกันน่ะ....
.....ตอนนี้ผม.....
.
.
.
.
....หลงรักเขาลูกพี่ลูกน้องของผม....
.
.
....มันน่าเศร้าใช่มั้ยล่ะ.....
.
.
.Eren
24/Nov/2XXX







"เอเลนแต่งตัวเสร็จรึยังลูกสายมากแล้วนะเดี๋ยวจะตกเครื่องเอา"

เสียงของหญิงวัยกลางคนร้องเรียกบุตรชายคนเดียวของเธอและไม่นานนักเด็กหนุ่มร่างผอมบางก็วิ่งหน้าตั้งลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนจนหญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมนิดๆ
"ผมไปหาพี่ก่อนนะครับแม่เค้าไม่ยอมไปส่งผมด้วยเค้าบอกผมเมื่อวาน!!!"

"รีบไปรีบกลับนะลูกสายมากแล้วเอะ......ฮึ่มเด็กคนนี้นี่จริงๆเล้ย"
เธอได้แต่ถอนหายใจตามหลังลูกชายคนเดียวที่วิ่งพรวดพราดออกไปตั้งแต่เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคถึงจะเป็นแบบนี้บ่อยครั้งมันก็ยังไม่ชินที่จะให้เด็กที่ร่างกายไม่แข็งแรงวิ่งพรวดพราดออกไปแบบนี้เพราะหากหกล้มเป็นแผลเพียงแค่นิดเดียวมันก็จะเป็นอันตรายมากสำหรับคนที่เป็นโรคฮีโมฟีเลีย(หรืออาการที่เลือดไหลไม่ยอมหยุด)อย่างลูกชายของเธอเพราะแบบนั้นเธอถึงได้คอยประคบประหงมเด็กคนนี้อย่างดีที่สุดแต่เพราะอยู่ด้วยกันเพียงสองคนมันจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควรที่จะต้องเลี้ยงเด็กซนๆคนนึ่งไม่ให้เกิดบาดแผลเพราะสามีของเธอเป็นนักการทูตจึงต้องไปประจำการที่ต่างประเทศนานๆครั้งถึงจะได้อยู่กันพร้อมหน้าและเพราะลูกชายของเธอเป็นแบบนี้เธอกับเอเลนถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่ไม่อยากให้เอเลนต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆจึงไม่ติดตามสามีของเธอไปสองสามปีมานี่ก็สบายหน่อยตั้งแต่พี่ชายของเธอเธอย้ายมาอยู่บ้านข้างๆหรือจะพูดอีกอย่างก็คือลุงของเอเลนนั่นเองที่คอยช่วยดูแลและคอยขู่เข็นไม่ให้เจ้าตัวดีเล่นซนจนเกินเหตุและดูเหมือนจะได้ผลดีซะด้วย....แต่จะว่าไปแล้วไม่ใช่ลุงของเอเลนหรอกนะที่คอยดุและดูแลเด็กคนนี้ช่วยแต่เป็นเด็กหนุ่มลูกชายคนเดียวของลุงเค้าต่างหาก
ถึงอายุจะต่างกันถึงสิบกว่าปีแต่ทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีมากทีเดียวเพราะแบบนี้เธอเลยพอจะอุ่นใจได้บ้าง

ร่างผอมบางที่ผิวพรรณขาวจนซีดเพราะไม่ค่อยจะได้โดนแสงแดดสักเท่าไหร่วิ่งเข้าไปในบ้านสไตล์เมดิร์นหลังใหญ่ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
"พี่ครับ!!!...พี่รีไวล์อยู่ใหนครับ???"
ทั้งๆที่พึ่งจะวิ่งเข้ามาแต่เสียงใสๆก็ดังมาตั้งแต่ยังไม่เข้าไปข้างใน
"อ้าวเอเลน!!!...อย่าวิ่งสิเดี๋ยวก็หกล้มหัวร้างข่างแตกกันพอดี"
เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้ใบหน้ามนหันควับกลับไปทันทีทั้งๆที่คิดว่าเป็นคนที่ตัวเองกำลังตามหาแต่กลับไม่ใช่ซะงั้น
"อ๊ะคุณลุง!!..พี่อยู่มั้ยครับ??"
ชายสูงวัยยิ้มอ่อนโยนเดินเข้ามาหาร่างผอมบางก่อนจะขยี้หัวสีน้ำตาลเข้มเบาๆ
"รีไวล์เค้ามีงานด่วนเข้ามาน่ะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว"
และเพียงแค่นั้นใบหน้ามนที่ดูตื่นๆในตอนแรกก็สลดลงทันทีทันใดนัยน์ตาสีเขียวมรกตสั่นระริกคลอน้ำจนแทบจะเอ่อล้นออกมามือหนาบนหัวสีน้ำตาลขยี้เบาๆอีกครั้งแทนคำปลอบใจ
"ไม่เอาน่าเอเลนสิบแปดแล้วนะไม่ใช่เด็กอย่าขี้แยสิไม่ใช่จะไม่เจอกันอีกซะหน่อยแค่สี่ปีเองมันไวเหมือนโกหกเลยนะ...บางทีรีไวล์อาจจะไปดักรอที่สนามบินแล้วก็ได้"
หน้ามนเงยขึ้นมองคนสูงวัยอีกครั้งก่อนที่หยดน้ำใสๆจะไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่จนมือบางต้องรีบยกขึ้นมาปาดออกลวกๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับมันเพราะถึงยังไงมันก็จะยังไหลลงมาไม่หยุดอยู่แล้ว

"พี่เค้าคงเกลียดผมแล้วล่ะครับคุณลุงถึงไม่ยอมเจอผมอีก"
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเอเลนรีไวล์เค้าไม่มีวันเกลียดเอเลนอยู่แล้วเค้ารักเอเลนมากนะ"
"จริงเหรอครับคุณลุง!!!"
ชายสูงวัยยิ้มอ่อนโยนให้เด็กหนุ่มอีกครั้งเพราะเชื่อว่าลูกชายของเขาไม่เคยเกลียดร่างผอมบางนี่แน่นอนถถึงพักหลังมานี่จะดูเหินห่างกันไปบ้างก็เถอะ
"แน่นอนลุงไม่โกหกอยู่แล้วรีบไปเถอะเดี๋ยวจะตกเครืองเอา....ตั้งใจเรียนเข้าหล่ะจะได้รีบกลับมาหาพี่เค้า"
"ครับ!!!"
นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอประกายขึ้นมาอีกครั้งถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ชายหนุ่มคนนั้นจะยังรักเขาอยู่เพราะถูกพี่ชายที่เขาหลงรักมาตลอดสามปีปฏิเสธเอาซะแล้วถ้าหากวันนั้นเขาไม่สารภาพออกไปพี่ชายของเขาคงไม่หลบหน้าเขาแบบนี้
........มันเป็นความผิดของเขาที่พูดคำๆนั้นออกไปแต่เพราะเขาอยากจะให้ทุกอย่างมันชัดเจนเขาไม่อยากแอบรักข้างเดียวอย่างนี้อยากให้เค้าคนนั้นรับรู้ว่าเขารักพี่ชายต่างพ่อของเขามากขนาดใหนถึงแม้ว่าพี่ชายของเขาจะไม่ปฏิเสธด้วยวาจาแต่ตอนนี้กลับปฏิเสธด้วยการกระทำแทนซะอย่างงั้นแบบนี้มันเจ็บกว่าได้ยินคำปฏิเสธยิ่งกว่าเป็นใหนๆเลยด้วยซ้ำ

.
.
.
.
.
......ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนพิงเสาขนาดใหญ่ของสนามบินเอาไว้เหมือนกำลังรอใครสักคนจนในที่สุดร่างผอมบางที่อยู่ในห้วงคำนึงก็เดินเข้ามาจากประตูของลานจอดรถเขาจึงรีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางก่อนที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าจะจ้องมองไปยังร่างผอมบางด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกใบหน้าคมหล่อเหลายังคงนิ่งสนิทแต่ในใจกลับไม่สงบเหมือนใบหน้าเพราะตอนนี้ในใจของเขากำลังร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูกตอนนี้เขารู้สึกยังไงไม่มีใครรู้เพราะเขาจะเก็บมันเอาไว้และจะไม่มีวันบอกให้ใครได้รับรู้เเขาจะปล่อยให้มันตายไปพร้อมๆกับตัวเองเท่านี้ก็พอแล้ว
"รีไวล์ต้องไปแล้วเสร็จธุระรึยัง?"
เสียงจากเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่หูดังขึ้นทำให้ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหลุดออกจากภวังค์นัยน์ตาสีขี้เถ้าหันไปมองร่างผอมบางนั่นอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากมา
"ฉันกำลังไป..."



.
.
....."มองหาใครกันลูกพี่เค้าคงยุ่งมากเลยไม่ได้มาส่งเราเอาไว้ไปถึงแล้วค่อยโทรกลับมาหาก็ได้นี่"
ถึงแม่ของเขาจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ไม่ช่วยให้ร่างผอมบางรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยนัยน์ตาสีมรกตยังคงสอดส่องมองหาคนที่อยู่ในห้วงคำนึงอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า
"พี่!!!"สองขาเรียวยาวพาตัวเองวิ่งออกไปจากม้านั่งทันทีนัยน์ตาสีเขียวมรกตยังจับจ้องอยู่ที่ด้านหลังของใครคนนั้นหัวรองทรงสีดำปีกกาที่ไถเกรียนครึ่งล่างแบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก!!!
"พี่ครับ!!!!....รอผมก่อนสิครับพี่รีไวล์!!!"
เสียงใสๆที่ตะโกนเรียกชื่อของเขาทำให้สองขายาวชะงักทันทีก่อนจะกลั้นใจก้าวขาเดินออกไปอีกครั้งเสียงใสๆที่เริ่มสั่นเครือยังตะโกนไล่หลังของเขามาจนกระทั่งมือแข็งแรงเปิดประตูรถตู้สีดำสนิทที่จอดรอที่หน้าทางออกก่อนจะเข้านั่งเบาะข้างๆคนขับแล้วออกตัวไปทันที

ร่างผอมบางที่หอบหายใจหนักหน่วงยังคงวิ่งสุดกำลังก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกลางถนนหน้าทางเข้าอย่างหมดแรงเสียงร้องไห้ผสมผสานไปกับเสียงสะอึกสะอื้นเป็นที่เวทนาต่อสายตาของผู้พบเห็นยิ่งนักริมฝีปากบางยังร่ำร้องเรียกชื่อของผู้เป็นที่รักไม่ขาดปากจนผู้โดยสารหลายคนยืนจ้องมองภาพของร่างผอมบางที่ยังนั่งร่ำไห้ด้วยความสงสารแต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ใหนกำลังใจหลายคนเดินเข้ามาตบหัวไหล่มนเบาๆปลอบใจ
"เอเลน!!!!...ไม่เป็นไรนะลูก!!!"
หญิงสาววัยกลางคนวิ่งเข้าไปกอดร่างผอมบางเอาไว้มือข้างนึ่งลูบแผ่นหลังบางเบาๆเพราะเธอเข้าใจดีว่าลูกชายของเธอเสียใจมากขนาดใหนทั้งๆที่เฝ้ารอมาตลอดเวลาแท้ๆถึงเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้หลบหน้าลูกชายของเธอทั้งที่เคยสนิทสนมกันมากขนาดนั้นแต่ชายหนุ่มเองก็คงจะมีเหตุผลของเขาก็ได้
"เอเลนพี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้หรอกลูกคงจะมีงานด่วนเลยรีบไป"
"ตั้งใจสิแม่!!!!...พี่เค้าตั้งใจหลบหน้าผมๆเกลียดพี่ที่สุดเลย!!!!!...เกลียด....ฮึก"
"โธ่!!เอเลน...."
"ผมเกลียดเค้า!!เค้าไม่ใช่พี่ผมอีกต่อไป!!!!!"
.
.
.
.
. .





.
.
.
       เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกทั้งๆที่ยังไม่ทันลืมเลือนอะไรไปได้เลยสักอย่าง
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างในห้องทำงานชั้นบนสุดของกองกำลังป้องกันตัวเองทางบก
แววตานั้นดูว่างเปล่าและเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
สี่ปีแล้วที่เขาย้ายตัวเองมาที่นี่.....ที่กองกำลังป้องกันตัวเองทางบกของภาคเหนือที่มีฐานทัพอยู่ที่แคว้นเรอูนียงเหนือสุดของฝรั่งเศสและมันก็เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะได้ทำหน้าที่อยู่ที่นี่...อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องย้ายกลับไปที่ฐานทัพกลางที่ปารีสอีกครั้งและนั่นมันคือสิ่งที่กำลังกวนใจของเขาในตอนนี้....เขาไม่อยากกลับไปที่นั่นอย่างน้อยก็ในตอนนี้ตอนที่อดีตมันจะย้อนกลับมาอีกครั้งถึงจะแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความจริงในตอนนี้
"รีไวล์จะไปกันรึยัง?"เสียงกังวานแสบแก้วหูตะโกนเรียกชายหนุ่มจากประตูห้อง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าชำเรืองมองน้อยๆก่อนจะหันกลับมาสนใจวิวตรงหน้าเหมือนเดิม
"เดี๋ยวฉันตามไป" น้ำเสียงทุ้มเย็นที่นิ่งสนิทตอบออกไปเพียงสั้นๆและไม่ต้องการจะรับรู้อะไรอีกากไม่ติดว่า
"ไปพร้อมกันเถอะรีไวล์....ทนหน่อยงานเลี้ยงอำลานายนะ"
เจ้าของเสียงทุ้มใหญ่เดินเข้ามายืนข้างๆเพื่อนสนิทร่างกระทัดรัดที่ยังไม่คิดจะกระดิกตัวไปใหน
"มันก็รวมพวกนายด้วยไม่ใช่รึไง??"
"หึหึ...ก็นะว่าแต่ยังหลงไหลวิวตรงนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยนะนาย....ไปกันเถอะเด็กๆคงรอแย่แล้ว"
มือหนาวางลงบนบ่าของร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครพร้อมกับบีบเบาๆก่อนที่ทั้งสองร่างจะพากันเดินออกไปจากห้องที่เขาจะไม่ได้กลับเขามาอีกแล้ว
เสียงสวรเสเฮฮาดังกึกก้องไปทั่วลานกว้างของสนามหญ้าหน้ากองบัญชาการขาทั้งสามคู่เดินเข้ามาในพื้นที่บริเวณงานด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
ชายหนุ่มร่างงสูงใหญ่เรือนผมสีทองยิ้มนิดๆแต่นั่นก็หมายความว่าเขากำลังมีความสุขส่วนชายหนุมร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครมีสีหน้าที่นิ่งสนิทออกจะบูดนิดๆเหมือนกำลังเบื่อโลกและนั่นมันก็หมายถึงว่าเขากำลังเบื่ออยู่จริงๆผิดกกับหญิงสาวที่สวมแว่นหนาเตอะดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษและเป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นจนออกนอกหน้านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องมองเพื่อนร่างกระทัดรัดบ่อยครั้งพอเห็นท่าทางเเบื่อโลกแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้
"รีไวล์ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยงานเลี้ยงน้าไม่ใช่งานศพ...ฮ่าๆๆ"หญิงสาวหนึ่งเดียวของกองวิทยาศาสน์การแพทย์ของกองกำลังป้องกันตัวเองทางบกที่หลงไหลเลือดเนื้อและเครื่องในของมนุษย์แซวขึ้นอย่างคนไม่กลัวตาย
"หุบปากเน่าๆของเธอไปซะยัยแว่นผี"
แต่อีกคนก็สวนกลับได้อย่างทันควันแทบจะไม่ผ่านสมองคิดเลยซะด้วยซ้ำ
"แหมๆก็นายทำหน้าแบบนั้นทำเหมือนไม่อยากจะกลับไปปารีสอย่างงั้นแหละ.....รึว่าไม่อยากกลับไปเจอน้องชายสุดน่ารักคนนั้นรึเปล่านะคนที่นั่งร้องไห้ที่สนามบินน่าสงส้ารน่าสงสะ...."
อ๊อกกกกกก!!!
สาวแว่นมีโอกาสได้พูดเพียงแค่นั้นท่อนขาแข็งแรงก็ลอยมาปะทะท้องท้องเข้าเต็มๆ
"โอ้ยยย!!??....ฮ่าๆๆๆ"
"ฉันบอกให้เธอหุบปากถ้ายังไม่เข้าใจฉันก็จะสงเคราะห์ให้ยัยแว่น!!"
ฝ่าเท้าหนักหน่วงลอยไปอีกครั้งหวังจะเอาให้ตายที่มาจี้ใจดำของตัวเองเข้าถ้าไม่ติดว่ามือหนาของเพื่อนสนิทร่างสูงคว้าหัวไหล่ของเขาเอาไว้ซะก่อน
"พอเถอะเดี๋ยวฮันซี่ก็ตายก่อนพอดี...นายก็น่าจะหาใครซักคนได้แล้วนะเผื่อจะช่วยให้ลืมน้องชายนายได้บ้างเพทราก็ไม่เลวนะ?"
"นายก็เป็นไปกับเค้าด้วยรึไงเอลวินไร้สาระฉันไม่เอาใครหานั้น"
"ฮ่าๆๆๆ...รักเดียวใจเดียวซะงั้นแล้วไหงปล่อยให้เขาร้องไห้จะเป็นจะตะ..อ๊ะๆๆ"
คราวนี้สาวเจ้าม้วนตัวหลบได้แบบเฉียดฉิวเมื่อฝ่าเท้าหนักๆลอยมาอีกครั้งแต่ก่อนที่มันจะกระทืบลงไปอีกครั้ง
"นั่น!!!...หัวหน้าเอลวินกับหัวหน้ารีไวล์มาโน่นแล้วผู้บังคับหมู่ฮันซี่ด้วย!!!"
เสียงตะโกนเรียกจากลูกน้องใต้บังคับบัญชาทำให้ฝ่าเท้าหยุดค้างกลางอากาศก่อนจะหันกลับไปแล้วก้าวขาเข้าไปในงานต่อปล่อยให้สาวแว่นม้วนหน้าม้วนหลังเล่นอยู่คนเดียวและดูเหมือนเหล่าลูกน้องจะไม่ได้ตกอกตกใจกับภาพที่เห็นเพราะมันกลายเป็นเรื่องปรกติในชีวิตประจำวันของคนทั้งสามไปเรียบร้อยแล้ว

.
.
..
.
...
.
.
.
.Tobecontinue.............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น