:Who own my heart?? : 05
:Fanfiction Attack on titan[LevixEren]
:Romantic
:NC-15
คำเตือน : บทความต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายท่านใดไม่ต้องการรับรู้กรุณากดปิดขอบคุณค่ะ
แสงแดดยามสายสาดส่องไร้เมฆบดบังเหมือนเช่นทุกวันสายลมเย็นๆก็ยังคงหอบกลิ่นหอมสดชื่นอยู่เหมือนเช่นเคย....ร่างโปร่งบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสีดำพอดีตัวเหมือนเช่นทุกวันเช่นกันกำลังนั่งตัวเกร็งอยู่บนหัวเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มโดยที่เจ้าของมันนั่งกอดอกมองอยู่บนขอบรั่วสีขาวยาวสุดลูกหูลูกตาพรางยิ้มน้อยๆกับท่าทางแข็งเป็นรูปปั้นของเจ้าเด็กเหลือขอทั้งๆที่บอกว่าอยากจะหัดขี่ม้าแต่แค่ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็กลายเป็นซะอย่างงึ้ไปเแล้ว
"คุณรีไวล์คร้าบบ~~ไม่ไหวหรอกเจ้าม้าไม่ยอมกระดิกเลยนะครับ!!"
"ใช้แส้ตีที่สีข้างมันเบาๆสิชั้นบอกแล้วไม่ใช่รึไง?"
"เบาขนาดใหนกันล่ะครับใครจะกะแรงถูกกันเล่า??"
"ถ้างั้นจับแน่นๆล่ะ"
ใบหน้ามนพยักรับแข็งขันพร้อมๆกับหันไปสนใจบังเหียนในมือในใจก็พยายามจำสิ่งที่อีกคนสอนมาให้ขึ้นใจแต่ยังไม่ทันจะท่องได้จบเสียงหวีดหวิวก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มก็วิ่งออกไปทันทีจนคนที่คิดว่าเตรียมตัวดีแล้วถึงกับผวากอดแผงคอของมันเอาไว้แน่น
"หว๋า~~~คะ....คุณรีไวล์~~~เร็วไปแล้วนะคร้าบบบ!!!"
สองแขนผอมบางกอดรอบคอของเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มเอาไว้แน่นใบหน้ามนหลับตาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปข้างหน้าแต่ไม่นานเจ้าม้าพยศก็หยุดลงพร้อมๆกับรู้สึกถึงแรงขยี้ที่หัวของตัวเอง
"ลืมตาได้แล้วไอ้เด็กเหลือขอ!!"
เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นมาที่ข้างหูทำให้นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะยิ้มแหยๆแก้เก้อเมื่อสายตาคู่คมจ้องหน้าตัวเองไม่กระพริบ
"ก็ผมกลัวนี่คร้าบ~~"
"หึ...จับให้แน่นๆล่ะนั่งตัวตรงด้วย"
"คระ....ครับ!!"
แล้วหังเหียนในมือก็ถูกแย่งไปก่อนที่ชายหนุ่มจะจูงเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มเดินช้าๆไปตามถนนที่ปูด้วยกรวดสีขาวละเอียดยาวไปจนถึงถนนคอนกรีตที่ไม่ได้กว้างมากมายพอแค่รถสวนกันได้เท่านั้น
นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองใบหน้าคมหล่อเหลาของคนที่ใจดีกับตัวเองเป็นที่สุด...แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ตัวเองตกหลุมรักได้ยังไงกัน...
"ผม....ชอบคุณรีไวล์นะครับ...."
"......พูดมากไปแล้วไอ้เด็กเหลือขอ..."
"ฮะฮะ....ก็ผมอยากจะบอกคุณทุกวันนี่ครับ....เพื่อยืนยันความรู้สึกของผมว่ามันไม่ใช่แค่หลงไหล"
".........."
ใบหน้ามนจ้องมองใบหน้าที่เรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆออกมาเลยสักอย่าง....จะรักหรือจะเกลียดเขากันนะ...คุณรีไวล์....ให้โอกาสผมบ้างนะครับอย่าใจแข็งนักเลย..
ใบหน้ามนจ้องอยู่แบบนั้นเนิ่นนานกว่าจะละสายตาไปมองนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่กำลังเก็บภาพความสวยงามของทุ่งลาเวนเดอร์สีอำพันก่อนสายตาจะสะดุดกับนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินตามหลังคุณแม่ของคุณรีไวล์อยู่ไกลๆที่กำลังตรงมายังพวกเขา
"คุณแม่ของคุณรีไวล์พาแขกมาพักที่นี่ด้วยเหรอครับก่อนหน้าผมไม่ยักกะเคยเห็น"
"คงจะขอมาถ่ายภาพน่ะเพราะแขกจะพักกันที่รีสอร์ทฝั่งโน้น"
"งั้นเหรอครับ...ตรงนี้ที่ส่วนตัวสินะครับ"
"ก็แค่ตอนที่ชั้นกลับมาเท่านั้น...ถ้าชั้นกลับไปแล้วแม่ก็คงจะให้แขกมาพักบ้างล่ะมั้ง"
"จะว่าไปคุณรีไวล์กับคุณแม่ไม่เหมือนคนฝรั่งเศสเลยนะครับ...ทั้งรูปร่างทั้งหน้าตา....ออกไปทางเอเชียมากกว่า"
เพราะพึ่งจะได้สังเกตุคนทั้งสองจริงจังก็วันนี้...นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองไปยังหญิงสาววัยกลางคนที่เรือนผมสีดำสนิทอีกทั้งยังรูปร่างเล็กผิดจากไซส์คนฝั่งยุโรปทั้งผิวพรรณที่ขาวอมชมพูทั้งหน้าตาที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนแถบนี้ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองคนที่ยังจูงเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มให้ตัวเองขี่ที่ดูไม่ได้ต่างไปจากผู้เป็นมารดาเลยสักนิด
"..........แม่ชั้นเป็นคนเอเชีย....แต่ที่ท่านยังอยู่ที่นี่แทนที่จะกลับบ้านเกิดของตัวเองเพราะท่านไม่อยากอยู่ห่างจากพ่อของชั้นคงกลัวท่านจะเหงา"
"แล้วคุณพ่อคุณรีไวล์ล่ะครับ???...จะว่าไปผมก็ยังไม่เห็นท่านเลยนะครับ??"
"เค้าจากไปหลายปีแล้วล่ะ"
"อ๊ะ!!!...ขะ...ขอโทษนะครับ!!!"
ใบหน้ามนมีสีหน้าสำนึกผิดขึ้นขึ้นมาทันทีที่รู้ตัวว่าเริ่มจะพูดมากเกินไป...แต่เพราะอยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของอีกคนให้มากขึ้นก็เท่านั้น...แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักใบหน้าคมหล่อเหลายังคงเรียบเฉยพร้อมๆกับตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
"ไม่ต้องใส่ใจ"
".......น่าอิจฉาคุณพ่อของคุณรีไวล์จังเลยนะครับ...โรแมนติกมากเลยนะครับความรักที่มั่นคงของคุณแม่...เป็นผมก็คงจะทำเหมือนกับที่คุณแม่ทำแน่นอนครับอยู่ข้างๆคุณตลอดไป...ได้มั้ยครับ??"
"....."
ไม่คำตอบใดๆเล็ดลอดออกจากปากของอีกฝ่ายริมฝีปากบางจึงได้แต่คลี่ยิ้มบางๆอย่างทำใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะท้อถอยก็ในเมื่อคุณรีไวล์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมาสักคำมันก็ยังพอจะมีหวังอยู่บ้างถึงจะไม่รู้ว่ามันจะสว่างไสวหรือริบรี่ก็ตามที
...นัย์ตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างที่สุดกว่าครั้งใหนๆ...จู่ๆหัวใจที่เคยด้านชาก็เต้นโครมครามซะจนกลัวว่าเจ้าคนหน้าซื่อตาใสจะได้ยินเข้าแต่มันก็อดที่จะดีใจไม่ได้กับเพียงแค่คำพูดที่แทบจะไม่ผ่านสมองส่วนใหนคิดของเจ้าเด็กเหลือขอนี่...แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถปักใจเชื่อคำพูดที่อาจจะกลายเป็นแค่ลมปากในวันข้างหน้า......เด็กนี่ยังต้องรู้จักโลกให้มากกว่านี้....อย่างน้อยในวันข้างหน้าเจ้าเด็กเหลือขอนี่อาจจะค้นพบสิ่งที่หัวใจของตัวเองต้องการก็เป็นได้...เขาจะไม่กักขังเด็กนี่เอาไว้เพียงเพราะความต้องการของตัวเองให้เวลาเป็นเครื่องยืนยันอาจจะดีที่สุดสำหรับพวกเขาสองคน
"เอเลน!!!!!"
เสียงทุ้มกังวานของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้สองคนที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองหลุดออกจากภวังค์....ชายหนุ่มหยุดอยู่กับที่ก่อนจะหันกลับไปก่อนจะหรี่ตาน้อยๆมองเด็กทั้งสามคนที่เดินตามหลังแม่ของตัวเองมา...คนด้านบนหลังม้าเองก็ไม่ต่างกันใบหน้ามนถึงกับนิ่งค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
".....มิคาสะ แจน อาร์มิน!!!!!!!"
"เอเลนนายไม่เป็นไรใช่มั้ยฉันเป็นห่วงนายจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!!!!"
เด็กหนุ่มร่างสูงวิ่งเข้ามารั้งร่างโปร่งบางลงมาจากหลังม้าก่อนจะกอดเอาแน่น...ริมฝีปากหนาพรมจูบลงไปบนขมับของอีกคนซ้ำๆโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนข้างๆที่จ้องมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก...แต่กับร่างโปร่งบางแล้วไม่ใช่สองมือบางรีบผลักร่างสูงของนักร้องหนุ่มออกจากตัวเองทันทีที่สบกับสายตาคู่คมนั้นเข้า
"ปล่อยฉันไอ้บ้าแจน!!!"
สองมือยังผลักไสอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตายและยิ่งถูกสายตาคู่คมที่อ่านไม่ออกจ้องมองอยู่แบบนี้แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะสู้ร่างสูงไม่ได้เลยยังดีที่พี่สาวต่างสายเลือดเข้ามากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายออกให้
"อย่ามาแตะต้องน้องชั้นไอ้หน้าม้า!!!"
"อะ...เอ่อทุกคนนี่คุณรีไวล์คนที่ช่วยฉันเอาไว้แล้วนี่คุณแม่ของคุณรีไวล์"
ใบหน้ามนที่เริ่มถอดสีรีบเปลี่ยนเรื่องหวังจะให้อีกคนเปลี่ยนอารมณ์ตามถึงจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ก็เถอะ ทั้งสามคนก้มโค้งให้ทั้งสองคนอย่างรู้สึกขอบคุณ...จะยกเว้นก็แต่เด็กหนุ่มร่างสูงที่จ้องมองชายหนุ่มอย่างรู้สึกขัดใจเพราะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวของร่างโปร่งบางถึงแม้อีกคนจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาก็ตาม
"ขอบคุณมากนะค่ะที่ดูแลน้องชายของฉันเป็นอย่างดี"
"เอเลนคงจะรบกวนคุณมากเลยนะครับต้องขอโทษด้วย"
เด็กหนุ่มร่างเล็กเรือนผมสีทองกับเด็กสาวพี่สาวต่างสายเลือดก้มหัวขอโทษคุณแม่กับชายหนุ่มอีกครั้ง
"ไม่เป็นไร"
"ใช่จ๊ะไม่ได้ลำบากอะไรเอเลนน่ารักมากเลยหล่ะ....ใหนๆก็อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วก็อยู่เที่ยวกันก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้ารบกวนเปล่าๆแค่เอเลนคนเดียวก็มากพอแล้ว"
"หึหึ...ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะอย่าปฏิเสธเลยป้าเต็มใจอยู่แล้วยิ่งเป็นเพื่อนของเอเลนด้วยแล้วห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะจ๊ะ"
"ถ้างั้นรบกวนด้วยนะค่ะคุณป้า....คุณรีไวล์"
"....ไม่เป็นไร"
ชายหนุ่มพยักหน้าให้เด็กสาวก่อนจะกระโดดขึ้นม้าไปปล่อยให้ใบหน้ามนมองตามแผ่นหลังที่ไม่ได้กว้างมากมายแต่อบอุ่นยิ่งกว่าใครด้วยความกังวลใจกลัวว่าอีกคนคิดมากหรือว่าโกรธตัวเองเข้าให้แล้วก่อนจะเดินตามหลังคุณแม่ของชายหนุ่มเข้าไปในบ้านโดยมีเด็กหนุ่มร่างสูงคลอเคลียอยู่ข้างๆถึงอย่างนั้นก็อดที่จะหันไปตามแผ่นหลังของอีกคนที่ไกลออกไปทุกทีไม่ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
......เสียงหัวเราะผสมผสานไปกับเสียงต่อล้อต่อเถียงดังแว่วมาจากห้องครัวทำให้สองขาแข็งแรงหยุดชะงักนิดหนึ่งเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าเขามีแขกมาเพิ่มอีกสามคนก่อนจะก้าวเข้าไป...และทันทีที่เขาเข้าไปในห้องครัว
"คุณรีไวล์กลับมาแล้วเหรอครับ!!!"
เจ้าคนที่เอาแต่นั่งจ้องประตูวิ่งเข้ามาเกาะแขนของเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนกับลูกหมาดีใจที่เจอเจ้าของไม่มีผิดจนอดไม่ได้ที่จะขยี้หัวสีน้ำตาลเข้มอย่างนึกหมั่นเขี้ยวและลืมไปแล้วว่ามีสายตาอีกสี่คู่ที่จ้องมองพวกเขาด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน
และหนึ่งในนั้นแผ่รังสีอำมหิตออกมาจนเขารู้สึกได้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบไปสบกับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่กำลังนั่งกัดฟันจนเส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นก่อนจะเดินไปร่วมวงอาหารมื้อเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉยและแน่นอนว่าเจ้าลูกหมาตัวโตก็ยังเกาะแขนเขาแน่นโดยไม่คิดจะสนใจสายตาของเด็หนุ่มร่างสูงคนนั้น
"มาพร้อมหน้ากันแล้วก็ลงมือกันเถอะจ๊ะเดี๋ยวอาหารจะเย็นซะหมด"
แล้วอาหารมื้อเย็นที่คงจะเป็นมื้อที่คึกครี้นที่สุดและเสียงดังที่สุดของชายหนุ่มก็เริ่มขึ้นปรกติแค่เจ้าลูกหมาเหลือขอคนเดียวก็จ้อไม่หยุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคราวนี้มีคนชั่งสังเกตุอย่างเด็กหนุ่มร่างเล็กเรือนผมสีทองเพิ่มมาอีกเสียงซักถามสลับกับเสียงหัวเราะของแม่เขาจึงดังขึ้นเป็นระยะๆ....แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะตกเป็นเป้าสายตาของอีกสองคนไปซะแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆเพราะจะให้ผู้ใหญ่อย่างเขาต้องมาคอยเล่นแง่กับเด็กที่อายุห่างกันเกือบรอบแบบนี้ก็คงไม่ไหว....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงเหลือบมองตัวต้นเหตุของเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกรู้สากับสายตาของเพื่อนตัวเองเลยสักนิดใบหน้ามนยังคงหัวเราะร่ากับเพื่อนร่างเล็กและแม่ของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"บ้านหลังนี้กว้างมากเลยนะครับเหมือนกับปราสาทไม่มีผิด...แล้วที่นี่ไม่มีไฟฟ้าเหรอครับคุณป้าผมไม่เห็นมีพวกของที่ใช้ไฟฟ้าเลยสักชิ้น??"
"หึหึ...ไม่มีหรอกจ๊ะรีไวล์เขาไม่อยากให้มันเปลี่ยนไปจากเดิมน่ะเพราะที่นี่สืบทอดกันมาหลายรุ่นแล้วเลยไม่อยากให้เอาของพวกนั้นเข้ามาน่ะจ๊ะแต่เขายอมให้มีโคมไฟพวกนี้ได้ล่ะนะแต่ป้าก็ไม่ค่อยจะใช้มันสักเท่าไหร่ก็ชินกับเสียงเทียนมากกว่าน่ะ...แต่ถ้าอยากอยู่แบบมีเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไปพักที่รีสอร์ทก็ได้นะจ๊ะอยู่ใกล้ๆนี่เอง"
"ไม่ดีกว่าครับผมชอบแบบนี้มากกว่าดูมีเสน่ห์ดีนะครับเหมือนกับมีมนต์ของภูตเลยใหนจะกลิ่นหอมๆของลาเวนเดอร์อีกโรแมนติกมากเลยครับคุณป้า"
"ใช่มั้ยล่ะอาร์มิน!!...ฉันก็หลงรักที่นี่เข้าแล้วล่ะ!!"
ร่างโปร่งบางพูดเสริมขึ้นมาอีกคนจนเพื่อนร่างสูงถึงกับกำช้อนแน่นเพราะรู้ว่าเพื่อนที่ตัวเองหลงรักไม่ใช่แค่หลงรักที่นี่แน่ๆแต่หลงรักคนของที่นี่ด้วยตะหาก
"คุณรีไวล์อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ??"
จู่ๆเด็กหนุ่มร่างเล็กก็ถามขึ้นมาซะเฉยๆจนชายหนุ่มถึงกับชะงักนิดนึ่งก่อนจะตอบออกไป
"เปล่า...ชั้นทำงานที่เขตวอลมาเรียน่ะ"
"เอ๋!!!...แถวนั้นมันอันตรายนี่ครับคุณรีไวล์ไม่เห็นบอกผมเลยนะครับแล้วทำงานประเภทใหนกันครับ!!!??"
ใบหน้ามนหันไปมองคนที่หัวโต๊ะด้วยความตกใจไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าชายหนุ่มจะทำงานในเขตที่อันตรายที่สุดเพราะเขตของวอลมาเรียเป็นที่ซ่องสุมของคนผิดกฏหมายและอบายมุกทุกอย่างจึงเป็นเขตที่คนปรกติทั่วไปไม่สามารถยย่างกลายเข้าไปในเขตนี้ได้แล้วทำไมคุณรีไวล์ถึงได้ไปทำงานที่นั่น
"รีไวล์เค้าเป็นตำรวจน่ะจ๊ะเอเลนอย่าพึ่งคิดไปไกลนะ"
"งั้นเหรอครับ"
ใบหน้ามนของเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลเข้มหันมาทำแก้มป่องให้กับคนหัวโต๊ะที่ไม่เคยบอกตนเกี่ยวกับงานที่ทำแต่อีกคนกลับทำหน้าตายเหมือนจะบอกว่าก็นายไม่เคยถามฉันซะหน่อยกลับมาให้
"แล้วจะกลับกันเมื่อไหร่เหรอจ๊ะถ้าไม่รีบอยู่ต่ออีกสักสองสามวันนะจ๊ะ"
"เราจะกลับกันพรุ่งนี้ค่ะคุณป้า"
"อะไรกันทำไมถึงรีบกลับนักล่ะมิคาสะ!!??"
ร่างโปร่งบางร้องถามพี่สาวต่างสายเลือดทันทีที่เธอพูดจบเพราะกระทันหันเกินไปทั้งที่ตัวเองตั้งใจจะอยู่ต่ออีกสองสามวันจึงได้แต่ทำหน้าเหรอหรามองคนนู้นทีคนนี้ทีเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจนเพื่อนร่างสูงบอกเหตุผลว่าเป็นเพราะคุณพ่อของร่างโปร่งบางเองที่สั่งให้กลับทันทีที่เจอตัวร่างโปร่งบางถึงสงบลงได้
"มายืนอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่??"
"แหะๆ...สักพักแล้วล่ะครับแต่ไม่กล้า........"
หัวสีน้ำตาลซบลงบนไหล่แกร่งของคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกระซิบเบาๆที่ข้างหูของอีกฝ่าย
"ผมขอนอนด้วยได้มั้ยครับ??"
"..........กล้ามาถึงนี่แล้วยังคิกว่าชั้นจะปล่อยให้กลับไปรึไงไอ้เด็กบ้า"
"ฮะฮะ.....ผมไม่กลับอยู่แล้วครับ"
มือแข็งแรงประคองใบหน้ามนขึ้นมาก่อนจะประทับจูบแผ่วเบาซึ่งอีกคนก็ไม่คิดจะปฏิเสธสองแขนผอมบางโอบรอบคอของชายหนุ่มเอาไว้เป็นหลักยึดพร้อมกับปิดตาลงรับสัมผัสของอีกคนอย่างเต็มใจโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครอีกคนจ้องมองอยู่
แขนแข็งแรงตวัดร่างโปร่งบางขึ้นมาก่อนจะปิดประตูห้องของตัวเองแล้วก้าวยาวๆมาที่เตียงนอน....สองแขนผอมบางยังโอบรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะวางตัวเองลงบนเตียงหนานุ่มแล้วก็ตาม
"ชั้นอาจจะทำให้นายเจ็บตัวก็ได้"
ใบหน้ามนซับสีระเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยึดมั่นกับความตั้งใจของตนในเมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมถอยกลับเด็ดขาด
"......ผมเต็มใจครับ"
ริมฝีปากคมยิ้มอ่อนโยนให้กับร่างด้านใต้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนริมฝีบาปากบางอีกครั้งจากอ่อนโยนในตอนแรกก็เริ่มที่จะเร่าร้อนขึ้นจนคนที่ไม่ประสีประสาตามเกมไม่ทันปลายลิ้นเรียวเล็กตวัดสะเปะสะปะไปทั่วเมื่อถูกอีกคนไล่ต้อน
"อ๊ะ...อืม~"
เมื่อริมฝีปากคมละออกมาไล้เลียขบเม้มที่ซอกคอขาวผ่องร่างโปร่งบางจึงส่งเสียงครางอย่างลืมตัว
"อย่าหลับตาสิ...นายอยากมองชั้นไม่ใช่รึไง??"
"ก็อยากอยู่หรอกครับแต่...อึก....อ้า...."
ริมฝีปากคมยังกดจูบขบเม้มไปทั่วซอกคอขาวผ่องฝากร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้มากมายมือที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของร่างด้านใต้อย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ยังอดที่จะแกล้งเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลที่มายั่วเขาจนถึงที่ไม่ได้
"แต่อะไร???"
"ตะ...แต่ผม...อ๊า...ผมรู้สึก...อืมม..."
"รู้สึก??"
"อ๊า!!!...ตรงนั้น...ตรงนั้น..."
ริมฝีปากคมเหยียดยิ้มพอใจก่อนจะซุกใบหน้าลงไปลิ้มลองรสชาติหอมหวานอย่างหลงไหลถึงตอนนี้เขาคงไม่สามารถฝืนความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปในเมื่อเขาเองก็หลงไหลร่างโปร่งบางนี้มากมายจนเกินกว่าจะฝืนทนต่อไปได้...คงต้องปล่อยไปตามหัวใจของพวกเขาที่เรียกร้องหากันและกันก็พอ
แต่ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากข้างหลัง
"เอเลนยังไม่ตื่นสินะค่ะ?"
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..Tobecontinue.............
แล้วอาหารมื้อเย็นที่คงจะเป็นมื้อที่คึกครี้นที่สุดและเสียงดังที่สุดของชายหนุ่มก็เริ่มขึ้นปรกติแค่เจ้าลูกหมาเหลือขอคนเดียวก็จ้อไม่หยุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคราวนี้มีคนชั่งสังเกตุอย่างเด็กหนุ่มร่างเล็กเรือนผมสีทองเพิ่มมาอีกเสียงซักถามสลับกับเสียงหัวเราะของแม่เขาจึงดังขึ้นเป็นระยะๆ....แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะตกเป็นเป้าสายตาของอีกสองคนไปซะแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆเพราะจะให้ผู้ใหญ่อย่างเขาต้องมาคอยเล่นแง่กับเด็กที่อายุห่างกันเกือบรอบแบบนี้ก็คงไม่ไหว....นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงเหลือบมองตัวต้นเหตุของเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกรู้สากับสายตาของเพื่อนตัวเองเลยสักนิดใบหน้ามนยังคงหัวเราะร่ากับเพื่อนร่างเล็กและแม่ของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"บ้านหลังนี้กว้างมากเลยนะครับเหมือนกับปราสาทไม่มีผิด...แล้วที่นี่ไม่มีไฟฟ้าเหรอครับคุณป้าผมไม่เห็นมีพวกของที่ใช้ไฟฟ้าเลยสักชิ้น??"
"หึหึ...ไม่มีหรอกจ๊ะรีไวล์เขาไม่อยากให้มันเปลี่ยนไปจากเดิมน่ะเพราะที่นี่สืบทอดกันมาหลายรุ่นแล้วเลยไม่อยากให้เอาของพวกนั้นเข้ามาน่ะจ๊ะแต่เขายอมให้มีโคมไฟพวกนี้ได้ล่ะนะแต่ป้าก็ไม่ค่อยจะใช้มันสักเท่าไหร่ก็ชินกับเสียงเทียนมากกว่าน่ะ...แต่ถ้าอยากอยู่แบบมีเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไปพักที่รีสอร์ทก็ได้นะจ๊ะอยู่ใกล้ๆนี่เอง"
"ไม่ดีกว่าครับผมชอบแบบนี้มากกว่าดูมีเสน่ห์ดีนะครับเหมือนกับมีมนต์ของภูตเลยใหนจะกลิ่นหอมๆของลาเวนเดอร์อีกโรแมนติกมากเลยครับคุณป้า"
"ใช่มั้ยล่ะอาร์มิน!!...ฉันก็หลงรักที่นี่เข้าแล้วล่ะ!!"
ร่างโปร่งบางพูดเสริมขึ้นมาอีกคนจนเพื่อนร่างสูงถึงกับกำช้อนแน่นเพราะรู้ว่าเพื่อนที่ตัวเองหลงรักไม่ใช่แค่หลงรักที่นี่แน่ๆแต่หลงรักคนของที่นี่ด้วยตะหาก
"คุณรีไวล์อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ??"
จู่ๆเด็กหนุ่มร่างเล็กก็ถามขึ้นมาซะเฉยๆจนชายหนุ่มถึงกับชะงักนิดนึ่งก่อนจะตอบออกไป
"เปล่า...ชั้นทำงานที่เขตวอลมาเรียน่ะ"
"เอ๋!!!...แถวนั้นมันอันตรายนี่ครับคุณรีไวล์ไม่เห็นบอกผมเลยนะครับแล้วทำงานประเภทใหนกันครับ!!!??"
ใบหน้ามนหันไปมองคนที่หัวโต๊ะด้วยความตกใจไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าชายหนุ่มจะทำงานในเขตที่อันตรายที่สุดเพราะเขตของวอลมาเรียเป็นที่ซ่องสุมของคนผิดกฏหมายและอบายมุกทุกอย่างจึงเป็นเขตที่คนปรกติทั่วไปไม่สามารถยย่างกลายเข้าไปในเขตนี้ได้แล้วทำไมคุณรีไวล์ถึงได้ไปทำงานที่นั่น
"รีไวล์เค้าเป็นตำรวจน่ะจ๊ะเอเลนอย่าพึ่งคิดไปไกลนะ"
"งั้นเหรอครับ"
ใบหน้ามนของเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลเข้มหันมาทำแก้มป่องให้กับคนหัวโต๊ะที่ไม่เคยบอกตนเกี่ยวกับงานที่ทำแต่อีกคนกลับทำหน้าตายเหมือนจะบอกว่าก็นายไม่เคยถามฉันซะหน่อยกลับมาให้
"แล้วจะกลับกันเมื่อไหร่เหรอจ๊ะถ้าไม่รีบอยู่ต่ออีกสักสองสามวันนะจ๊ะ"
"เราจะกลับกันพรุ่งนี้ค่ะคุณป้า"
"อะไรกันทำไมถึงรีบกลับนักล่ะมิคาสะ!!??"
ร่างโปร่งบางร้องถามพี่สาวต่างสายเลือดทันทีที่เธอพูดจบเพราะกระทันหันเกินไปทั้งที่ตัวเองตั้งใจจะอยู่ต่ออีกสองสามวันจึงได้แต่ทำหน้าเหรอหรามองคนนู้นทีคนนี้ทีเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจนเพื่อนร่างสูงบอกเหตุผลว่าเป็นเพราะคุณพ่อของร่างโปร่งบางเองที่สั่งให้กลับทันทีที่เจอตัวร่างโปร่งบางถึงสงบลงได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่ของตัวเองอย่างคิดไม่ตกเมื่อคำพูดตอนหัวค่ำลอยเข้ามาในหัว....ใบหน้าคมหล่อเหลาหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลาเที่ยงคืนแต่กลับหลับตาไม่ลงสักทีก่อนจะตัดสินใจลุกลงไปจากเตียงแต่เพียงแค่เปิดประตูห้องออกไปก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจ้าลูกหมาเหลือขอยืนกอดหมอนทำตาปริบๆอยู่ก่อนแล้ว"มายืนอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่??"
"แหะๆ...สักพักแล้วล่ะครับแต่ไม่กล้า........"
หัวสีน้ำตาลซบลงบนไหล่แกร่งของคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกระซิบเบาๆที่ข้างหูของอีกฝ่าย
"ผมขอนอนด้วยได้มั้ยครับ??"
"..........กล้ามาถึงนี่แล้วยังคิกว่าชั้นจะปล่อยให้กลับไปรึไงไอ้เด็กบ้า"
"ฮะฮะ.....ผมไม่กลับอยู่แล้วครับ"
มือแข็งแรงประคองใบหน้ามนขึ้นมาก่อนจะประทับจูบแผ่วเบาซึ่งอีกคนก็ไม่คิดจะปฏิเสธสองแขนผอมบางโอบรอบคอของชายหนุ่มเอาไว้เป็นหลักยึดพร้อมกับปิดตาลงรับสัมผัสของอีกคนอย่างเต็มใจโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครอีกคนจ้องมองอยู่
แขนแข็งแรงตวัดร่างโปร่งบางขึ้นมาก่อนจะปิดประตูห้องของตัวเองแล้วก้าวยาวๆมาที่เตียงนอน....สองแขนผอมบางยังโอบรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะวางตัวเองลงบนเตียงหนานุ่มแล้วก็ตาม
"ชั้นอาจจะทำให้นายเจ็บตัวก็ได้"
ใบหน้ามนซับสีระเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยึดมั่นกับความตั้งใจของตนในเมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมถอยกลับเด็ดขาด
"......ผมเต็มใจครับ"
ริมฝีปากคมยิ้มอ่อนโยนให้กับร่างด้านใต้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนริมฝีบาปากบางอีกครั้งจากอ่อนโยนในตอนแรกก็เริ่มที่จะเร่าร้อนขึ้นจนคนที่ไม่ประสีประสาตามเกมไม่ทันปลายลิ้นเรียวเล็กตวัดสะเปะสะปะไปทั่วเมื่อถูกอีกคนไล่ต้อน
"อ๊ะ...อืม~"
เมื่อริมฝีปากคมละออกมาไล้เลียขบเม้มที่ซอกคอขาวผ่องร่างโปร่งบางจึงส่งเสียงครางอย่างลืมตัว
"อย่าหลับตาสิ...นายอยากมองชั้นไม่ใช่รึไง??"
"ก็อยากอยู่หรอกครับแต่...อึก....อ้า...."
ริมฝีปากคมยังกดจูบขบเม้มไปทั่วซอกคอขาวผ่องฝากร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้มากมายมือที่กร้านน้อยๆจากการจับด้ามปืนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของร่างด้านใต้อย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ยังอดที่จะแกล้งเจ้าลูกหมาสีน้ำตาลที่มายั่วเขาจนถึงที่ไม่ได้
"แต่อะไร???"
"ตะ...แต่ผม...อ๊า...ผมรู้สึก...อืมม..."
"รู้สึก??"
"อ๊า!!!...ตรงนั้น...ตรงนั้น..."
ริมฝีปากคมเหยียดยิ้มพอใจก่อนจะซุกใบหน้าลงไปลิ้มลองรสชาติหอมหวานอย่างหลงไหลถึงตอนนี้เขาคงไม่สามารถฝืนความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปในเมื่อเขาเองก็หลงไหลร่างโปร่งบางนี้มากมายจนเกินกว่าจะฝืนทนต่อไปได้...คงต้องปล่อยไปตามหัวใจของพวกเขาที่เรียกร้องหากันและกันก็พอ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆปรือขึ้นช้าๆเมื่อความเจ็บปวดของร่างกายรุมเร้าจนเกินจะทนหลับไหวก่อนจะกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงนวลๆของดวงจันทร์....ใบหน้ามนรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงแขนหนักๆที่กอดรัดตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปจนอดที่จะอิจฉาในความสมชายของอีกคนไม่ได้
"อื้อ~~"
เสียงครางเครือในลำคอทำให้คนที่พึ่งจะปิดตาลงลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับก้มลงมองหัวสีน้ำตาลเข้มที่ดิ้นขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
"รู้สึกตัวแล้วเหรอ...เป็นไงบ้าง??"
น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาเบาๆจนแทบจะเป็นกระซิบทำเอาสองแขนผอมบางโอบรอบแผ่นหลังของอีกคนเอาไว้แน่นด้วยความอาย
"คุณรีไวล์เกลียดผมรึเปล่าครับ??"
เสียงอู๋อี๋ที่ดังออกมาจากแผ่นอกของเขาทำให้สองแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนที่ริมฝีปากคมจะกดจูบลงไปบนกลุ่มเส้นไหมสีน้ำตาลเข้มนุ่มนิ่มหนักๆ
"แล้วนายเกลียดชั้นรึเปล่าล่ะ??"
"เอ๋!!!...ทำไมถึงกลับมาที่ผมล่ะครับผมถามคุณรีไวล์ก่อนนะครับ!!?"
"หึหึ...แต่ชั้นอยากให้นายตอบก่อน"
ใบหน้ามนเงยขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าเหมือนจะยืนยันความรู้สึกของตัวเองก่อนจะตอบออกไป
"ผมไม่มีวันเกลียดคุณรีไวล์หรอกนะครับ....เพราะผมรักคุณ"
"เด็กบ้านายพูดมากเกินไปแล้ว....นอนได้แล้วพรุ่งนี้นายต้องตื่นแต่เช้า"
"นอนไม่หลับหรอกครับ"
"ทำไม??"
"ก็มัน...มัน...เจ็บจนแทบจะขยับตัวไม่ได้แล้วล่ะครับ.....ครั้งแรกยังไม่เจ็บขนาดนี้"
เสียงบ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้งของคนในอ้อมแขนทำให้เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้....จะบอกเจ้าตัวดีมั้ยนะว่าที่เจ้าตัวเข้าใจว่าเคยเสียตัวให้เขามาก่อนแล้วมันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด...เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น....แต่คิดอีกทีก็ชั่งมันเถอะปล่อยไปแบบนี้ล่ะดีแล้ว
ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยาเม็ดสีขาวๆสองเม็ดและแก้วน้ำเพราะอดสงสารเจ้าลูกหมาเหลือขอที่นอนโอดครวญไม่ได้...ยังไงซะเขาก็เป็นคนทำให้เด็กนี่มีสภาพแบบนี้
สักพักร่างบางในอ้อมแขนก็หหลับสนิทมือหนาลูบหัวสีน้ำตาลเข้มเบาๆพร้อมกับพรมจูบไปทั่วใบหน้ามนตั้งแต่หน้าผากลงไปที่ดวงตาละเลยมาที่แก้มใสทั้งสองข้างจนถึงปลายคางมนและจบที่ริมฝีปากบางเนิ่นนานกว่าจะละออกมา...เห็นทีว่าเขาคงจะหลงเด็กนี่จนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นเป็นแน่ถึงได้อยากละเลงความดำมืดให้ร่างโปร่งบางนี่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำมือเขาไม่สิ้นสุดแบบนี้...นี่เขาคงตกหลุมพรางของเจ้าลูกหมาเหลือขอเข้าให้แล้วจะตะกายขึ้นมาที่ปากหลุมด้วยวิธีใหนดี
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สองขาแข็งแรงก้าวออกมาจากห้องของตัวเองนัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองร่างของคนที่ยังหลับสนิทครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆปิดประตูอย่างเบามือเพราะกลัวจะทำอีกคนตื่นอย่างน้อยก็ให้เจ้าลูกหมาเหลือขอนอนต่ออีกสักสองชั่วโมงก็แล้วกันเพราะกว่าแท็กซี่จะมารับก็ยังพอมีเวลา...แต่ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากข้างหลัง
"เอเลนยังไม่ตื่นสินะค่ะ?"
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..Tobecontinue.............
หวานจังค่ะ เเจนจ๊ะขอโทษนะเเจนเเต่อิชุ้นเเอบสมน้ำหน้านายชอบกล=3=
ตอบลบ